|
 |
 |
 |
 |
|
Bladder infection
หลังจากที่พ่อสามีเสียได้ไม่กี่วัน ร่างกายเราก็ทำงานไม่ปกติ แบบว่าฉี่ทุกๆ 5 นาทีเลยก็ว่าได้ แถมเวลาฉี่แต่ละครั้งนี้เจ็บมากๆๆ คุฯสามีกลัวว่าจะเป็น Kidney stone หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า นิ่ว(รึป่าววะ) แบบว่าไอ้ kidney stone เนี่ยมันจะเป็นก้อนแล้วอุดตันท่อปัสสาวะที่ต่อออกมาจากไต ทำให้เวลาฉี่แล้วจะเจ็บปวดมากมาย แต่ตอนที่เรามีอาการนี้มันก็ค่ำๆแล้วอ่ะนะ จะไปหาหมอที่ไหนก็ไม่มีแล้ว นอกจากไปฉุกเฉินที่โรงพยาบาล แต่เราพอทนได้ พอวันรุ่งขึ้นก็ดีขึ้นนิดนึง และก็รีบโทรไปนัดหมอ (หมอที่ว่าก็คือ GYN ที่เราไปหาเป็นประจำ) พูดจาบอกอาการให้เป็นฉุกเฉินหน่อย หมอเลยให้พบวันนั้น ตอน 11 โมง อิอิ เขาก็เอาฉี่ไปตรวจและก็ตรวจข้างในขูดเอาอะไรไปด้วยก็ไม่รู้อะนะ แล้วก็บอกว่าเราคงเป็น Bladder infection แล้วก็ให้ใบสั่งยามา 2 ใบ ที่อเมกา หมอไม่ได้เอายาให้เราเหมือนที่ไทยนะ แต่ว่าเขาจะเขียนใบสั่งยาให้ แล้วเราไปหาซื้อเอาเองตามร้านขายยาทั่วไป ตู หาหมอเส็จก็ต้องรีบไปทำงาน กว่าจะได้ซื้อยาก็เลิกงานค่ำนู้นน่ะ สองวันถัดมาหมอโทรเข้ามือถือ แต่ว่าทำงานอยู่ไม่ได้รับสาย แกเลยฝากข้อความว่า "มีเรื่องจะพูดด้วย เกี่ยวกับผลตรวจ ให้โทรกลับด้วย" ตู ตายละ มีอะไรทำไมเขาไม่พูดมาเลย ทำไมต้องให้โทรกลับด้วย หรือว่าเราจะเป็นอะไรร้ายแรง ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม เลยรีบโทรหาไมค์ บอกให้ไมค์ช่วยโทรหาหมอให้หน่อย กลัวเป็นโรคอะไรที่ไม่ปกติแล้วฟังหมอไม่รู้เรื่อง ท่านคุณสามีก็กระวนกระวายไปด้วย เพราะโทรไปแล้ว หมอเขาไม่ยอมคุยด้วย มีแต่บอกว่าจะโทรกลับ ไอ้เราก็กังวล หรือว่าเราจะเป็นมะเร็ง จะโดนสามีที่รักส่งกลับไหมเนี่ย กลับไปตายที่บ้านเกิด ฮือๆๆ เศร้า คุณสามีก็โทรมาปลอบบอกว่า "ถึงเป็นมะเร็งก็จะไม่ทิ้งหรอก ก็ตอนที่สาบานแต่งงานน่ะพูดไปว่า Til death due us part จำไม่ได้เหรอ เราจะอยู่ด้วยกันไปจนตาย" แหวะ แต่ซึ้งอ่ะ นานมันจะพูดอะไรแบบนี้ อิอิ ไม่กี่ชม.ผ่านไปหมอก็โทรมาอีก ที่มือถือเรา ก็เลยรับสายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย สรุปเขาแค่โทรมาบอกว่าให้เราเปลี่ยนยา เพราะยาที่เขาให้มารักษาโรค bladder infection อีกชนิด แต่ไม่ใช่ชนิดที่เขาเจอในผลตรวจ และเขาก็บอกว่าเราว่า "สามีคุณพยายามจะโทรมา แต่ว่าเราให้ข้อมูลไม่ได้เพราะไม่ได้รับอนุญาติจากคุณ" ป้าด อะไรจะเป็นความลับกันขนาดนั้น ฮ่าๆ แต่ก็ดีแล้ว เขาทำตามหน้าที่อ่ะนะ และก้ดีแล้วที่เขาไม่ได้โทรมากบอกว่า "คุณเป็นมะเร็ง" ฮ่าๆ
Create Date : 03 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 8:20:02 น. |
Counter : 1316 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
goodbye pop
