+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!

ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ {The Best of 2008} : ‘15(+1) การแสดง’ ..ที่สุดแห่งความประทับใจของผม คือ...?




ขอสวัสดีปีใหม่ 2552… และยินดีต้อนรับ ทุกๆท่านเข้าสู่การสรุปทุกความรู้สึกของผม OncE UPoN'-'a MaN ที่มีต่อเรื่องราวของภาพยนตร์ ใน 365 รอบวันที่ผ่านมา ในปี 2551 ที่เพิ่งพ้นไป ...กับ "ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์" {The Best of 2008} นะครับ...


คงถือเป็นเรื่องปกติของทุกปีสำหรับผมไปแล้ว ที่เมื่อถึงเวลาขึ้นปีใหม่ ลาทีปีเก่ากันไปเรียบร้อย... ก็ต้องมีการมาสรุปถึงความเป็นไปในกิจกรรมที่ผมรักที่สุด กับ การดูหนัง ในระยะเวลาโดยตลอดรอบปี

ดังเช่นปีหนูที่หนีลงท่อกลับบ้านเก่าไป... มันก็ได้เกิดการสร้างสถิติขึ้นมาใหม่ ให้กลายเป็นปีที่ผมมีโอกาสดูหนังมากเรื่องที่สุดแล้ว ...จากที่ได้เริ่มต้นเปิดปีมากับ หนังเพลงสี่เต่าทอง “Across the Universe” กระทั่งถึงการปิดท้ายได้สวย(ตะลึงภาพ) กับหนังรักจิงโจ้ประเทศ “Australia” ก็รวมสิริทั้งมวลทั้งหมดเป็นเลขที่สวยงามแบบเป๊ะๆ ณ หลัก 100 พอดีพอดิบ

และใน 100 เรื่องที่ผ่านตามาทั้งหมดในตลอดหนึ่งปีที่แล้วนั้น ก็ยังได้คละเคล้าไปด้วยทั้ง หนังยอดเยี่ยมควรค่าจดจำ หนังที่ดีน่าประทับใจ หนังสนุกดูเพลิดเพลิน หนังเอาบันเทิงพอใช้ได้ หนังเรื่อยๆดูงั้นๆ ไปจนถึง หนังที่เรียกว่า ดูจบแล้วก็อยากจะลืม (แต่กลับยังจำขึ้นใจมาจนถึงวันนี้) ...การสูญเสียเงินร้อยอัพกว่าๆ ให้หายไปจากกระเป๋า เพื่อแลกกับความสุขเพียงชั่วประเดี๋ยว ก็ให้ผลลัพธ์ที่ทั้งเหมือนกัน หรือแตกต่างกันออกไป ตามแต่ที่หนังแต่ละเรื่องจะทำให้ผมรู้สึกได้

และด้วยความรู้สึกที่มีอย่างแปลกแยกออกไปตามแต่หนังหลายหลากเรื่อง จะพาให้อิน จะพาให้ชอบ ...การตัดสินใจที่จะลงเอยเอาความรู้สึกหนึ่งรู้สึกใด มาเป็นตัวชี้วัด จึงเป็นประเด็นแรกสุดที่ผมจะเลือกเอาแต่บรรดาเหล่า หนังเกรด A (แบ่งเป็น A และ A-) ซึ่งเป็นหนังที่เข้าข่ายว่าชอบ ว่าเป็นหนังดี(ในความคิดของผม)ทุกๆเรื่อง และมีอะไรให้รู้สึกประทับใจ มากกว่าความเป็นหนังดูเอาสนุกๆ แค่เรื่องหนึ่ง

การคัดเอาแต่หนังเกรด A มาประเมินก็อาจดูจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรนัก แต่เมื่อเอาจำนวนทั้งหมดทั้งมวลที่คัดสรรไว้ พอมากลั่นกรองในอีกลำดับขั้นถัดมา จึงได้กลายเป็นเรื่องที่น่าอลวนเวิ่นเวอกันไป ...ก็ทั้งนี้ มันจะต้องมาเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำการตัดสินใจคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ด้วยความรู้สึกที่ชอบเป็นที่สุด ในแต่ละส่วนสาขาที่มีความสำคัญแตกต่างกันออกไปในหนังแต่ละเรื่อง


และผลแห่งความประทับใจแรกที่ผมจะขอปล่าวประกาศในที่ตรงนี้ ก็คือ สิ่งที่ถือเป็นลมหายใจของหนังทุกเรื่องเลยทีเดียว คือ...




The Best of ‘Performance’
‘การแสดง’ ที่สุดแห่งความประทับใจ


ในปีที่ผ่านมา ได้มีหลายร้อยบทบาทการแสดงที่ได้ฝากฝังไว้ซึ่งลีลา วาทะ และศิลปะ ในการเล่นหนัง ...มีทั้งบางคนที่ทำอะไรให้หนังไม่ได้เลย หรือบางคนก็ยังเป็นได้แค่ไม้ประดับ มีบางคนที่ทำหน้าที่ได้ดีสมบทคาแรกเตอร์ แต่กับบางคนส่วนน้อยที่สุดนี้ เขาและเธอคือความยอดเยี่ยมทั้งในภาพลักษณ์ และฝีไม้ลายมือที่มีอะไรให้คนดูต้องรู้สึกประทับใจไปกับการสวมวิญญาณของนักแสดงเหล่านี้



แต่ก่อนอื่นใด ที่จะได้เอื้อนเอ่ยใน 15(+1) การแสดงที่ผมประทับใจที่สุด ออกมา ...ผมขอทำการเรียกน้ำย่อย ด้วยน้ำจิ้ม กับ 5 บทบาทการแสดง ที่เข้าข่ายเล่นเยี่ยม และทำหน้าที่ของนักแสดงได้ดีเด่นเข้าตากรรมการ ...ติดอยู่แค่อย่างเดียวที่ว่า ตัวผมกลับเห็นไม่เต็มที่ว่าได้โดนใจผมถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะตัวหนังส่งพลังได้ไม่พอ หรือว่ามันคือภาพลักษณ์ที่ไม่ถึงตื่นตะลึงน่าตื่นเต้น อีกทั้งกับบางคนก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่น่าประทับใจ หากจะมีโอกาสพัฒนาอีกกันได้ยาวไกล

และนี่ก็คือ 6 รายชื่อของนักแสดงที่จัดให้อยู่ใน แก๊งค์ “เด่นเกือบโดน” ของผมในปีที่ผ่านมา




1. “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม”
“เต็น” จาก “Happy Birthday”


แม้จะเป็นพระเอกคิวทอง (ที่ผมไม่ใช่แฟน แต่ดันได้ติดตามงานของเขาในปีก่อนจนครบเสียนี่) แต่ อนันดา ก็ใช่ว่าจะเป็นนักแสดงที่สามารถจะรับเล่นอะไรได้ตามอำเภอใจเสมอไป ...เพราะศักยภาพระดับที่ น้องเทยเก้งกวางยังเคยต้องอาย จาก “Me..Myself” ของเขา มีไว้ให้เป็นคุณภาพค้ำประกันอยู่นี้ ควรจะได้ผู้กำกับที่ดี และรู้จักว่าจะรีดเอาพลังข้างในออกมาได้ถึงที่สุดกันอย่างไร ...ฉะนั้นแล้ว การได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับใจนักเลง ในหนังรักเรื่องที่สอง ของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” จึงเป็นสิ่ง ที่เหมาะสม

และความเหมาะสมที่ว่า ก็เป็นพัฒนาการขั้นสุดท้าย ที่ทำให้เราพบเห็นการฟิวชั่นทางอารมณ์ของอนันดา ที่ได้เดินทางมาถึงจุดสูงสุดในชีวิตนักแสดงของเขาเป็นอันเรียบร้อย ..ซึ่ง ณ เวลานี้ เราอาจเรียกว่าเขาคือ เจ้าของรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม ในแวดวงรางวัลหนังบ้านเรา แห่งปีไปแล้ว ก็ยังจะได้ด้วยซ้ำ

ไม่โดน เพราะ.. : ตัวหนังเป็นประการสำคัญ ดังที่ผมรีวิวไว้ในบล็อกข้างล่าง

Review.. "Happy Birthday" ... ผู้ชายที่เกิดมาบูชารัก กับของขวัญวันปวดใจ






2. “โฟกัส จิระกุล”
“โอ๋เล็ก” จาก “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น”


