Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กันยายน 2566
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
8 กันยายน 2566

จารึกวัดพระงาม : ทวารวตีวิภูติ (3)



ตอนนี้ในเดือนสิงหาคม 2566 เรื่องที่โด่งดังที่สุดคงไม่พ้นครูกายแก้ว
ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่เมื่อก่อนนั้นเราแทบจะเชื่อตำนานในทุกเรื่อง
แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ที่อ้างไปถึงสมัยบายน
ถูกล้มล้างโดยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ จากนักวิชาการว่ามันไม่จริง
 
ครูกายแก้วถูกอ้างถึงว่าเป็นครูของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ซึ่งจารึกที่ปราสาทพระขรรค์ก็ไม่ได้กล่าวถึงชื่อนี้ไว้
อ้างว่าสลักไว้ที่ปราสาทบายน แต่เอารูปที่ปราสาทนครวัดมาใส่
ก็โดนตีว่าเป็นของใหม่ห่างจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เกือบ 500 ปี
 
และนั่นก็อาจจะเป็นเรื่องราวที่คนทั่วไปได้รับรู้ว่า
บางทีก็น่าจะเพลาๆ กันบ้างกับเรื่องการผูกโยงความเชื่อ
ก่อนที่จะโดนปิดปากว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่กันไปหมด
แต่ผมสนใจภาพฤาษีที่อ้างอิงถึงมาก เป็นภาพที่ถือว่าคุ้นตา
 
เราสามารถเห็นได้ในปราสาทหินทั่วไปทั้งในไทยและเขมร
เมื่อเราเห็นฤาษีก็น่าจะคิดถึงไศวนิกาย แต่ทำไมเรากลับไม่เห็น
เขมรโบราณสลักรูปพระศิวะเพื่อบูชา แต่ว่าประดิษฐานศิวลึงค์
ตอนท้ายของจารึกวัดพระงามก็กล่าวถึงการถวายสิ่งของแก่ปศุปติ
 
เรื่องนี้เกี่ยวพันกันอย่างไร
 


ปศุปตะเป็นลัทธิไศวนิกายแบบแรก ๆ ที่กำเนิดขึ้นในประเทศอินเดีย
สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 8

ปศุปติแปลว่าเจ้าแห่งสรรพสัตว์
นิกายนี้จึงแสดงพระศิวะในภาพของความเป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง
นักวิชาการมักอ้างไปถึงตราประทับรูปเทพเจ้าสวมเขาสัตว์
ในวัฒนธรรมโมเหนโจดาโรที่เก่าแก่กว่า 3000-4000 ปีก่อน
 
มหากาพย์มหาภารตะกล่าวถึงพวกปศุปตะว่า ไม่เคร่งเรื่องวรรณะ
นิยมบูชาพระศิวะในรูปศิวลึงค์ ทาตัวด้วยเถ้าถ่านจากการเผาศพ
มีลาคุลิสะหรือนาคุลิสะเป็นศาสดาและเป็นผู้นำของนิกายนี้
โดยเป็นผู้แต่งปศุปตะสูตรซึ่งเป็นคัมภีร์หลักว่าด้วยการปฏิบัติตน
 
โดยมีสานุศิษย์ที่สำคัญ 4 คน คือ คุสิกะ การ์กะ มิหิระ และเการุสยะ
ดังนั้นภาพฤๅษี 5 ตนที่ปราสาทพนมรุ้ง จึงอาจหมายถึงเรื่องนี้
นิกายนี้มีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า
ด้วยการเริ่มฝึกปฏิบัติ ได้แก่ การทรมานกาย การปฏิบัติโยคะ
 
ไปจนถึงการปฏิบัติภายใน ได้แก่ การฝึกบำเพ็ญสมาธิ
ซึ่งกล่าวไว้ในจารึกภาษาสันสกฤต K.384 หรือจารึกปราสาทพนมรุ้ง 7
ภาษาสันสกฤต อักษรขอมโบราณ อายุพุทธศตวรรษที่ 18
จำนวน 4 ด้าน 76 บรรทัด ปัจจุบันเก็บที่ หอสมุดแห่งชาติ  
 

sthuladripasupata pada parayanena 
เป็นที่พึ่งของปศุปตะ แห่งสถูลาทริ (พนมรุ้ง)
 


ข้อความดังกล่าวอ้างอิงมาจาก สื่อความรู้เรื่องไศวนิกาย
ณ ปราสาทพนมรุ้ง ของอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
แต่เมื่อไปเปิดในฐานข้อมูลจารึกประเทศไทย ที่รวบรวมโดย
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร กลับไม่พบข้อความดังกล่าว
 
จารึกนี้เป็นจารึกขนาดใหญ่ที่มีผู้นำเนื้อความไปอ้างอิงมากที่สุด
รวมถึงการทรมานตนของนเรนทราทิตย์ตามแบบของฤาษีนิกายปศุปติ
 เราจึงสนใจที่จะหาว่า ทำไมจึงไม่ปรากฏข้อความนี้ในฐานข้อมูลจารึก

จารึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ของสมเด็จพระเทพฯ
ซึ่งก็พบข้อความดังกล่าวจริงโดยปรากฏในบทที่ 65
เป็นวสันตดิลกฉันท์ ข้อความเต็มนั้นคือ
 

Sthuladripasupata pada parayanena
Yenanavadya hrdayena narendrasuryye
Sa sthula salia girisena guror narendra
Dityasya rupam akarodbhavamekabhutam
 