เมื่อวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2008 สามีไม่ได้ไปทำงานเพราะลางานจะไปเฝ้าพ่อเขา พวกเราตื่นนอนกันแปดโมง เพราะว่าเมื่อวันจันทร์ตื่นไปทำงานตั้งแต่ตี 3 และกว่าจะได้เข้านอนก็เกือบสี่ทุ่ม วันอังคารเลยตื่นสาย ส่วนเราตื่นตั้งแต่เกือบ 6 โมงเช้าแล้ว แต่ยังไม่ลุก เพราะกลัวคุณสามีจะตื่น พอไมค์ตื่นขึ้นมาเขาก็คลำหาโทรศัพท์ มีไม่ได้รับ 2 สาย หนึ่งในเบอร์ที่ไม่ได้รับคือเบอร์บ้านพ่อไมค์ เขาพยายามโทรกลับหา Barbara (ภรรยาพ่อไมค์) ก็ไม่มีคนรับสาย ไมค์สังหรณ์ใจว่าพ่อเขาต้องจากไปแล้วแน่ๆเลย ไม่งั้นเขาคงไม่โทรมา จากนั้นก็แต่งตัว บอกเราว่า "ฉันจะไปบ้านพ่อฉันก่อนนะ" สักพักเราเดินลงมาข้างล่าง ยังเห็นไมค์เดินไปเดินมาอยู่ในครัว นึกว่าไปบ้านพ่อเขาแล้วซะอีก พอเราเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาก็บอกว่า "พ่อเสียแล้ว" เฮ้อ เศร้า แต่ก็โล่งใจที่ไม่แกไม่ได้ทรมานเพราะไอ้โรคมะเร็งอีกแล้ว แกไปสบายแล้ว วันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาเราไปเยี่ยม pop(พ่อสามี) หลังจากที่เขากลับบ้านมารอตาย พอเห็นหน้าเขานะ เราน้ำตาไหลเลยอ่ะ แกดูไม่ดีเลย ทั้งๆที่อาทิตย์ก่อนหน้าเราไปหาแกที่โรงพยาบาลแก ก็ยังพูดคุย เดินเหินได้ นะ เฮ้อ แต่ก็เป็นเพราะยาทั้งนั้นอ่ะนะที่ทำให้แกยังมีชีวิตอยู่ และหลังจากที่ได้ยินว่าพ่อสามีเสีย เราก็จะไปกะไมค์ แต่เขาบอกให้เราอยู่บ้าน เพราะไม่อยากให้เราเห็นศพ หรือกระบวนการต่างๆที่เจ้าหน้าที่จะมาทำกะร่างกายของแก เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จจะตามไป ประมาณ 10 โมงครึ่ง ไมค์โทรมาบอกว่า "Pastor Bill จะไปสวดศพ pop" เราก็เลยออกจากบ้าน ตามไมค์ไป ก็ไปที่ Funeral home พอไปถึงเจ้าหน้าที่เขาก็เปิดห้องที่ศพพ่อไมค์อยู่ จากหน้าเขาก็เปิดผ้าคลุมศพตรงหน้า แปลกอยู่อย่างนึงคือเราเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ว่าพอเห็นศพพ่อไมค์เราไม่กลัวอ่ะ แต่สงสาร และคิดถึงแก เห็นแกไม่หายใจไม่ขยับขเยื้อน แล้วมันสลดใจ และน้ำตามันก็ไหลออกมาเองเลยอ่ะนะ ฮือๆ เศร้า คึดถึงตอนที่แก ขับรถไปรับ ไปส่งเราที่ทำงาน พาไปกินข้าวข้างนอก บ่อยๆ ไปแต่ร้านดีๆแพงๆทั้งนั้น แกไม่เคยงกเคยอะไรกะเราเลย แกทำให้เรารู้สึกอบอุ่น เป็นครอบครัว แกจะบอกเสมอว่า "อย่าคิดว่าอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว เธอยังมีฉันเสมอ มีปัญหาอะไรอยากได้อะไรให้บอกฉัน" และเราก็เสียใจอยู่อย่างหนึ่งที่ยังไม่มีหลานสาวให้แก เพราะเวลาเจอแกทีไรแกจะถามหาหลานสาวอยู่เสมอ อาทิตย์ที่แล้วที่ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แกก็ยังพูดถึงเรื่องหลานสาวแกอยู่เลยอะนะ เฮ้อ ยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้แกก็ไปสบายแล้ว พวกเราที่อยู่ข้างหลังก็ได้แต่คิดถึง We love you,Pop!
