|
พี่อยากบอกให้รู้ พี่รักหนูนะนัตตี้
ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี... รู้สึกตัวว่าเพลียไปหมด ความคิดในสมองตีกันวุ่น
ถ้าเขียนด้วยแรงอารมณ์ตั้งแต่เมื่อคืน เราว่าเราคงเผยด้านมืดในตัวเองออกมาจนเกลี้ยง แล้วใช้ตัวหนังสือฆ่าคนแบบที่ตัวเราเองดูถูกคนที่ทำแบบนั้นมาโดยตลอด
หลายครั้งในปีนี้ ถ้าเราเขียนตามเสียงหัวใจตัวเอง โดยไม่มีความคิดกำกับว่า อย่ารังแกเด็ก แล้วล่ะก็... เราว่าสุดท้ายแล้วเราคงเกลียดและขยะแขยงตัวเอง
เริ่มเรียบเรียงกันดีกว่า
มีใครสักคนไหมรู้มาก่อนหน้านี้ว่า นัตตี้น่ะเป็นเด็กbroken home
ตัวเราสารภาพว่าไม่เคยรู้มาก่อน แม้ก่อนหน้านี้ จะสะกิดใจตรงในห้องสารภาพที่นัตตี้หลุดออกมาว่าอยากให้พ่อมาดูที่คอนสักครั้ง โดยที่ก่อนหน้า ช่วงวีคแรกได้มั้ง นัตตี้เคยเล่าให้ฟังว่าพ่อของนัตตี้ชอบรายการนี้และอยากให้ลูกลองมาออดิชั่น
เราก็เอ๊ะ! งั้นทำไมถึงไม่เคยมาดูลูกตัวเองที่คอนเลยสักครั้งล่ะ แต่ก็นึกไปตามประสาว่า พ่ออาจจะเป็นสไตล์ผู้ชายมั้ง ไม่ชอบออกกล้อง อายที่จะต้องออกหน้า
...ความจริงนี่น่าจะเป็นสัญญาณบางอย่าง
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆพูดไปยิ้มไป สลับเสียงหัวเราะที่เราเริ่มจับได้มากขึ้นทุกวันว่ามันเป็นมากกว่าเสียงหัวเราะ มากกว่ารอยยิ้ม
เด็กคนนี้พูดว่า ไม่เคยเจอพ่อตัวเองตั้งแต่หนึ่งขวบ น้องยิ้ม แล้วหัวเราะกิ๊กกั๊ก กดตัวเล็กๆลงกับหมอนแล้วบอก แม่เอาหนูไปซ่อน เมื่อครูปุ้มถามอย่างแปลกใจว่าไม่เคยได้เจอพ่อมาก่อนหน้านั้นเลยเหรอ
ทำเอาน้ำตาหยดแรกของเราร่วง
ลูกคนหนึ่งเพิ่งได้เจอพ่อตัวเองเมื่อตอนอายุ 15 ...ก็ช่วงนี้ล่ะ ตอนที่ไอ้ตัวเล็กเผชิญเรื่องอย่างหนักในชีวิต
เมื่อครูปุ้มถามถึงความรู้สึกในเรื่องนี้ เด็กตัวเล็กๆคนนี้กลับตอบกลับไปว่า หนูเข้าใจเพราะมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
น้ำตาอีกหยดของเราก็ร่วง
หัวใจของหนูมัน....
