|
ประวัติความเป็นมาของ LP
ประวัติความเป็นมาของ LP

ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ศิลปินจากลอสแองเจลลิสกลายเป็นวงดนตรี "นูเมทัล" (Nu-Metal) ระดับแนวหน้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยบทเพลงน่าสนใจ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของดนตรี เมทัล, ฮิพฮ็อพ, อีเลคโทรนิค, อินดัสเตรียล และยังคงมีกลิ่นไอของความเป็นป๊อปอยู่ด้วย โดยทั้งหมดมีที่มาจาก การที่ ไมค์ ชิโนดะ Mike Shinoda (Emcee, Vocal) ไปชมคอนเสิร์ตของวงแอนแทร็กซ์ (Anthrax) และ พับลิก อีเนมี่ (Public Enemy) ในช่วง พ.ศ. 2532 - 2533 และการแสดงในช่วงที่แฟนเพลงเรียกร้องให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง หรือช่วงอังกอร์ของคอนเสิร์ต ในครั้งนั้น ทั้ง 2 วง ลุกขึ้นมาแสดงดนตรีร่วมกันในบทเพลง บริงก์ ดา น้อยซ์ (Bring Da Noise) ซึ่งเป็นการจุด ประกายให้ ไมค์ อยากทำงานเพลงในทิศทางนั้น
ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) จึงเริ่มต้นจาก ไมค์ ชิโนดะ (Mike Shinoda: Emcee, Vocal) หนุ่มน้อยผู้คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมดนตรีฮิพฮ็อพ กับ แบรด เดลสัน (Brad Delson: Guitar) มือกีตาร์สมัครเล่น ทั้ง 2 หนุ่มเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เกรด 7 ( ประมาณ 13 ปี ) โดยในช่วงแรก ไมค์ (Mike) รับหน้าที่ทำบีทให้วงฮิพฮ็อพ หลังจากนั้นจึงได้พบกับ ร็อบ บอร์ดอน (Rob Bourdon: Drums) มือกลอง ณ โรงเรียนใกล้ๆ ในแถบซาน เฟอร์นานโด้ แวลลีย์ (San Fernando Valley) ส่วน โจ ฮาห์น (Joseph Hahn: DJ) ผู้รู้จักกับ ไมค์ (Mike) ขณะศึกษาที่ อาร์ต เซ็นเตอร์ คอลเลจ (Art Center College) ใน พาซาดีนา (Pasadena Art school) ตามมาเป็นหนึ่งในสมาชิก และร่วมตั้งวงดนตรีชื่อ ซีโร่ (Xero) ใน พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดการแสดงเล็กๆ สร้างความครื้นเครงและมันส์อย่างสุดๆ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน
เมื่อ ซีโร่ (Xero) มีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่ วิสกี้ อะโกโก้ ( Whisky A Go-Go ) คลับดังของแอลเอ และด้วยฝีมือการแสดงอันโดดเด่น จึงเป็นที่ถูกใจ เจฟฟ์ บลู (Jeff Blue) แห่ง ซอมบ้า มิวสิค พับลิชชิ่ง ( Zomba Music Publishing) และได้เซ็นสัญญาในที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญและผลักดันให้ ซีโร่ (Xero) มีโอกาสในวงการดนตรีมากขึ้น เนื่องจาก เจฟฟ์ (Jeff) มีส่วนผลักดันให้ผลงานเพลงตัวอย่างของ ซีโร่ (Xero) เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงการเพลงมากขึ้น
ต่อมา ซีโร่ (Xero) ได้เซ็นสัญญากับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Brothers) อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากนั้นไม่นาน เจฟฟ์ (Jeff) ย้ายตามไปทำงานร่วมกันโดยดำรงตำแหน่ง เอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ (Executive Producer) ด้วย ขณะนั้น ซีโร่ (Xero) ต้องการสมาชิกเพิ่มในตำแหน่ง นักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington: second vocal) หนุ่มจากอริโซน่าจึงเข้ามาเป็นสมาชิกคนต่อไปในฐานะนักร้องนำ โดย เชสเตอร์ (Chester) ได้รับเทปตัวอย่างที่ ซีโร่ (Xero) ทำขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ ในห้องนอนของ ไมค์ (Mike)
