เที่ยวตลาดบ้านใหม่ เมืองแปดริ้ว....
หลังจากไปเที่ยวตลาดบางนกแขวก มิเชลยังไม่สะใจอยากกลับไปที่ตลาดคลองสวน ๑๐๐ ปีอีกด้วยความติดใจเมื่อปีก่อน ตามใจแกหน่อย พากันตื่นแต่เช้าบึ่งไปหมอชิต..นั่งรถบขส. แบบด่วน ไม่เอาหวานเย็น รถไปจอดที่บขส.แปดริ้วตอนเที่ยง นี่แบบเร็วแล้วนะจากนั้นก็เดินไปถามว่ามีรถไปที่ตลาดคลองสวนหรือเปล่า เขาบอกว่ามี แต่รอนานหน่อยระหว่างรอแม่บุญ เดินไปซื้อกาแฟเย็น ได้คุยกับแม่ค้าสาวสวย บอกว่าอยากไปที่ตลาดคลองสวน..แต่ได้รับคำแนะนำว่า ...ไปเที่ยวตลาดบ้านใหม่ดีกว่า เดินทางสะดวกมีสองแถวผ่านมากกว่าไปคลองสวน ขากลับก็ไม่ต้องกังวล มองหน้ากันถามมิเชลแกบอกไปก็ไป...ตกลงเลยเรียกตุ๊ก ๆ ให้ไปส่ง ในราคา ๖๐ บาท
รถมาจอดหน้าตลาด...คนเข้าออกกันคึกคัก ที่จอดรถถัดไปหน่อยหาที่จอดรถแทบไม่ได้คนหรือมดก็ไม่รู้ ทำไมเยอะจัง มิเชลเริ่มยิ้มออก หลังจากไม่แน่ใจว่าจะดีหรือไม่ ?เพราะคนมากมายนั่นเอง เราเดินข้ามถนนไปที่หมายทันที บ้านไม้เก่า ๆ บรรยากาศเก่า ๆกลับหวนมาอีก ตลาดเก่าแห่งนี้ยังคงคึกคัก ผู้คนที่เริ่มหันมาสนใจ อนุรักษ์ของเก่าเลยทำให้มีการฟื้นฟูแบบเอาจริงเอาจัง ร้านค้าเก่า ๆ หันมาทำความสะอาดปรับปรุงให้ไฉไล แต่คงรูปแบบเดิมไว้
สองข้างทางน่าสนใจด้วยอาหารการกินมากมาย เกือบบ่ายแล้วท้องมันร้องคราวนี้มิเชลเองก็เริ่มมองหาของกินเราไปหยุดหน้าร้านขายห่อหมก...น่าอร่อย มีไก่ย่างหน้าร้านขออนุญาตซื้อเข้าไปนั่งกินในร้าน เจ้าของใจดีมากบอกว่าตามสบาย จัดที่นั่งแบบวีไอพีริมน้ำเย็นชื่นใจ แม่บุญเดินตามล่าหาข้าวเหนียวมาให้มิเชลกินกับไก่ย่างเจอส้มตำเลยซื้อตำไทยแบบไม่เผ็ด..ล้างครก มาให้เอาใจแกหน่อยข้าวเหนียวสีม่วงสวยที่หุงด้วยน้ำดอกอัญชันสวยงามจนอดใจไม่ไหวต้องถ่ายรูปกันหน่อย กินไปมองชาวบ้านมั่ง คนมาเที่ยวมั่ง ที่เดินสวนกันไปมาจนตาลาย ...