ในเรื่องราวทั้งหมดสมัยยังเป็นเด็กในโรงเรียนที่นัตตี้เล่าให้ฟัง
ปรากฏภาพเด็กคนหนึ่งถูกแกล้งจากเพื่อนๆมาตั้งแต่ประถม เข้ากับใครไม่ได้
น้องยิ้มอีกแล้ว หัวเราะอีกแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ หนูชิน
เด็กอายุ15 เอ่ยปากว่า ชินกับความเจ็บปวด
ทำไมถึงชินได้นะ
ไม่มีใครหรอกหนูเอ๊ยที่จะชินกับความเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเกี่ยวกับหัวใจ
ยิ่งหนูย้ำมากเท่าไรว่าหนูชิน มันก็ยิ่งบ่งบอกว่าหนูเจ็บปวดมากแค่ไหน
เด็กคนหนึ่งเจอเรื่องมากมายตีย้ำตรงหัวใจมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก จะแยกแยะเรื่องราว ทำความเข้าใจกับผู้คน สงสัยความใจร้ายของคนเราได้มากแค่ไหนกัน
แต่รู้อะไรไหม หัวใจคนเรามันมีสวิตส์อัตโนมัติ ในการShut Downตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจเราเจ็บเจียนตาย เพื่อให้ขามันก้าวเดินต่อไปได้
เด็กผู้หญิงคนนี้ เด็กตัวเล็กๆทำก็ได้เพียงแค่นั้น น้องก็แค่ปิดหัวใจตัวเอง สั่งให้ตัวเองไม่รู้สึก ทั้งๆที่ภายในใจมันพรั่งพรูด้วยความรู้สึกมากมาย
เมื่อพบเจอเรื่องเดิมๆโดยที่ตัวเองก็แก้ไขเองไม่ได้ เด็กคนหนึ่งก็ต้องเริ่มมีกลไกลป้องกันตัวเอง ในเวลาก้าวไปสู่กลุ่มใหม่ๆ
เมื่อเรามองย้อนกลับไป ภาพหลายๆภาพมันก็ย้อนกลับมาให้รู้สึกได้ชัดขึ้น
นัตตี้เป็นเด็กที่มีเซ้นส์แรงต่อความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อตนเอง ด้วยเรื่องราวที่พบเจอมาก่อนหน้า น้องถึงได้ จับ ความรู้สึกคนรอบข้างแล้วเก็บเอามาทำร้ายตัวเองเสมอ
เหมือนเด็กคนนี้จะกะเกร็งไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ตัวเองจะต้องถูกรังเกียจในสักวัน
เราถึงได้เห็นภาพเด็กคนหนึ่งพยายามเหลือเกินที่จะบอกรักใครต่อใคร เอาใจทุกคนไปจนทั่วจนก่อความรำคาญใจเกิดขึ้นมา
เด็กคงคิดไปว่า ถ้ารักเขามากๆ เขาคงจะรักเรากลับมาบ้าง อาจชะลอเวลาที่จะถูกรังเกียจ โดยไม่รู้ว่าบางทีความรักทีมอบให้เขาไป มันกลับเป็นภาระที่เขาไม่อยากแบกมันเอาไว้ ปฏิกิริยาโต้กลับมันถึงได้รุนแรงขนาดนี้
มีหลายเสียงว่านัตตี้ ยังเด็ก ไม่ก็พูดเหมือนราวให้ความเข้าใจทั้งๆที่ไม่อยากจะเข้าใจว่า น้องยังเด็ก
ก่อนหน้าเราก็คิดแบบนั้น ก็เด็ก 15 จะให้โตขนาดไหน
แต่มันกลับกลายเป็นว่า นัตตี้ไม่ได้เด็กเลย เด็กคนนี้เก็บเรื่องราวมาประมวลไว้เยอะแยะไปหมด แล้วก็พยายามเยอะมากที่จะไม่ให้ ถูกเกลียด
คนเราอยู่กับความรู้สึกอย่างนี้ได้ไงกัน ความรู้สึกที่ว่า สักวันเขาจะต้องรังเกียจเรา เขาอาจจะเกลียดเรา