หลังจากแจ้งเกิดกับคาแรกเตอร์สาวน้อยแก่นกะโหลก “น้อยหน่า” กับหนังเรื่องแรกคลอดที่โด่งดังระดับร้อยล้าอย่าง “แฟนฉัน” ..ก็เหมือนว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหนจากใจของผม (ฮิ้ววววววว!!!) และยังคงแวะเวียนให้เห็นหน้าค่าตาในวงการหนังไทยอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่มีหนังเรื่องไหนอีกเลยที่สามารถจะใกล้เคียงกับความสำเร็จในครั้งแรกของเธอ หรือกระทั่งจะกล้าเทียบภาพจำแต่ครั้งแรกของเธอได้ลง ..ทำได้อย่างมากก็แค่หายคิดถึง

แต่เมื่อว่าเป็นเพชร ก็ยังคงเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ (ฮิ้ววววววว!!!) ..และเมื่อถึงพร้อมจะทำการเจียระไน ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม (ในที่นี้ คือ “ย้ง-ทรงยศ”) ก็ออกมาเป็นผลผลิตที่ล้ำค่า..อีกครั้งหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็คงต้องยกเครดิตสำคัญกว่าผู้กำกับและบท ไปที่ตัวนักแสดงเองด้วยเช่นกัน ..เพราะถ้าพัฒนาการไม่มี ความตั้งใจไม่มา แล้วใครจะรู้ได้ว่า การเล่นเป็นเด็กสาวมัธยม บ้าดารา ควรจะอยู่ในระดับไหนที่ทำให้เว่อร์เข้าว่า แต่กลับใกล้เคียงความเป็นจริงของวันนี้ได้มากที่สุด ...โดยเฉพาะกับฉากเจอขวัญใจตัวเป็นๆ

การเล่นน้อยแต่ให้ได้มาก ..นี่แหละ คือเสน่ห์ที่ทำให้ผมหลงรักเด็กสาวคนนี้หัวปักหัวปำ

ไม่โดน เพราะ.. : ด้วยความที่ตัวหนัง เป็นการรวมหนังสั้น 4 เรื่อง มาเล่าต่อเนื่องไปด้วยกัน ..เลยทำให้การโฟกัสไปยังคาแรกเตอร์สำคัญๆของแต่ละเรื่อง ต้องถัวเฉลี่ยเวลากันไป ..และก็คงโชคร้ายด้วยแหละ ที่ หนูกัส เจอหางเลขที่ว่า มีรักไม่เหมือนคนอื่น ...เลยทำให้การแบกหนัง(สั้น)ไว้คนเดียวของเธอ มาแบบน้อย ให้มาก แต่ไม่พอเพียงที่จะซึมซับความประทับใจ ให้โดนจนถึงที่สุดได้ (ซึ่งอันนี้ก็ต้องโทษผู้กำกับ แหงซะ)

Review.. "ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น" ... GTH(อีกแล้ว) กับ [4 in 1] หนังรักใสๆ หัวใจ Feel Good






3. “เมอรีล สตรีพ”
“ดอนน่า” จาก “Mamma Mia!”


ความสามารถรอบด้านจริงๆ สำหรับอีกหนึ่งราชินีแห่งเวทีออสการ์ตลอดกาลผู้นี้ ..ซึ่งใช่ว่าจะเด็ดดวงแต่การสวมวิญญาณ เป็นคนอื่นได้เนียน เข้าขั้นเมพขิงๆ ...อีกยังต้องรวมไปถึง การร้องเพลง การเต้นรำ และการแอ๊บแบ๊ว ..ที่ไม่ใช่แค่ทำให้เราคนดูสนุกจนลืมโลก แต่เธอเล่นได้แบบสุดใจขาดดิ้นเสมือนลืมว่าตัวเองกำลังแก่ไปเลย

ก็คิดดูละกัน.. ขณะที่ผู้อาวุโสที่อยู่รอบข้าง ต่างพยายามเต้นแอ๊บกันสุดฤทธิ์ หากยังเห็นตีนกาบ่งบอกที่ใบหน้า ..แต่ความสดใสของเจ้าป้า กลับสามารถข่มความเหี่ยวย่นให้หมดไป โดยแทบไม่จำเป็นต้องโบ๊ะแป้ง แปะพลาสติก หรือยิงเลเซอร์ ดีท๊อกซ์ แต่อย่างใด

งานนี้ เรียกว่า สวยสั่งได้ ..ของแท้ และแน่จริง

ไม่โดน เพราะ.. : ตัวหนังทำได้ไม่โดนเอง ..อีกเช่นกัน

Review.. "Mamma Mia!" ... เพลินเพลง ลั้ลล้า 'แอ๊บบ้า' ไปกับเจ้าป้า(เมอรีล) 'แอ๊บแบ๊ว'






4. “จอห์นนี่ เดปป์”
“สวีนนีย์ ทอดด์” จาก “Sweeney Todd : The Demon Barber of the Fleet Street”


เป็นนักแสดงโดยวิญญาณของจริงอีกคนหนึ่ง ..สำหรับซูเปอร์สตาร์ชายอันดับต้นๆ ของวันนี้ ผู้ที่ในชีวิตการแสดงตลอดมา มีน้อยครั้ง เหลือเกินจะได้เล่นเป็นคนปกติกับเขาสักที

แล้วยิ่งถ้าหนังที่เขาเล่นเรื่องนั้น มีชื่อของ “ทิม เบอร์ตัน” การันตีคุณภาพอีกคำรบหนึ่ง ..ก็เตรียมตัวเตรียมใจจะได้พบกับมหกรรมการเมคอัพเต็มประดาบนใบหน้าและร่างกายของ ป๋าเดปป์ เอาไว้ได้เลย

แต่ไม่ว่าจะแซวขำๆกันไปอย่างไร ท้ายที่สุด ก็ห้ามประมาททำสามหาวกันเลยทีเดียวเชียว ..เพราะถ้าลองว่า ป๋าเดปป์ จะมีผลงานออกฉายสักเรื่องหนึ่ง ...หนังเรื่องนั้น จะต้องถูกมองในแง่ของคุณภาพ มาก่อนสิ่งอื่นใดอีกต่างหาก

และบทบาท “สวีนนีย์ ทอดด์” ก็ยังคงพิสูจน์ความจริงนี้ได้ดี ..เพราะภายใต้ใบหน้าที่ขาวซีด เหมือนคนตายแล้วของคาแรกเตอร์ ..มันกลับส่งพลังการแสดงแรงแค้นชั้นยอด ทะลุผ่านร่างอันเสมือนไร้วิญญาณนั้นออกมา ชวนให้เราต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกที ที่มีมีดปาดคอ (แต่ก็เซ็งอนาถ ..ที่บ้านเรา เห็นหมอกนำร่องก่อนจะเจอเลือด เฮ้ออออ!)

ยิ่งในฉากจบที่ สวีนนีย์ ได้พบความจริงบางอย่างชวนให้ช็อค ..ก็บอกไม่ถูกเลยว่า เราควรจะสงสาร หรือให้สมน้ำหน้ามัน จะดีกว่ากัน

ไม่โดน เพราะ.. : อาจจะเกี่ยวที่ผมรู้สึกเฝือกับการเห็นป๋าโดนเมคอัพ โบ๊ะซะบ่อยจนว่าเป็นความปกติของนักแสดงคนนี้ไปแล้ว ...สักครั้ง สองครั้ง มันคงไม่มากไม่มาย เพราะฝีมือที่ขายมันคุ้มค่ากว่ามาก แต่พอจัดๆ แทบทุกเรื่องเช่นนี้ ก็เลยไปเอี่ยวกับบทบาทว่ามันไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่แล้วนะสิ

Review.. "Sweeney Todd" ... 'ความแค้น' ไม่เคยช่วยอะไร รังแต่จะช่วยให้ตายไวกว่าเดิม (เช่นเดียวกับ 'เซ็นเซอร์')






5. “แบรนดอน วอลเตอร์ส”
“นูลแลน” จาก “Australia”