นอกจากนี้ทั้ง เชสเตอร์ (Chester) และ ไมค์ (Mike) รู้จักกันผ่านทางสำนักทนาย ไมเนียท เฟลพส์ แอนด์ เฟลพส์ (Miniet Phelps and Phelps) ที่ทั้งคู่ใช้บริการ เชสเตอร์ (Chester) สนใจที่จะร่วมงานกับ ซีโร่ (Xero) มาก จนถึงกับแอบหนีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 23 ปีของตนไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อรีบไปบันทึกเสียงร้องของตนลงเทปตัวอย่างกลางดึก จากนั้นได้โทรศัพท์เปิดเทปตัวอย่างให้กับทางวงฟัง ซึ่งทุกคนชอบมากจึงรับ เชสเตอร์ (Chester) เป็นสมาชิกใหม่ทันที
จากนั้นสมาชิก ซีโร่ (Xero) ทั้งหมดตกลงใจเปลี่ยนชื่อวงเป็น ไฮบริด ธีโอรี่ (Hybrid Theory) แต่บังเอิญไปซ้ำกับชื่อวงดนตรีของศิลปินกลุ่มอื่น จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็นวง ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ซึ่งเป็นชื่อที่แผลงตัวสะกดมาจาก ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการมองการณ์ไกลไปถึงการสร้างเว็บไซต์ประจำวง เนื่องจากมีการจดทะเบียนซื้อขายชื่อโดเมน ลินคอล์นพาร์ค.คอม (lincolnpark.com) ไปเรียบร้อย ก่อนที่ทางวงจะไปขึ้นทะเบียนวงดนตรีของพวกตน และหากยังคงต้องการใช้ชื่อนั้น ก็ต้องเตรียมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลแน่นอน
นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกามีสวนสาธารณะชื่อ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) อยู่หลายแห่ง ดังนั้นหากไปเปิดการแสดงดนตรีที่ใดก็ตาม จะกลายเป็นเหมือนกับวงดนตรีท้องถิ่นทั่วไป ที่สำคัญคือทุกคนชอบชื่อ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) และยังเป็นสถานที่ที่ เชสเตอร์ (Chester) ขับรถผ่านภายหลังจากซ้อมดนตรีเสร็จเป็นประจำ ลินคอล์น พาร์ค (Lincoln Park) เป็นสถานที่แห่งหนึ่งของชนชั้นกลาง และ คนจรจัดของเมืองซานต้า โมนิก้า (Santa Monica)
ต่อมา ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ได้ร่วมงานกับ โปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง ดอน กิลมอร์ (Don Gilmore) ผู้เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพิร์ล แจม (Pearl Jam ) , เอเพ็กซ์ ธีโอรี่ (Apex Theory) , ชูการ์ เรย์ (Sugar Ray) และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ออกผลงานชุดแรกของ ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) จะใช้ชื่ออะไรไปไม่ได้นอกจากชื่อที่ยังคาใจทุกคนอยู่ นั่นก็คือ ไฮบริด ธีโอรี่ [Hybrid Theory] ทุกคนยอมรับว่าคือ วลีที่สรุปจุดมุ่งหมายของวงได้ดีที่สุด และต้องมีการใสวงเล็บเพิ่มลงไปด้วย
ไฮบริด ธีโอรี่ [Hybrid Theory] ของวงดนตรีหน้าใหม่วงนี้ ประกอบไปด้วยบทเพลงเยี่ยมยอดมากมาย ที่สามารถทะยานเข้าสู่ ท็อป 20 ของบิลบอร์ด (Billboard Top 20) ได้สัปดาห์แรก บทเพลง วัน สเต็ป คโลสเซอร์ (One Step Closer) โดนใจนักจัดรายการวิทยุทั่วโลกไปเต็มๆ รวมทั้ง ครอวลิ่งก์ (Crawling) และ อิน ดิ เอ็นด์ (In the End) ผลงานชุดนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานคุณภาพที่สื่อผสานพลังแห่งการเลือกสรรดนตรี ลงตัวที่สุดของยุค !!
