Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
ครั้งแรก กัวลาฯ เก็นติ้ง ตอนที่ 2.2

จากจุดที่เราลงรถ ก็เดินลากกระเป๋าออกไปด้านหน้า KL Sentral เลยค่ะ คือจากจุดลงรถ หันหน้าออกไปถนนเลยค่ะ แล้วก็ไปทางนั้นกันเลย จะเดินทะลุแนวร้านขายของตรงนั้นก็ได้ หรือจะเดินไปทางซ้ายมือ (จากจุดที่ลงรถ) ไปจนถึงถนน เลี้ยวขวา จะเจอสี่แยกไฟแดงก็ได้ค่ะ



พวกเราเดินผ่านทางเต๊นท์ขายของออกมาค่ะ พอเดินทะลุออกมาถึงถนนก็จะเห็นสถานี Monorail อยู่ฝั่งตรงข้าม ข้ามถนนไปฝั่งโน้นกันค่ะ แล้วเดินไปทางซ้ายมือเรื่อยๆ จนเจอสี่แยกไฟแดง มองเลี้ยวไปทางขวาก็จะเห็นตึกเหลืองๆ ของ YMCA แล้ว มี 7-11 อยู่ติดกันเลย หุหุ ชอบบบบ

ตอนที่เราเดินไปถึงสี่แยกไฟแดง ฝนก็เริ่มลงเม็ดค่ะ รีบจ้ำให้ถึง YMCA กันเลย ทันพอดีกับที่ฝนเทลงมา เลยไม่เปียกค่ะ แต่ตอนเช็คอินมีปัญหานิดหน่อย ตอนแรกมี่จองห้องไป 1 ห้อง กะนอน 3 คน แต่พอดีเพื่อนอีกคนบอกว่าจะไปด้วย เลยจองเพิ่มไปตอนหลังอีก 1 ห้อง ปรากฎว่าคืนแรกนี่ห้องเต็มค่ะ มี่เลยต้องรีบบอกเค้าไปว่าคืนแรกเราจะพักแค่ 3 คน อีกคนจะมาวันพรุ่งนี้ เค้าบอกว่าเราจะได้ห้องสำหรับ 3 คนในคืนนี้ และพรุ่งนี้เราจะต้องเปลี่ยนห้อง เราก็โอเคค่ะ เจ้าหน้าที่น่ารักมาก ให้เราไปดูห้องก่อน พอไปดูแล้วห้อง 3 คนที่เค้าว่า เราสามารถนอน 4 คนได้ ก็เลยมาต่อรองกับเค้าว่าจะไม่ขอเปลี่ยนห้องสำหรับคืนพรุ่งนี้ อิอิ ต่อรองกันอยู่นานค่ะ แต่ในที่สุดเค้าก็ยอม (จำนน) อิอิ ค่าห้องคืนละ 100 ริงกิตค่ะ

นี่คะ ห้องที่เราพัก มีเตียง double bed 1 เตียง



และ single bed 1 เตียงค่ะ



มีโต๊ะเขียนหนังสือและทีวี



ตู้เสื้อผ้า พร้อมไม้แขวนเสื้อ



ที่ประตูมีตาแมว และ Floor plan ให้ค่ะ เราได้ห้องติดลิฟท์กับบันไดค่ะ ดีตรงที่เวลากลับมาหมดแรงก็เจอห้องนอนเลย ไม่ดีตรงที่มีคนเดินผ่านใช้ลิฟท์เราก็ได้ยินเสียง



ในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า มีสบู่ไว้ให้ตั้ง 3 ก้อน แต่เรามะได้ใช้อ่ะค่ะ กระจกบานใหญ่ ช่องลมระบายอากาศ มีกระดาษทิชชู่เติมให้ทุกวันด้วยค่ะ อิอิ



เครื่องทำน้ำอุ่น น้ำไหลแรงดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย



มุมจากหน้าต่างห้องพักค่ะ มองไปเห็นโรงแรมฮิลตันกะเมอริเดียนด้วย บรรยากาศหลังฝนตกค่ะ เย็นสบายสดใส



