บอก 'ที' ไม่เอาคำตอบ
ก็เพราะวันนี้ได้ฟังเพลง "ถามไม่เอาคำตอบ" แบบเต็มรูปแบบครั้งแรก ก็เลยรู้สึกคันไม้คันมืออยากบอกความรู้สึกแบบไม่อยากได้คำตอบคืนกลับมากับเพลงนี้ได้รับรู้มาแต่แรกว่าเป็นฝีมือครูบิ๊กแต่งทำนอง โดยได้รับโจทย์จากทางทรูมาว่า "ขอเพลงเปียโนเพราะๆ" (ช่างเป็นโจทย์ที่ครอบคลุมอะไรเช่นนี้~!!) จากนั้นไม่นานทีป์ชลิตก็ได้ไปเข้าห้องอัดเสียงที่บ้านครูบิ๊ก โดยมีครูบิ๊กร้องไลน์ประสานให้ ไอ้เราตามประสาแฟนคลับครูบิ๊กเลยดั๊นอยากรอฟังไลน์ประสานแทนเสียงหลักซะงั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า....ใครได้ฟังแล้วสังเกตไหมในรอบแรกว่าครูบิ๊กประสานตรงไหน ขอยั่วให้กลับไปจ้องฟัง ขอบอกว่า...นั่นคือเสียงส่วนที่เก๋กริ๊บของเพลงนี้เลยทีเดียวนอกเหนือจากเมโลดี้จากคีย์เปียโนตัดตามมาด้วยโซโล่กีต้าร์นั่นน่ะเสียงเปียโนเปิดมา...สำหรับแฟนรายการafคงนึกเห็นภาพครูบิ๊กแฮกริดนั่งร่างกลมๆตรงแกรนด์เปียโนไล่นิ้วไปตามแป้นสีขาว-ดำตามมา ด้วยเป็นสไตล์ความโรแมนติกแบบครูบิ๊กไม่ผิดเพี้ยนจากนั้นก็คือเสียงร้อง...ที่ก็ยังขอชมว่า เสียงของทีป์ชลิตก็ยัง 'หล่อ' กริบเป็นคร้าก เกเบิ้ลอีกตามเคย ซึ่งเราคิดว่าเสียงของทีเป็นหนึ่งในอันดับต้นๆของผู้ชายเสียงหล่อในบรรดาเด็กaf "เสียงของที" คือส่วนที่ดีของเพลงนี้แบบไม่ต้องสงสัย ฟังครั้งแรกก็ต้องยอมรับเลยว่า วางเสียง(หรือจะว่าไปเป็นการใช้เสียงอย่างเป็นปกติ...ล่ะมั๊ง~!)ได้เพราะอิ๊บมากครั้งแรกเราเข้าใจผิดว่าครูบิ๊กคือโปรดิวเซอร์ของที แต่ปรากฏว่าโปรดิวซ์ของทีตัวจริงกลับเป็นคุณว่านซะงั้นตามประสาที่อิฉันมีคุณว่านเป็นกิ๊ก(แบบเจ้าตัวไม่เคยเอะใจ....กร๊ากกกกก)ด้วยฟังเพลงคุณว่านมาเยอะนะ...พอจะจับความกุ๊กกิ๊กของภาษาคุณว่านที่เอามาใช้ในการเขียนเพลงได้ตอนนั่งอ่านเนื้อเพลง "ถามไม่เอาคำตอบ" ใจวูบแรกคิดมาว่า 'เพลงนี้มันว๊าน ว่าน' อย่างท่อน A1 ที่ขึ้นมาด้วย 'อาจจะแปลก' ที่คอยมองเธอไกลๆ แล้วตามมาด้วย 'อาจจะดู' ว่าฉันแอบคิดอะไร...เรางี้ยิ้มเลยแถมพอมาเจอท่อน A2 ด้วย 'สิ่งที่อยู่' ข้างในมันคือความจริง ตามมาเหมือนเดิมด้วย 'สิ่งที่บอก' ว่าฉันไม่เคยมีใคร...โห~ว่านว่ะ แบบไม่ต้องสืบพยาน ไม่ต้องหาหลักฐานงั้นพอว่านเป็นโปรดิวซ์ทีป์ชลิตมันออกมาเป็นไงล่ะก็ต้องบอกว่าทีตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของโปรดิวเซอร์ได้เก่งน่ะ...ไม่รู้ว่าจะถือเป็นคำชมหรือเปล่า เพราะเราเองก็ไม่แน่ใจว่าด้วยตัวเพลงมันบังคับให้ต้องร้องแบบนี้หรือเปล่าเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคุณว่านนอกจากเนื้อร้องเก๋ๆที่ใช้ถ้อยคำกระร่อยกระหริบชวนยกนิ้วให้แล้วสิ่งที่เด่นมากกับวิธีการร้องของว่านก็คือ การร้องเปลี่ยนจากเสียงจริงไปหลบ เสียงหลบไปจริงในท่อนเดียวกันน่ะ...