ผู้นี้ (หิรันยกะ) ได้สร้างรูปของนเรนทราทิตย์ผู้เป็นครู
ซึ่งเป็นศิวะที่เป็นรูปเหมือนอันเดียวกับพระศิวะแห่งสถูลไศละ
ซึ่งเท้าของท่านเป็นที่พึ่งแห่งปศุปตะแห่งสถูลาหริ (พนมรุ้ง)
ผู้มีใจอันบริสุทธิ์ต่อนเรนทรสูริยะ
 
วิทยานิพนธ์นี้ยังให้หมายเหตุไว้อีกว่า พบจารึกคำว่าปศุปตะ
ที่เขมรโบราณครั้งแรกในสมัยพระเจ้าอิศานวรมัน ราว พ.ศ. 1170
และหลังสมัยพระเจ้ายโสวรมันก็ไม่ปรากฏจารึกลัทธิปศุปตะอีกเลย
ลัทธินี้กลับมาปรากฏในจารึกปราสาทพนมรุ้งที่ห่างมาเป็นเวลานาน
 
ส่วนเหตุที่ไม่พบข้อความนี้ในคำแปลของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร
ก็เนื่องจากจารึกนี้เดิมพบแยกกันเป็นสองชิ้น
นักวิชาการเพิ่งจะทราบว่ามีจารึกอีกชิ้นที่มีเนื้อหาต่อกันกับชิ้นนี้

ฐานข้อมูลจารึก ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร
ยังใช้คำแปลที่มีเพียงครึ่งเดียวจากการแปลครั้งแรก
 

 
จารึกเทวะนิกะพบที่เมืองโบราณวัดหลวงเก่า ใกล้กับปราสาทวัดพู
แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต
เขียนด้วยฉันท์สลับกับร้อยกรอง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11
จึงเก่ากว่าจารึกวัดพระงาม และจารึกพระเจ้ามเหนทรวรมัน

เนื้อหากล่าวถึง กษัตริย์ชื่อเทวะนิกะผู้มาจากแดนไกล
ได้เดินทางมาถึงที่ภูก้าว อันมีลักษณะเป็นศิวลึงค์ตามธรรมชาติ
ที่ปรากฏตามคัมภีร์จึงได้สถาปนาและกำหนดพื้นที่ท่าน้ำ
ตรงริมแม่น้ำโขงให้เป็นท่าน้ำศักดิ์สิทธิ์

ผู้ใดที่อยู่อาศัย อาบน้ำหรือตายที่นี่จะได้ผลบุญมาก
ส่วนใครที่ทำบาปหนัก ก็จะได้รับการชำระล้างไปจนหมด
 
พระเจ้ามเหนทรวรมันสถาปนาศิวลึงค์ในสถานที่ที่พระองค์รบชนะ
ในขณะที่จารึกวัดพระงามก็กล่าวอ้างถึงนิกายปศุปติ
ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนแล้วเป็นสิ่งเดียวกัน ดังนั้นกล่าวได้ว่า
ในช่วงเวลานั้นต้องมีผู้มีวรรณะสูงจากอินเดียได้เดินทางเข้ามา
และส่งต่อความเชื่อเรื่องศาสนาให้กับผู้ปกครองในพื้นที่
 
ปราสาทวัดพูได้รับการเคารพบูชาเป็นที่แสวงบุญของกษัตริย์
ในอาณาจักรพระนครในเวลาต่อมาในนามของ ลึงคบรรพต
และแท่งหินศิวลึงค์ที่สถาปนาเป็นพระศิวะในชื่อ ภัทเรศวร

ดูเหมือนจะมีปริศนาชิ้นใหญ่ที่ค้างคาใจผมมาโดยตลอดในเรื่องหนึ่ง
เหตุใดนักวิชาการจึงกล่าวว่า ฐานของพระธาตุพนมนั้นเป็นศิลปะจาม
ดูเหมือนศิลาจารึกแห่งวัดพูนี้จะให้คำตอบไว้

เมืองจำปาศักดิ์นั้นต้องเป็นชุมทางการค้าสำคัญมากในเวลานั้น
ก่อนการสถาปนายอดภูเก้า เพราะหากมีศิวลึงค์ในธรรมชาติ
แต่อยู่ในป่าเขาลึกผู้คนไม่สามารถเข้าถึงก็คงไม่มีใครจะมาสถาปนา

ดังนั้นบริเวณนี้ต้องเป็นเส้นทางการค้าสำคัญที่เชื่อมไปถึงจามปาได้
จึงไม่แปลกที่จะพบศิลปกรรมปราสาทอิฐแบบจามปาที่นครพนม
ซึ่งไม่ไกลจากปราสาทวัดพู แต่พวกเค้ามาที่นี่ทำไม

ดูเหมือนเหมืองทองแดงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ภูโล้น
จ. หนองคาย จะเป็นคำตอบ โลหะมีค่าที่คนทั่วโลกต้องการ
นี่อาจจะเป็นดินแดนสุวรรณภูมิในตำนานของพ่อค้าชาวอินเดีย
รวมถึงชื่อเมืองจำปาศักดิ์นั้นอาจจะหมายถึงศักดิ์แห่งจามปาก็ไ
ด้



Create Date : 08 กันยายน 2566
Last Update : 8 กันยายน 2566 15:40:15 น. 2 comments
Counter : 416 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat, คุณหอมกร


 
ยิ่งอ่านตามยิ่งสนุกค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 8 กันยายน 2566 เวลา:17:00:14 น.  

 
อู้ฮู ครูกายแก้วมีสตอรี่เสียด้วยนะนี่





โดย: หอมกร วันที่: 8 กันยายน 2566 เวลา:20:48:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]