แค่ว่า เล่นครั้งแรก ก็สามารถเทียบพลังและรัศมีอย่างสูสี กับสองแม่เหล็กตัวแรง อย่าง “นิโคล คิดแมน” และ “ฮิวจ์ แจ๊คแมน” ได้ขนาดนั้น ..มันก็น่าเชยชมแล้ว สำหรับนักแสดงตัวน้อยหน้าใหม่ ที่แทบจะทำให้หนังรักแดนจิงโจ้เรื่องนี้ ถือว่ามีเขาเป็นพระเอกก็ยังได้

ไม่โดน เพราะ.. : ก็ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีก สำหรับเจ้าหนูอะบอริจิ้นผู้นี้ ..เพราะถึงว่าเล่นเรื่องแรกจะทำได้ดีได้ใจ เพราะความน่ารักทำได้ถึง แต่ประสบการณ์ก็เป็นแต้มต่อ ที่จะช่วยวัดว่า อนาคตของดาราตัวน้อยคนนี้ จะไกลกว่านี้ได้อีกหรือไม่ ...อย่าลืมว่าความน่ารักเมื่อเยาว์วัย ก็เคยเป็นอุปสรรคความดังกับนักแสดงเด็กมาแล้วนักต่อนัก ..ฉะนั้นความจะเป็นเจ้าฝีมือได้ ยังต้องตามดูกันอีกนาน

Review.. "Australia" ... ความงามยิ่งเคลิ้มจับจิต แต่จริตหนังรักยังไม่อิ่มเอม





(ภาพนี้ ..มาจาก การแสดงโชว์ความบ้าครั้งเปิดตัว ในรายการ "โอปราห์ วินฟรีย์" อันลือลั่น)


6. “ทอม ครูซ”
รับเชิญใน “Tropic Thunder”


เล่นหนังมาก็มาก ดังนานก็ว่านาน แต่เมื่อดวงดารามันจะต้องตกอับ ก็ยังบังคับไม่ได้เหมือนกัน ..ซึ่งสำหรับยอดชายนายไซโทโลเอนจี้ผู้นี้ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่บอกกับทุกคนได้ว่า... อย่าเว่อร์จนเกินงาม อย่าพล่ามจนเกินเลย ไม่งั้นจะลงเอย ด้วยการหล่นจากฟากฟ้าดัง “แป้กกกก!!!”

แต่แล้วในปี 2008 เขาก็ยังหาที่หาทางกลับมาดังอีกจนได้ ..แม้ถึงจะไม่ใช่ว่าหนังเรื่องล่าสุดอย่าง “Valkyrie” ควรได้เข้าชิงออสการ์อย่างที่เจ้าตัวกะเกณฑ์ไว้ ...แต่เฮียทอมก็ควรจะดีใจ ที่เพื่อนรัก (เบน สติลเลอร์) ยังเห็นว่าเขามีคุณค่าจนน่าจะมารับเชิญเป็นใครสักคนในงานกำกับเรื่องใหม่ของเขา

ซึ่งก็คงโชคดีที่บังเอิญว่า ความตกอับในขั้นสุด คงจะช่วยทำให้เฮียฉุกคิดได้ว่า ..ถ้าหวังจะกลับมาดังทั้งทีแล้ว ต้องบ้าให้คนทึ่ง อึ่ง ตะลึง ไปตามๆกันเท่านั้น ถึงจะเอาได้อยู่

แล้วก็อยู่จริงๆล่ะ งานนี้ ..เพราะไม่ใช่แค่จะแจ้งการกลับมาได้อีกครั้ง แต่ฉายแวว ดาราตลก ได้เนียนเสียจริง

ถึงตรงนี้ ใครยังไม่ได้เห็น ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร ไว้ดูกับตัวเองเลยละกัน ...ดีไม่ดีอาจจะจำเฮียทอมกันไม่ได้เลยซะนี่

ไม่โดน เพราะ.. : ก็เพราะว่ามาแค่รับเชิญนี่แหละ และที่มากกว่านั้น คือ ยังมีคนที่ขโมยซีนได้มันส์กว่าเฮียคนนี้ได้อีก..?

Review.. "Tropic Thunder" ... สงครามบ้า ฮอลลีวู้ดอ่วม คนดูมันส์ (หนัง)ตลกในฝัน







และต่อไปนี้ ก็เข้ามาว่ากันถึงของจริงกันบ้าง กับ.. รายชื่อของนักแสดงแห่งปี 2008 ที่ผมประทับใจในตัวเขา/เธอ/พวกเขาและเธอ อย่างมากมาย ...ขอแบ่งแยกย่อยออกเป็น 3 สาขา โดยไม่ขอเรียงลำดับความเยี่ยม ดังนี้



5(+1) นักแสดงชาย... ที่สุดแห่งความประทับใจ






1. “ฮีท เลดเจอร์”
“โจ๊กเกอร์” ใน “The Dark Knight”


แม้ใครหลายคนจะพูดว่า ..การตายของเขา ทำให้ได้หนังดังทำเงินถล่มทลายที่สุดมาเรื่องหนึ่งแห่งปี ...ผมไม่ขอเถียงหรอก เพราะมันก็ใกล้เคียง

แต่หากใครบอกว่า ..ถ้า ฮีท เลดเจอร์ ยังไม่ตาย ครั้งแรก(และครั้งเดียว)ของบทตัวร้ายโรคจิตก็คงไม่เป็นที่น่าสนใจได้ขนาดนี้หรอก ...ผมขอนั่งยัน นอนยันว่าไม่จริงเป็นอันขาด

ซึ่งหากลองตัดเรื่องความเป็นดาราคุณภาพที่มีฝีมือ และการจากไปก่อนวัยอันควรออกไปแล้ว ...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่การแสดงภาพของตัวละครอันอัปลักษณ์ภายใต้เมคอัพอันปกปิดใบหน้าอันหล่อเหลาของดารา จะสามารถเข้าไปนั่งในหัวใจคนดูได้ ..ทั้งๆที่นี่เป็นตัวละครที่ไม่น่าสนับสนุนการกระทำ หรือควรจะให้กำลังใจได้เลย

คือ ถ้าจะพูดว่า ความเป็นตัวร้ายในหนัง ...แค่สามารถทำให้คนดูรู้สึกรังเกียจมันผู้นั้นได้ จะถือว่าเล่นดี ก็ถูกต้อง ...แต่สำหรับ โจ๊กเกอร์ ผู้นี้ เป็นได้มากกว่าความน่ารังเกียจ และ ฮีท ก็ทำแสดงความรังเกียจเหล่านั้นออกมาได้อย่างทรงพลังจน เราไม่เห็นภาพของดาราที่ชื่อ ฮีท เลดเจอร์ โบ๊ะแป้ง เขียนปาก ...หากเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ชื่อ โจ๊กเกอร์ ผู้เล่นเป็นตัวของตัวเอง ได้ไม่หลุด และสุดๆกับนิยามของความชั่วอย่างสมบูรณ์แบบ

ถึงคาแรกเตอร์ “ฮันนิบาล เลคเตอร์” จะยังคงเป็นสุดยอดตัวร้ายที่คลาสสิคตลอดกาลไม่มีใครเกินก็ตาม.. แต่ถ้าจะมีตำแหน่งสุดยอดตัวร้ายที่ถูกรักมากที่สุด คนที่ได้ไปคนนั้นก็ควรเป็น “โจ๊กเกอร์” ผู้นี้ ผู้เดียวเท่านั้น


Review.. "The Dark Knight" ... ขอเพียงพื้นที่เล็กๆ ..ให้คนดี มีที่ยืน (จะได้ไหม?)






