Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
3 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
7 วัน 6 คืน ละลายเงินสองหมื่น (กว่า) ที่ฮ่องกง ตอนที่ 5

โยนส้มเสี่ยงทาย แล้วไปดินแดนสนูปปี้

วันพุธที่ 17 ส.ค. 2548 วันนี้เราจะไปโยนส้มกันค่ะ ตื่นกันเช้าค่ะ ไม่น่าเชื่อ อิอิ เรานั่ง KCR จาก Tsim Sha Tsui ไปลงที่ Tai Wo ค่ะ ตามข้อมูลที่เก็บๆ มา



ขึ้นไปถึงก็งงค่ะ ไม่ค่อยมีคนเลย แหะแหะ..ป่าวหรอกค่ะ พอดีเป็นต้นสายคนเลยน้อย พอไปซัก 2-3 สถานีคนก็มากันแยะแล้วค่ะ ถ่ายไม่ได้ ^ ^



ออกทางห้างชื่อ Tai Wo Estate Shopping Center มองซ้าย มองขวา ว๊าววว น่าเดินแฮะ



แต่กลัวเวลาไม่พอ ถ่ายรูปเสร็จก็ต้องหาที่ขึ้นรถเมล์กันเลยค่ะ



ดูป้ายดีๆ นะคะ สถานีรถจะอยู่ใต้ตึกค่ะ ถ้างงก็ถามเจ้าหน้าที่หรือคนแถวๆ นั้นก็ได้ค่ะว่า Bus Terminus อยู่ไหน (แบบว่าเดินผิด ถามมาแล้วอ่ะค่ะ อิอิ)

เราจะนั่งสายที่ไป Yuen Long นะคะ ก็จะมีสาย 64K, 65K และสาย 64P พอเจอป้ายรถ ก็ดูๆ อ่านๆ ป้ายนิดนึงนะคะ ว่าสถานี Fong Ma Po ที่เราจะไปลงเนี่ยเป็นป้ายที่เท่าไหร่ พอเวลารถวิ่งไปก็คอยดูป้ายด้วยว่าถึงสถานีอะไรแล้ว

คือเรื่องของเรื่องเนี่ย ตอนมี่ไป พอเจอรถสาย 64K ปุ๊บก็ขึ้นปั๊บ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ปรากฎว่าก็นั่งกันไปเรื่อย เห็นคนข้างๆ เค้าถือถุงส้ม ก็เข้าใจว่าจะไปที่เดียวกัน (เหมือนเป็นคุณครู พานักเรียนมาด้วยเกือบสิบคนอ่ะค่ะ) พอนั่งๆ ไปซักพัก เอ..ทำไมมันชนบทมากขึ้นเรื่อยๆ หว่า ก็เลยตัดสินใจถามคุณครูคนนั้นว่า "ขอโทษนาคะ พวกหนูจาไปลงที่ Lam Tsuen Wishing Tree อ่ะค่ะ จะต้องลงป้ายไหนคะ"

คุณครูตอบมา เล่นเอาตกกะจายว่า "มันเลยมาแล้วจ้าหนูเอ๊ยยยย" อ้าว .. กรำ เค้าบอกให้ลงค่ะ แล้วนั่งรถฝั่งตรงข้ามกลับไปซัก 3-4 ป้าย เค้าเองก็ไม่แน่ใจ เราก็เลยลงค่ะ ผลจากการนั่งรถผิด ได้เห็นวิวสวยๆ อีกแล้วค่ะ



ทีนี้พอยืนอยู่ที่ป้ายรถ ก็เลยได้มีโอกาสยืนอ่านและสังเกตรายละเอียดเส้นทาง แล้วก็เลยจดสถานีที่จะลงเป็นภาษาจีนไว้บนกระดาษคู่มือ พอขึ้นรถก็ยื่นให้คนขับดูว่าจะลงตรงนี้นะ บอกด้วย เฮียแกก็มองหน้าค่ะ แล้วก็ชี้ให้ดูบนหัวเรา มานมีป้ายไฟบอกค่ะว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ป้ายไหนแล้ว แป่ววว ก็คันที่ตะกี๊นั่งมามานเสีย มะมีไฟอ่ะ

คราวนี้ไม่วิ่งขึ้นไปนั่งชั้นบนแล้วค่ะ นั่งมันชั้นล่างนี่แหล่ะ เห็นป้ายชัดๆ ไปเลย



รถเมล์ที่นี่ดีอย่างนะคะ ปุ่มกดออดจะอยู่ตรงที่จับค่ะ กดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ (รวมทั้งผู้ใหญ่ตัวเล็กอย่างมี่ อิอิ)



