Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Love Actually



.
.
.
บล็อกนี้เขียนจากที่ห่างไกล
.
.
.
.
.

ต้นฉบับเขียนด้วยดินสอที่ขอยืมจากเด็กหญิงตัวเล็กๆลงบนพื้นหลังของแผ่นพับโฆษณา
สายฝนโปรยปรายมาตั้งแต่กลางดึกของคืนวาน
ตกแล้วหยุด หยุดแล้วตก ตกตก หยุดหยุด จนชวนฉงนในจุดประสงค์ของเบื้องบน
ท่านอาจทรงอยากบอก ความเฉื่อยชาในอารมณ์ก็ใช่จะเป็นเรื่องเกินยอมรับ ความเกียจคร้านก็นำพาความสงบคืนจิตใจได้...กระมัง



กลิ่นกาแฟคั่วบดลอยคลุมจนทั่วร้านเล็กๆแห่งนี้
ฝาผนังฉาบปูนป้ายเนื้อหยาบอย่างจงใจ ทาทับด้วยสีเหลืองสดสดใสตัดด้วยสีแดงพระอาทิตย์อีกด้าน
ตัดขอบสีม่วงไวโอเล็ตของส่วนคานและเสา
ตอนที่เราก้าวโหย่งๆเพื่อหาที่หลบฝน จึงถูกสีสันเหล่านี้ดึงดูดให้ก้าวข้ามมาหา



เจ้าของร้านใจกล้าจริงๆ...เราคิด



นอกจากโต๊ะและเก้าอี้ขนาดหนึ่งหรือสองคนนั่ง พื้นไม้ปูทางยาว
...ซึ่งเป็นสีของเนื้อไม้ธรรมชาติแล้ว
อ้อ!บวกอุปกรณ์การชงกาแฟและการครัวแล้วล่ะก็


ทุกสิ่งทุกอย่างแม้ช้อนกาแฟ กระดาษโน๊ตแผ่นเล็กต่างเล่นสีสันของแม่สีโดยไม่มีการเบรกแม้สักนิด
แถมบางจุดยังตกแต่งเป็นลายดอกไม้เล็กๆสีสันพร่างพราวราวกับทุ่งดอกไม้




และคงเพราะฝน
ผู้คนในร้านมีไม่กี่โต๊ะ...ในร้านที่โต๊ะมีไม่กี่ตัว
แต่ในแต่ละคนของทุกโต๊ะ ควันจางๆจากถ้วยกาแฟเรียกอารมณ์เหม่อลอยของทุกคน
เสียงฝนเล็กๆตกกระทบพื้นหินดังเปาะแปะ


เด็กผู้หญิงตัวเล็ก บางกะจ้อยร่อยนั่งพิงอยู่ตรงประตูบานพับไม้หน้าร้าน
มือน้อยๆยื่นรอเล่นกับสายฝน ตากลมดำขลับแหงนมองตามสายของฝน
หนูน้อยคงรู้ตัวที่ถูกแอบมองอยู่นาน
เธอหันกลับมา จ้อง แล้วยิ้มอายๆจนแก้มบุ๋มกับผมม้าสั้นเต่อ


นั่นล่ะ...คือตอนที่เรานึกถึงใครบางคน
ไม่น่าเชื่อเลย เดินทางมาตั้งไกล ก็ยังมีเด็กน้อยทำให้เรานึกถึงเด็กน้อยอีกคนจนได้
.
.
.
.
.


คืนเด็กเปิดใจกันเอง จนมาคืนวันที่ครูรักให้เด็กเปิดใจ
เรานั่งฟัง ส่ายหัวกับทัศนคติ อึดอัดกับความรู้สึก
หลายสิ่งอาจว่าเคลียร์
แต่สำหรับคนแบบเรา เรากลับเห็นภาพบางอย่างที่ไม่คิดว่ามี กลับชัดเจนในตัวมันเอง

แล้วถึงบอกกับตัวเอง ไม่ไหวแล้ว ต้องพักแล้ว
ขอไปเติมออกซิเจนก่อน แล้วอาจกลับมาสู้ทนกับเด็กรุ่นใหม่ได้ไหวต่อ