กินเสร็จ...ออกเดินสำรวจพื้นที่ เช่นเคยที่มีอาหาร ของท้องถิ่นขายกันมากมาย ของที่ทำกันเองในครัวเรือน อาหารแปลก ๆ อร่อย ๆ ให้ลองชิมกันเราเดินไม่นานก็สิ้นสุด เลยไปหย่อนก้นนั่งดื่มเบียร์กันที่ร้านอาหารริมน้ำมีลูกค้าเยอะเหมือนเก้าอี้ดนตรีอีกแหละ แม่บุญว่าหากไปเที่ยวที่คนมาก ๆ พยายามกินก่อนเที่ยงหรือเลยบ่ายไปแล้วจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องรอนาน
ตั้งแต่ไปเที่ยวตลาดโบราณมา ที่ชอบที่สุดคือ ตลาดคลองสวน และตลาดดอนหวายที่นครปฐม อีกแห่งที่สุพรรณบุรีจำชื่อไม่ได้เสียแล้ว เพราะใหญ่โตกว้างขวาง เดินได้แบบหน่ำใจเดินจนเมื่อยยังดูไม่ทั่ว แถมเป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของคนพื้นที่ด้วย ว่าง ๆลองไปเดินดู อาจจะชอบเหมือนกันก็ได้ ...
เลยบ่ายมาไกลโข...ถึงเวลากลับกันแล้ว เดินออกมาด้านหน้าข้ามถนนไปขึ้นรถสองแถวคนละสิบบาท ใกล้จะถึงท่ารถ เผอิญเหลือบไปเห็นสถานีรถไฟสวยงามมิเชลบอกว่าอยากไปดู เลยกดกริ่งให้เขาจอด อีกครั้ง...มิเชลบอกว่า อยากกลับด้วยรถไฟแม่บุญบอกว่ามันนาน ขี้เกียจไปถึงบ้านค่ำ แกบอกให้ไปถามดูก่อน เอ้า..ถามก็ถาม..แม่บุญเดินยิ้มกลับมาหา บอกว่า อีกสิบนาทีรถจะออกไปหัวลำโพงที่สำคัญใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมง แถมด้วยแม่บุญได้นั่งฟรี...เพราะเป็นคนไทยส่วนมิเชล..ต่างชาติต้องจ่าย....อิ อิ ๑๓ บาท มิเชลร้องจ๊ากกกกอะไรมันจะถูกปานนั้น เหมือนนั่งฟรีเลยนะ ตกลงเราเลยนั่งรถไฟกลับ...
บนรถ...คนมากมายที่ใช้บริการไปลงระหว่างทางส่วนมากเป็นคนที่มาทำงานที่โรงงานต่าง ๆ อาศัยนั่งรถไฟฟรีประหยัดไปได้อีกเยอะ โชคดีที่ยังมีที่ให้นั่ง...แต่แยกกันมิเชลเลยได้โอกาสฝึกพูดภาษาไทยกับสาวน้อยที่นั่งด้วย ส่วนแม่บุญนั่งไปกับแม่ลูกสามคนได้คุยกันไปจนไปถึงหัวลำโพง ...แม่บุญโทรถามพี่ชายว่าอยู่ที่ไหน โชคดีที่แกเข้าเวรเตรียมเดินทางล่องใต้ไปกับขบวนรถสายใต้ ทำงานรถไฟเหมือนพ่อ...เลยได้เจอกันคุยกันนิดหน่อย เพราะรถได้เวลาออก ...ปีหนึ่งเจอกันสิบนาทีแค่นี้แหละต่างคนต่างไม่มีเวลา..แต่เราโทรคุยกันบ่อย ๆ ไม่เป็นไร
ยังไม่ค่ำ...หันรีหันขวาง ถามมิเชลว่าอยากไปเดิน ไชน่าทาวน์ไหม? แกพยักหน้าตกลงอย่างง่ายดายแล้วก็เดินตามตูดแม่บุญเดินลัดเลาะไปตามถนนเพราะอยู่ไม่ไกล แถบนี้แม่บุญคุ้นเคยเพราะมาบ่อย เดินมาจนถึงหน้าร้านขายอาหารทะเลริมถนน มีสองร้านร้านแรกใส่เสื้อเขียวกันทั้งทีม อีกร้านตรงกันข้ามใส่เสื้อสีแดงทั้งทีมเช่นกันอันนี้เขาใส่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เกี่ยวกับสี...ที่แบ่งแยกกันอยู่ตอนนี้