ช่วงนั้น แบรด (Brad) จบระดับไฮสกูล และเข้าศึกษาต่อที่ ยูซีแอลเอ (UCLA) และเป็นเพื่อนร่วมห้องกับ ฟีนิกซ์ (Pheonix) สมาชิกรุ่นก่อตั้งวงในประมาณปี พ.ศ. 2544 จึงชักชวนให้กลับเข้าร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง ในฐานะสมาชิกคนที่ 6 ของ ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) (แต่ในปกผลงานชุด ไฮบริด ธีโอรี่ [Hybrid Theory] ลงเครดิตเพียงแค่ 5 คน เท่านั้น)
ต่อมา ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ได้รับรางวัล (The favor of MTV's pop-oriented TRL crowd) และภายในปี 2544 ออกแสดงทัวร์คอนเสิร์ตทั้งสิ้น 324 คอนเสิร์ต รวมไปถึง การแสดงในเทศกาลดนตรี แฟมิลี่ แวลูส์ ( Family Values ) อ็อซเฟสท์ ( Ozzfest ) และ โปรเจ็คท์ รีโวลูชั่น ( Projekt Revolution ) ถูกเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลแกรมมี่ 3 รางวัล ในสาขา ผลงานเพลงร็อคยอดเยี่ยม ( Best Rock Album ) ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ( Best New Artist ) และ การแสดงดนตรีฮาร์ดร็อคยอดเยี่ยม ( Best Hard Rock Performance ) และคว้า รางวัลสาขาการแสดงดนตรีฮาร์ดร็อคยอดเยี่ยม ( Best Hard Rock Performance ) ประจำปี 254 4 อีกทั้งยังสร้าง สถิติยอดจำหน่ายสูงสุดแห่งปี 2543 ต่อมา พ.ศ. 254 5 ไฮบริด ธีโอรี่[Hybrid Theory] ทำสถิติยอดจำหน่ายแพล็ทตินั่มกว่า 8 ล้านแผ่น และ สร้างยอดจำหน่ายสูงสุดอันดับ 5 ประจำปี 2545 อีกด้วย
กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ออกผลงานรีมิกซ์ชุดต่อมา รีอะนิเมชั่น (Reanimation) และใช้เวลานานถึง 18 เดือน ในการเขียนและบันทึกผลงานเต็มชุดที่ 2 ที่ประสบความสำเร็จภายใต้ชื่อ เมทีโอร่า (Meteora) ที่โปรดิวซ์โดย ดอน กิลมัวร์ (Don Gilmore) มิกซ์เสียงโดย แอนดี้ วอลเลซ (Andy Wallace) ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ แอท เดอะ ไดรฟ์ อิน (At The Drive-In) , ดิสเทิร์บท์ (Disturbed), ฟู ไฟเตอร์ (Foo Fighters), คอร์น (Korn), ลิมพ์ บิซคิท (Limp Bizkit), เนอวาน่า (Nirvana), เรจ อเกนสท์ เดอะ แมชชีน ( Rage Against The Machine ) และ ซิสเต็ม ออฟ ดาวน์ (System Of A Down)
ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) ยอมรับว่า ได้รับอิทธิพลดนตรีมาจาก เดฟโทนส์ (Deftones), ไนน์ อินช์ เนลส์ (Nine Inch Nails), เอเฟ็กซ์ ทวิน (Aphex Twin) และ เดอะ รูทส์ (The Roots) ปัจจุบันนี้ ลินคิน พาร์ค (Linkin Park) คือหนึ่งในวงดนตรีซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลงทั่วโลก และมีความเป็นกันเองกับแฟนเพลงอย่างสุดๆจนเป็นที่รู้กันว่าเปิดการแสดงที่ไหนเป็นต้องแจกลายเซ็นเป็นร้อยๆ ที่นั่น !! style>body{background-attachment: fixed;background-image:url (//img.icez.net/i/xl/jzcu1.jpg)}
Create Date : 20 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:55:01 น. |
Counter : 1813 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
LP - Chester Charles Bennington
LP - Chester Charles Bennington

Chester..จุดเด่นของเขาคือ การที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาทางน้ำเสียงได้อย่าง ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ ฉุนเฉียว เค้าก็สามารถทำได้ครบถ้วน นำเสียงของเค้าสะท้อน ความรู้สึกไปถึงจิตวิญญาณของคุณเลยทีเดียว
ชื่อ: Chester Charles Bennington
ตำแหน่ง : ร้องนำ
อุปกรณ์ที่ใช้ : -Audio Technica Wireless Mics -Yamaha SPX 990 -Takamine guitars -DVS/Matix action figure steelo BIATCH!
Band Nickname: Chazzy Chaz, Chemist :-)
Date of Birth: เสาร์ที่ 20 March 1976.
Marital Status: แต่งงานแล้ว วันที่ 31 ตุลาคม 1996 กับ Samantha.
บุตร: ลูกชาย Draven Sebastian (เกิด 19 April 2002).
Location: Phoenix, Arizona
Height: 180 CM
พี่น้อง: พี่ชายที่แก่กว่า39ปีและพี่สาว2คน
สัตว์เลี้ยง:สุนัข 2 ตัวพันธ์ Australian shepherd กับ Rottweillerผสม Labrador
การศึกษา: First - Greenway High Schooและมาต่อที่ Washington High School จนจบในปี 1994.