ถึงแล้วค่ะป้ายที่เราจะลง Lam Tsuen Wishing Tree



พอไปถึงให้เดินเข้าไปข้างในก่อนนะคะ จะมีศาลเจ้าค่ะ



ตอนแรกมี่กับเพื่อนตั้งใจจะจุดธูปไหว้ค่ะ เห็นมีธูปวางอยู่เป็นชุด ใกล้ๆ กันจะมีกล่องหยอดเงินบริจาค นึกว่าจะเหมือนบ้านเราคือหยอดเท่าไหร่ก็ตามแต่ศรัทธา แต่เปล่าคะ มีป้าคนนึงเดินมาส่งภาษาท้องถิ่นบอกว่าไหว้พระสิ นี่ธูปชุดละ 60 เหรียญ ตะลึงค่ะ มีธูป เทียน กระดาษแดง เท่านั้นเอง ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ป้าแกรีบบอกเลยว่า 30 เหรียญ อะไรจะเร็วขนาดนั้น นึกว่าตัวเองยังหลงอยู่ Lo Wu ซะอีกนะเนี่ย เลยรีบๆ ไหว้พระแล้วออกมา



อ้อ..ตอนก่อนที่ป้าคนนั้นจะโผล่มา เพื่อนบอกหุ้นกันจุดธูปนี้มะ งามดีแต๊ (มี่ว่าเหมือนยากันยุงอ่ะ) คิดดูละกันขนาดธูปก้านๆ ธรรมดายังชุดละ 60 เหรียญ ธูปขดๆ แบบนี้จะชุดละเท่าไหร่



กระถางธูปตั้งอยู่นอกศาลเจ้าค่ะ ฝนตกเลยไม่ได้ใช้ ปิดไว้อีกต่างหาก

เคยไปที่ไต้หวัน เวลาไว้เจ้า เค้าจะโยนธูปลงไปในกระถางเลยค่ะ ใหญ่ๆ แบบนี้ล่ะ มะต้องลุ้นเวลาจะปักว่าโดนมือหรือเปล่า



นี่ต้นส้มด้านในที่อยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้าค่ะ ต้นนี้ไม่ใหญ่ค่ะ ดูส้มติดอยู่น้อย เหมือนไม่ค่อยมีคนมาเนอะ (คิดงั้นกันใช่ม๊า อ่านกันต่อไปเดี๋ยวก็รู้ อิอิ)



ส่วนนี่ต้นข้างหน้าค่ะ ต้นใหญ่เชียว ส้มก็หรอมแหรมเหมือนกัน



เค้าเอาลวดสลิงเส้นใหญ่ๆ มาขึงไว้ด้วยค่ะ น่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้ล้มมั๊งคะ ไม่แน่ใจ



ฝนก็ยังคงตกไม่หยุด ตอนเดินจากศาลเจ้าด้านในกลับมาข้างหน้า ระหว่างทางก็จะมีพี่ๆ ป้าๆ ยื่นส้มที่พันอยู่กับกระดาษสีแดงสีส้มมาให้ แล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ เราก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าวัด เห็นป้าแก่ๆ คนนึง ก็เลยว่าจะซื้อส้มกับแก ถามว่าเท่าไหร่ แกบอกชุดละ 3 เหรียญ เราก็เออตรงตามข้อมูลที่ได้มาแฮะ โล่งใจ

พอวางของนั่งลง แกก็ยื่นกระดาษมาให้ประมาณว่าเป็นคำอธิษฐาน มีเป็นช่องๆ เกี่ยวกับครอบครัว การเรียน การงาน ให้ลอกๆ เอา สำหรับคนเขียนจีนได้ มี่ก็เลือกเขียนเรื่องครอบครัว เพื่อนเขียนเป็นภาษาไทย ยังไม่ทันไร ป้าแกยื่นอีกชุดมาให้ บอกว่าอีกชุดนึง ต้องใช้ 2 ชุด ต้นไม้มี 2 ต้น งงค่ะ แล้วก็เอาธูปเทียนเหมือนกับตะกี๊ที่เห็นในศาลเจ้ามาให้ด้วยบอกว่านี่อีก 60 เหรียญ ต้องไหว้เจ้าก่อน แล้วค่อยอธิษฐาน แล้วค่อยโยนส้ม แล้วต้องโยนทั้ง 2 ต้นด้วย เบ็ดเสร็จ 66 เหรียญ เล่นเอางงค่ะ มี่กับเพื่อนมองหน้ากันไปมา เอาไงดีเนี่ย เลยตัดสินใจบอกป้าไปว่าไม่เอาค่ะ ขอแค่ชุดเดียวก็พอ โยนแค่ต้นเดียว เค้าบอกไม่ได้นะ ต้องจุดธูปอธิษฐานก่อน มี่ก็ยืนยันว่าไม่เอา พูดจีนไม่รู้เรื่องเลยพูดอังกฤษซะ No..No.. We don’t want ดูเหมือนจะได้ผลค่ะ เค้าก็บ่นๆ อะไรไม่รู้แล้วก็เดินไป เราก็เอาส้มชุดของเราไปยืนอธิษฐานใต้ต้นไม้ แล้วก็โยน

