เรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมา และผ่านไป เพียงแค่อยากบันทึกไว้ ให้ลูกอ่านตอนโต
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
26 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
กระชุ่มกระชวย

แหมๆๆ เหมือนที่ป้าเดซี่ว่าจริงๆ พอมีบล๊อกของตัวเอง ให้เปิดทุกๆเช้า.. พอเจอเม้นท์จากเพื่อนๆ นี่ หัวใจมันพองโตจริงๆนะ พองซะจนต้องเบียดบังเวลางาน เอามาอัพบล๊อกก่อน.. งานเก็บไว้ทีหลัง.. (เอิ๊ก.. เจ้านายอยู่แถวนี้ป่าวฟระ...)

เย้..ฟ้าเป็นใจ เจ้านายไปข้างนอก..

เช้านี้ มีเรื่องดีๆมาให้อ่าน.. เป็น fwd mail ที่ป้าแก่ อ่านแล้วก็รู้สึกซาบซึ้ง อาจเป็นเพราะ ป้าแก่เป็นลูกคนเล็ก และเป็นเด็กประเภทที่ชอบคิดว่า ใครๆ ก็ไม่รักเรา ก็เลยรู้สึกดีๆ กับเรื่องนี้ (ไม่รู้ใครจะซึ้งกับป้ามั่งนะ) แต่ก็อยากเอามาแชร์ให้อ่านกัน.. (ขออนุญาติปู แม่น้องพรีม แอนด์น้องนตนะจ๊ะ)

(อ่านให้จบนะความหมายดีมาก)
บางคนอาจจะได้เคยได้อ่านข้อความนี้มาก่อน
แต่ลองอ่านดูอีกสักครั้งจะเป็นไร
เพราะมีคนตั้งใจส่งให้เราและเราก็ตั้งใจส่งให้คุณเช่นกัน



'เราก็เป็นคนนึงที่เชื่อว่าคนเราทุกคนบนโลกนี้
ล้วนเกิดมามีคุณค่าในตัวของตัวเองทั้งนั้น
จงเชื่อมั่นและศรัทธาในศักยภาพของตัวเอง'



ริบบิ้นสีฟ้า <มีความรู้สึกดีๆมาให้>


ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูลชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอนด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่าพวกเขามีคุณค่าเพียงใดทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง
จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญให้ ข้อความบนริบบิ้นมีว่า

'ฉันเป็นคนมีคุณค่า'

จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและดูว่าใครยกย่องใครบ้าง
แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์ นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต
จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า...

'เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง' แล้วให้ริบบิ้นเขา ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไปเพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไปแล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง'

ต่อมาในวันเดียวกันผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขา ซึ่งเป็นคนที่ใครๆ รู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย
เขานั่งลงคุยกับเจ้านาย บอกเจ้านายว่า ลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่ เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้ เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอกบริเวณเหนือหัวใจ

เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย เขาบอกเจ้านายว่า “ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ ผมอยากให้
เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้น เส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรก
กำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่ เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆ ยังไงบ้าง”

ค่ำวันนั้น ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่ เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง แล้วกล่าวว่า วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงาน ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์ ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่าติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ

ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดีแล้วพ่อก็นึกถึงแก พ่ออยากชื่นชมแกนะ วันๆ
พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร บางทียังอาละวาดอีก เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี เรื่องทำห้องนอนรก แต่ยังไงไม่รู้สิ วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน นอกจากแม่แกแล้ว ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ แล้วพ่อก็รักแกนะ...

เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น แล้วก็สะอื้น เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา 'พ่อครับ เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้องนั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่ เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย จดหมายอยู่บนห้องครับ แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ'

พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน
จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้า ถึงพ่อกับแม่ ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเลิกเป็นคนขี ้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้างส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น

คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลย สำหรับฉัน(ผู้เขียนเรื่องนี้) คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้งแล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมากฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าการให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆ มีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน

ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณมีความสำคัญต่อคุณหรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุดหรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญไม่งั้นคุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก
.........จำไว้นะ ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว




Create Date : 26 กันยายน 2551
Last Update : 11 ตุลาคม 2551 8:45:07 น. 5 comments
Counter : 347 Pageviews.

 
เป็นเรื่องที่ดีเนอะ ป้าแก่เนอะ

ป้าเดซี่เป็นโรคจิตอ่ะ เกลียดฟอร์เวิร์ดเมลสุด ๆ เพื่อนคนไหนส่งฟอร์เวิร์ดเมลให้บ่อย ๆ นะ ป้าบล็อกมันไปเลย ฮ่า ฮ่า ป้าว่าเมลที่ทำงานก็น่าจะไว้สำหรับทำงานไง ซีเรียสไปมั้ย

อีกอย่างที่พักหลัง ๆ เจอบ่อย ๆ คือ ไอ้พวกโซเชียลเน็ตเวิร์ค พวก hi5, friendster บ้าบออะไรเนี่ย ได้บ่อยมาก ๆ เลย

เอ๊ะ ทำไมวันนี้ป้าเดซี่ดูมู๊ดดี้

คิดถึงนะจ๊ะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 26 กันยายน 2551 เวลา:13:44:26 น.  