เครื่องดนตรีชิ้นแรก: Piano.
แรงบันดาลใจ: Robert Plant (Led Zeppelin)และ Scott Weiland (Stone Temple Pilots).
อดีต: นักร้องนำ Grey Daze before (1993)
ชอบ: guitarและการเปลี่ยนสีผม
Chester ชอบวง the Misfits.
Chester ไม่ได้นับถือศาสนาใดๆเลย
Chester ชอบ albums ของ Black Celebration, Purple, Zeppelin
Chester คpลั่งไคล้ Robert Plant กับ Scott Weiland.
Chester มีวงของตัวเองตั้งแต่ 13
Chester รักกีตาร์ของเขามากๆ และเอาไปด้วยทุกครั้ง
Chester เป็นคอเบียร์ตัวเอ้
คำขอแปลก ๆ ที่ Chester เคยเจอ คือมีแฟนเพลงมาขอเสื้อผ้าของเขา
สิ่งที ่Chester คิดว่ามีค่าต่อชีวิตเขาที่สุดคือการที่ได้เข้าร่วมวง
Chester เคยโดนจับเพราะกัญชา
Chester เคยเล่นกระดานถไลลงมาจากเนินหิมะ และตกลงมาศีรษะกระแทกพื้นคอนกรีตข้างล่างทำให้เขามีแผลเป็น ตามตัวทั้งหมด 47 แห่ง Chester เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งเพราะ.. ผมเสียสนิทเพื่อนไปหลายคนตอนเด็กๆ เพราะการเล่นสเก็ตบอร์ดแบบพลิกแพลง พวกชวนพวกเขาไป และขณะที่เล่นอยู่นั้นพวกเขา พลาดตกลงมาจากที่สูง ศีรษะกระแทกพื้นและเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นผมไม่แตะต้องมันอีกเลย ผมจะเล่นมันต่อเมื่อเป็นเกมส์ที่อย ู่ในเพลย์สเตย์ชั่น."
Chester มีCDของMadonna ทุกแผ่น
อัลบั้มโปรดของ Chester คือ : 1) Fugazi , 13 Songs 2)Al Green, Greatest Hits 3)Led Zeppelin, IV 4)The Beatles, the White Album 5)Stone Temple Pilots, Purple
Chester เป็นคนเดียวในวง ที่แบกตู้เสื้อผ้าไประหว่างออกทัวร์ เขามีรองเท้าของเสื้อผ้าทุกชุด, กางเกงในก็ต้องเข้าคู่กับเสื้อผ้าที่ใส่,ถุงเท้าต้องเข้าคู่กับรองเท้าที่สวม การเลือกกางเกง เป็นอะไรที่ยุ่งยากและใช้เวลามากสำหรับเขา
Chester ชอบหนัง"Fight Club"ที่สุด
Chester ชอบเข้าครัวทำกับข้าวมากๆ
Chesterชอบ อ่านหนังสือของAnne Rice 'Vampire Chronicles' series กับ "Hannibal"
Chester ติดเกมส์ 'Tony Hawk II', เอามากๆ
Chester เป็นแฟนของอเมริกันฟุตบอลทีม Phoenix Cardinals
Chester บอกว่าเขาคือ Mr. Hanky จากเรื่อง South park
Chester บอกว่าสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจมากที่สุดคือการได้แต่งงานกับ Sammy
Chester เคยโดนละเมิดทางเพศตอนเด็กๆและติดโคเคนตอนวัยรุ่น
พี่ชายของ Chester สอนให้เขาร้องเพลง 'Hot blooded' ตอน 2 ขวบ
Chester กับ Samantha ออกแบบเลื้อผ้าให้เว็บ Replicant Clothing ที่ลงขันกับ Ryan Shuck.
รอยสักที่มี
1:รูปไฟธาตุราศีเกิด 2: สัญลักษณ์ราศีมีน 3: ปลาคารพ์ 4: ทหารมีปีกจากปก "Hybrid Theory"ขาซ้าย 5: คนหกแขน 6:แหวนแต่งงานที่นิ้วนางข้างซ้าย 7:มังกรที่ขาขวา 8: คำว่าLINKIN PARKบนหลัง 9: แหวนที่นิ้วก้อยข้างซ้าย
Create Date : 20 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:38:27 น. |
Counter : 1807 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
LP - Michael Kenji Shinoda
LP - Michael Kenji Shinoda

Mike เป็นผู้ที่นำดนตรีHip-hopเข้ามาผสมในบทเพลงของLP ด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร ทำให้Mikeจัดเป็นคนเก่งคนหนึ่งในวงการเพลง
ชื่อ: Michael Kenji Shinoda.