พอเดินห่างออกไป
อารมณ์ในความรู้สึกกลับไม่เหลือเรื่องราวความวุ่นวายระหว่างผู้คนในบ้านหลังนั้น


ในตอนนี้ ณ ช่วงเวลานี้ที่นั่งจรดดินสอ
เรากลับจับความรู้สึกสวยงามบางอย่างเอาไว้อย่างไม่น่าเชื่อ



เราอยากเขียนเรื่องราวในอดีต ไม่นานนัก...แต่ทำไมราวกับห่างเป็นร้อยปีนะ?!
มันอาจเป็นเพราะ...
เหมือนคนกำลังเฝ้ารอ คาดหวังเอาไว้อย่างเงียบเชียบกับการแทงยอดอ่อนของเมล็ดพันธ์ความรู้สึกเมื่อเจออากาศอบอุ่นเพียงพอ

แต่แล้ว...การเฝ้ารอลุ้นกลับหายไปแค่เพียงกระพริบตา
อากาศอบอุ่นที่หวังไว้ กลายกลับเป็นลาวาอันเดือดพล่านทำลายเมล็ดพันธ์นั้นแห้งกรอบ ทิ้งลึกอยู่ใต้ผืนดิน



เราเคยแตะพอผ่านกับเรื่องราวนี้มาครั้ง...บางคนอาจแทบไม่สะกิดใจ
พอเรื่องราวมันผ่านกลับกลายไป เราก็ไม่อยากแตะให้(ใครบางคน)เจ็บไปกว่าเดิม
ด้วยเขาเฝ้าลุ้นกับเรื่องราวคู่นี้มาตั้งแต่แรก ทั้งพยายามชี้ชวนให้เรารู้สึกตาม(ให้จงได้)


ตอนแรกๆเราได้แต่บอก อย่าคิดมาก อย่าคิดมาก เด็กจะตาย เด็กสิบห้าเองพี่
ทั้งที่เราบอกพี่เขาไปอย่างนั้น แต่สายตาเราก็กลับจ้องคู่นี้ไม่ยอมห่าง


นัตตี้น่ะเป็นเด็กชอบสัมผัส โหยหาความอบอุ่น
เป็นเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่น พอวางใจใคร เด็กก็เอนหาเขาโดยอัตโนมัติแบบไม่มีลิมิต
เพียงแค่เขามอบความใจดีด้วย น้องก็พร้อมให้เขาทั้งใจ
ซึ่งในขณะเดียวกัน พอโดนกระทำโต้กลับแม้เพียงเล็กน้อย น้องก็เก็บเอามาเจ็บหนักปางตาย

เราถึงได้เคยบอกไว้ไงว่า หัวใจตัวเล็กน่ะเหมือนฟองน้ำ อุ้มทุกความรู้สึกเอาไว้
จนบางครั้งมันล้นทะลักออกมา ก็กลับกลายเป็นน้ำตา สะอื้นจนตัวโยนแบบนั้นทุกครั้งไป


เพราะการที่เรามองนัตตี้เป็นเด็กแบบนี้
เราถึงได้เตือนพี่สาวที่เฝ้ามองหาอะไร...ในบางความรู้สึกนั้นอยู่เสมอ
...ไม่ใช่อะไรหรอก เรากลัวพี่เขาจะอกหัก(แทนเด็ก)


แล้วก็เป็นดังคาด...
พี่เขาอาการหนักจริงๆ เมื่อเรื่องมันกลับกลาย
แม้หลังจากนั้นหลายครั้ง ที่พี่เขาออกปากว่าไม่อะไรแล้ว
แต่อาการเจ็บช้ำมันก็แฝงมาในบางเรื่องราวให้จับได้ทุกครั้ง


แต่ว่าเราก็ว่า...โทษพี่เขาไม่ได้จริงๆ



ปอกับนัตตี้เป็นอะไรที่เขาพูดกันว่า มีchemistryต่อกัน
...ไม่ขอพูดว่าทุกคนต้องรู้สึกแบบนั้นนะ เอาเป็นว่าคนประเภทเราก็แล้วกัน (ขี้เกียจเกิดปัญหาโต้แย้ง)