Create Date : 03 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 8:16:48 น. |
Counter : 604 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Credit card
ปีแรกที่เรามาอเมกาใหม่ ไม่มี credit history nor credit score อะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะกู้จะยืมอะไรก็เป็นชื่อสามีเราแค่คนเดียว ปี2007ที่ซื้อ Honda accord กู้มาเกือบหมื่นเหรียญ เพราะสามีวางดาวน์ไปหมื่นเหรียญเศษ ตอนที่กู้ก็ว่าจะเอาชื่อเราใส่ไปด้วย จะได้เป็นการสร้าง credit history ให้เราไปในตัว แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเพิ่มชื่อเรา ดอกเบี้ยก็จะเพิ่ม เพราะว่าเราเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูง เพราะว่าไม่มี credit history นั่นเอง ก็คือไม่มีอะไรไปรับประกันเขาว่าเราจะจ่ายเงินที่กู้ไป เขาเลยต้องคิดดอกเบี้ยสูง เราเสียดายตังค์ก็เลยใช้ชื่อสามีคนเดียว แต่หลังจากนั้นเราก็ได้บัตร credit card ของ capitalone ซึ่งมี credit line แค่ $500 แต่เราก็ใช้ซื้อของเล็กๆน้อยๆ แบบว่าซื้อมาแล้วจ่ายไปเลยอ่ะนะ ใช้บัตรนี้ได้สักพักเราก็สมัครบัตร macy's พอได้บัตรนี้มาก็ใช้เหมือนเดิมคือซื้อมาจ่ายไป ไม่เคยให้บัญชีคั่งค้างเป็นหนี้ ผ่านมาเกือบหนึ่งปีเราก็ได้รับ offer credit card จากหลายธนาคาร แต่เราก็เลือกเฉพาะอันที่ไม่มี annual fee และก็ apr ต่ำๆ จนอาทิตย์ที่แล้วโชคก็มาถึง ได้รับ offer จากธนาคาร Chase แน่นอน no annual fee แถม apr rate อยู่ที่ 8.99% นี่เป็น fixed apr ด้วย เราก็สมัครไป ไม่ได้บอกด้วยว่าทำงาน แค่บอกว่าเป็นแม่บ้าน (ที่ต้องบอกอย่างนี้เพราะว่าเราทำงานไม่ได้เสียภาษีอ่ะนะ) และเราก็กรอกรายได้ของสามีไป สรุปวันนี้ได้การ์ดใบใหม่มาเรียบร้อย credit line อยู่ที่ $3,600 อาจจะไม่มากเท่าไหร่ แต่เราก็ดีใจในพัฒนาการ
Create Date : 03 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 8:12:01 น. |
Counter : 477 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Car insurance