ตำแหน่ง : Vocals, Beats + Samples, Keyboards, Guitar
อุปกรณ์ที่ใช้ : Audio Technica wireless mic PRS guitars Mesa Boogie Dual Rectifier heads Mesa Boogie cabinets Digidesign Protools software & hardware Anteres software Waves software Emagic hardware Roland keyboard modules AKAI S-900 & MPC 2000 samplers
Date of Birth: ศุกร์ที่ 11 February 11th, 1977.
Marital Status: หมั้นแล้วกับแฟนสาวที่คบมานาน Anna .
Location: Agoura,CA.
สูง: 180 cm
พี่น้อง:มีน้องชายชื่อ Jason (Mikeมักเรียกว่า Jay)
สัตว์เลี้ยง:สุนัขพันธ์ Collieชื่อ Bessie (อยู่กับแม่) และปลา.
การศึกษามัธยม: Agoura high school.
จบจาก:The Pasadena Art College of Design เรียนเอก illustration but studied graphic design heavily
ผลงานเพลงชิ้นแรกที่ซื้อ: Bon Jovi Slippery When Wet! :-)
งานก่อนหน้านี้:Graphic designer
แรงบันดาลใจ: เพราะConcert Killer B's show.
Mike เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น(พ่อเป็นญี่ปุ่น แม่เป็นสหรัฐ
Mikeมีชื่อกลางว่า Kenji
Mikeชอบฟังเพลงของ Kittie, the Sneaker Pimps, Portishead, Madonna, Dido, etc...
Mike ได้งานเกี่ยวกับgraphic designer หลังจากจบมหาวิทยาลัย
Mike พบกับพี่ Brad ตอนม.1
Mike ใช้กีตาร์ของ Paul Reed Smith CE-22 guitar.
Mikeชื่นชอบนักร้องสาวนาม Dido มากๆเลย
อัลบั้มที่ Mikeชอบฟัง มีดังนี้: Deftones - "White Pony" ,The Roots - "Things Fall Apart" , Nine Inch Nails - "The Fragile" , Black Eyed Peas - "Bridging The Gap" , Incubus - "Make Yourself" , System Of A Down - "System Of A Down" , Dido - "No Angel" , Jurassic 5 - "Quality Control" ,Stone Temple Pilots - No.2" Eminem - "The Marshall Mathers LP" .
Mikeบอกว่านี่คือเพลงโปรดของเขา: Jurassic 5 - "Improvise" A Perfect Circle - "3 Libras" ,Outkast -"B.O.B." , Deftones - "Change (In The House Of Flies)" ,Taproot - "Again & Again" , Eminem - "Kill You" , Aphex Twin - "Windowlicker" ,P.O.D. - "Southtown" , Lmno - "Grin & Bear It" ,Disturbed "Stupify" .
Mikeเคยเรียนเปียนโนแบบคลาสสิกตอนอายุ 10ขวบ จนรู้สึกเบื่อเลยหันไปสนใจเพลง jazz และมาเป็น hip hop ในที่สุด
ก่อนที่ Chester จะเข้ามาร่วมวง.. Mikeต้องทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ
Mikeบอกว่าGizmo และ Spike..เกรมลิน เหมือนเขามากที่สุด
MikeชอบMVของวง Aphex twin เพลง'Window licker'มากๆ เพราะคิดว่ามันสนุกดี
Mike คุยกับคนได้แค่ครั้งละคน เพราะถ้าเกินกว่านั้น เขาบอกว่าเขางง ไม่รู้จะคุยกับใครก่อน
Mikesบอกว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงาน 2เดือน ในห้องบันทึกเสียงคือการอยู่กับ Bradเพราะแกไม่ชอบอาบน้ำ:)
Mike ใส่คอนแทคส์เลนส์ เพราะสายตาสั้น
Create Date : 20 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:39:20 น. |
Counter : 962 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
LP - Bradford Philip Delson
LP - Bradford Philip Delson
 Brad เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการเล่นกีตาร์ เค้าไม่เพียงแค่เล่นท่อน riff ได้สะเทือนเข้าไปในอกคุณได้เท่านั้นแต่เค้ายังสามารถเล่น Melodic ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย
ชื่อ: Bradford Philip Delson
ชื่อเล่น: Big Bad Brad ตำแหน่ง : กีตาร์ อุปกรณ์ที่ใช้ : Ibanez guitars PRS guitars Mesa Boogie Dual Rectifier heads Mesa Boogie cabinets D'Addario strings (10XL) Boss Pedal effects D'Addario cables Dunlop picks (.83) Shure wireless
วันเกิด:วันพุธที่ 1 ธันวาคม ปี1977 Marital Status: Bradมีแฟนแล้ว Location:Agoura, CAแต่ตอนนี้อยู่ที่ LA Height:180cm
การศึกษามัธยมl: Agoura high school
จบจาก:UCLA
งานเพลงชิ้นแรกที่ซื้อ: Duran Duran People are people
งานอดิเรก: Skateboarding, MTV, นอน, internet,Soprano's
อัลบั้มที่ชอบ: Sunny Day Real Estate "Diary."