เคยไหม...กับภาพบางคน แค่ยืนใกล้กัน แค่มองตากัน แค่เอียงหัวเข้าหากัน
คนมองเห็นก็ต้องรีบกัดริมฝีปากไม่ให้ร้องกรี๊ดกร๊าดออกมาดังๆ ยิ้มที่อมไว้ก็แทบทำให้แก้มปริ
เล็บจิกไว้กลางฝ่ามือจนเกิดร่องรอยน่ะ


สำหรับเราแล้ว นัตตี้กับปอมันให้ความรู้สึกแบบนั้นเลย


ทั้งๆที่พยายามเตือนทั้งตัวเองและพี่(เขา)ว่า เด็กพี่เด็ก เด็กสิบห้า
แถม...
นัตตี้น่ะเป็นเด็กชอบซบเวลาเข้าใกล้ใครไม่ว่าหญิงหรือชาย


ก็นั่นสินะ...ทั้งๆที่ตัวเล็กก็ทำแบบนั้นไปจนทั่วถึงซะขนาดนั้น
แต่...แต่ทำไมไม่มีใครทำให้เรารู้สึกใจเต้นกระตุกขึ้นมาได้แบบตอนนัตตี้อยู่ใกล้ปอก็ไม่รู้สิ



ปอสำหรับเราแล้ว เป็นเด็กผู้ชายที่เป็นผู้ชาย โตกว่าอายุโดยเฉพาะทางความคิดและวิธีจัดการตัวเอง
คงเพราะน้องต้องดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก

อย่างที่เราเคยรู้สึกกับปอมาตั้งแต่ที่ปอเล่าเรื่องการผจญภัยตอนออดิชั่นนั่นแล้ว
ปอเป็นเด็กประเภทถ้าเรามีลูก ก็อยากให้ลูกตัวเองเข้มแข็งได้แบบนี้
ในโลกโหดร้ายใบนี้ เราคงไม่ห่วงอะไรมากมายถ้าต้องปล่อยมือให้เขาก้าวเดินด้วยตัวเอง
และถ้าเผื่อเกิดอะไรไม่คาดฝันเราคงตายตาหลับว่าลูกเราสามารถเอาตัวเองรอดได้ (...คิดไปถึงไหนวะเนี่ย~)



ซึ่งเราว่าความเข้มแข็งในหัวใจของปอนั้น
คงส่งออกมาให้เด็กโหยหาความมั่นคงอย่างนัตตี้รู้สึกได้
นัตตี้ถึงได้ถูกดึงดูดเข้าหาปอมาตั้งแต่แรก เป็นผู้ชายคนแรกที่นัตตี้ตามติดแจด้วยรู้สึกถึงความปลอดภัย


พี่สาวคนที่เราอ้างถึงเขาถึงแทบตายกับภาพบางภาพที่เขาเห็นมาโดยตลอดตั้งแต่วันแรก
มือที่จับกันไว้ ใบหน้าเอียงเข้าหากัน ใบหน้าเล็กๆซบลงบนเข่า
แขนจ้อยร่อยรวบกอด ตัวเล็กๆซุกอยู่กลางแผ่นอกโดยแขนแข็งแรงอีกคู่รวบกอดไว้จนแน่น


มือน้อยๆลูบสัมผัสใบหน้าโดยอีกฝ่ายยอมแต่โดยดี
ทำเอาเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในทันควัน

ซึ่งตัวเราก็ได้แต่แย้ง นัตตี้ก็เป็นแบบนั้น เด็กมันนึกว่าเป็นน้องชายหรือเปล่า เห็นเป็น...หรือเปล่า?!
หาข้ออ้างให้ตัวเองสารพัด เพื่อต่างจะได้ไม่ถลำลงลึก






นัตตี้น่ะอ่านปอออกเกินกว่าที่เราคาด
น้องน้อยบอกว่าพี่ปอน่ากลัว พี่ปอเจ้าชู้


ไม่ว่าจากครั้งไหนที่นัตตี้พูดออกมา
เราก็อดหัวเราะตามไม่ได้...ในใจก็คิด...ใช้ได้นี่อีหนู