ปีที่แล้ว(2007)เราได้ใบขับขี่อเมกา และก็ขับรถไปทำงานทุกวัน แต่ว่าชื่อเราไม่ได้อยู่ในประกัน เพราะว่าสามีเราใช้ประกันรถ policy เดียวกะแม่เขา ไอ้เราก็คะยั้นคะยอให้เขาเพิ่มชื่อเราไปด้วย แต่ไอ้คุณสามีใจดีมาก ไม่ยอมเพิ่มชื่อเรา เหตุผลคือ เราเป็นนักขับมือใหม่แถมอายุต่ำกว่า 25 ปี ถ้าเพิ่มชื่อไปราคาประกันพุ่งสูงแน่ พอมาปีนี้(2008) ขับรถมาหนึ่งปีไม่เคยมีอุบัติเหตุและตอนนี้อายุ 25 แล้ว เราก็เลยคะยั้นคะยอเรื่องประกันอีกรอบ ไอ้คุณสามีก็ให้เหตุผลเดิม คือกลัวประกันจะขึ้นราคา เราก็บอกว่า "มันก็จะขึ้นราคาดิ่ เพราะว่ามีชื่อแม่เธอเป็นคนขับรถด้วย ก็เหมือนกะว่าเขาประกัน 3 คน แต่ถ้าเปลี่ยนจากแม่เธอเป็นฉัน เราก็คงจะได้ราคาเท่าเดิม" แต่มันก็เถียงว่าราคาที่ได้นี่ถูกแล้ว เพราะว่าแม่มันแก่ ได้ส่วนลดว่างั้น เราบอกว่า "ไม่เชื่อหรอก เดี๋ยวจะ quote ราคาประกันมาให้ดู" ไอ้คุณสามีก็ท้าบอกว่า "จ้างให้เราก็หาราคาถูกกว่านี้ไม่ได้" ฮาๆ สรุปว่าราคาที่เราได้มาถูกกว่าราคาปัจจุบัน เกือบ $600 เพราะประกันปัจจุบันคือ Allstate $2328.78 ต่อปี แต่ประกันใหม่ที่เราหาได้ถูกกว่าคือ Nationwide ได้ราคา $1735.8 ต่อปี นี่คือราคาประกันสำหรับรถ 3 คัน คือ honda civic ปี99 honda accord ปี07 และ chevvy silverado ปี08 และราคานี้เป็นราคาที่มีชื่อเรากะสามีร่วมกัน พอเห็นเราเปลี่ยนแม่สามีก็เอาตาม แกก็ประหยัดไปได้หลายร้อยเหรียญ เพราะแกขับ Saturn Ion 06 ประกันรถแกราคา ปีละพันเศษ แต่พอเปลี่ยน ตอนนี้แกจ่ายแค่ปีละประมาณ$700 เป็นเพราะความฉลาดของเราแท้ๆ ทำให้ทุกคนประหยัดตังค์ ฮ่าๆ
Create Date : 03 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 8:08:09 น. |
Counter : 378 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Driver license
หลังจากที่ได้งานเมื่อเดือนที่แล้วนะคะ ก็เป็นเหตุให้ต้องไปทำใบขับขี่เพราะเจ้านายต้องการให้ขับรถรับ ส่งลูกเขา เจ้านายก็ใจเหลือเกิน ขับรถ มารับ มาส่งช่วงที่เรายังไม่มีใชขับขี่และไม่มีรถ แถมช่วยจ่ายค่าเรียนขับรถให้ด้วย
หลังจากที่รู้ว่าได้งานเราก็ไปสอบข้อเขียน นึกว่าเขาจะไม่ให้สอบซะแล้วนะคะ เพราะว่า I-94 หมดอายุไปตั้งแต่เดือนสิงหา แถม Proof of residency ก็มีไม่ครบ แต่ตอนยื่นเอกสารก็ยื่นใบทะเบียนสมรส ใบเอกสารที่ขอกรีนการ์ดและก็พาสปอร์ต เจ้าหน้าที่เขาดูวีซ่าคู่หมั้น มันหมดอายุวันที่ 17 พย. เขาก็เลยทำให้
และบอกว่าถ้าได้ใบขับขี่เขาก็ออกให้แค่ถึงวันที่วีซ่าหมดอายุ แต่ถ้าได้กรีนการ์ดก่อนหน้านั้นก็ให้มาบอกเขาเขาจะทำใบใหม่ให้ และค่าธรรมเนียม $31 เขาก็บอกให้เขียนจ่ายให $15 (เพราะเขากะจะออกใบขับขี่ให้ถึงวันที่ 17 พย.)