ตึกด้านขวามือที่เห็นก็คือ KL Sentral ค่ะ ใกล้แค่นี้เอง สบ๊ายสบาย ระยะทางพอๆ กับเดินจาก Bugis MRT Station ไป NSS เลยค่ะ อาจจะไกลกว่านิดโหน่ย



พอฝนหยุดเราก็พร้อมออกเดินทางกันแล้วค่ะ สถานที่แรกที่มี่กับพี่ดาวจะไปเยือนก็คือ KL Tower ค่ะ เราก็เดินไปที่สถานี Monorail ค่ะ เราจะนั่งไปลงที่สถานี Bukit Nanas ค่ะ ค่ารถ 2.1 ริงกิตค่ะ คนน้อยมากๆ มี่กับพี่ดาวก็เลยได้นั่งติดคนขับ อิอิ แอบถ่ายมาซะหน่อย เสียดายไม่เห็นหน้าจอ ถ่ายมาแค่รูปเดียวเองด้วย กลัวโดนดุอ่ะค่ะ



เห็นแล้วคิดถึงฮ่องกงอย่างแรง งี๊ดๆๆๆ รูปนี้ตรูก็ถ่ายมาตอนไปทริปโน้น



พอถึงสถานี Bukit Nanas ลงจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาค่ะ เดินไปอีกนิดโหน่ย ก็พอจะไกลเหมือนกัน แล้วฝนก็ดันตกอีกอ่ะ พี่ดาวไม่ได้เอาร่มไป เราก็เลยกอดกันแน่นใต้ร่มคันเดียว อิอิ หวีทหวานซะมะมี เราเดินกันไปเมาท์กันไป จำไม่ได้ว่าเดินไปทางไหนเลี้ยวตรงไหน ขอโต้ดเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ข้อมูลไม่แน่นเลย พอไปถึงทางเข้าเค้าก็จะมี Shuttle Van ไว้ให้บริการพาเราขึ้นไปด้านบนค่ะ เหมือนหอคอยนี้จะอยู่บนเขาหน่อยๆ อ่ะค่ะ

ถึงด้านบนกันแล้วค่ะ รู้สึกว่าจะมีคนมาจัดงานแต่งงานด้วยอ่ะค่ะ ขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบนกันเลยค่ะ



อันนี้อะไรไม่ทราบค่ะ ตกแต่งอยู่ตรงด้านหน้าพอขึ้นบันไดเลื่อนมาก็เจอ เราแวะหม่ำไอติมกันที่ร้านอาหารบนนี้ก่อนค่ะ ปรากฎว่าเป็นร้านอาหารไทย อิอิ ตอนแรกมี่ก็ว่าจะทานข้าวเลยนะ แต่พี่ดาวบอกว่ายังไม่หิวเท่าไหร่ รอหม่ำมื้อเย็นพร้อมออมไปเลยดีกว่า ก็เลยหม่ำกันแค่ไอติม เหอเหอ



ไปถึงปุ๊บก็เดินเข้าไปซื้อบัตรค่ะ ค่าเข้าคนละ 20 ริงกิตค่ะ



แล้วเค้าก็จะให้เราขึ้นลิฟท์ไปด้านบนค่ะ พอขึ้นไปถึง ก็จะมีเจ้าหน้าถามว่าเราต้องการใช้ audio guide ไม๊ เจ้า audio guide นี่ก็จะมีหลายๆ ภาษาค่ะ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและบรรยายสถานที่ต่างๆ ที่สามารถมองเห็นได้จาก KL Tower นี้ กรุ๊ปที่ขึ้นไปพร้อมมี่เป็นคนฮ่องกงค่ะ เค้าเลยขอภาษากวางตุ้ง มี่ก็กะจะอำเจ้าหน้าที่ซะหน่อย พอเค้าถามว่าเราอยากได้ภาษาอะไร มี่ก็ถามทันทีเลยว่า "Do you have Thai language?" เจ้าหน้าที่ยิ้มฟันขาวแล้วบอกว่า "Yes, ma'am" ง่า.. ก็ดี เค้าจะได้เข้าใจง่ายๆ แต่ที่ไหนได้ มันเป็นภาษาไทยแบบมาเลย์อ่ะค่ะ เหอเหอ ฟังไปก็ขำไป