2. “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์”
“เคิร์ก ลาซารัส” ใน “Tropic Thunder”


จากข้างบนที่บอกไว้ว่า.. ยังมีคนที่ขโมยซีนได้มันส์กว่าเฮียทอมในหนังเรื่องนี้ได้อีก ...คนที่ผมหมายถึงคนนี้ ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้แล้วนอกเสียจาก โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ..อดีตดาราตกอับตัวพ่อ ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เขายังกลับมาได้ และเสือกดังถล่มทลายเป็นพลุแตกจากหนังสองเรื่องในปีเดียวกันอีกต่างหาก

หลังไม่กี่เดือนก่อนหน้า เพิ่งจะพิสูจน์ความเป็นดาราที่หมายถึงตำแหน่งพระเอกซูเปอร์สตาร์ได้อย่างยอดเยี่ยม จากการเป็นซูเปอร์ฮีโร่เกราะเหล็กไอ้อ่อนแมนไปแหม่บๆ ..พี่ร็อบท่านก็เกิดได้อีกหน กับการพลิกบทบาทมาเป็นตัวตลกสมทบชั้นดี ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ภายใต้เปลือกหน้าของตัวละครที่ดูเคร่งเครียดกว่าใครเพื่อน กลับสามารถสร้างเสียงฮารั่วๆจากคนดูได้มากกว่าคนที่เป็นตลกตัวจริงเสียงแท้ ที่รายล้อมเขาอยู่ซะอย่างงั้น

จะบอกว่าบทดาราที่ชอบทำให้ตัวเองเป็นใครคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ช่วยส่งให้เกิดก็ใช่ที่ ..แต่ถ้าหากบังเอิญว่าขาดคนมีฝีมือสุดยอดที่จะมารับผิดชอบมันไป ...ก็คงจะเหลือเป็นแค่ตัวละครสมทบที่มาสร้างสีสัน แต่ก็เป็นสีสันจืดๆ ที่อาจไม่น่าจดจำได้อย่างที่ควรจะเป็น

หลังได้กลับมาเกิดในหนังบล็อกบัสเตอร์กันอย่างเต็มตัว.. นับเวลาจากนี้ไป ก็เหลือแต่ว่า เมื่อไหร่หนอ เราจะได้เห็น ลุงออสการ์ อยู่ในมือของนักแสดงชายผู้นี้แล้วล่ะ (ซึ่งอาจไม่ใช่เพราะหนังเรื่องนี้ ..เนื่องมาจากมีคนข้างบน ได้จองเอาไว้แล้ว)


Review.. "Tropic Thunder" ... สงครามบ้า ฮอลลีวู้ดอ่วม คนดูมันส์ (หนัง)ตลกในฝัน






3. “แดเนียล เดย์ ลูอิส”
“แดเนียล เพลนวิว” ใน “There Will Be Blood”


สมแล้วที่เป็นที่รักของออสการ์ ..สำหรับนักแสดงที่รักการเลือกหนังเล่นเป็นที่สุดผู้นี้

แม้มันจะเป็นปัญหาตรงที่ เราไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาเขาบ่อยๆ ...แต่ถ้าการเลือกได้ทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างยอดเยี่ยมที่คุ้มค่า ..มันก็น่าขอบคุณจริงๆจังๆสำหรับคนที่หยิบยื่นโอกาสให้ ป๋าแดเนียล ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องเช่นนี้

และความถูกต้องครั้งล่าสุด กับการสวมบทเป็น นักค้าน้ำมันหน้าเงิน ..ก็ยังให้ผลลัพธ์เป็น การแสดงที่เปี่ยมล้นไปด้วยวิญญาณ และทำได้เหมือนว่าเขาคือ คนๆนั้น โดยไม่มีภาพของ แดเนียล เดย์ ลูอิส ติดหนวดเกิดขึ้นในสารบบความคิดแต่อย่างใด

แล้วยิ่งเมื่อตัวคาแรกเตอร์ ชื่อเดียวกันกับผู้สวมบท ..คือ คนที่มุ่งหวังแต่ความเห็นแก่ตัว ในกมลสันดาน สักหมายแต่จะเอาๆ เหนือเหตุและผล ...ก็สมควรแล้วที่ แดเนียล เพลนวิว จะทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงความขยะแขยง ที่ห้อมล้อมอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวน้ำมัน และความโสโครกของเงิน อันไม่น่าอภิรมย์ชื่นชมใดๆ

ผิดแต่กับป๋าแดเนียล ที่ไม่ว่าจะแสดงหนังเรื่องไหน แนวใด ..มันล้วนแต่เป็นความน่าอภิรมย์สำหรับคอหนังเราๆเสียเหลือเกิน ...และปีนี้ ก็ขอให้เตรียมตัวพบกับอีกหนึ่งภาพลักษณ์ของเขา ใน “Nine” หนังมิวสิคัลเรื่องแรกของป๋า (และคงจะเป็นเรื่องเดียวด้วยซะละมั้ง)


Review.. "There Will Be Blood" ... ศรัทธาใต้เท้า/ความเชื่อเหนือหัว กับ ตัวตนของคนบาป






4. “มัธธิว อมัลลิก”
“ฌอน ดู” ใน “The Diving Bell and the Butterfly”


เราอาจเคยคิดว่า การแสดงเป็นคนป่วย ที่วันๆไม่ทำอะไร นอกจากนั่งกับนอน ..คือ ความง่ายที่แทบจะไม่ต้องทำกิริยาอะไรให้มาก นอกเสียจากการอยู่นิ่งๆ ไม่ต้องพูดอะไร แล้วปล่อยให้กล้องถ่ายภาพของคนๆนั้นไปเรื่อย

แต่มันก็จะเป็นความผิดในความคิดอย่างรุนแรงโดยทันที ..ถ้าหากว่าเรามาเห็นการแสดงเป็นคนป่วยที่น่าสงสารของ มัธธิว อมัลลิก ในคาแรกเตอร์ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงของ บรรณาธิการนิตยสารชื่อดังของฝรั่งเศส มาเป็นแรงบันดาลใจ

เพราะชายที่ ชื่อ “ฌอน ดู” ในที่นี้ ..ไม่ได้เป็นแค่คนที่วันๆ เอาแต่หลับ ตกอยู่ในภวังค์รักตัวเอง ไม่ใช่ไม่รับไม่รู้อะไรภายนอกเลย ...หากแต่เขายังมีทางเลือกจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อต่อสู้กับอาการที่หนึ่งในล้านจะมีสักคนเป็นอย่างเขา ..เพียงเพราะใจหวังว่าสักวันเขาจะเอาชนะมันได้ ...เฉกเช่นเดียวกับ ที่เขายังต้องเอาชนะ อุปสรรคต่างๆนานาที่จองจำให้ร่างกายของเขา ไม่สามารถทำการขัดขืนได้เหมือนคนทั่วไป

การจมไปสู่พื้นทะลที่ลึกกว่าใจจะคาดคะเนของ ฌอน ดู ในชุดประดาน้ำ ช่างน่ากลัวฉันใด.. การแสดงของมัธธิว ที่สามารถทำให้คนดูรู้สึกเห็นใจระคนเจ็บปวดในชะตากรรมของเขา ไปพร้อมๆกับความซาบซึ้งในหลายๆฉากที่ทึ้งน้ำตาผมได้ในทุกทีที่หนังตั้งใจ ก็ควรค่าจะเรียกว่าสุดยอดได้ฉันนั้น

ถ้าใครได้ดูเจมส์ บอนด์ ภาคล่า “Quantum of Solace” แล้วมีแอบทึ่งกึ่งกลัวในสายตามาดมุ่งอันร้ายกาจดวงนั้น ของมัธธิวคนนี้ ...ก็ขอบอกว่านั่น ยังแค่เบาะๆ สิวๆ เมื่อเอามาเทียบกับบท ฌอน ดู ที่ต้องใช้ตา(แค่ข้างเดียวด้วยนะนั่น!)เป็นตัวละครหลักแทบทั้งเรื่องเลยทีเดียวเชียวล่ะ






5. “ฆาเวียร์ บาร์เด็ม”
“อังตอน ชิการ์” ใน “No Country for Old Men”


อาจมีหลายครั้ง ที่การแสดงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ดูอัปลักษณ์ ..สามารถทำให้คนดูอยากขบขัน ปนสมเพศให้กับความทำไปได้ของคนแสดง

แต่ก็ยังมีน้อยครั้งเหลือเกิน ที่การแสดงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ดูอัปลักษณ์ ..จะสามารถทำให้เราอึ้ง ทึ่ง และเสียววววววว..เป็นที่สุด อย่างเช่นครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นกับดาราเลือดกระทิงดุ อย่าง ฆาเวียร์ บาร์เด็ม พร้อมๆกับการเป็นครั้งแรกที่ได้เป็นดาราออสการ์สมใจ

แม้ในภาพจำของคนดูที่นึกถึง “อังตอน ชิการ์” ล้วนจะมีความเห็นคือ.. วิกผมบ๊อบเสล่อๆ บนหนังหน้าเท่อๆของคนที่ตาลอยๆ …แต่ถ้าเอาในแง่ของการสวมวิญญาณเป็นตัวละครที่ทำไว้โดยสมบูรณ์แบบด้วยละก็ ..วิกผมก็จะกลายมาเป็นส่วนประกอบที่มีความหมายยิ่งๆ อันออกจะไปทางช่วยเสริมส่ง ทำให้เราเข้าใจในความจิตแตกของคนๆนั้นได้เสียดิบดีอีกต่างหาก

ถ้าหาก พี่ฮันนิบาล จะยังคงคือที่สุดของตัวร้ายที่หมายความว่า ไม่ควรค่าแก่การคบหาสมาคมใดๆเลย ..น้องอังตอน คนนี้ก็คือที่สุดในอันดับรองลงมา ที่เราควรจะหลีกเลี่ยงทำความรู้จัก หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้แล้วจริงๆ ...ก็ขอให้รีบทำลายถังออกซิเจนที่อยู่ใกล้ตัวคุณให้หมดไป พร้อมหาปืนกลสักกระบอกมากราดใส่ในทันทีที่มันย่างสามขุมมาหาคุณ ..แต่จะจบชีวิตมันได้หรือเปล่า? อันนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจ!!!