อธิษฐานกันก่อนนนน (อย่านานเด่ะเจ๊ ได้ข่าวว่าซื้อชุดเดียว 3 เหรียญ ขอซะแยะเชียว อิอิ)



นี่ค่ะ ส้มกะกระดาษใบคำขอของมี่ อุอุ



เสร็จแล้วก็ยืนเล่นกันอยู่ตรงนั้นใต้ร่มโค้กอันใหญ่ ประมาณว่าหลบฝนไปด้วย เดินวนรอบๆ ต้นไม้ แล้วก็เจอะเข้ากับป้ายอันนี้ค่ะ



เหตุผลที่ส้มไม่เต็มต้นเหมือนที่เคยเห็นกันในรูปก็เพราะอย่างนี้นี่เอง พอถึงบ้างอ้อ ก็พอดีมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมากะแม่ค่ะ มาไหว้เหมือนกัน เค้าก็เดินไปข้างในไหว้เจ้า เสร็จก้กลับออกมาไหว้ข้างนอก (เค้าซื้อเต็มชุดใหญ่ที่ป้าแกขายอ่ะค่ะ ไม่รู้ราคาเท่าไหร่เหมือนกัน จะต่างกันไม๊น๊า ระหว่างนักท่องเที่ยวเซ่อซ่าอย่างเรา กะคนท้องถิ่นอย่างเค้า)

พอเค้าไหว้เสร็จก็อธิษฐาน แล้วก็ผูกค่ะ ผูกกะป้ายที่ทางวัดทำขึ้น จะมี 2 ป้าย แทนต้นไม้ 2 ต้นอ่ะค่ะ



จบกัน เราก็ว่าแล้ว ทำไมส้มมันไม่แยะเหมือนในรูปที่เคยเห็น ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ซักพักก็มีเด็กๆ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินมามองๆ รอบๆ ต้นไม้ที่เราโยนส้มไว้ แล้วก็เดินมาหามี่ ส่งภาษาท้องถิ่นอะไรไม่รู้ มี่ก็บอกว่าฟังไม่ออก เค้าก็พูดอังกฤษแทนถามว่า “Do you know how to protect the tree?” อ่ะนะ เห็นช้านเป็นคนดูแลต้นไม้หรือไงเนี่ย เลยบอกไปว่าเราไม่ใช่คนพื้นที่นะ เค้าก็ Sorry แล้วก็ไป ซักพักก็มีมากันอีกกลุ่ม เหมือนเดิมค่ะ มาถามอีกละ เลยคิดว่ายืนอยู่ไม่ไหวล่ะ เพราะเริ่มเห็นมากันเรื่อยๆ เลย เดี๋ยวต้องตอบคำถามเดิมๆ อีก เลยไปดีกว่า เดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์ค่ะ

อันนี้ป้ายบอกทางอยู่หน้าวัดค่ะ



ป้ายรถเมล์



พอดีสาย 65K มาก่อน เราก็เลยนั่งสาย 65K กันค่ะ ถ้าดูจากป้าย รถจะไปสุดสายที่ Tai Po ค่ะ เราก็เลยนั่งกันไปสุดสาย กะว่าประหยัดค่ารถ KCR 1 สถานี (อาจจะไม่ต่างกันก็ด้ายยย) แต่สิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่เรื่องการประหยัดค่ารถ KCR แต่เป็นความรู้ใหม่ว่า สาย 64K ก็มีต้นสายอยู่ที่นี่เช่นกัน