เค้าจะแบ่งหน้าต่างในการชมวิวโดยรอบออกเป็น 12 ช่องค่ะ audio guide ก็จะอธิบายในแต่ละหน้าต่างว่าเราจะมองเห็นสถานที่สำคัญๆ อะไรบ้าง ด้วยความจำแบบปลาทอง มี่ก็เลยไม่มีรายละเอียดมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้เลยค่ะ ขอโต้ดอย่างแรง ดูวิวกันไปเรื่อยๆ แล้วกันนะคะ

































ประมาณ 5 โมงครึ่งเราก็ลงมาจากด้านบนค่ะ แอบเห็นเค้ามีเล่นโดดหอกันด้วยอ่ะค่ะ แล้วก็มีเจ้าตู้แดงนี่อยู่ตรงจุด drop-off ด้วยค่ะ เสียดายจัง ยังไม่ได้ซื้อโปสการ์ดไม่งั้นจะส่งที่นี่เลย



ลงมาถึงข้างล่างก็ชะแว๊บเก็บรูปอีกใบ แหงนกันคอหักไปเลย



ด้วยความที่เวลาเหลือแยะ แล้วเรา 2 คนก็มัวแต่เมาท์กันไปเดินกันไป ปรากฎว่าเดินผิดทางค่ะ ไม่ใช่ทางที่เราเดินมาแฮะ หมุนๆ แผนที่ดู ลองเดินไปละกัน Puduraya ก็ดูเหมือนไม่ไกล หุหุ



ตึกอะไรเนี่ย สวยจัง



เดินกันมาถึงจนได้ค่ะ เห็นโรงแรม Puduraya อยู่ไกลๆ ตรงโน้น แต่รูปนี้ไม่ได้อยากจะถ่ายป้ายโรงแรมหรอกค่า อิอิ ป้ายสีน้ำเงินอ่ะค่ะ ปู้จายคนนั้นอ่ะค่ะ เง้อออ เศร้า อยู่เมืองเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่เจอ ไม่เห็น ไม่ได้ไปดูลี่หงของน้องส้มของมี่เลย



เราไปนั่งรอออมกันที่ KFC ค่ะ อารามว่าเมื่อยกันมากกก แล้วก็หิวด้วย หุหุ ซื้อชุดนี้มารองท้องก่อนค่ะ เป็น Fish Finger มังคะ รู้สึกว่ามันอร่อยมากกก (หรือหิวหว่า)



เนื้อปลาเน้นๆ เต็มๆ คำ ไม่แป้งเลยอ่ะค่ะ



แต่มันบดอร่อยสู้ 7-11 ในสิงคโปร์มะได้ ง่าาาา อยากกิงอีก



เรานั่งรอออมกันตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเย็นจนถึง 3 ทุ่มค่ะ เหอเหอ รอกันแล้ว เมาท์กันอีก นั่งง่วงด้วยความเพลีย แล้วรถที่เจ้าออมก็ผ่านหน้าร้าน เห็นออมโบกมือไหวๆ อยู่ในรถ 555+

แล้วเราก็ไป Chinatown กันค่ะ ออมนัดญาติกับนัดเพื่อนไว้ เราก็ว่าจะไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันด้วย พอไปถึงก็เริ่มงง ตรูจะกิงอารายดีฟระ การบ้านไม่ได้ทำมา ข้อมูลของกินไม่มีเลย แง่งงงงง ตรูหิวววว เดินผ่านร้านๆ หนึ่ง ดูท่าจะเป็นคนจีน เราก็ยืนๆ เม้าท์ๆ กัน กินไม่กิน บังเอิญมีคนหนึ่งพูดไทยได้ ก็บอกว่ากินเลย อร่อย ง่าาาาา แล้วก็พาเราไปนั่งโต๊ะ เอาฟระ กิงก็กิงมานหน้ามืดแย้ววว