Review.. "No Country for Old Men" ... คนชั่วยังมีที่ไป แล้วเหตุไฉน.. คนดีไม่มีที่อยู่?




และ อีก 1 พิเศษ ที่ยอมให้เกินขึ้นมา เพราะกรรมการของเราทำใจตัดไม่ลงได้จริงๆก็คือ



“Wall-E”


เป็นเอกอุอยู่แล้วสำหรับ Pixar ..ค่ายอนิเมชั่นเบอร์หนึ่ง ที่เก่งกาจที่สุดในเรื่องการออกแบบคาแรกเตอร์ให้คนตกหลุมรัก

แล้วที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จแค่เรื่องการออกแบบอย่างเดียว.. แต่ยังต้องรวมไปถึงการสร้างเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆ ให้ตัวละครต้องประสบ ...ภายในเงื่อนไขที่แตกต่างไปตามพลอตร้อยแปด ก็ยังต้องมีจุดๆหนึ่งเป็นอย่างน้อยที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเรากับเขา(ตัวการ์ตูน) มีอะไรที่เหมือนๆกัน

อย่างเช่นเดียวกันกับ เจ้าหุ่นยนต์ตัวเหลี่ยมตาใสใจซื่อชื่อ วอลล์-อี ..ก็เป็นเหมือนกับมนุษย์เราๆ ที่แม้ชีวิตวันๆจะมีความวุ่นวายให้ทำไปได้เรื่อย แต่เมื่อถึงเวลาต้องอยู่คนเดียว ความเหงาก็เข้ามาเยือนเป็นเพื่อนสนิท

นี่แค่แรกพบรู้จัก(ในตัวอย่าง) ก็เริ่มต้นความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ..ยังไม่รวมกับเมื่อเจอกันเต็มๆ แล้วพบว่า มันมีอะไรอีกหลายอย่างที่เหมือนกับผมและคุณๆอีกหลายคน ...กระทั่งว่ามันเป็นหุ่นยนต์ที่แสดงออกอะไรก็แข็งๆ แต่ขอโทษทีเถอะ วอลล์-อี ไม่ใช่ดาราที่ถูกเรียกว่าหุ่นยนต์แน่นอน

แม้ตัวหนังจะไม่ได้ตกหลุมรักทั้งใจ พบว่ามีอะไรไม่โดนอยู่บ้าง ..แต่ถึงอย่างไร วอลล์-อี(และผองเพื่อนหุ่นยนต์) ก็น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกอยู่ดี


Review.. "Wall-E" ... สู่ความ.....อ้างว้าง.....อันไกลโพ้น









5 นักแสดงหญิง... ที่สุดแห่งความประทับใจ






1. “เซียร์ซ่า โรแนน” และ “วาเนซซา เรดเกรฟ”
“ไบรโอนี่ ทัลลิส” ใน “Atonement”


ขอมอบให้เป็นคู่กันไปเลยสำหรับคาแรกเตอร์โดดเด่นหนึ่งเดียวของหนังเรื่องนี้ ..แม้ความจริงแล้ว จะมีคนสามรุ่นรับบทนี้ แต่ ไบรโอนี่ ในช่วงวัยรุ่น (โรไมรา กาไร) ผมกลับรู้สึกแค่ว่าเธอเป็นตัวเชื่อมที่ดี แต่เล่นได้ไม่ถึงจุดโดนใจ กลืนคาแรกเตอร์ได้ไม่สุดยอดเท่าอีก 2 รุ่น ..ที่คนหนึ่ง คือ คนที่กำหนดความเป็นไป ขณะอีกคนก็คือ คนที่มาเพื่อสรุปความเป็นไปของตัวละครนี้

สาวน้อยเซียร์ซ่า กับผลงานชิ้นแรก ที่ถือเป็นการเปิดตัวที่งดงามอย่างมาก สำหรับดาวรุ่งพุ่งแรง.. ถ้า ไบรโอนี่ ได้ดาราเด็กหน้าใหม่คนหนึ่ง ที่แค่คิดว่าแสดงเป็นเด็กที่เก็บกดคนหนึ่ง ซึ่งต้องการจะเอาชนะในทุกทาง ก็คงจะทำให้คาแรกเตอร์ที่ควรค่าแก่การโดนหมั่นไส้ ไม่อาจมีความลึกลับอะไรในใจ ที่ทำให้เราคนดูก็นึกมีห้วงที่สงสารในความเป็นตัวของตัวเธอ ที่ไม่ปรารถนาจะทำให้ชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องพินาศอย่างนั้น

ส่วนรุ่นป้าวาเนซซา ..ก็ถือเป็นการแสดงฝีมือสมคุณภาพตามวัยที่เข้มข้น ...แม้บทบาทของเธอจะถูกกำหนดให้ต้องอยู่บนจอน้อยกว่าอีกสองคน ..แต่เพียงเวลาสั้นๆ ในช่วงท้ายก็มีความหมายมากมาย ทั้งสำหรับการเฉลยทุกความจริง การสารภาพอย่างหมดเปลือก และการยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่เธอเป็นคนขีดเขียนเองมาแต่ต้น ..ให้จบลงด้วยความกินใจอย่างรุนแรง พร้อมภาพความสุขสุดท้ายที่ขมขื่นเต็มกลืนถึงที่สุด


Review.. "Atonement" ... ยอกย้อน -> เด็ก/ผู้ใหญ่ <- ความแตกต่าง -> ความจริง/ความลวง <- สับสน






2. “เพเนโลเป้ ครูซ”
“มาเรีย เอเลน่า” ใน “Vicky Christina Barcelona”


หากจะเรียกบทของสาวอาร์ตติสต์หลุดนาม “มาเรีย เอเลน่า” ว่ามีเข้ามาเพื่อเน้นให้สมทบเอามันส์ ตามสไตล์หนัง “วู้ดดี้ อัลเลน” ที่มีเอกลักษณ์การขายสร้างเสียงฮาเป็นลำดับต้นๆ ..ก็ต้องถือว่าถูกต้องเป็นที่สุด

แต่ให้บังเอิญที่ว่า คนที่เล่นเป็นคาแรกเตอร์นี้ ..ดันได้ระดับสาวสเปนตัวแม่ไฟแรงสูง อย่าง เพเนโลเป้ ครูซ ขอมาร่วมสนุกเอากับลุงอัลเลนด้วยอีกคน

ด้วยประการฉะนี้แล้ว ..เราจึงได้พบกับการแสดงตัวแม่ที่จี๊ดใจที่สุดอีกหนึ่งบทบาทของปีนี้ ที่ข้าไม่สำคัญต่อเรื่องราว ข้าไม่ว่า แต่ข้าขอขโมยซีนทุกๆคนเลยจะได้ปะ?

