ดวงตะวันลัดฟ้าผ่านวาปีในวันหนึ่งที่ย่านชุมชนของเมืองเมื่อฉันกำลังเดินเลียบฟุตบาธแบกความคิดฟุ้งๆปะปนกลิ่นอาหารที่อยู่ไกลออกไปฉันหันไปมามองเพิงขายอาหารที่ริมถนนที่มีรถติดไฟแดงตรงสี่แยกที่เป็นศูนย์กลางของแหล่งชุมชนในเมืองพอดีสัญญาณไฟจราจรบอกจำนวนเลขนับถอยหลังไปเรื่อยขณะที่ฝนตกลงมาท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามสาย"เอ้ยอะไรกันนี่"สายตาฉันมองออกไปถึงฟุตบาธฝั่งตรงข้ามฮะ!สัญญาณไฟเปลี่ยนสีฉันรีบเดินข้ามทางม้าลายที่กว้างใหญ่ตรงสี่แยกสายตากวาดมองร้านอาหารที่ตั้งริมฟุตบาธภาพอาหารที่ลอยมาหายไปสายตาหยุดกึกฉันรีบเดินรี่เข้าไปในซอยที่มีป้ายสินค้าลดราคาสีสันแสบดวงตาติดอยู่แค่ก้าวเท้าก็ได้ยินเสียงพ่อค้าแม่ค้าที่ร้องเรียกลูกค้าดังเซ็งแซ่แข่งกับเสียงแตรรถยนต์ที่สี่แยกฉันเดินผ่านมองดูสินค้าลดกระหน่ำแลกแถมร้านที่มีรองเท้ากองอยู่ตรงหน้ามากมาย"ไปเรื่อยๆก่อน"ความคิดเกาะเท่านั้นพลันสายตาสวยละไมก็มองเห็นร้านขายรองเท้าร้านหนึ่งที่มีคนยืนออกันเต็มและเริ่มเบียดกันอย่างหนาแน่นฉันตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบรองเท้าลดราคาคู่หนึ่งขณะพลิกดูราคาคู่นี้ใส่แล้วน่ารักมากนะครับชอบมั้ยครับค่ะฉันรีบหันหน้าไปตามเสียงที่ดังลอดออกมาในมุมหนึ่งของร้านอย่างกับระบบโอโตเมตริก
จริงๆฉันไม่ได้สะบัดหน้าหันไปเพราะเสียงโต้ตอบกันนั่นหรอกแต่เสียงทุ้มเหมือนจะคุ้นเคยในความรู้สึกของฉันนั่นสิทำให้ต้องหันกลับไปอย่างเร็วในระหว่างความห่างของช่องสี่เหลี่ยมที่มุมหนึ่งของร้านเป็นความห่างของช่วงว่างเล็กๆที่ไม่มีผู้คนแต่มันไม่ไกลเกินไปที่จะเป็นช่องว่างในชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ทำให้ฉันมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงความห่างเบื้องหน้านั่นและในทันทีที่ฉันสบสายตากับใครคนหนึ่ง ชายหนุ่มผิวสีเข้มที่มาพร้อมคิ้วหนาๆบนใบหน้าคนนั้นสิจู่ๆก็เหมือนมีแสงไฟแฟลชไลท์พร้อมแรงดึงดูดของพื้นโลกที่เกิดขึ้นตรงกลางระหว่างมุมสี่เหลี่ยมเล็กๆฉันไม่อาจละสายตาไปจากเขาดวงตาคบกริบของเขาเบิกกว้างมองตรงมาที่ฉันอย่างรู้สึกดีใจและตื่นเต้นจมูกของเขาย่นเข้าหากันเหมือนไม่ได้สูดลมหายใจมาชั่วขณะใบหน้าคมของเขามีเม็ดเหงื่อไหลซึมจนผมด้านข้างเปียกปอนปากเขาเริ่มมีรอยยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะส่งเสียงออกมาอย่างดังมากราวกลองทุบเจ้าดอกไม้!!