มิเชลมองอย่างสนใจ เพราะหากเป็นที่เบลเยียมมาตั้งร้านแบบนี้มีหวังถูกสั่งปิด ริมถนนรถราวิ่งกันคึก มันอันตรายจะตาย กิน ๆไปเสียวด้วย ไม่รู้จะถูกห่างเลข หรือ รางวัลที่หนึ่ง หากรถวิ่งมาชนแต่...ไม่เคยได้ยินข่าวเนาะ ...มิเชลบอกว่า เป็นไปได้ไง ??เราเดินผ่านไปเพราะยังหัวค่ำ เขายังตั้งเรียงข้าวของยังไม่เสร็จ เดินดูไปเรื่อย ๆตามริมถนน ตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ไปเจอของดี...ที่ทำขาหมู..ๆ ที่ว่า เป็นอาหารกินเล่น ทำจากแป้งข้าวจ้าวผสมแป้งมันกับถั่วทองที่แช่ค้างคืนจนนิ่มเอามาผสมกันแล้วทอด ที่อุดรฯ ตอนไปเดินตลาดเช้า ถามแม่ค้าว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหนเขาไม่ยอมบอก กลัวแม่บุญจะไปเปิดร้านขายแข่งหรือไงไม่รู้ โชคเข้าข้างที่มาเจอเลยเหมามาหลายอัน ..เอาไว้มาใช้ทำมาหากินนั่นแหละ โอกาสได้ใช้คงมีสักวัน
เดินกลับมาที่ร้านขายอาหารทะเลอีกรอบมิเชลยืนดู...อ้าปากค้างกับระบบอันทันสมัยที่หาไม่ได้ที่เบลเยียม ระบบที่ว่าคือการส่งใบสั่งอาหารด้วยชักรอก ...ขึ้นบนชั้นสอง..สามไม่รู้ว่าข้างบนเขาทำอะไรกัน หรือมีครัวข้างบนด้วย ?? มิเชลอดไม่ได้ต้องถ่ายรูปมาให้เพื่อนดู เดี๋ยวจะหาว่านั่งเทียนพูดจากนั้นร้านสีแดงที่เล็งเราทั้งคู้ไว้แล้วก็กวักมือเรียกอย่างกุลีกุจอได้ที่นั่งใกล้สองสามีภรรยามาจากอังกฤษ เราสั่งข้าวผัดปู กุ้งเผาแล้วก็ปูผัดผงกระหรี่ เบียร์อีกขวดมาย้อมใจ ..เรียกน้ำย่อย สองสามีภรรยาเล็ง ๆว่าเราสั่งอะไร แต่สั่งอย่างอื่น...อ้าว
อาหารที่สั่งมาวางตรงหน้าเมื่อเบียร์ยังไม่หมดถึงครึ่งแก้วมิเชลตักปูผัดผงกระหรี่มาชิม ทำหน้าตาเหมือนจะขึ้นสวรรค์ แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงตั้งหน้าตั้งตากินลูกเดียว ส่วนแม่บุญขอแทะกุ้งก่อนนิ้วมือทั้งสิบละเลงอย่างเมามัน นี่ถ้าถ่ายวีดีโอไปให้ฝรั่งดูคงได้ชนะเลิศซกมกแห่งปีแน่นอน สองสามีภรรยามองอย่างเอร็ดอร่อยแทน แล้วก็ถามว่ากินอะไรกัน เลยให้ชิมแกทำหน้าเหมือนมิเชล...บอกว่าพรุ่งนี้จะมาลุยอีกรอบมื้อนี้เราจ่ายแบบเต็มอกเต็มใจแม้จะแพงกว่าปกติ เพราะความอร่อยนั่นเอง
อิ่มหมีพีมันกันแล้วก็เดินกลับไปหัวลำโพงนั่งรอรถเมล์ที่จะผ่านไปถึงหน้าปากซอยที่บ้านไม่ได้รีบเร่งจนต้องเรียกแท็กซี่ให้เสียตังค์แพงเพราะบ้านอยูไกลเที่ยวกันเรื่อยเปื่อยแบบนี้เป็นปกติวิสัย กลับถึงบ้านรีบอาบน้ำนอน...เหนื่อยกับการเดินทาง และอากาศที่ร้อนมาทั้งวัน...แล้วพบกันใหม่...