นัตตี้ถึงได้งอแงมากนักในการย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่มีคนรักเขา น้องถึงได้เก็บรายละเอียดไว้ไม่ยอมปล่อย
แล้วเหมือนเฝ้ารอเวลาที่จะให้เขารังเกียจ
ซึ่งพอวันนั้นมาถึงจริงๆ เด็กคนนี้ก็ได้แต่ทำหน้าชื่น ทำเป็นยอมรับได้กับการถูกรังเกียจรังงอน ออกปากได้แต่ว่า หนูชินแล้ว ยิ้มแล้วก็หัวเราะ จนหัวเราะไม่ออก ยิ้มไม่ได้ น้องก็ได้แต่ปาดน้ำตาป้อยๆ
ทั้งๆที่ความเป็นจริง เรื่องแบบนี้ไม่ว่าใคร อายุเท่าไร ประสบการณ์มากแค่ไหนจะไม่มีวันชินกับเรื่องโหดร้ายแบบนี้ได้หรอก
เหมือนเราจะมองเห็นว่าน้องรอเวลาแบบนี้มาถึงตลอด วันที่ถูกแอนตี้จากกลุ่มคนที่น้องคิดว่าเขาเป็นเพื่อน หลอกตัวเองได้ต่อว่ามันก็มาถึงสักที มันก็เหมือนเดิมๆที่เคยเจอมา
ก็มีเหมือนกันจริงไหม บุคลิกของคนบางคนที่คนเราเพียงแค่เห็นก็ขัดหูขัดตา ไม่ว่าจะเกิดจากโชคร้ายของบุคลิก หรือการถูกหล่อหลอมมาบางอย่าง
เราบอกตามตรง เราเจ็บเกินจะบอกว่านัตตี้จะเป็นเด็กโชคร้ายแบบนั้น เราอยากจะคิดว่า น้องโชคดีไม่พอที่ไปอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่พร้อมจะให้ความรักตอบแทนคืนกลับมา(บ้าง)มาโดยตลอดมากกว่า ...อย่างนี้ใจเรามันจะเจ็บแทนนัตตี้น้อยลงกว่า
มาเบรคอารมณ์กันดีกว่า สติสตัง(ส์)เริ่มกลับมาเต็มหนึ่งบาทละ เกลียดเวลาตัวเองอารมณ์ท่วมจริงๆ
ตอนนั่งดูไอ้คู่เพื่อนกันบางเวลาปรับทุกข์กันริมสระน้ำนั่น ในอีกวันต่อมาน่ะ
ดูๆอยู่ก็ได้รับchatว่า (โอย...ขำ) จะอะไรนักหนากับปั๋ม ห๊ะ! ...ลอกมาเป๊ะทุกตัวอักษร
เราก็ตอบกลับไปว่า ผิดแล้ว มันต้องเป็นว่า จะอะไรนักหนากับนิว ห๊ะ!
เหย~ ในขณะที่ปั๋มพยายามสั่งสอน(ใช่...สั่งสอน)ถึงวิธีการพูดจาให้นัตตี้ การรู้จักฟัง คิดแล้วค่อยพูด เราก็เห็นนัตตี้มันเออออไปอย่างนั้นล่ะ
เพราะ...
เพราะในใจนัตตี้น่ะติดอยู่เรื่องเดียว เรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตตอนนี้ คือ ปั๋ม เท่านั้น
ในขณะปั๋มพูดชัดเจน ย้ำให้นัตตี้ รู้ ให้ได้ว่า ในบ้านหลังนี้น่ะ ปั๋มมีแค่เพื่อนที่พูดคุยได้ แต่ไม่มีเพื่อนที่ ใช่
คือถ้าเป็นเรา ก็หยุดแล้วล่ะ ปั๋มชัดเจนแล้ว ถ้าเราคือนัตตี้ เราก็รู้แล้วว่าปั๋มหมายถึงตัวเราด้วย เราเป็นได้แค่เพื่อนธรรมดาสามัญประจำบ้าน
แต่เราก็เข้าใจไอ้เรื่องติดในใจนัตตี้เหมือนกัน เราว่านัตตี้ก็พอรู้(ซึ่งก็ควรจะรู้แล้ว...จริงไหม)ว่าปั๋มน่ะไม่ได้ถือตัวเองเป็นเพื่อนสนิทแบบที่ตัวเองรู้สึกกับอีกฝ่าย
ซึ่งเราวิเคราะห์แบบนี้นะ ประเด็นเรื่องปั๋มไม่เห็นนัตตี้เป็นเพื่อนสนิท ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า ปั๋มอาจจะปันใจ(เอิ้กกกก)ไปให้นิว
เฮ้อ~กลุ้มว่ะ