ก็เรียกได้ว่า ถึงงานนี้จะยังมีสวยเช็ดอย่าง “สการ์เล็ต โจแฮนสัน” และเข้มสะท้านอย่าง ฆาเวียร์ บาร์เด็ม มาประดับบารมีร่วมฉาก.. แต่สองคนนี้ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ กับบทผู้หญิงขี้เหวี่ยงที่แรงจนให้เอาอะไรมาหยุดความบ้าก็ยั้งไม่อยู่แล้วจริงๆ

จนสุดท้ายนี้ ถ้าจะยังพอเหลืออะไรให้สามารถหยุดเธอได้ ...ก็มีเพียงออสการ์ สมทบหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้ เท่านั้น ที่ได้ผลแน่นอน






3. “เอมี่ อดัมส์”
“เจ้าหญิง จีเซล” ใน “Enchanted”


ว่าที่ตัวแม่เจ้ารางวัลคนใหม่ มาแล้วจ้า ...และเธอก็มาพร้อมกับประกายความสวยเด่นเป็นสง่า ที่จะให้เธอเป็นใคร คนอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะตำแหน่งนางเอก หรือว่าสมทบ เธอก็ล้วนสามารถหมด

แต่ก่อนที่เราจะได้เห็น เอมี่ อดัมส์ คว้าออสการ์ได้ในสักวัน ..ตอนนี้ ก็ขอให้ได้จดจำจนขึ้นใจ ว่าเธอเคยเป็นหนึ่งในเจ้าหญิงดิสนีย์ ที่น่าร้ากกกกกกกกก น่าทะนุถนอมเป็นที่สุด กันเสียก่อน

ความสดใส เริงร่า มองโลกในมุมบวก และอู้หูอ้าห้าไปกับทุกเรื่อง คือ สิ่งหลักๆที่เจ้าหญิงดิสนีย์ทุกคนจะต้องพึงเป็น ..และเราก็จดจำได้มาเสมอว่า ชีวิตของเจ้าหญิงทุกคนจะจบลงด้วยความสุขชั่วนิจนิรันดร์

แต่มันคงไม่ใช่ทั้งหมดสำหรับ เจ้าหญิงจีเซล ..ผู้ที่เลือกจะอยู่บนโลกมนุษย์ต่อไป เพื่อเตรียมเผชิญความพานพบจะผิดหวังในความรัก แบบที่มนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อจะพึงเป็น ...แม้แน่นอนว่าตอนจบมันจะสวยหรูอย่างเคย แต่มันอาจไม่ใช่นิจนิรันดร์ ก็ย่อมได้

ซึ่งผลลัพธ์จากการแสดงของ อดัมส์ ที่ทำได้ทั้งลั้ลล้าแบบตัวการ์ตูนอย่างสุดๆ ไปถึงจุดที่ความเป็นมนุษย์จะต้องตัดสินใจในสิ่งที่สมควร ..ทำให้เราเชื่อในตัวละครของเธอทุกแง่มุม ทุกมิติ และที่เป็นกำไรที่สุด เธอก็ยังทำให้เรามีความสุข กับความเป็นจีเซลของเธอ ที่สมบูรณ์แบบ จนอดเสียดายไม่ได้ที่ออสการ์ยังมองข้าม เพียงเพราะว่ามันสดใส ลั้ลล้า และเพ้อฝันจนเกินไป


Review.. "Enchanted" ... เทพนิยายรักแท้'ดิสนีย์' ของโฉมงาม สวยใส(เกือบ)ไร้สติ กับเจ้าชาย(ผู้รู้ตัวว่า)หลุดโลก






4. “มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เด็น”
“มิสคาร์โมดี้” ใน “The Mist”


ใครคิดว่า มิสคาร์โมดี้ เป็นตัวร้ายของหนังเมฆหมอกกินคนเรื่องนี้ ...ยกมือขึ้น

ใครคิดว่า มิสคาร์โมดี้ ไม่ใช่ตัวร้าย ...ยกมือขึ้น (หนึ่งในนั้นมีมือของผมโผล่พรวดมาด้วย)

ที่ผมคิดอย่างนั้นไม่ได้หมายความว่า ...การแสดงของ มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เด็น ยังคงร้ายไม่มากพอจะทำให้เธอได้ชื่อว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของกลุ่มตัวเอกในเรื่องอย่างสมควร ...มันผิดถนัดเลย!

แต่ที่ผมเข้าใจในความเป็น มิสคาร์โมดี้ ที่บทหนังตั้งใจ ..คือการสร้างเธอขึ้นมา เพื่อเป็นตัวสร้างความรำคาญ ชวนหงุดหงิดกับคนดู ได้มากกว่า

ก็จะไม่ให้รำคาญแลหงุดหงิดอย่างไรไหว ในเมื่อร่างทรงของพระเจ้าอย่างเธอ ..อยู่เพื่อมีชีวิตต่อไปอีกวัน มากกว่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยอ้างอวดว่าพระเจ้าจะช่วยทุกคนให้รอดพ้นมันไป

แน่นอนล่ะ ว่าตอนนั้นผมเถียงขาดใจตลอด ...เมื่อเราได้เห็นพฤติกรรมบ้าคลั่งแต่ละอย่างของเธอ คือ ความเพ้อเจ้อที่มนุษย์รักชีวิตทุกคน ไม่ควรให้ความใส่ใจ (ยิ่งได้ระดับเทพอย่างป้า มาร์เซีย มาเพ้อ.. ก็ยิ่งเซ็งบัดซบเลยละสิ)

แต่เมื่อหนังมันมาถึงจุดที่....(มิเอามิพูด) ...ผมล่ะรู้สึกอยากจะบ้าตาย ที่พี่พระเอกเคยทำเมินใส่เธอมันซะอย่างงั้น

ผมเชื่อเลยครับว่า ..เธอคือตัวแทนของพระเจ้า จริงๆ ให้ดิ้นตาย


Review.. "The Mist" ... ความกลัวที่จองจำ กับการกระทำที่จองเวร






5. “เจสส์ วีซเลอร์”
“ดอว์น” ใน “Teeth”


นางเอกสาว หน้าใหม่ น่ามองอีกคน ..ที่แต่แรกจะดูหนังยังไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เพราะก่อนหน้านั้นก็แอบหลงเข้าใจว่าหนัง กลีบเขมือบ เรื่องนี้ อาจเป็นหนังสยองที่มีพลอตแปลกประหลาด หากขายความมันส์สะใจเหมือนทั่วๆไป

แต่จนเมื่อได้ดูจริงๆ ..ก็พบว่า มันไม่ใช่เลย มันไม่ช่ายยยยยยเลย ...มันได้กลับกลายเป็นหนังตลกร้ายที่หยอกล้อวิพากษ์สังคม ปนเฟมินิสต์ทุกหย่อมหญ้า ที่แอบจะมีสยองโผล่มาทำทุกขลาภทางสายตาเพียงเล็กน้อย

และที่มันเกินคาดคิดไปเลยจริงๆ ก็ต้องย้อนกลับไปมองที่หญิงสาวผู้นอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำบนโปสเตอร์..ผู้ที่แต่แรกคนนั้น เคยคิดว่าไม่น่าจะทำอะไรกับหนังได้มาก นอกไปจากความสะใจที่ได้เห็น(จิ๊มิ)เธอเขมือบ ...หากแต่ สาวเจสส์ ผู้นี้ ก็ฉลาดพอที่จะไม่อยู่ในจุดวัฏจักรเดิมๆของผู้หญิงตัวการสยอง หากผลักดันตัวเองให้แสดงอารมณ์ปุถุชนแบบมนุษย์สาวคนหนึ่ง ที่มีทั้งความผิดพลาด และพยายามที่จะทำให้มันถูกต้อง ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตแปลกประหลาดของเธอ

เล่นดรามาได้ดี ว่าน่าสนใจแล้ว ..แต่ที่ผมยังตรึงใจกับเธอเป็นพิเศษยิ่งไปกว่านั้น คือ ความตลก ที่เป็นธรรมชาติมากๆ จากการใช้สีหน้าที่แฝงนัยยะในฉากท้ายๆเรื่อง ...ซึ่งในแต่ละครั้งที่กล้องโคลสอัพใบหน้าสวยๆของเธอ ความฮาแตกวายป่วง ก็เกิดขึ้นทันที อย่างไม่ทันตั้งตัวซะอย่างงั้น

ยิ่งเฉพาะกับฉากจบของหนัง ...ทำตลกหน้าตาย ได้สุดยอด มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!