แต่พอดูใน Learner's permit มาก็มีอายุ 1 ปี นะ สรุปเรียนขับรถไป 12 ชม. ก็นัดวันสอบขับ ไอ้ศูนย์ที่เราเคยไปสอบข้อเขียนมันเต็ม กว่าจะได้สอบก็วันที่ 25 ตุลา เราเลยดูศูนย์อื่น ก็มีศูนย์ที่ Philadelphia ว่างเร็วสุดก็วันที่ 19 ตุลา เร็วกว่าประมาณอาทิตย์
จากนั้นก็รอ ร้อ รอให้ถึงวันสอบ และก็เร่งแฟนให้ซื้อรถ เพราะจะได้ฝึกขับก่อนไปสอบ
แฟนก็แอบเซอร์ไพร์สไปซื้อรถมือสอง Honda Accord 2003 ราคา $12,350 ให้ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลา นัดรับรถวันที่ 6 ตุลา เพราะบอกเขาว่าเราต้องการให้เขาเปลี่ยน Timing bell และล้อหน้าให้ วันที่ไปซื้อแฟนวางเงินไป $2,000 จะจ่ายที่เหลือเมื่อได้รถ
จนแล้วจนเล่าก็ไม่ได้รถซักที ทั้งๆที่นัดส่งรถวันที่ 6 ตุลา แฟนก็โทรไปตาม เขาก็บอกว่าพรุ่งนี้ ๆๆๆ หลายพรุ่งนี้มาก แต่รถก็ไม่เคยเสร็จ จนไอ้เจ้าของร้านบอกให้โทรไปคุยกะช่างเอง ไอ้ช่างก็บอกว่ายุ่งมาก ยังไม่มีเวลาดูรถเลย แต่รถเราน่ะมีสัญญาน Engine warning ขึ้น
เราก็เลยบอกเจ้าของร้านว่า เราไม่ได้ต้องการซื้อรถที่มีสัญญานเตือนอะไรพวกนี้นะ เราต้องการเงินคืน ไอ้เจ้าของร้าน็บอกว่ามันได้ลงทุน ลงแรงไปกะรถเราแล้ว คืนเงินไม่ได้หรอก แฟนเราเลยบอกว่าจะฟ้องศาล ไอ้เจ้าของร้านเลยเสนอ warranty ให้ 7 เดือน มันบอกว่าถ้าภายใน 7 เดือนนี้เกิดอะไรขึ้นกะรถให้เอารถไปให้มันได้เลย ซ่อมฟรี แฟนเราเลยตกลง
ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ ไอ้ช่างก็เริ่มซ่อมรถเรา แต่มันบอกว่ารถมีปัญหาเรื่องระบบ Transmission ต้องส่งเข้าศูนย์ Honda เสร็จ ไอ้เจ้า Dealer ก็โทรมาบอกว่า รถต้องเปลี่ยนระบบ Transmission ใหม่ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด $4,500 เวรกรรม
แฟนเราบอกไม่เอาแล้ว เราจะเอาเงินคืน รู้สึกไม่ดีจริงๆกับรถคันนี้ เดี๋ยวก็ไอ้นี่ เดี๋ยวก็ไอ้นั่น เฮ้อ แต่ไอ้ร้าน Dealer มันจะไม่คืนเนให้ทั้งหมดล่ะ มันบอกว่าจะหัก $350 ค่าเปลี่ยนลอ้หน้าและ Timing bell ที่เราบอกให้มันเปลี่ยน
และจนถึงวันสอบขับ (วันศุกร์ที่ผ่านมา) เราก็ไม่ได้ฝึกขับเลย เพราะมันไม่ได้รถซักที ก็เลยโทรไปหาโรงเรียนสอนขับรถให้เขาไปสอบ เขาก็ให้ฝึกอยู่ชม.นึงก่อนสอบ แล้วก็เข้าไปสอบ
สอบขับที่ Philly ยากกว่าแถวบ้านนึดนึง เพราะลานมันแคบ รถแออัดไปหมอ แถมไอ้ที่ตรงให้ทำ Pararell Parking ก็แคบ และ STop sign ก็แทบไม่มีความหมาย แต่ก็สอบผ่าน เจ้าหน้าที่ที่นั่งรถสอบไปกะเขา บอกว่า เราเลยป้าย Stop sign ไปนึดนึง แต่ก็พออภัยให้ได้ "ผ่าน"