คือเราได้ยินเสียงในใจนัตตี้ดังออกมาทุกครั้งที่ถามย้ำเรื่องที่ปั๋มไปตัวติดอยู่กับนิวว่า แกไม่รักฉันก็ไม่ว่า แต่อย่าไปรักนิวได้ไหม
เฮ้อ~กลุ้มอีกที
ปั๋มน่ะเขาชัดเจนมากแล้วนะนัตตี้ เขาไม่มีเพื่อนที่คิดว่า ใช่ ในบ้านหลังนี้ นั่นหมายถึงทั้งตัวนัตตี้เองและนิวด้วย
แล้วอยากตะโกนบอกว่านิวก็ไม่ได้อะไรกับปั๋มนักหนาหรอก ไม่ต้องวิตกจริตไป
สำหรับปั๋ม เราไม่โทษเด็กเลยที่กดความรู้สึกตัวเองขนาดนี้ ทุกถ้อยคำที่น้องคนนี้สอนนัตตี้เรื่องการแสดงออกต่อเพื่อนในบ้าน คือสิ่งที่ตัวปั๋มเองปฏิบัติมาโดยตลอด
การระมัดระวังตัวขนาดนี้ เราว่าเราโทษสังคมอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะ
เด็กที่เติบโตมากับการดูรายการนี้ รับรองได้ว่าได้เข้ามาอ่านกระทู้มากมายในของทุกปี กระทู้ด้านลบที่เหล่านักล่าฝันโดนแบบจังๆพวกนั้น โดยเฉพาะนักล่าฝันผู้หญิง ก็ไม่ต่างจากที่ปั๋มระวังตัวหรอก จับผิด ขุดคุ้ยกัน...นั่นล่ะ ไม่รู้จะพูดไงต่อ คงพอรู้กัน
ก่อนเข้าบ้านอ่านไปก็ไม่อะไรเท่าไรหรอก
แต่เด็กช่างคิดแบบปั๋ม คนที่มีกรอบของตัวเองชัดเจนแบบนี้ ก็ได้แต่ทำแบบปั๋มนี่ล่ะเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้าน
ไอ้ความกริ่นเกรงไปล่วงหน้าน่ะ มันน่ากลัวกว่าความเป็นจริงที่ต้องเผชิญตรงหน้าเสียอีก
นัตตี้ถึงได้ย้ำแล้วย้ำอีกไงว่าปั๋มน่ะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนตอนรอบ100 คน
ปั๋มคงไม่รู้ตัวหรอกว่าในขณะที่ตัวเองระวังตัวอย่างเหลือแสน มันก็กลบความสดใสที่ควรจะเป็นไปจนเกือบเกลี้ยง
ตัวเราเองนั่งมองเพื่อนกันสองคนมาตั้งแต่แรกๆ
ไม่ว่าปั๋มจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม สีของภาพเวลาที่ปั๋มอยู่กันสองคนกับนัตตี้น่ะ มันมีความสดใสและสวยสะอาดไม่ต่างจากสีพาสเทลเลย มันเป็นสีที่ตัดฉับต่างจากเวลาปั๋มต้องอยู่กับเพื่อนและพี่คนอื่นๆอย่างชัดเจน
ยิ่งเวลานั่งฟังเด็กสองคนนี้พูดกัน ฉันอย่างนั้น แกอย่างนี้ เรื่องโน่นเรื่องนี้ โดยไม่มีสักครั้งที่จะเฉียดไปแง่ลบของบุคคลที่สาม
โอย~น่ารักจะตาย นี่ล่ะคือโลกที่เราคิดว่าเด็กสิบห้าควรจะเป็นอย่างนั้น
คือด้วยเราก็ไม่ได้รู้จักปั๋มมากนัก แต่ที่เห็นตัวตนบางอย่างของปั๋มนั้นแตกต่างคนละขั้วกับนัตตี้ ซึ่งเราคิดว่ามันเหมาะกันมาก เหมือนต่างคนต่างก็มีส่วนที่ตัวเองขาด ไอ้คนหนึ่งก็ชอบกอดชอบสัมผัสคลอเคลียอย่างกับลูกแมว ชอบแสดงออกถึงความรักอันล้นปรี่ อีกคนก็ไม่ชอบให้แตะ ถือเนื้อถือตัว เก็บกักความรู้สึก
ให้พูดตามตรงประสาเด็กที่โตมากับเจป็อบมาจนเป็นเคป็อบในยุคนี้อย่างเรา คือถ้าเด็กสองคนนี้ได้อยู่ในวงเกิร์ลกรุ๊ปที่นั่นแล้วก็นะ...