คนเรามักนึกในแง่ลบกับคำว่า “น่ากลัวและเจ้าชู้”
โดยมักลืมไปว่ามันก็มีความเป็นแง่ชวนระทึกในคำเหล่านี้ตามมาด้วยเหมือนกัน


ผู้ชายประเภทที่ทั้งน่ากลัวและเจ้าชู้ ก็ผู้ชายที่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากๆนั่นล่ะ
มันตรงกับสำนวนทางภาษากับคำว่า “dangerous guy”
ซึ่งมีแรงดึงดูดทางเพศสูง ดึงให้คนเข้าหาโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ(อยากเทียบกับที่รัก; im ‘Chuck Bass’ )
ผู้ชายที่ไม่มีวันจืดจนชืด ราบจนเรียบ แต่กลับมีเสน่ห์บางอย่างชวนหลงใหล...น่านล่ะ


คงคุ้นเคยกับการบอกเลิกด้วยข้ออ้างที่ว่า “เธอดีเกินไป” จากทั้งฝ่ายหญิงและชาย

คนถูกบอกก็ได้แต่งงเป็นไก่...ไก่ตาแตก
ได้แต่ย้อนถาม(ในใจ)ว่า ชอบคนเลวหรือไงวะ


ความจริงก็มีคำอธิบายง่ายดายแค่...
คนคนนั้นไม่อาจทำให้หัวใจเราเต้นไม่เป็นจังหวะได้


งั้นสรุปให้ไหม...
ปอน่ะเป็นผู้ชายประเภทที่ทำให้ผู้หญิงอยู่ใกล้ใจเต้นตึกตักได้อย่างไรล่ะ


ไม่อยากนึกว่าเมื่อปอโตเท่าพี่น้ำแข็งละก็นะ...
น้ำแข็งน่ะยังไม่มีความ dangerous อย่างที่ปอเป็นเลยนะ




พี่คนที่เราพูดถึงนี่เขาแทบตายตอนได้ยินปอพูดว่า “คุยกับนัตตี้แล้วอารมณ์เสีย” ครั้งแรก
เราเองก็ได้แต่ปลอบใจว่า เราไม่รู้บริบทของเรื่องราว อย่าเพิ่งไปด่วนสรุป

พอออกจากปากปอครั้งที่สองตอนคุยกับครูปุ้ม

พี่เขาก็อกหักแทนนัตตี้ทันที ฟาดงวงฟาดงาไปหลายดอกเวลามีเรื่องปอมาคุยกัน
เราก็ได้แต่เตือนว่า พี่อย่าไปอกหักแทนเด็ก เมล็ดพันธ์แค่ฝังตัวยังไม่ทันงอกเลยพี่ โดนกระทืบจมดินซะลึกแบบนี้ก็ดีกว่าแตกหน่องอกงามแล้วโดนหักทิ้งนะ


ความจริงเราก็ปลอบพี่เขาไป โดยปลอบตัวเองไปด้วยนั่นล่ะ
ไม่ถึงขั้นอกหักหรอกปอเอ๊ย...พี่แค่เสียดายน่ะ เสียดายเพราะนัตตี้กับปอสองคนเคมีมันตรงกันมากมาย
แรกเห็นทีไร พี่งี้ยิ้มจนแก้มปริ เล็บจิกจนเนื้อจะฉีก



หลังจากนั้น...เราก็มาทำความรู้จักกับคำว่า “อารมณ์เสีย” ของปอ
เราไม่เคยสังเกตมาก่อนหน้านี้ เพิ่งมาจับได้ตอนหลังจากนั้น
ปรากฏว่าคำว่าอารมณ์เสียของปอ มันคือคำพูดติดปากที่เรามักได้ยินปอพูดถึงในหลายครั้งหลายสถานการณ์
อย่างเวลามีอะไรแล้วปอบอกว่า ไม่อยากพูด พูดแล้วจะอารมณ์เสีย...ประมาณนั้น