 
อ๊ะมาเจอพวกเดียวกัน หนูไม่เคยเปิดฟอร์เวิดอีเมลล์เลยเห็นปุ๊บลบปั๊บ ก็นะหนูได้แต่อันที่มันไม่สร้างสรรค์ เพื่อนบางคนไม่เคยคุยกันตั้งแต่เรียนจบ ขยันส่งมาจังอีเมลล์พวกนี้ ยังจะอุตสาห์คิดถึงอีก

เอ๊ะ เขียนไปเขียนมาหนูรู้สึกว่าจะไม่ค่อยสร้างสรรค์เลยนะนี่

ขอบอกว่าวันนี้แวะมาบล๊อคป้าแก่ก่อนป้าเด ป้าเดมีคู่แข่งคนสำคัญละเด้ออออออ


โดย: มารน้อยไร้สังกัด วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:2:46:43 น.  

 
เรื่องนี้ เพื่อนๆ อ่าน แล้วมองเห็นอะไรบ้าง.. สิ่งหนึ่งที่ป้าแก่มองเห็นแบบ โดดเด่นขึ้นมาเลย คือ ความรู้สึกของลูก อาจเพราะป้าแก่มีลูก เลยทำให้ เรื่องลูกเป็น เรื่องแรกที่ป้าคิดถึง.. ความรู้สึกของลูกชาย ที่คิดว่าพ่อแม่ไม่รัก ไม่สนใจ ความรู้สึกที่เขาเฝ้ารอคอย อยากให้พ่อแม่มีเวลาให้เขา สวมกอดเขา ใช้เวลาร่วมกันในวันหยุดที่ลูกเฝ้ารอ แต่.. ก็ไม่เคยมี.. ทำให้เราต้องหันมองตัวเองบ้างว่า เรามัวแต่ทำงานอย่างนั้นหรือปล่าว เราละเลยความรู้สึกของคนที่เฝ้ารอคอยเราหรือไม่ เพราะว่า. บางที ... เงินก็ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของชีวิต.. บางครั้งลูกยอมที่จะไม่กินขนม หรือซื้อของแพงๆ เพียงเพราะว่า จะได้ประหยัด พ่อแม่จะได้ทำงานน้อยลงหน่อย และมีเวลาให้เค้ามากขึ้น..

นี่คือ...ความรู้สึกที่เกิดขึ้น หลังจากป้าแก่อ่านเรื่องนี้ จนต้องโทรไปบอกเพื่อนให้เค้าช่วยส่งฟอร์เวิร์ดเมลล์นี้มาให้หน่อย.. (คือไปอ่านในบล๊อกเค้า แล้วมัน copy ไม่ได้ไง)


โดย: ป้าแก่ (elastigirl ) วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:8:51:52 น.  

 
การเลี้ยงลูกนี่มันช่างยากเสียนี่กระไร ผมโค-ตะ-ระ อิจฉาบรรดาแม่ๆที่ได้หอมแก้มลูก ส่วนผมได้แต่มอง ตั้งแต่ลูกสาวโตขึ้นมาอายุ14-15เค้าก็ไม่ยอมให้หอมแก้มแล้วแต่ก่อนไปส่งลูกตอนเช้าที่โรงเรียนต้องเรียกมาหอมแก้มก่อนไปเรียน เดี๋ยวนี้ไม่ยอมบอกอายเพื่อน โธ่พ่อก็รักลูกเหมือนกันนี่นา(ขอแอบมาบ่นหน่อยนะ)


โดย: naydin วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:11:38:22 น.  

 
อืหืกื หกิหิหก่นือหฟกสาอ้หกาอ้หกาสอ้ผปสาอิกปาปกสาอ้หกสอ้กหรสดอ้กาอ้กหสรดอ้กาดอิกสาด้าแอกาสหด่อกาสด่อิกสดาอ่กาอ่กหิกิกืกดืเดื
ดื

ดื
ดื
ด้าท่ส
ม่า
มา
ม่า
มใ
สใ
สา







654643249732468732473249873546546546546546544987654856
2543243645324876548765476548765498765465
4
4
987
34
97
654
987
654
7
3
49










โดย: พ้พ้พะด้พ้ะ IP: 125.24.207.65 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:00:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

elastigirl
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สาวเหนือ ที่บังเอิญสอบเอ็นสะท้านติด ไปเรียนที่ปักษ์ใต้ แล้วไปเจอหนุ่ม กทม. จับพลัดจับผลู เลยต้องอยู่ที่ กทม. ตอนนี้ เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง และสุดท้าย..หม่าม๊า รักสมาร์ทที่สุดเลย...
ลิงจอมทะเล้น
หัวหอมจอมซ่า
กระต่ายจอมกวน
X
X
X
Friends' blogs
[Add elastigirl's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.