5 ทีมนักแสดง... ที่สุดแห่งความประทับใจ






1. ทีมฮาในฝัน แห่ง “Tropic Thunder”


แค่ว่าได้เห็น เบน สติลเลอร์ , แจ๊ค แบล็ค และ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มารวมตัวกันในหนังเรื่องเดียวกัน ก็ย่อมให้น่าจะมันส์เป็นยิ่งๆแล้ว ..แต่ก็แทบไม่ได้คิดอะไรเป็นอื่นอีกเหมือนกัน ว่าผมจะยังได้มากกว่านั้น ด้วยการเห็นสุดยอดการแสดงตลกเป็นทีม ที่เวิร์ค เอามากๆ จากหนังสงครามที่ขายความสติแตกสุดขั้วโลกเรื่องนี้

ซึ่งไม่ว่าจะเพราะบทของแต่ละคาแรกเตอร์ที่เอื้อให้ฮา ด้วยองค์ประกอบของการยั่วเย้าหยอกล้อที่ครบเครื่องบ้า หรือจะเนื่องจากนักแสดงแต่ละรายใส่สุด สำแดงสุด ไม่มีกั้ก อะไรก็ตามแต่.. ที่แน่ๆ เมื่อทุกๆคน และทุกๆคาแรกเตอร์ รวมหัวกันสนุก มันกลายเป็นความทุกข์ของขากรรไกรที่ต้องแบกรับความสนั่นหวั่นไหวของเสียงหัวเราะ ...ที่นานๆทีจะได้ดูหนังตั้งใจตลกแล้ว ขำอย่างต่อเนื่องแทบนาทีต่อนาที ไปกับการแสดงรับส่ง ที่ต่างคนต่างมันส์บรรลัย และต่างก็ไม่ยอมให้ใครกลืนใครได้เลย ตลอด 2 ชั่วโมง ที่เหมือนว่าเรากำลังฝันไป

และเป็นความฝันที่เป็นจริง ที่ได้ดูหนังตลกที่สมบูรณ์แบบเรื่องหนึ่ง ..อันมีน้อยเรื่องมาก จะได้เห็นอะไรที่เป็นสุดยอดแห่งการฟิวชั่นของดาราซูเปอร์สตาร์ได้ลงตัวเป๊ะๆเช่นนี้


Review.. "Tropic Thunder" ... สงครามบ้า ฮอลลีวู้ดอ่วม คนดูมันส์ (หนัง)ตลกในฝัน






2. ทีมเพี้ยนเต็มขั้น แห่ง “Burn After Reading”


ถ้าทีมแรกที่ว่าไป เขารวมตัวกันเพื่อสร้างความฮาวายป่วงเป็นลำดับใหญ่ ทีมใหม่ที่จะว่าต่อไป ก็คือการรวมดาราตัวเป้ง ที่ยิ่งรับประกันคุณภาพ ISO มากกว่าอีกทีม ...หากก็ต้องยกเว้นว่า เป็นการแทคทีมในหนังที่ มาตรฐานการแสดงใดๆ ไม่ใช่ปัจจัยชี้วัดอะไรได้อีกแล้ว นอกเสียจากว่า ใครเพิ้ยนกว่าใคร มากกว่ากัน

จากความตั้งใจเริ่มต้นของ “พี่น้องโคเอน” ที่อยากจะทำหนังสนุกๆสักเรื่อง เพื่อผ่อนคลายความหนักหน่วงแต่หนก่อนที่ทุ่มเทกับ ชายแก่ผู้ไม่มีดินแดน ไปเสียมาก.. มันได้กลายความอยากสนุก มาเป็นหนังตลกร้ายตามสไตล์สองศรีพี่น้องที่เป็นได้ทั้ง การระเบิดความอัดอั้นในหัวของตัวผู้กำกับ(ควบเขียนบท) พร้อมๆกับการถึงจุดแตกหักของการแสดงที่เคยเข้มข้น และต้องเก็บกด ติดๆกันมามาก ก็อยากจะขอเพี้ยน และเป็นบ้าให้หายใจสะดวกได้สักครั้ง

ด้วยเหตุฉะนั้นแล้ว ..การดูหนังเรื่องนี้จึงเหมือนว่าจะเป็น กำไรของชีวิตได้เหมือนกัน ซึ่งจะมีน้อยครั้งที่เราจะได้เห็น... “แบรด พิตต์” สติหลุด , “จอร์จ คลูนีย์” ซื่อบื้อ , “แฟรนเซส แม็คดอร์แมนด์” เพ้อเจ้อ(แต่เรื่องสวย) , “ทิลด้า สวินตัน” (บอกไม่ถูกว่าเธอมาทำอะไรในหนังเรื่องนี้กันแน่แหะ?) และ “จอห์น มัลโควิช” พูดแต่เรื่องฟักเป็นกิจวัตรประจำวัน ..กันเช่นนี้


Review.. "Burn After Reading" ... หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 'อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา'






3. ทีมหนีสุดชีวิต แห่ง “Cloverfield”


ถ้าหนังหนีสัตว์ประหลาดสักเรื่อง จะทำให้คนดูสามารถรู้สึกเหนื่อยตัวเหนื่อยใจ เหมือนว่าเราเป็นตัวละครในหนังเรื่องนั้นพยายามจะหนีเสียเองแล้วละก็ ..คงถือได้ว่า หนังเรื่องนั้นเป็นหนังที่สนุก และสมจริง

แต่ถ้ารวมความสมจริงในที่นี้เอาไว้ในประเด็นเดียวกับ ความน่าเห็นใจในชะตากรรมของตัวละครอีกสิ่งหนึ่งด้วยละก็.. การแสดงของกลุ่มตัวละครที่ต้องหนีตายไม่คิดชีวิต ยังต้องแบ่งเวลาทำใจกลัว ไปสร้างความน่าเชื่อถือด้วยพฤติกรรม อารมณ์ร่วม ยันไปถึงปูมหลังของพวกเขา ให้บังเกิดผลลัพธ์อันสั่นสะเทือนในความรู้สึกของคนดู ถ้าหากมีใครเป็นอะไรไปอีกต่างหาก

หากแม้หน้าตานักแสดงแต่ละคนในหนังเรื่องนี้ จะไม่เป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของชาวบ้านชาวช่องสักเท่าไหร่ ..แต่ก็เพราะด้วยความที่ไม่คุ้น นี่แหละหนา ที่ส่งผลทำให้รู้สึกเชื่อในความเป็นตัวละคร ไปพร้อมๆกับการทำหน้าที่ของตัวละครหลักทุกคนที่รู้ว่าควรจะแสดงอย่างไรให้เราเข้าใจ คล้อยตามเขาไป และพร้อมจะร่วมเดินทางไปกับพวกเขา แม้จะต้องเหนื่อย แบกรักความกดดัน และ ณ จุดสุดท้ายอาจจะหมายถึง ความมอดม้วยมรณา ที่เหลือเพียงแต่คนดูผู้สังเกตการณ์จะสามารถเหลือชีวิตรอดจากโรงมาได้ก็ตามทีเถอะ


Review.. "Cloverfield" ... 'อ๊าาาาคคคคสสสส์!!!' นี่คือสุดยอดหนังที่ผมต้องแช่งแม่มให้มันจบเร็วๆซะที






4. ทีมมนุษย์รักตัวกลัวตาย แห่ง “The Mist”


แม้แต่เบื้องต้น ผมจะติดอกติดใจในการแสดงของ ป้ามาร์เซีย มากกว่าใครเพื่อน.. แต่ถ้าละเลยหรือหลงลืมในอีกอื่นๆการแสดงของเหล่ามนุษย์ผู้ติดกับดักหมอกมรณะด้วยกันไปแล้ว ...มันจะดูเป็นการไม่ยุติธรรมอย่างแน่แท้

เพราะอะไรนะเหรอ? ...ก็เป็นเพราะ การแสดงที่โชว์ถึงธาตุแท้ของปุถุชนคนธรรมดา ที่รักตัวกลัวตายของพวกเขา คือ ความสมจริงเป็นที่สุด ในมุมมองของคนที่ไม่รู้อะไรเลย นอกจากจะรู้ว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็แค่นั้น