เติมพลังด้วยน้ำลำไยกันก่อน ร้อนๆ เหนื่อยๆ อย่างนี้ได้น้ำหวานๆ ก็ชื่นใจ



นั่งซักพัก เค้าก็เอาเจ้าถ้วยเล็กๆ นี่มาเสิร์ฟ มานคือน้ำจิ้มอ่ะค่ะ



เผ็ดๆ เค็มๆ แล้วก็มีมะนาวจิ๋วมาให้ 1 ชิ้น



จานนี้มันเป็นหมี่ผัดค่ะ อร่อยดี ใส่ผักมาติ๊ดนึง มีหมู มีไก่ มีปลาหมึก มีหอยด้วยมั้ง หุหุ แต่กินแล้วปากดำ ฟันดำ เหมือนกินสปาเก็ตตีสีดำเลยง่า 555+





แล้วเราก็สั่งราดหน้ามาอีก 1 จาน รสชาติมะได้เรื่องเลยอ่ะค่ะ งุงิ





เพื่อนออมคนที่ 1 สั่งผัดซีอิ้วค่ะ ดำปี๋เหมือนกาน แต่กินแล้วปากไม่ดำ อิอิ รสชาติมะรุ มะได้ชิม



เพื่อนอีกคนสั่งข้าวราดหน้าหมูมังคะ เหมือนเอาน้ำราดหน้ามาราดข้าวอ่ะ



ปิดท้ายด้วยข้าวผัดค่ะ เหมือนข้าวผัดเด็กเลยอ่า มะได้ชิมเหมือนกัน



พออิ่มกันแล้วก็ไม่ได้เดินไปไหนกันหรอกค่ะ เพราะญาติเจ้าออมยังมะมา งุ้ยยยย ก็นั่งเมาท์กันปายเรื่อยๆ รอจนกว่าเจ๊จะมา แล้วพอเจ๊มา ออมกะเจ๊ก็นั่งคุยกัน พี่ดาวกะมี่ก็นั่งคุยกะเพื่อนๆ ออม ง่า กว่าจะได้ฤกษ์กลับที่พักก็ไปไปซะ 4 ทุ่มกว่าๆ เพื่อนเบนผู้ใจดีก็รีบพาเราเดินไปยังสถานี LRT ที่ใกล้ที่สุดทันที เดินจ้ำกันงุด ไม่ได้คุยอะไรกันเล้ยยยย พอถึงสถานีก็หอบกันแฮ่ก



เรานั่งกลับไปที่ KL Sentral ค่ะ มาถึงอิชั้นก็ยังมิวายแว๊บถ่ายรูปปู้จายคนนี้ได้อีก เง้ออออ ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า เรามันไม่มีวาสนาต่อกันเลยนะหงจ๋า งี๊ดๆๆๆ

พอกลับถึงที่พัก ก็เป่ายิ้งฉุบกันอาบน้ำ พอได้อาบน้ำสบายตัวก็สลบเหมือดกันเลย เหนื่อยเจงๆ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วเจงๆ แถมตรูยังรู้สึกว่ามะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์อีกตะหาก หมดไปแล้ว 1 วันใน KL เก็บได้แค่ KL Tower เง้อออ


Create Date : 03 เมษายน 2551
Last Update : 5 เมษายน 2551 13:04:48 น. 1 comments
Counter : 1731 Pageviews.

 
ชอบมากเลยค่ะ กำลังจะไปกัวลากะมะละกาคนเดียวเหมือนกันเดือน 7 ค่ะ ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากเลยค่ะทั้งภาพประกอบที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย อยากให้คุณสรุปค่าใช้จ่ายให้หน่อยค่ะว่าใช้ไปเท่าไหร่ ขอบคุณมากเลยค่ะ


โดย: lovedog IP: 203.107.142.38 วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:12:52:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luvammie
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ช่างฝัน ฝันเพ้อเจ้อไปเรื่อย ไม่รู้จักโต ชอบอ่านหนังสือจินตนิยาย เอาแต่ใจตัวเอง คลั่งไคล้สีชมพู สีม่วง สีฟ้า และเฮลโลคิตตี้เป็นที่สุด ชอบฟังเพลงร็อค พังค์ โดดๆ ในคอนเสิร์ต รักการทำขนมและเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้ได้โลโก้และชื่อแบรนด์เป็นของตัวเองแล้ว อิอิ "The Baker Witch" แม่มดคนนี้ทำขนมไม่เก่ง แต่รักที่จะทำ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนาคะ


Friends' blogs
[Add luvammie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.