เพลงศึกอยุธยา (๓๐)
กล่าวถึงเหล่าห้าวหาญญาณสมยศ
เที่ยวเลี้ยวลดลำพองคะนองขวัญ
ลาดถึงท่าวารีบ้านศรีจัน
แลเห็นเรือลอยหลั่นเรียงกันมา
สังเกตเห็นเป็นขบวนทหาร
ก็คิดการเกรียงไกรด้วยใจกล้า
ใคร่เสริมอิทธิฤทธิ์กฤตยา
ให้ขึ้นชื่อลือชายิ่งกว่านี้
ชิ..ประสาทหารไพร่บ้านนอก
กูเคยออกรบพุ่งชาวกรุงศรี
ผู้เหี้ยมฮึกฝึกปรือฝีมือดี
กูยังตีแตกพ่ายสบายมือ
นี่เหมือนไพร่พลสุพรรณบุรี
เพียงเท่านี้จะมาคณาหรือ
จะจู่โจมโรมรันให้บันลือ
ให้เลื่องชื่อระงมญาณสมยศ
แล้วจัดเหล่าฉกรรจ์ที่ขวัญกล้า
ลอยชะล่าหลบร่องน้ำจ้องจด
เอาตลิ่งบังเลี้ยวคุ้งเคี้ยวคด
พงปรือบดบังเรือเผื่ออีกชั้น
อดใจรอระยะเตรียมถลุง
ปล่อยผ่านวุ้งคุ้งคดแลลดหลั่น
จนเห็นได้จังหวะสั่งประจัญ
เร่งประชันเข้าฉะกลางขบวน
ฝ่ายไพร่พลสุพรรณหันผลุบผลับ
เขาเข่นขับฉับพลันก็ผันผวน
สุดจะคาดคะเนหันเรรวน
คัดเรือทวนเร่อร่าขวางวารี
กระทั่งกราบเทียบกราบคมดาบปะ
เสียงผัวะพะพลั้งพ่ายเป็นพรายผี
ข้างสู้ก็ตะกายเอาพายตี
ข้างจะหนีก็จ้วงก็จ้ำพาย
ข้างคว้าดาบได้ทันก็ฟันดาบ
พอคมทาบพาดถึงก็ผึ่งหงาย
มิยั้งแรงแทงกึกสะอึกกาย
มือปัดป่ายซ้ายขวาเข่นฆ่าฟัน
เรือที่พันแคล้วนั่งล่องรั้งท้าย
ยินเสียงโอยโวยวายจ้าละหวั่น
จึงชะแง้แลไปอะไรกัน
ใครไหนนั่นนำหมู่เรือจู่รบ
ระหว่างในขณะตกตะลึง
ชะล่าหนึ่งพุ่งปะทะประกบ
กระทั่งแคมปะทะชนกระทบ
ก็ตลบกลิ่นเลือดคาวเดือดคลุ้ง
อ้ายช้างนั่งข้างคู่หัวหมู่ผล
อลวนก้มหลบเขารบพุ่ง
นายหมู่ผลพลาดหลักหอกปักพุง
นั่งสะดุ้งเฮือกกายกอดอ้ายช้าง
พวกจากเรือชะล่าทำท่าซ้ำ
ช้างเอนลำตัวบังขึ้นนั่งขวาง
ขยับยันชันเข่าเห็นเข้าทาง
ส้นเท้าผางกลางอกมันตกเรือ
ควายเฒ่า