คู่ของนัตตี้และปั๋มนี่ล่ะจะทำเอาแฟนคลับคลั่งตายด้วยแฟนเซอร์วิส โดยเฉพาะเจป็อบนะ...พวกโอตาคุคงนั่งเพ้อไปในความฝันของตัวเอง รับรองว่าทั้งแฟนฟิคทั้งเวบคู่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด คอยลุ้นว่าเมื่อไรคู่นี้จะลงเอยกัน คอยดูว่าเมื่อไรจะกอดจะหอมกัน คอยลุ้นอย่าให้อีกฝ่ายอย่าสะบัดมากนัก...ประมาณนั้นเลย
เฮ้อ~ก็ได้แต่หวังแค่ เมื่อหลุดจากความกดดัน ต่างฝ่ายจะต่างจูนเข้าหากันได้ พี่อยากบอกปั๋มจริงๆว่า ในหนึ่งชีวิตของคนเราน่ะไม่ง่ายหรอกนะที่จะพบเพื่อนสักคนที่ให้ใจเราได้ขนาดที่นัตตี้มอบให้กับปั๋มน่ะ
ถ้าออกมาแล้วหมดซึ่งความกดดัน แล้วคิดว่าความรู้สึกที่นัตตี้มีให้มันมี ค่า พอ ก็ถนอมเอาไว้เถอะน้อง
กลับมาที่เรื่องของนัตตี้ปิดท้าย
ยังจำคืนที่นัตตี้เข้ามาฟ้องผ้าแพรกับต้นเรื่องโดนกระทำด้วยความใจร้ายได้นั่น จากนั้นด้วยแรงอารมณ์เด็กก็ตะโกนบอกทางบ้านไม่ให้โหวต พอสติกลับคืนมา น้องก็เข้าไปในห้องสารภาพ ร้องเพลงให้แม่ สอนบวกลบให้น้องชาย บอกให้ยายกินข้าวเยอะๆ
แล้วก็บอกว่าหนูรู้ตัวว่าเข้ามาทำอะไร และจะสู้
คือเราจำทุกถ้อยคำไม่ได้หรอกนะ แต่จำความรู้สึกตัวเองหลังจากเด็กคนนี้เริ่มเวิ่นเว้อได้
แล้วพี่สาวคนนึงก็โทรมาทันทีที่นัตตี้ออกจากห้อง ไอ้เราก็หลุดหัวเระก๊าก แล้วสวนกลับไปก่อนเลยว่า ไอ้เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์
เรารู้ล่ะ พี่เขาเอ็นดูนัตตี้มากกกกก โทรมาเพื่อจะบอกความปลาบปลื้มในตัวเด็ก แต่เรามันนิสัยเสียสุดๆ แกล้งพี่แกล้งเชื้อ
ก็จริงๆนี่ นัตตี้น่ะมีความเจ้าเล่ห์ในตัวเอง เราไม่รู้ว่าด้วยเราเอ็นดูเด็กคนนี้เป็นทุนเดิมหรือเปล่า แม้ว่าเราจะเห็นความเจ้าเล่ห์ของเด็ก แต่เราก็รู้สึกว่ามันเป็นแค่ความเจ้าเล่ห์แบบเด็กๆ ไม่มีพิษมีภัย
เด็กมันแค่รู้ตัวว่าหลุด ก็เลยพยายามแก้ตัวว่าที่พูดไปไม่ให้โหวตนั่น อย่าเอาจริงนะคะ ไม่ว่าไงหนูก็ยังสู้
แล้วก็มาคืนที่นัตตี้คุยกับครูปุ้ม แรกๆเราก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างที่เขียนไปวันก่อน ในขณะที่นั่งฟังเรื่องราวที่โดนกระทำ
ลองมองอีกแง่ไหม(หลังจากใช้เวลาทบทวนโดยตัดความรู้สึกเข้าข้างออกไป)
เด็กหนึ่งคนกำลังฟ้องเพื่อนในห้องให้ครูฟัง ฟ้องว่าตัวเองถูกกระทำ ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้เต้าข่าวขึ้นมา ...ไอ้ที่เห็นกับตามันก็แรงอยู่เห็นๆ ไอ้ที่ไม่เห็นคงต้องไปถามคนในห้องคอนโทรลละว่าเห็นขนาดไหน
แต่อย่าลืมนะว่านัตตี้น่ะเป็นเด็กคิดมาก ในหนึ่งการกระทำมีความแรงของอารมณ์อยู่ ซึ่งคนทำแน่นอนล่ะมีในระดับของตัวเอง แต่ว่าในความรู้สึกของนัตตี้ เรารับรองเลยว่ามีการบวกเพิ่มเข้าไปด้วยใจของตัวเอง
เราพยายามมองในหลายๆมุมนะ เราให้ความเข้าใจว่า เด็กมันโดนซ้ำๆ แถมไม่ใช่แค่โดนมาในตอนนี้ แต่สะสมมาตั้งแต่เป็นเด็กชั้นประถมด้วยซ้ำ
ทุกอย่างทุกการกระทำ ทุกความรู้สึกจึงมีเงาของอดีตมาซ้อนทับ
นัตตี้ถึงได้รู้สึกรับได้เร็วกับความรู้สึกด้านลบที่คนรอบข้างส่งออกมา