แรงบันดาลใจ: Chester, Britney Spears, Dave Matthews, Stefจากวง Deftones
เครื่องดนตรี: trumpet - guitar - bass
ชอบฟัง: groups like the Roots and Blackeyed Peas JaRule Deftones, Sunny Day Real Estate... Depeche Mode, Nine Inch Nailsและ Dido.
สีโปรด: น้ำเงิน
Brad ใส่รองเท้าเบอร์11
พี่Brad เป็นยิว
Brad พบพี่ Mike ตอนม.1
ทุกคริสต์มาส บ้านพี่Bradมักจะจัดเลี้ยงอาหารฟรี แก่พวกคนน่าสงสารที่ไม่มีบ้าน พวกคนจรจัด และ Mike ก็มักจะไปช่วยทุกปีเลย (น่ารักจริงๆ)
Create Date : 20 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2550 21:39:47 น. |
Counter : 879 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
LP - David Michael Farrell
LP - David Michael Farrell

ไลน์เบสของPhoenixสามารถทะลุทะลวงเข้าไปถึงโสตประสาทของคุณได้ ด้วยสไตล์การเล่นที่ หาตัวจับยาก และสามารถถ่ายทอดทำนองได้ดีแบบที่น้อยคนนักจะทำได้
ชื่อ: David Michael Farrell
ตำแหน่ง : bass อุปกรณ์ที่ใช้ : Ernie Ball Music Man Sting Ray basses Ampeg SVT Classic heads Ampeg SVT Classic cabinets Dean Markley Blue Steel strings Dunlop Picks (.88) DBX 160 compressor Monster cables Sans Amp Boss pedals Whirlwind direct boxes Shure wireless
วันเกิด:อังคารที่ 8 February , 1977
สถานะ: Daveมีแฟนแล้ว
Location: Plymouth, Massachusettsแต่ตอนนี้อยู่ที่ LA.
จบจาก: UCLA
วงก่อนหน้านี้:เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Xeroแต่ไปออกทัวร์กับThe Snaxประมาณ1ปีก่อนกลับมา Linkin Park.
งานอดิเรก :ฟุตบอล - snow board - video games :-).
แรงบันดาลใจ: การที่ โดนแม่หัวเราะตอนบอกว่าจะหัดกีต้าร์
เครื่องดนตรี: bass, violin, guitar และ Chello!
ประสบการ์ณบนเวที:ลื่นตกลงไปหน้าเวทีตอนแสดง
วงที่ชอบ: Weezer, Beatles, Deftones, Roots, Bob Marley, Sarah McLaughlin, Hughes & Wagner, Harrod & Funck.
Phoenixชอบทานไอศครีม Mocha Almond Fudge
ความประทับกับแฟนเพลงที่สุดของPhoenix คือ แฟนเพลงที่Minneapolisร้องเพลงhappy birthday ให้แก ่Phoenix ในวันเกิดของเขา
Phoenix ชอบหนังเรื่อง Brave heartมากที่สุด
Phoenixบอกว่า ผู้หญิงที่วิเศษที่สุดคือแฟนสาวของเขา
Phoenixอยากจะตีกลองเป็นเหมือนROBบ้าง
Phoenix ชอบงีบหลับมากที่สุด
ฮีโร่ที่เป็นแรงบันดาลอีกคนของPhoenixคือพี่ชายของเขา (Joe)
Phoenix ชอบทานอาหารเม็กซิกัน
Phoenixว่าเจ้าชาย อาลีจาก เรื่อง อาละดิน เหมาะที่จะเป็นเขามากที่สุด
Create Date : 20 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2550 22:01:05 น. |
Counter : 1147 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|