ฉันรีบก้มหน้าคิ้วขมวดเป็นโบว์มองชายหนุ่มผิวสีเข้มอายุรุ่นเดียวกันที่รีบก้าวยาวๆตรงเข้ามาเพียงไม่ถึงสามก้าวเขาก็มายืนตรงช่องว่างสี่เหลี่ยมตรงหน้าฉันพอดี ฉันมองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเขาเป็นชายหนุ่มผิวสีเข้มมีรอยยิ้มเท่ละไมที่มุมแก้มสองข้างเป็นรอยยิ้มที่จริงใจนั่นทำให้ฉันอดที่จะส่งยิ้มตอบกลับไปไม่ได้เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ยเสียงของเขาดังขึ้นฉันค่อยๆหุบรอยยิ้มลงเมื่อรู้สึกตัวสายตาของฉันมองไปที่ชายหนุ่มผิวสีเข้มอย่างเมินๆ แต่เสียงที่คุ้นเคยของเขาทำให้กล่องความคิดของฉันสั่นอย่างแรงและฉันพยายามควบคุมให้มันนิ่งสงบได้ในที่สุด
เจ้าดอกไม้!!เจ้าดอกไม้ใช่ไหมชายหนุ่มเรียกชื่อฉันซ้ำๆด้วยความรู้สึกดีใจมีร่องรอยลึกๆซ่อนภายในที่ฉันไม่รู้และมองหน้าเขานิ่งๆโดยไม่ได้พูดอะไรเลยขณะที่เขาเอื้อมมือของเขาเข้ามาใกล้เหมือนอยากจะสัมผัสมือตัวฉัน
ฉันถอยหลังหนึ่งก้าวรักษาระยะห่างเอาไว้เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มผิวสีเข้มสัมผัสถูกฉันเขามองหน้าฉันนิ่งนายถอยออกไปก่อนฉันพูดใบหน้านิ่งเรียบเฉยเธอจำฉันไม่ได้หรอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเปิดกว้าง กำมือทั้งสองข้างแน่นพูดด้วยเสียงเบาๆและสั่นเล็กน้อย"อือ"ฉันตอบเสียงห้วนมองชายหนุ่มผิวเข้มด้วยความรู้สึกว่างเปล่าก่อนจะค่อยๆก้มหน้าสะบัดรองเท้าที่ถือไว้ไปมาด้วยความรู้สึกเขินๆ(เฮ้ยไม่ใช่ละมันเริ่มฝืดเหมือนการแก้เชือกที่พันธนาการที่พันกันอยู่อย่างนั้นไม่ได้สักทีตังหาก!ในขณะนั้นลูกค้าในร้านเริ่มหยุดเดินแล้วหันมามองมุงดูฉันและชายหนุ่มอย่างสนใจฉันหมุนตัวหันกลับไปที่ประตูทางออกของร้านและแหวกผู้คนก้าวออกจากร้านไปทันทีฟึบๆหมับ!!ฉันชะงักเท้านิดหนึ่งสายตาลดต่ำลงเพื่อมองข้อมือของตัวเองที่กำลังถูกมือของชายหนุ่มผิวเข้มกำไว้ฉันรู้สึกได้ว่ามือของเขาสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมเสียงที่ดังขึ้นอย่างมากเจ้าดอกไม้ จำฉันได้มั้ย
อือ นายไม่ควรทำแบบนี้กับผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงบางคนฉันตะโกนเสียงดังบ้าง
ดอกไม้เธอชื่อดอกไม้ใช่ไหม เธอฟังฉันดีก่อน เอ่อคือว่า เอ่อ เอ า อ ระ รอ ง "ชายหนุ่มเสียงพูดเสียงสั่นและรัว
ปล่อยมือฉันก่อนดิ"
ขอร้องนะ เรามาพูดกันก่อนดีกว่านะดอกไม้'"
"ปล่อย!ปล่อยเลย!ไม่งั้นนายโดนชกแน่!
อย่า อย่าทำแบบนั้น มันโหดร้ายเกินไปนะ(เว้ย)
"ปล่อยย!!!