แม้ในที่นี้ การแสดงอันน่าประทับใจของเหล่านักแสดง จะต้องเน้นไปทำการขอบคุณบทหนังของ “แฟรงค์ ดาราบอนต์” ที่ละเอียดลอออย่างถึงกึ๋น จนส่งให้คาแรกเตอร์ทุกๆตัวมีความขัดแย้งในตัวเอง (พร้อมๆกับไปขัดแข้งหาเรื่องงัดข้อกับคนอื่นอยู่เรื่อยๆ) ..แต่ถ้าพวกเขาทำหน้าที่ที่ได้รับไม่สมจริง ให้มีเลือดมีเนื้อ และมีชีวิตจิตใจเหมือนคนทั่วไป ก็คงจะทำให้ความสนุกสุดระทึกของหนังเรื่องนี้คงหย่อนยานจนน่าเบื่อ เหมือนหนังสยองเกรดบีดูเอาเรื่อยๆสักเรื่องก็อาจเป็นไปได้


Review.. "The Mist" ... ความกลัวที่จองจำ กับการกระทำที่จองเวร






5. ทีมก๊อตแธม ยูไนเต็ด แห่ง “The Dark Knight”


ถึง โจ๊กเกอร์ จะบังอาจขโมยซีนเพื่อนร่วมจอทุกๆคนไปเสียอย่างสมบูรณ์แบบ ..จนแทบจะไม่มีที่ว่างในฉากใดๆ ให้คิดถึงตัวละครอื่นๆที่สำคัญไม่แพ้กัน

แต่มันก็บังอาจให้ลืมไม่ลงอีกเช่นกัน สำหรับทีมคนดีศรีก็อตแธม.. ที่เป็นได้ทั้งจุดศูนย์ถ่วงความเจริญทางจิตใจ และความหวังของชาวประชาคนดูหนัง ผู้ชื่นชอบความเข้มข้นทางการแสดงที่เน้นฟาดฟันกันไปมาระหว่างความดี ความเลว หรือ ความผิด ความชอบ ในจิตใจมนุษย์

โดยเฉพาะกับยอดมนุษย์รัตติกาล ที่น่าสงสารของเรา และ อัยการสองหน้า ที่ถูกลืม ..เขาคือ ฮีโร่ที่ก๊อตแธมต้องมี พอๆกับ การแสดงขั้นมาสเตอร์พีซที่ต้องจำของ “คริสเตียน เบล” และ “แอรอน แอ๊คฮาร์ต”

(และเพื่อความเท่าเทียมกัน ..ก็ขออวย แม๊กกี้ จิลเลนฮาล , แกรี่ โอลด์แมน , ไมเคิล เคน และ มอร์แกน ฟรีแมน ว่า พวกคุณก็ยอดเยี่ยมและสำคัญ เหมือนกันนะคร้าบบบ)


Review.. "The Dark Knight" ... ขอเพียงพื้นที่เล็กๆ ..ให้คนดี มีที่ยืน (จะได้ไหม?)









ทั้งหมดทั้งมวล ทั้ง 16 ความทรงจำที่ผ่านพ้น ...ก็คือ บทสรุปความยอดเยี่ยมแห่งปี ในสาขา การแสดงที่สุดแห่งความประทับใจ ของผม ...

แล้วของคุณล่ะครับ มีใครคนไหน เขา/เธอ/พวกเขาและเธอ ผู้ใดที่ทำได้เข้าตา และกลายเป็นที่ตราตรึงใจของคุณตลอดปี 2008 ที่ผ่านมา มาจนถึงวันนี้ ...อยากจะรู้ว่าคุณและผม คิดเหมือนกันหรือเปล่า ?


แล้วพบกันอีกทีในวันพรุ่งนี้ กับ {The Best of 2008} ในสาขา "10 ฉาก ..ที่สุดแห่งความประทับใจ" ครับผม




 

Create Date : 12 มกราคม 2552
2 comments
Last Update : 12 มกราคม 2552 0:37:38 น.
Counter : 5396 Pageviews.

 


เขียนได้ดีจังค่ะ
เราได้ดูแค่ไม่กี่เรื่องเอง
สงสัยต้องไปตามเก็บบ้างแระ

แต่วอลล์-อี น่ารักจริงๆ ชอบมากกก
เห็นด้วยที่ว่าพิกซาร์ถนัดออกแบบคาแรกเตอร์ให้คนตกหลุมรัก55+


 

โดย: สำนักข่าวรอยตุ้ย 12 มกราคม 2552 1:37:23 น.  

 

คราวนี้มีตรงกันหลายรายชื่อทีเดียวครับ (บางเรื่อง พี่ก็ได้ดู นัทไม่ได้ดู หรือสลับกัน)

10. Penelope Cruz (Vicky Cristina Barcelona)
+ เธอคือสีสันของเรื่องอย่างแท้จริง ถ้าไม่มีเธอหนังเรื่องนี้อาจออกมาดู “จืด” กว่านี้

9. Ellen Page (Juno)
+ เธอให้การแสดงแบบที่ทำให้คนดูต้องหลงรักและเอาใจช่วย ทั้งๆ ที่ในบางอารมณ์ของบทหนัง ก็อาจทำให้คนดูบางคนเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาได้

8. Mathieu Amalric (The Diving Bell and the Butterfly)
+ เหมือนจะเล่นง่าย แต่จริงๆ แล้วน่าจะยากจริงแหละครับ กับการต้องนอนนิ่งๆ กระพริบตาได้ข้างเดียว แล้วยังสามารถนำอารมณ์คนดู และพาหนังไปตลอดรอดฝั่งได้จนจบเรื่องเยี่ยงนั้น

7. Marcia Gay Harden (The Mist)
+ สวมบทเป็น “ป้าคลั่งศาสนา” ได้น่ากลัว (และน่าต่อย/ตบ) ยิ่งนัก (สมแล้วที่เคยได้ออสการ์) ถ้ามีคนแบบนี้อยู่จริงๆ ในช่วงสังคมวิกฤติ นึกภาพไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าจะเกิดความปั่นป่วนขนาดไหน และบทของป้าก็เป็นคนชี้นำทิศทางของหนังเรื่องนี้ ให้เป็นไปในแบบที่มันเป็นด้วย

6. Saoirse Ronan (Atonement)
+ เด็กอะไรเล่นหนังได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ รู้สึกชังเธอ (ในเรื่อง) ไปเลย ร้ายกาจมากๆ

5. Sam Riley (Control)
+ อารมณ์ที่เค้าแสดงออกมาในหนัง ทำให้รู้สึกอินไปกับชีวิตของเอียน เคอร์ติส เลยอ่ะครับ

4. วาสนา ชลากร (The 8th day)
+ เธอเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้ และสมควรได้รางวัลนำหญิง (หรืออย่างน้อยก็น่าได้เข้าชิง) จากสถาบันต่างๆ ในงานประกาศผลของไทยที่กำลังจะมีขึ้น

3. Daniel Day-Lewis (There will be blood)
+ การแสดงของเค้าทำให้คาแรคเตอร์ “แดเนียล เพลนวิว” เป็นมนุษย์ที่ช่างดูน่าชัง น่ารังเกียจ และน่าสมเพช ซะจริงๆ

2. Heath Ledger (The dark knight)
+ ช่างเป็นวายร้ายคลาสสิค (ที่น่าจะกลายเป็นตำนานในอนาคต) ที่จิตหลุดสุดๆ ... เฮ้อ! พูดแล้วก็เสียดายฮีธ

1. Javiar Bardem (No country for old men)
+ หลอนจริงๆ ครับ เป็นมนุษย์โรคจิตที่ติดอยู่ในความทรงจำได้เนิ่นนานพอๆ กับ ฮันนิบาล เลคเตอร์ จริงๆ ด้วย

ส่วนรายชื่ออื่นๆ ที่ชื่นชอบ แต่หลุดโผไปจาก 10 อันดับ ก็มีอาทิ ...
Viggo Mortensen (Eastern Promises)

Amy Adams (Enchanted)

Johnny Depp + Helena Bonham Carter (Sweeney Todd)

คู่พระนาง (Once)

เห่าเล่ย (Summer palace)

Wall-E & EVE (Wall-E)

Meryl Streep (Mamma mia!)

Asia Argento (The last mistress)

Robert Downey Jr. (Tropic thunder)

William Hurt (Kiss of the spider woman)

Ben Kingsley (Elegy)

ทีมนักแสดง (Burn after reading) แต่พี่ชอบ Brad Pitt มากที่สุดในเรื่องนี้

Belen Rueda (The orphanage)

 

โดย: บลูยอชท์ 16 มกราคม 2552 15:01:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.