สรุปว่าถ้าจะไปโยนส้ม สามารถนั่ง KCR มาลงที่สถานี Tai Po Market แล้วเดินมาใต้ตึกที่เป็น Bus Terminus แล้วขึ้นสาย 64K หรือ 65K ก็ได้ค่ะ ค่ารถเท่ากันตลอดสายอยู่แล้ว



วิวระหว่างทางจาก Lam Tsuen ไป Tai Po ค่ะ



เรานั่ง KCR จาก Tai Po มาลงที่สถานี Sha Tin ตั้งใจว่าจะไปวัดพระพุทธรูป 10,000 องค์แล้วค่อยกลับมาที่ Snoopy’s World แต่ฝนตกหนักมาก เราก็เลยต้องหลบกันอยู่ในห้าง New Town Plaza พอดีตอนที่ออกจาก KCR เข้ามาที่ห้าง ผ่านร้าน Maxim Bakery ซื้อขนมติดมือมา ก็เลยมาหาที่นั่งทานตรงหน้าทางเข้า Snoopy’s World นั่นแหล่ะ เห็นคนท้องถิ่นเค้าก็มานั่งเล่น ทานอาหารกันตรงนั้นเหมือนกัน

ซื้อขนมเสร็จก็พยายามจะหาที่นั่งทาน ขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบนกัน ดูบันไดเลื่อนเค้าจิคะ ยาวจัง



พอขึ้นมาข้างบน ชั้นอะไรไม่รุค่ะ เจอนี่เลย ร้านนี้นึกว่ามีแต่ที่เมืองไทยนะเนี่ย



พอมาถึงหน้า Snoopy's World ได้ ก็จัดแจงถ่ายรูปอีกค่ะ นี่คือหน้าตาเจ้าขนมที่ซื้อมา เค้กชิ้นละ 3.8 เหรียญ



ดูกันใกล้ๆ ค่ะ รสชาดก็ธรรมดาค่ะ เหมือนเค้กชิ้นละ 10 บาทแถวบ้าน แต่นิ่มกว่าหน่อย



ส่วนนี่ก็โดรายากิลาย Hello Kitty ค่ะ รสชาดสู้ Yamazaki บ้านเราไม่ได้เลย แถมแพงอีกตะหาก ชิ้นนึง 5.5 เหรียญ



บรรยากาศหน้า Snoopy's World ค่ะ เจ๊คนนี้ก็มานั่งหม่ำเหมือกานนน



ขนมปังไส้หมูแดงของเพื่อนค่ะ ถ่ายได้แค่นี้ค่ะ เจ้าของไม่ยอม



ส่วนนี่ขนมปังใส้ไข่หวานกับข้าวโพด



เหมือนไข่ต้มมาบดแหลกๆ ผสมกับข้าวโพดหวานอ่ะ หวานกันไปใหญ่ มะอร่อยเรยยย แอบทานไม่หมดค่ะ



บนฝ้าเพดานจะมีเหล่าบรรดา Snoopy's Gang มาแอบดูพวกเราค่ะ อิอิ



พออิ่มแล้วก็เดินเข้าไปใน Snoopy’s World ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะปิดซ่อมด้วย แต่ก็ถ่ายรูปเก็บมาได้นิดหน่อยค่ะ



น้องคนนี้น่ารักค่ะ เห็นมี่ถ่ายมุมไหน ก็จะเลียนแบบ แต่ตัวเล็กกว่าทำท่าเดียวกะเรามะได้ อุอุ เอารูปน้องมาลงแทนละกัน



สีซีดๆ กันหมดแล้ว



ตรงนี้ก็ไม่ให้เข้า เอ้า..ถ่ายป้ายเฉยๆ ก้อได้



อ่า .. สงสัยมานานแล้วค่ะว่าทำไมบ้านเจ้า Snoopy ถึงได้หลังเล็กจ้อยร่อย จนทำให้เค้าต้องมานอนบนหลังคาอยู่เรื่อยเลย



เดินเล่นไปเรื่อยๆ ถ้าหนูๆ ปวดชิ๊งฉ่อง พี่ Snoopy จะพาไป



คือว่าลายเสื้ออ่ะ ทำไมเขียนว่า Joe Cool อ่ะคะ ชื่อเล่น Snoopy ชื่อ Joe เหรอ???