ดอกไม้ๆ ใจเย็นๆนะ" เฮ้อพลั่ก!พลั่ก!!ร่างของชายหนุ่มผิวสีเข้มเซถลาตามใบหน้าที่หันกลับไปด้านข้างในทันทีเพราะแรงเหวี่ยงจากหมัดของฉันอึบบโอ้ยยยยยย!!!ฉับพลันฉันตัดสินใจกระชากข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มและผลักอกเขาให้ออกห่างความรู้สึกห่วงใยและรับผิดชอบมนุษย์หายไปเพียงลมหายใจวิ่งผ่านขณะที่มือยังถือรองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งไว้"คิดจะแต๊ะอั้งฉันงั้นสิ นี่แน่ะ!ร่างของชายหนุ่มผิวเข้มเซไปชนกับเสาไฟฟ้าบนฟุตบาธอย่างแรงจนร่างเขาเซเกือบฟุบกับถนนเขารีบพยุงร่างลุกขึ้นยืนและหันกลับมามองหน้าฉันด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึงเสียงตะกุกตะกักดังลอดออกมาจากปากสีหม่นของฉันเป็นครั้งแรก "ขอโทษนะก็นายอยากมาแต๊ะฉันนี่"
"ไม่เป็นไรครับ แต่รองเท้านั่นเธอไม่ซื้อใช่มั้ย เอาคืนมาเด๊ะ !!ขโมยของเดี๋ยวจับขังกรงกลางฝนเลยฮ่ะๆ"
สายฝนพรำโปรยเม็ดเล็กๆในลำธารริมถนนข้างสวนสาธารณะที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นแทนเพิงเก่าๆเพื่อนของฉันและร้านเก่าๆริมถนนถูกย้ายออกไปนานแล้ว..ก้อนหินสีเทาเข้มก้อนหนึ่งถูกโยนลงไปในน้ำเสียงดังจ๋อม!ผืนน้ำแตกกระเส็นเป็นระลอกคลื่นกระเพื่อมซ้อนกันเป็นวงกว้างและค่อยๆรวมตัวกันหายไปอืมม!!ฉันกลืนความรู้สึกลงคอถอดรองเท้าผ้าใบยืนเท้าเปล่าพิงต้นไม้ริมลำธารจ้องมองปรากฏการณ์ธรรมชาติก้อนหินตกกระทบสายน้ำในม่านฝนด้วยใบหน้าเฉยๆตอนนี้ความคิดของฉันเปียกปอนลอยเรื่อยเปื่อยอยู่ในลำธารที่กว้างใหญ่..ไกลออกไปเป็นท้องฟ้าสีเทาเข้มจัดที่ฉ่ำไปด้วยเมฆฝนที่กำลังตกลงมาไม่ขาดสายฉันยิ้มเมื่อยังได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนเก่าดังกึกก้องฝ่าสายฝนเข้ามาในความทรงจำซ่าาาาา
บางทีความรู้สึกดีๆที่กลางฝนตอนนั้นก็ยังส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในความทรงจำแม้บางช่วงเวลาอาจจะหลงทำหล่นไว้ในกล่องว่างเปล่าของความคิดบ้าง!แต่กลิ่นเหงื่อและเลือดซิบๆของเพื่อนเก่าจากหมัดของฉันวันนั่นก็ยังหอมจางอยู่ในระหว่างเส้ นทางนะฝ นเริ่มซ าเม็ดแล้วฉันปาดหยดน้ำที่ไหลลงมาเปียกใบหน้าทิ้งแล้วก้มลงหยิบรองเท้าผ้าใบเปียกปอนคู่เก่าขึ้นมาสะบัดน้ำฝนสองสามทีอืมม์ใช่สิ"ได้เวลาก้าวเท้าออกเดินแล้ว ถนนสายนี้มีตะพาบกิโลเมตร90เพื่อนเก่าโจทย์พี่คนผ่านทางมาเจอจร้าข้าพเจ้าสูดกลิ่นความทรงจำของเพื่อนเก่าแล้วออกวิ่งร้อยเมตรแฮ่กๆๆเดินทางไปกับเพื่อนถนนบนถนนสายนี้มีตะพาบด้วยนะเฮ่ะหายหัวไปนานเลยขอบพระคุณทุกๆพลังใจที่ให้แพมด้วยน้าจ้า
อยากเจิมมมมมมมมมมมม