ซึ่งความจริงแล้ว เขาไม่น่าจะติอะไรเรา เพราะที่ขับเลย STop sign เพราะตอนนั้นขับมาถึง All way stop sign ซึ่งรถทุกฝั่งจะต้องจอดแล้วพอดีเรากะรถฝั่งขวาจอดพร้อมกัน เราก็ให้ไอ้ฝั่งขวาไปก่อน เสร็จเราก็จะไปบ้าง แต่ไอ้รถที่ตามหลังรถฝั่งขวากลับไม่จอดให้เรา เราเลยได้จอดเลยป้าย stop sign เพราะเราออกรถไปแล้ว เฮ้อ
ทีนี้ก็จะเข้ามาทำบัตร ไอ้เจ้าหน้าก็เห็นว่าวีซ่าเราหมดอายุ วันที่ 17 พย. เขาก็ถามว่าเราเป็นนักเรียนเหรอ ทำไม่ได้นะ เพราะวีซ่าต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะทำได้ เวรกรรม เราก็เลยบอกว่าเราไม่ได้เป็นนักเรียน แต่เราแต่งงานกะคนอเมกัน และจะสัมภาษณ์ กรีนการ์ดวันที่ 2 เดือนหน้านี่แหละ แล้วทีนี้เขาก็ขอดูใบทะเบียนสมรสเอย ไปนัดสัมภาษณ์กรีนการ์ดเอย ไปขับขี่ของแฟน ใบเกิด เพื่อพิสูจน์ว่าแฟนเป็นคนอเมกัน
แล้วใครจะไปเอาใบเกิด ใบขับขี่แฟนมาด้วยเนี่ย เซ็งจริงๆ เราเลยโทรให้สามีมาที่ DLC รอเป็นชม.กว่าแฟนจะมาถึง พอมาถึงก็ต้องรอไอ้เจ้าหน้าที่อีก เพราะเขาต้องพาคนไปสอบขับ ถ้าคนนั้นไม่ผ่านเขาก็จะไปกะคนต่อไป แต่ถ้าไอ้คนนั้นผ่าน เขาถึงจะเดินเข้ามาข้างในเพื่อทำบัตรให้ ไอ้เราก็รอ ไปตั้งแต่ 11 แต่จนบ่ายกว่าแล้วยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย บ่ายสองต้องทำงานอีก เราเลยเดินออกไปข้างนอก ไปตามเจ้าหน้าที่ แบบว่าบอกให้เขารู้ว่าสามีฉํนมาแล้ว มาทำใบขับขี่ให้ฉันที
เสร็จเขาเข้ามา ดูเอกสาร ถ่ายรูป เซ็นต์ชื่อประมาณ 10 นาทีก็เสร็จ แต่ตอนนั้นก็บ่ายสองกว่าแล้ว ไปทำงานสายอีก เฮ้อ ข้าว ก็ไม่ได้กิน ยาก็ไม่ได้กิน เป็นวันที่แย่มาก แต่ก็ดีใจที่ได้ใบขับขี่มา อ้อ สรุปว่าเขาให้ใบขับขี่มา 1 ปีล่ะค่ะ เขา priority date ในใบนัดวันสัมภาษณ์กรันการ์ด และเขาบอกว่าถ้าได้กรีนการ์ดก็ให้มาเปลี่ยนใหม่
และเมื่อวานก็ไปที่ Saturn พอดีญาติแฟนเป็น Financial manager อยู่ที่นั่น เข้าไปปรึกษาเขาเรื่องจะเอาเงินคืนกะไอ้ Local dealer ที่เราไปซื้อรถอ่ะ เขาก็บอกว่าเอาคืนได้ พร้อมอธิบายฯลฯให้ฟัง
แต่เมื่อวานก็ถอย HOnda Accord 2007 คันใหม่ออกมาเรียบร้อยแล้ว ประมาณ $19,000 แฟนจ่ายไป $10,000 ที่เหลือ 9,000 ยืมธนาคาร เครดิตของแฟนก็อยู่ในขั้นดี ไม่ได้ดีมาก 652 แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ แค่ 7.14% โชคดีญาติช่วย เมื่อยมือแล้วค่ะ บ่นเยอะเกินไป อิอิ
Create Date : 23 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 23 ตุลาคม 2550 22:11:37 น. |
Counter : 442 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|