ตู้กดน้ำค่ะ เห็นแล้วนึกถึง Metalman เลยอ่ะ อิอิ



มุมคุณหมอคับ แต่มะมีเก้าอี้ให้นั่ง เลยไม่รุจะเก๊กถ่ายกะฉากนี้ยังไง



ธนาคารค่ะ แหม..อยากปล้นจัง แต่มันเปิดมะออกอ่ะ



Snoopy เค้าจาพาเพื่อนมี่ไป Surf ค่ะ



ส่วนนี้เค้ากั้นโซ่ไว้ค่ะ บอกเพื่อนว่าจะแอบเข้าไป ไม่เป็นไรไม่มีใครเห็น แต่เพื่อนส่ายหน้าไม่เล่นด้วย เลยได้แต่เก็บภาพบรรยากาศมาให้ดูกัน



ส่วนนี้จะเป็นที่ล่องเรือ ให้เด็กๆ เล่น แต่ปิดซ่อมค่ะ ถ่ายได้แต่ป้ายเหมือนเดิม



อีกมุมหนึ่งของ Playground ค่ะ



ตรงนี้เหมือนเป็นคอกของเจ้าหน้าที่ วันที่มี่ไปไม่เห็นมีใคร ว่าจะไปเก๊กท่าซะหน่อย เค้าปิดทางเข้าเอาไว้อ่ะค่ะ เข้าไม่ได้



พอถ่ายรูปกันจนเบื่อแล้วก็ออกมาเดินสำรวจห้างต่อ ป้ายนี้อยู่ข้างนอกตรงลานด้านล่างเลยค่ะ



ผ่านร้าน Maxim อีกที แอบถ่ายรูปมายั่วน้ำลาย (ตัวเอง) เล่น



จาก Snoopy's World เราจะไป Chi Lin กันค่ะ นั่ง KCR ไปที่ Kowloon Tong เปลี่ยนเป็น MTR ไปลงสถานี Diamond Hill

ที่สถานี MTR ทุกๆ สถานีจะมีร้านขายของกินให้เห็นเยอะแยะทั่วไปค่ะ อย่างร้านนี้จะขายน้ำที่เน้นสุขภาพค่ะ



แต่มี่ติดใจร้านนี้ค่ะ เค้าขายข้าว คล้ายๆ ข้าวห่อ แล้วมีไส้ให้เลือกหลายๆ ไส้ เมนูกับการสั่งจะคล้ายๆ ร้านโอบองแปง มีข้าวให้เลือก 1 อย่างว่าจะให้ห่อแบบไหน แล้วมีราคาให้เลือก แต่ละราคาก็จะมีจำนวนไส้ที่จะใส่ได้ต่างกันไป ลักษณะการห่อ จะเหมือนห่อสาคูไส้หมูอ่ะค่ะ เสร็จแล้วไม่แน่ใจว่าเอาไปนึ่งหรือทำยังไงต่อ พอดีไม่ได้ซื้อทาน เลยไม่มีรูปให้ดู ถ้าใครแวะไปแล้วซื้อทาน ถ่ายรูปมาเผื่อด้วยนาคะ



พอออกจากสถานี MTR Diamond Hill จะเจอห้างชื่อ Hollywood Plaza มะต้องเข้าค่ะ มี่เข้าไปเดินแล้วงง =P

พอออกจากสถานีปุ๊ปให้มองไปทางขวามือ จะเจอป้ายแบบนี้



ก็เดินไปตามทางที่ลูกศรชี้ จะเป็นเส้นทางแบบนี้



พอเดินไปถึงแยก ก็จะมีป้ายอีก ก็เดินตามทางที่ป้ายบอกไปเรื่อยๆ มองไปไกลๆ จะเห็นวัดแล้วค่ะ



แวะมาดูกันนิดนึงว่ามี่เดินเข้าไปในห้างแล้วเจออะไร อย่างแรกก็คือพวกร้านขายขนมต่างๆ ค่ะ ที่นี่จะมีอยู่ 2 ร้านที่มี่ชอบ

ร้านแรกคือ All About Strawberry ทั้งร้านทุกเมนูจะมี Strawberry อยู่ด้วย หน้าร้านตกแต่งด้วย Strawberry ใส่โชว์ไว้ในตู้กระจก สวยและทำให้อยากทานมั่กๆ



อีกร้านคือ Chocolate Lovers ร้านนี้ก็สไตล์เดียวกัน Chocolate ทั้งร้าน แต่เค้าไม่ยอมให้ถ่ายรูปค่ะ ใจร้ายมั่กมาก ="(

แอบแวะเข้าห้องน้ำกันหน่อย แล้วก็ต้องประหลาดใจกับเจ้านี่ ดูจากภาพก็เข้าใจชัดเจนว่ามันเป็นเครื่องฉีดโฟมสำหรับใช้ทำความสะอาดฝารองนั่งชักโครกนั่นเอง ว๊าววว..