แรกๆเด็กคนนี้พยายามจะบอก แต่ถูกตัดบทไปว่า คิดมาก ทุกครั้งไปจากทุกคน
เมื่อได้โอกาสจากครูปุ้ม ...ครูปุ้มเป็นคนที่มักรับฟังอย่างเงียบๆมาเสมอ ไม่ชี้นำ แล้วค่อยๆตบให้เข้าที่โดยไม่ก้าวก่าย
ความเจ้าเล่ห์ของนัตตี้จากการฟ้องเพื่อนให้แม่ฟังจึงเกิดขึ้น
เราว่าเรารู้สึกได้นะว่า..... นี่คือโอกาสเดียวล่ะที่เด็กคนนี้จะบอกให้โลกรู้ว่าตัวเองโดนกระทำมาแค่ไหน
ไอ้แค่ไหนนี่ต้องเข้าใจด้วยนะว่ามันมาจากความรู้สึกของนัตตี้ฝ่ายเดียว
ซึ่งคนดูที่ไม่ได้เข้าไปสัมผัสโดยตรงไม่มีทางรู้เลยว่า น้ำหนักแท้จริงที่กดทับใจนัตตี้นั้นอยู่ระดับไหน บวกเพิ่มมาด้วยใจนัตตี้ไปอีกเองแค่ไหน
ซึ่งแม้เราที่เข้าข้างเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้ ยังต้องหยุดที่จะคิดถึงความเป็นจริงตรงนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่าย
ลองใจเย็นลงมันทุกฝ่ายนี่ล่ะ
ถึงตอนนี้เราก็ได้แต่หวังว่าแต่ละฝ่ายจะต่างหยุด ทิ้งระยะห่างที่ควรจะเป็นของแต่ละคนเอาไว้ โดยมีมือจากคนรอบข้างที่มีประสบการณ์มากกว่าคอยรั้ง คอยตบไม่ให้ล้ำเส้นกันก็พอ
ขอแค่นี้ล่ะ ไม่เอาอะไรแล้ว เราว่าคนดูเหนื่อยใจจะตายอยู่แล้ว กินมาม่าจนจุก
ด้วยตัวเราเองมีความรู้สึกกับเรื่องราวของนัตตี้เท่าที่ได้รับรู้ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล่นๆ การแก้ปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องมือสมัครเล่นจะเข้าไปยุ่มย่าม ปมในใจเด็กคนนี้มันขมวดเป็นปมพันกันยุ่ง มันต้องใช้เวลาในการสางไปทีละปม อย่างใจเย็น ด้วยการให้ความรักและเข้าใจ และอาจด้วยมือของมืออาชีพ
ไอ้คนเรียนจิตวิทยาแค่ 101แบบเรา วิเคราะห์ได้แค่นี้ล่ะ ถูกไม่ถูกก็ไม่รู้แถมแก้ไม่ได้อีกต่างหาก
ทำได้แค่เมื่อนัตตี้ออกจากบ้านมาจะเข้าไปกอดน้องให้แน่นๆ แล้วกระซิบบอกว่าน้องน่ารักแค่ไหน ทำให้พี่คนนี้รักหนูได้มากแค่ไหนก็เท่านั้น
แล้วสักวันหนูจะไม่ได้เจอแค่ม้าขาวนะ แต่จะได้ครอบครองยูนิคอร์นของตัวเองนะนัตตี้
Create Date : 28 กรกฎาคม 2553 |
|
13 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2553 12:34:20 น. |
Counter : 862 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: puie (papasea ) 28 กรกฎาคม 2553 13:34:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: tazzz 28 กรกฎาคม 2553 16:21:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: tazzz 29 กรกฎาคม 2553 21:15:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: tazzz 29 กรกฎาคม 2553 21:22:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: tazzz 30 กรกฎาคม 2553 15:53:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: tazzz 30 กรกฎาคม 2553 23:27:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: Quaver 31 กรกฎาคม 2553 16:00:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|