๑ ก.พ
แม่บุญตั้งมือถือให้ปลุกตีห้าครึ่งตั้งใจจะไปตักบาตร ลากมิเชลไปด้วย ทั้ง ๆ ที่แกยังอยากนอน ต้องเอาเรื่องถ่ายภาพสวยๆ มาล่อถึงยอมลุกจากเตียง แม่บุญซื้อแกงเห็ด จากผู้หญิงที่ทำอาหารใส่บาตรเช่นกันซื้อตั้งแต่ที่หัวสะพาน แล้วก็รีบเดินไปให้ทันพระ คนที่ให้นามบัตรเมื่อวานเดินมาเห็นท่าทางผิดหวังที่แม่บุญไม่อุดหนุน เลยบอกว่า...ฉันพักที่นี่หลายวัน พรุ่งนี้จะมาอุดหนุน ถึงได้ฉีกยิ้มกว้าง..
พระที่มาบิณฑบาตร ท่านมาแต่เช้าหากใครมัวโอ้เอ้..จะไม่ทันตักบาตร ๆเสร็จแม่ค้าก็เอาที่ใส่ข้าวมาเทินบนหัวแบบชาวพม่าให้ชมกัน อาหารมากมายมีให้เลือกแม่บุญชอบที่เขาใช้เครื่องไม้มาใส่อาหารดูสวยงาม ชาวบ้านที่นี่ส่วนมากเป็นชาวมอญและชาวพม่า ที่อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่นานแล้ว พวกเขาพูดภาษามอญ ภาษาพม่า ภาษาไทยและภาษาอื่นอีกด้วย
เรากลับมาที่โรงแรมกินอาหารเช้าวันนี้มีคนเยอะเพราะมีสัมนาพอดี เลยคึกคักหน่อย หลังอาหารเราเดินย้อนกลับไปทางเดิมเดินแวะไปตามตรอก ซอกซอยเล็ก ๆ ดูวิถีชาวมอญที่ใช้ชีวิตที่นี่เราพูดสวัสดีไปตลอดทาง ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมาทั้งจากเด็ก ผู้ใหญ่มิเชลชอบแบบนี้มาก แม่บุญเองก็เช่นกัน บางครั้งเราก็หยุดคุยกับชาวบ้านบ้าง แม้พวกเขาจะพูดภาษาไทยได้ไม่ชัดเจนนักแต่เราก็เข้าใจกันเป็นอันดี
ชาวบ้านที่นี่อยู่แบบพอเพียงส่วนมากจะมีสวนผักเล็ก ๆ ในบริเวณบ้านหากบ้านใครใกล้แม่น้ำดูจะได้เปรียบ เพราะสามารถหิ้วน้ำจากที่นั่นมารดผักได้เลยไม่ต้องเดินไกล มีอยู่คน...ปลูกผักขายตอนที่เราไปเยี่ยม ๆ มอง ๆ เขาเชิญให้ชมสวนผักของเขาพอดีมีผู้หญิง..แม่บ้านมาขอซื้อผัก แกบอกดี ๆ ว่า
อย่าพึ่งเอาไปเลยเพราะฉันพึ่งรดยาฆ่าแมลงไปเมื่อเช้า เดี๋ยวจะเป็นอันตราย แม้หญิงผู้นั้นจะยืนยันว่าเขาจะเอาไปล้างอย่างดี แต่แกก็ไม่ยอมขายให้แม่บุญชอบในความซื่อสัตย์นี้จัง อดชมแกไม่ได้ว่า..หาไม่ได้แล้วคนแบบนี้ เพราะใคร ๆก็ต้องการเงิน เรื่องความเดือดร้อนของคนอื่น เอาไว้ทีหลังเพราะไกลตัว เล่นเอาแกเขินไปทีเดียว แม่บุญมักจะชมทันทีเมื่อเห็นคนทำดี เป็นการให้กำลังใจเขา ให้เขาเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง คิดถึงตัวเองเวลาทำอาหาร ...หากอร่อยแล้วมีคนชม เราก็อดปลื้มไม่ได้และตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก ....
ขากลับ...ตลอดทางแม่บุญสังเกตุว่าถนนหนทางแม้จะเป็นดิน แต่ถูกกวาดจนสะอาด ไม่มีเศษขยะให้เห็น ภายในบริเวณรอบ ๆบ้านแทบทุกบ้านสะอาดมาก เด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่น ให้เราถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน เรายืนดูเด็กนักเรียนเล่นลูกแก้วกันอดคิดถึงตัวเองตอนเป็นเด็กไม่ได้...
มื้อเที่ยง เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในตลาดตามเคย..ซื้อไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว แล้วนั่งรถกลับไปกินที่ระเบียงห้องที่โรงแรมชมสะพานไม้ไปด้วย อร่อยอย่าบอกใคร กินเสร็จ มิเชลก็นอน...แกเป็นแบบนี้มานานทำเหมือนคนอิตาเลียน กินข้าวเที่ยงเสร็จ ต้องนอนพัก จริง ๆ แล้วเขาว่ากันว่าทำให้สุขภาพดี สมองทำงานดีขึ้น...ส่วนแม่บุญออกไปเดินคนเดียวจนสี่โมงเย็นถึงกลับมาที่ห้อง อาบน้ำเตรียมกินข้าวเย็น ไกลปืนเที่ยงแบบนี้ กลางคืนไม่มีสิ่งหลอกล่อ ยั่วยวนค่ำมาชาวบ้านกินข้าวเสร็จ ดูทีวี แล้วก็นอน ตื่นเช้าไปทำงานกัน วิถีชีวิตเรียบง่ายที่ดูเหมือนจะหายไปนานสำหรับคนกรุง
พรุ่งนี้เราวางแผนไปดูด่านเจดีย์สามองค์กัน
๒ ก.พ.