ออกจากห้องน้ำก็เดินมาเจอโรงหนัง ดูสิคะ เรื่องอะไรเอ่ย “ต้มยำกุ้ง” ค่ะ เพิ่งเข้าฉายเลย



ดูป้ายกันอีกที



เคาน์เตอร์จองบัตรของเค้าค่ะ เราจะเห็นแผนผังที่นั่งได้จากจอข้างบนนี้เลย



ทีนี้ก็มาต่อกันที่บรรยากาศที่ Chi Lin กันนะคะ เดินเข้ามาปุ๊ป พระเจ้าช่วย..สวยจริงๆ



เดินเข้าไปข้างในกันค่ะ รูปนี้ถ่ายจากมุมบนลงมาข้างล่าง สวยไม่แพ้กัน



ส่วนนี้อยู่ด้านในสุดค่ะ






ตอนแรกเห็นก็งง อะไรหว่า มันคือส่วนที่อยู่บนหลังคาวัดอ่ะค่ะ ที่เป็นสีทองๆ



หันไปทางไหนก็สวยไปหมด



เดินกันให้รอบ กดชัตเตอร์กันให้เมื่อย



ที่เคาะบานประตูค่ะ



มุมนี้เพื่อนแอบเห็นค่ะ สวยจัง



ตอนแรกไม่ได้สนใจที่นี่ซักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าไม่มีอะไรแค่วัดกับสถาปัตยกรรม แต่พอมาถึงแล้วถึงได้ถึงบางอ้อ ว่าทำไมที่นี่จึงได้นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องมาเยือน สวยมากค่ะ สวยและสงบมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่ท่ามกลางตึกสูงของฮ่องกง

ออกจากวัด Chi Lin เราก็นั่ง MTR ย้อนกลับมา 1 สถานี มาลงที่ Wong Tai Sin เพื่อไปวัดหวังต้าเซียนกันค่ะ











พอเสร็จจากวัดหวังต้าเซียนเราก็นั่ง MTR ไปที่ Mong Kok ค่ะเดินเล่นกันต่อแถวๆ นั้น ได้ของเล่น ของใช้ Hello Kitty มาอีกเพียบ แถมยังแวะร้าน Levi's หมดไปอีกหลายตังค์ =)

เจอร้านน้ำผลไม้อีกแล้วค่ะ คนแยะตามเคย แต่ที่แยะน่ะ มะช่ายลูกค้าน้ำผลไม้หรอกค่ะ อิอิ เป็นลูกชิ้นตะหาก 1 ไม้จะมีประมาณ 5 ลูกโตๆ แต่รวมๆ กันไว้ ไก่ หมู เนื้อ ประมาณนั้น เลยไม่ได้ชิมค่ะ ซื้อแต่น้ำแตงโมมาดื่มกันคนละแก้ว ดับกระหาย แก้วละ 6 เหรียญค่ะ



เจอรถขายไอศครีมชื่อ Mister Softee เลยซื้อไอศครีมโคน 1 อัน 6 เหรียญกว่าๆ กับถ้วยอีก 1 ถ้วย 5 เหรียญ มาทาน ไม่ถูกใจค่ะ เพราะหวานมากๆ รสชาดคล้ายๆ ไอศครีมของ McDonald แต่แพงกว่า



นี่ค่ะ หน้าตาเจ้าไอศครีมโคน



เดินผ่านโรงหนังอีกแล้วค่ะ เจอต้มยำกุ้งเหมือนเดิม ดังใหญ่แล้ว




Create Date : 03 กันยายน 2548
Last Update : 13 กรกฎาคม 2549 23:33:44 น. 0 comments
Counter : 2561 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luvammie
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ช่างฝัน ฝันเพ้อเจ้อไปเรื่อย ไม่รู้จักโต ชอบอ่านหนังสือจินตนิยาย เอาแต่ใจตัวเอง คลั่งไคล้สีชมพู สีม่วง สีฟ้า และเฮลโลคิตตี้เป็นที่สุด ชอบฟังเพลงร็อค พังค์ โดดๆ ในคอนเสิร์ต รักการทำขนมและเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้ได้โลโก้และชื่อแบรนด์เป็นของตัวเองแล้ว อิอิ "The Baker Witch" แม่มดคนนี้ทำขนมไม่เก่ง แต่รักที่จะทำ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนาคะ


Friends' blogs
[Add luvammie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.