หมากรุกบนกระดานชีวิต
เช้าวันอาทิตย์ที่สบายๆ วันหนึ่ง หลังจากอาหารเช้าแล้ว เล้ง ตั้งใจจะจัดตู้หนังสือ เพื่อวางแผนในการอ่านอย่างจริงจังเสียที หลังจากที่เขาได้ซื้อหา สะสม ตลอดจน อ่านทิ้ง อ่านขว้าง จบบ้างไม่จบบ้าง เล่มแล้วเล่มเล่า เท่าที่เวลาจะมีและ โอกาสจะอำนวย............... มาหลายปี
หมายเหตุ : (เล้ง แปลว่า มังกร ชาวจีนนิยมตั้งชื่อให้กับบุตรชาย)
เล้งกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก แม่เขาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนเขาอายุเพียง 2 ขวบ ทำให้เขาเป็นลูกโทนและ อาศัยอยู่กับพ่อคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากค่อยๆ รื้อหนังสือ จากชั้นวางในตู้ออกมากองบนโต๊ะ และตามพื้น สักพัก สายตาของเขาก็สะดุดกับกล่องหมากรุกจีน สภาพเก่าเก็บในซอกด้านในของตู้ปะปนกับเหรียญรางวัลจากการ แข่งขันกีฬาของเขา เขาเพ่งมองอยู่นานด้วยความผูกพัน จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงฝากล่องออก แล้วก็พบกับกระดาษแผ่นพับสีขาวหม่น ที่ตามขอบมีรอยวิ่น พอหยิบกระดาษแผ่นพับนั้นออกมา ก็มองเห็นตัวหมากที่แกะจากไม้สีน้ำตาลอ่อนที่ถูกคว้านผิวหน้าเป็นร่องลึกลงไป กลายเป็นตัวอักษรจีน ในรูปลักษณ์ต่างๆ มากมาย
ตัวหมากครึ่งหนึ่งถูกแต้มด้วย......................สีแดง
ตัวหมากอีกครึ่งหนึ่งถูกแต้มด้วย..................สีเขียว
ขณะที่สายตาเขาเพ่งมองตัวหมากที่มีสภาพคล้ำหม่นนั้น และแล้วเขาก็ตกอยู่ในภวังค์ เหตุการณ์ในอดีตและภาพ ในปัจจุบันเกิดการทับซ้อนสลับไปสลับมา ในห้วงความคิดคำนึงของเล้ง ภาพความทรงจำ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงตรุษจีนเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้วกลับเฉิดฉายอีกครั้ง เหมือนหนังกลางแปลง
เขาเห็นภาพเด็กคนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเด็ก แต่ในปัจจุบันนี้กำลังเข้าสู่วัยกลางคน มองเห็นสายตาคู่หนึ่ง ซึ่งขณะนั้นกำลังไตร่ตรองกระดานหมากรุก แต่ปัจจุบันนี้ กำลังตรวจตรากระดานหุ้นอิเลคทรอนิคส์
ตรุษจีนปีนั้นเป็นช่วงที่เล้งปิดเทอมแล้ว และพ่อก็หยุดทำงานเนื่อง จากเทศกาลดังกล่าว ตอนนั้นเล้งอายุได้ประมาณ 10 ขวบ ตอนบ่าย อยู่ๆ พ่อของเล้งก็หยิบเอากล่องหมากรุกจีนมาวางบนโต๊ะแล้ว เรียกเล้งเข้าไปหา
ป๊า : เล้งอยู่ว่างๆ มาเล่นหมากรุกจีนกับป๊าหน่อย เล้ง : เล่นไม่เป็น อั๊วเล่นเป็นแต่หมากฮอส......... ป๊าเล่นหมากฮอสกับอั๊วละกัน ป๊า : หมากฮอสมันไม่สนุก เล้ง : หมากรุกจีนอั๊วไม่เคยเล่นอ่ะ ป๊า : เดี๋ยวป๊าสอนให้ .....แป๊บเดียวก็เล่นเป็น เล้ง : ก็ได้