ร้องแบบนี้จนเราฟังแล้วรู้ว่านี่ล่ะว่านล่ะกับท่อนฮุคนี้ ทีใช้วิธีการร้องแบบนี้เป๊ะ ~แค่เพียงได้ถามพอ ไม่ได้หวังคำตอบของเธอ~ถามว่าตัวเราชอบไหม ต้องบอกว่าเราว่านี่ก็ท่อนที่ทีร้องดีที่สุดและยังเป็นส่วนการร้องที่เราชอบที่สุดของเพลงนี้ ทั้งเสียงจริงทั้งเสียงหลบเป็นการใช้เสียงที่แข็งแรง ฟังลื่นและยัง 'ไพเราะ' กริบ...แบบถ้าใช้ศัพท์กำลังภายในก็ต้องชมว่า คุณร้องได้เนียนกริบดั่งเมฆาไร้ตะเข็บเลยนะคุณทีป์ชลิตแบบที่ต้องบอกว่า...เออ นักร้องที่ชอบใช้เสียงหลบน่ะ ควรมีเสียงหลบแข็งแรงแล้วหลบแล้วยังสวยแบบนี้สิ ไม่ใช่แค่นจะหลบแต่เสียงหลบตัวเองน่ะยังกะนกหวีดน่ะ(ปากจัดอีกแร้นตู )เพียงแต่ว่า...นี่มันคือสไตล์การร้องของทีป์ชลิตหรือเปล่า หรือเป็นแค่การตอบโจทย์ของโปรดิวเซอร์มากกว่าล่ะซึ่งจะว่าไปนี่คือข้อเสียอย่างหนึ่งของการที่คนฟังเพลงรู้จักโปรดิวเซอร์มากไปล่ะมั๊งยิ่งกับโปรดิวเซอร์ที่มีลายเซ็นต์ของตัวเองชัดทั้งการเขียนเนื้อและวิธีการร้องแบบคุณว่านมันเลยทำให้เราสลัดภาพคุณว่านไม่ออกจากเพลงของทีป์ชลิตมันเลยเกิดความรู้สึกคาใจว่านี่คือเพลงของว่าน ธนกฤต โดยใช้เสียงร้อง(หล่อๆ)ของที ทีป์ชลิตมากกว่าก่อนหน้าซิงเกิ้ลจะปล่อยออกมาเราได้รับอภินันทนาการจากคุณสิ่งสุดท้าย...คือเธอ ส่งคลิปวีดีโอการร้องสดของทีกับเพลงนี้มาให้ฟังได้ฟังแล้วตอนนั้นเจอลูกอัดอิมโพรไวส์แบบไม่เหลือช่องว่างของทีเข้าไป ทำเอาเราฟังแล้วกลุ้ม แบบ...เฮ้ย!ร้องแบบเมามันไปหรือเปล่าว้า โชว์พาวไปแล้วน้องเอ๊ยคนร้องเพลงที่ให้ความรู้สึกว่า "แข่งกับเพลงตัวเอง" เป็นสไตล์การร้องเพลงแบบที่เราไม่ชอบที่สุด เพราะเราถือว่ามันคือความสะใจของคนร้องมากกว่าจะมอบความสุขให้คนฟังก็เลยบอกไปว่า งั้นรอฟังซิงเกิ้ลเต็มๆก่อนดีกว่าว่าทีใช้วิธีการร้องแบบไหนกับเพลงช้าเพลงนี้ก็ปรากฏว่า...เราย้อนกลับไปเอาคลิปนั่นมาฟังก็ได้คำตอบ...ถ้าเอาสองส่วนนั้นมาหาร เพลงนี้น่าจะมีกลิ่นของความเป็นทีป์ชลิตมากกว่าลายเซ็นต์ของว่าน ธนกฤต...และคงไม่ทำให้เหลือความรู้สึกว่า ถ้าเป็นเสียงคุณว่านร้องล่ะ...เพลงนี้จะเหมาะกับว่านหรือทีกันแน่!!?แล้วขอแตะส่วนสุดท้าย เพลงนี้เพราะไหม...เพราะมากเลยล่ะ เสียงร้องเพราะ ดนตรีเพราะ เนื้อหากำลังใช่แบบผู้ชายโรแมนติคแบบอบอุ่นแต่...อารมณ์เพลงล่ะ...นี่อาจถือเป็นรสนิยมส่วนตัวดีกว่าเพราะอาจด้วยคนร้องร้องด้วยการตีความของผู้ชาย บวกกับเนื้อหารอคอยไม่ใช่เศร้าสร้อยอะไรก็ไม่รู้ทำไม...คือฟังเมโลดี้แล้วเพลงมันเหงา มันหมองในอารมณ์ ยิ่งเจอโซโล่กีต้าร์บาดตามมา(แม้จะทอนความแรงลงก็ตาม) คือสำหรับเรามันแทบจะเรียกว่าเป็นเพลงเศร้าเลยล่ะแต่อารมณ์ของเสียงมันสื่อออกมาไม่ถึง มันมีแค่ความเพราะของเสียง อย่างที่บอกคือเสียงเพราะมาก จนรู้สึกแค่ว่าเสียงเพราะในเมโลดี้เศร้าที่ดั๊นไม่มีความรู้สึกนั้นตามมา มันออกจะเรื่อยไปแบบที่ผู้ชายในเพลงบอกน่ะ พวกลอยตัว บอกแต่ไม่รอเอาคำตอบล่ะมั๊ง
ถ้าทีป์ชลิตได้มารับรู้ฟามในใจอิฉัน คงหน้ายุ่งแล้วออกปากว่า อิพี่คนนี้จะเอาอารายกับผมกันแน่เนี้ย~! เอาน่า~!ก็แค่อยากบอก ไม่ได้จะเอาคำตอบก็เท่านั่นล่ะทีป์ชลิต