กินอาหารเช้าเสร็จแม่บุญให้มอเตอร์ไซค์ที่หัวสะพานไปส่งที่คิวรถสองแถว จะไปด่านเจดีย์สามองค์กันเห็นมีฝรั่งมากับภรรยาคนไทยอีกหนึ่งคู่ ว่าแล้วก็ขึ้นรถไปกันเลยอากาศไม่ร้อนแม้จะมีแดด เพราะลมที่พัดมารอบด้าน เรานั่งด้านหลังเบียดเสียดกับชาวบ้าน รถไปรับรับผู้ป่วยที่โรงพยาบาลอีกคนผู้หญิงพึ่งคลอดเขาให้นั่งข้างหน้า ระหว่างทางยังแวะจอดรับเป็นระยะ ๆรถที่หลวมเริ่มจะคับจนหาที่ว่างแทบไม่เจอ แต่ก็ยังไม่วายมีคนขึ้นแถมเบียดกันจนนั่งได้อีก มิเชลหัวเราะชอบใจ ..แกบอกว่าเหมือนตอนเราไปอินเดียกันเลยใช่สินะ...แม่บุญยังจำได้ไม่ลืม
รถมาถึงด่านเจดีย์สามองค์อำเภอปลายสุดติดชายแดนประเทศพม่า เราเดินตามที่คนขับบอกให้ไปดูเจดีย์ ๆที่มองเห็นข้างหน้า...ในรูปทำไมมันดูใหญ่ อลังการณ์ แต่เจดีย์ข้างหน้าทำไมมันเล็กเหลือเกิน มีสามเจดีย์เรียงกันอยู่ พร้อมผ้าสีแดง สีเหลืองผูกไว้ ใกล้ ๆ กันเป็นร้านขายของที่ระลึกไม่พ้นพวกหิน อัญมณีต่าง ๆ อันนี้แม่บญดูเฉย ๆ ไม่ซื้อ...ตามเคย อดผิดหวังไม่ได้ที่มันช่างไม่มีอะไรจริงๆ
ร้านอาหารมีหลายร้านมิเชลชวนให้กลับไปกินข้าวที่โรงแรมกันดีกว่าเพราะแกไม่แน่ใจจากนั้นก็เดินกลับทางเดิม ขึ้นรถสองแถวกลับสังขละฯ ถึงโรงแรมกินข้าวเสร็จมิเชล...นอนตามเคยแม่บุญเก็บของใส่กระเป๋า พรุ่งนี้ก็กลับกันแล้ว บ่ายคล้อยเราเดินกลับไปชมหมู่บ้านชาวมอญกันอีกรอบ มิเชลชอบดูเขาเตะตะกร้อยืนดูอยู่นานทีเดียว มีผู้ชายคนหนึ่งแกใส่ลองจี...โสร่งของพม่า สีเหมือนกันกับของมิเชลแม้จะเก่ากว่า มิเชลชอบใจใหญ่ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกยิ้มกันเห็นน้ำหมากร่วงเชียว
๓ ก.พ.
ตื่นกินอาหารเช้า ไปขึ้นรถที่ท่ารถ บขส. กลับกทม.แวะกินข้าวเที่ยงที่เดิม...
ปล. จริง ๆแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่ง
เช่น
วัดวิเวกวังการามหรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ แม่บุญยังเสียดายที่ไม่ได้ไปกราบ
วัดจมน้ำ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ ๒๔๙๖ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ คือ เป็นจุดที่แม่น้ำสามสายมาพบกันคือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ต่อมาในปี ๒๕๒๗มีการสร้างเขื่อนเขาแหลม ทำให้น้ำเข้าท่วม อ.สัขละบุรี และวัดนี้ด้วย ช่วงเดือน มีนา ถึงเมษาเป็นช่วงน้ำลดจะสามารถมองเห็นวัดนี้ได้ชัด
เจดีย์พุทธคยา ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูนิ้วหัวแม่มือข้างขวาของพระพุทธเจ้า มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารประดิษฐานอยู่ด้วย
สะพานมอญ...มีความยาว ๔๓๒ เมตรสร้างข้ามแม่น้ำซองกาเลีย สำหรับให้ชาวบ้านได้เดินทางไปมาสะดวกยังมีเทสกาลตักบาตรบนสะพานไม้ อันนี้ไปดูปฏิทินท่องเที่ยวกันเอาเอง
เทศกาลที่น่าสนใจคือ สงกรานต์แบบประเพณีโบราณของชาวมอญ พิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ และการผูกข้อมือเดือนเก้า เรียกขวัญแบบชาวมอญระหว่างวันขึ้น ๘ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ของทุกปี
ส่วนสถานที่พักมีมากมายเปิดดูจากอินเทอร์เน็ตได้จ้า
จบแล้วนะทริปนี้สั้น ๆ จ้า
มาติดตามทริปสังขละบุรีต่อครับ .....
ดูภาพไปก็ชวนให้คิดถึงมนต์เสน่ห์ของสายน้ำ สะพานไม้และวิถีมอญของเมืองสังขละบุรีที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆ คน ต้องหวนกลับไปเยือนที่นี่อีก ครั้งแล้วครั้งเล่า รวมทั้งผมด้วย .....
แม่บุญเก็บภาพชีวิตของชาวบ้านมาได้ดีเลยนะครับ ตอนผมไปไม่ค่อยได้ถ่ายภาพแนวนี้มาเท่าไหร่ เพราะเป็นคนพูดคุยไม่เก่ง อยู่ๆ จะเดินดุ่ยๆ ไปถ่ายภาพเขาเลยก็กระไรอยู่ ผมเลยแทบไม่ได้ภาพแนววิถีชีวิตกลับมาเลย .....