เล้งตอบไปแบบแกนๆ โดยภายในใจเขารู้ดีว่า เขาไม่ได้อยากเล่น เพราะลำพังหมากรุกไทยก็ยังไม่เคยเล่นและ ก็ไม่เคยเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันเล่นด้วย เห็นแต่ผู้ใหญ่เขาเล่นกัน นี่หมากรุกจีน มีตัวหมากเป็นภาษาจีน ที่เขาเองก็ อ่านไม่ออกสักตัว คงจะยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่ก็ตอบรับพ่อไปด้วยความเกรงใจ
ตี่... เหมือนกับฮ่องเต้ ถูกกินเมื่อไหร่ ถือว่า แพ้ทันที สือ... รูปเหมือน เครื่องบิน เดินทะแยงได้เฉพาะในกรอบนี้ เฉีย... หรือช้าง เดินได้เฉพาะจุดเหล่านี้ กือ... เหมือนเรือ ในหมากรุกไทย เดินตรง กินตรง เบ้.... หรือ ม้า เหมือนในหมากรุกไทย เดินโขยกรอบตัว เผ่า... ทำหน้าที่คล้ายปืนใหญ่ เดินตรง แต่ต้อง กินข้าม หมายถึงต้องมีตัวคั่น 1 ตัว จุก... เหมือนพลทหาร เดินทีละก้าวห้ามถอยหลัง ข้ามฝั่งแล้วถึงเลี้ยวซ้ายขวาได้
พ่ออธิบายตัวหมากและกติกาคร่าวๆ ให้เล้งฟัง
เล้ง : จำยากอ่ะ.... ป๊า : ค่อยๆ เล่นเดี๋ยวก็จำได้หมด
พอเริ่มเดินหมากไปไม่กี่ก้าว
ป๊า : อ้าว...ทำไมเล้งเดินกือมาตรงนี้ล่ะ.......เผ่าป๊าอยู่ตรงนี้ กือจะโดนกินฟรีนะ เล้ง : ก็อั๊วลืมไปอ่ะ..... ว่าเผ่ามันกินข้ามตัวได้ เห็นว่ามีจุกขวางอยู่แล้ว ป๊า : .......เอากลับไปเดินใหม่ ลื้อต้องเรียนรู้กฏ และจดจำให้ขึ้นใจ
อีกสักพัก
ป๊า : อ้าว แล้วเดินเบ้มาเฉยๆ ทำไมตรงนี้ เล้ง : ก็ไม่รู้จะเดินตัวไหนอ่ะ ป๊า : ลื๊อรู้ไม๊ เซียนหมากรุกที่เค้าเก่งๆ น่ะ เขานับก้าวเดินกันเลยนะ บางทีแพ้หรือชนะ เพราะเดินช้าหรือเร็วกว่ากันในหมากตัวสำคัญ แค่ก้าวเดียว เพราะฉะนั้น ลื้ออย่าเดินหมากอย่างไม่มีจุดหมาย เล้งต้องคิดให้ดีๆ ในทุกตาที่เล้งเดิน ว่าจะเดินตัวไหน แล้วเดินเพื่ออะไร เล้ง : ก็อั๊วไม่ใช่เซียนอ่ะ ... เล่นไม่เป็น...... ไม่เคยเล่นด้วย
แล้วสักพัก
ป๊า : ........กุน...... เล้ง : อะไรอ่ะ......ป๊า ป๊า : กุน หมายถึง รุก.......... เล้งแพ้แล้ว.............. เล่นใหม่ ๆ
วันนั้นเล้งเล่นแพ้ติดต่อกันอีกหลายกระดาน จู่ๆ......... น้ำตาของเด็กน้อยก็ไหลออกมา
ป๊า : เฮ้ย เล้งร้องไห้ทำไม ตรุษจีน เขาไม่ให้โศกเศร้า เล้ง : ไม่เห็นสนุกเลย เล่นยังไงก็แพ้ตลอด...... อั๊วไม่เล่นแล้ว
พ่อของเล้งร้องเสียงหลง กับเหตุการณ์ที่เขาไม่คาดคิด แล้วเล้งก็ลุกหนีไป
ต่อมาอีกหลายสัปดาห์ พ่อก็ชวนเล้งเล่นหมากรุกจีนอีก
ป๊า : ป๊าเล่นมายี่สิบปี ก่อนที่จะหยุดเล่นไป ลื๊อเพิ่งเล่นหัดเล่นไม่กี่วัน เล่นไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็เก่งกว่าป๊า
พ่อพูดให้กำลังใจเล้ง แต่เล้งตอบไปตามประสาเด็กแก่น ที่เรียนเลขเก่ง
เล้ง : ป๊าไม่ต้องมาโกหกอั๊วหรอก ต่อให้อั๊วเล่นอีกสิบปี ป๊าก็เล่นไปอีกสิบปีเหมือนกัน กลายเป็นอั๊วเล่นทั้งหมดสิบปี ป๊าเล่นทั้งหมดสามสิบปี ยังไงป๊าก็ต้องเก่งกว่าอั๊ว
แล้วพ่อก็หัวเราะในลำคอเบาๆ
ป๊า : .........ลื๊อนี่........เถียงเก่งจริงๆ......
หลังจากวันนั้น พ่อของเล้งก็เอ่ยปากชวนเล้งเล่นหมากรุกจีน ทุกครั้งที่เห็นว่าเล้งอยู่ว่างๆ เขาเริ่มรู้สึกสนุกเพิ่มขึ้นบ้าง เดินหมากได้คล่องขึ้น และแพ้ช้าลง แต่ด้วยความเป็นเด็ก เล้งจะจดจำหมากที่เดินแพ้ได้อย่างฝังใจ แล้วเขาจะไม่เดิน หมากรูปแบบเดิม.........ในสถานการณ์เดิมๆ อีก ซึ่งก็ได้ผล เพราะเขาไม่แพ้พ่อในรูปหมากแบบเดิม แต่เขาก็ยังแพ้พ่อในรูปแบบอื่นๆ อีก................. ไม่รู้จักจบจักสิ้น แล้วเขาก็เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง
เล้ง : อั๊วเดินไม่ชนะป๊าซักที ป๊า : เล้งต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ เรียนรู้ ทำอะไรก็ตาม เล้งต้องมองคนที่ทำมาก่อน แล้วให้นึกถึงคนที่จะมาทีหลังเล้งด้วย เล้งเพิ่งหัดเล่น แล้วถ้าวันนี้เล้งเก่งเหมือนเซียนหมากรุกที่เขาเล่นมา 20-30 ปี มันจะเป็นไปได้เหรอ แล้วเล้งคิดดู ถ้าวันหน้าเล้งเล่นไป 20 ปี แล้วมีเด็ก 10 ขวบเพิ่งหัดเล่นมาเล่นชนะเล้งในตอนนั้น เล้งจะรู้สึกยังไง
ป๊า : จำเอาไว้ คนที่เรียนรู้มาก่อนย่อมต้องมีอะไรที่เหนือกว่า และคนที่ตามมาทีหลังก็ต้องมีบางอย่างที่ด้อยกว่า อย่างน้อยก็คือ........................ประสบการณ์
คืนนั้นเขานอนหลับไม่สนิท ด้วยความขุ่นมัว และกระวนกระวายในจิตใจจากกระดานหมากรุก
เช้าวันต่อมาที่โต๊ะอาหาร
เล้ง : อั๊วว่า ที่ป๊าไม่ไปเล่นกับคนอื่น เพราะป๊ากลัวแพ้ ชอบมาเล่นกับอั๊วเพราะเห็นอั๊วเล่นไม่ค่อยเป็น ป๊าจะได้ชนะทุกกระดาน ป๊า : ชนะเล้ง แล้วป๊าได้อะไร เล้ง : ได้แกล้งอั๊ว ไม่งั้นทำไมไม่เห็นป๊าไปเล่นกับคนอื่นเลย ป๊า : ........กินข้าวเถอะ......... เดี๋ยวกับข้าวเย็นแล้วจะไม่อร่อย
อีกสักพักหนึ่ง ซึ่งจวนจะจบมื้อเช้านี้แล้ว
เล้ง : ป๊า......อั๊วเคยอ่านหนังสือมา เขาบอกว่าคนจีนงกวิชา ชอบเก็บความรู้ไว้คนเดียวจนบางทีตายไปกับตัว ป๊า : ......ยังไงอีก...... เล้ง : ลูกตัวเองบางทียังไม่สอนเลย บางคนก็สอนลูกรักแค่คนเดียว ลูกที่เหลือไม่สนใจ เลือกที่รักมักที่ชัง วิชาหลายๆ อย่าง ก็เลยตายไปพร้อมกับคนที่รู้....ทั้งเรื่องอาหาร....เรื่องยา... .. แล้วก็อีกเยอะแยะ จริงหรือเปล่าป๊า ป๊า : เล้ง.......สิ่งที่เล้งรับรู้มาน่ะไม่ผิด...... แต่มันไม่ถูกทั้งหมดหรอก....บางที.......มันก็มีเหตุผลเหมือนกัน คนจีนน่ะ เขาจะไม่ถ่ายทอดวิชากันง่ายๆ เพราะ ถ้ามันถ่ายทอดกันได้ง่ายๆ คนที่ได้รับก็อาจไม่รู้คุณค่า อีกอย่าง สมัยก่อนเมืองจีน บ้านเมืองยังไม่เป็นปึกแผ่น ผู้คนแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า แต่ละชนเผ่าก็มีความรู้หรือวิชา ในกลุ่มของตัวเอง เขาจะไม่ให้วิชาความรู้ของชนเผ่าตัวเอง รั่วไหลไปให้คนอื่นหรอก....เพราะบางทีมันจะย้อนกลับ มาทำร้ายตัวเองได้
และเขาถือว่า......วิชาอะไรก็ตามที่มีคุณอนันต์ ในทางกลับกันมันจะมีโทษมหันต์ เพราะประโยชน์ หรือโทษมันไม่ได้อยู่ที่ตัววิชา.......... มันอยู่ที่ตัวคน
พูดง่ายๆ ว่า วิชาความรู้น่ะมีค่า แต่คนที่จะได้รับถ่ายทอด นั้นมีคุณค่าเพียงพอต่อความรู้นั้นหรือเปล่า แล้วถ้าคนได้รับ การถ่ายทอดเอาไปใช้อย่างไม่เหมาะสม หรือไม่รู้คุณค่า เจ้าของวิชานั่นแหละ...............จะมัวหมองและมีมลทิน
เล้งได้รับคำตอบ........แต่ยังไม่สบอารมณ์ ... ... ...
(เรื่องโดย The Rounder จาก พันทิพย์ดอทคอม)
... ...
รอติดตามตอนที่ 2 เร็วๆนี้ครับ
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2551 |
|
88 comments |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2551 16:38:20 น. |
Counter : 1674 Pageviews. |
|
|
|