อาจเป็นแค่การคิดฝ่ายเดียวของตัวเองก็ได้ว่า
เหมือนตัวเองพูดคำว่า ไม่ชอบ ไม่ล่ะ...อะไรเทือกๆนั้น โดยไม่ได้มีความหมายขั้นจริงจัง ติดลบอะไร

...นี่พี่เข้าข้างปอมากไปไหมเนี่ย





แรกๆที่พี่สาวคนนี้เขาหลงรักเด็กสองคนนี้มากมาย
พอเขาถามความเห็นเราที่มีเด็กสองคนนี้มีต่อกัน ว่าพอจะมีหวังไหม
(โปรดเข้าใจว่ามันเป็น ‘หวัง’ ของคนชอบจิ้นนะ)


คำตอบของเราก็คือ เราว่าเด็กสองคนนี้ยังไม่รู้ตัวหรอกว่าไอ้แรงดึงดูดที่ต่างคนต่างดึงเข้าหากันน่ะมันมีความหมายอะไร
มันอาจเป็นแค่ความอ่อนโยน การถูกอกถูกใจบางอย่าง การตามใจหรือแค่สบายใจเวลาอยู่ใกล้กัน
รับรองได้เลยว่ามันยังไม่ลงลึกไปถึงแม้แต่การชอบพอกันระหว่างชายหญิงด้วยซ้ำ
เราก็ได้แต่บอกค่อยๆเป็นพี่เป็นน้องกันแบบนี้ไปก่อนล่ะ แล้วถ้าใช่มันก็ใช่เองล่ะ


คนเฝ้ารอแค่ขอเห็นภาพเด็กสองคนเขยิบมาใกล้กัน หัวชิดกัน กระซิบกระซาบกัน
ขอแค่นี้เอง~
แต่...ไม่นึกเล้ย...อกหักกันเป็นทิวแถว...ไอ้คนบรรดาเฝ้ารอเฝ้าลุ้นนั่นน่ะ

พี่ก็บอกแล้วให้รีบๆจบเรื่องดราม่าซะ นี่เล่นยืดมาหลายเอพิโซดแบบนี้ โรแมนติกก็ไม่รอท่าสิไอ้น้อง
.
.
.
.
.

เคยดูหนังเรื่อง “โลลิต้า”

เป็นเรื่องราวความลุ่มหลง ความใคร่ระหว่างเด็กผู้หญิงยังไม่เต็มสาวกับหนุ่มใหญ่วัยกลางคน
(ไม่ขอลงลึกเรื่องจิตวิทยาที่ผู้แต่งนวนิยายเรื่องนี้ตั้งแกนไว้
...บอกแค่ใครชอบศึกษาเรื่องประเภทนี้น่าจะลองหาอ่านดู ผู้แต่งใช้ภาษาได้บาดศีลธรรมจนสมัยนั้นถึงกับแบนนวนิยายเรื่องนี้ทีเดียว)



ผู้แสดงเป็นโลลิต้านั้น เป็นสาวน้อยที่รวมความสวยกับความน่ารักอย่างลงตัว
แต่ที่เหนือกว่านั้นคือในความใสบริสุทธิ์ดั่งเด็กน้อยนั่น กลับมีเสน่ห์ของหญิงสาวฉายออกมาอย่างจับตา

โลลิต้านั้นเป็นเด็กสาวที่ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว เธอจึงติดกับกับความรักที่หยิบยื่นมาให้อย่างง่ายดาย
ทั้งๆที่หนุ่มใหญ่นั้นห่างไกลคำว่าหนุ่มหล่อทรงเสน่ห์
เป็นเพียงแค่หนุ่มวัยกลางคนหน้าตาธรรมดา จืดชืด ไร้ซึ่งเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ รูปร่างผอมกะหร่อง ไม่มั่นใจในตัวเอง


การที่ตัวหนังกำหนดนักแสดงของฝ่ายชายไว้เช่นนี้
มันแสดงให้เห็นความเป็นจริงเรื่องหนึ่งของชีวิตว่า ไม่ใช่ว่าคนเราจะติดกับในสิ่งสวยงามภายนอกเสมอไป
เสน่ห์ของคนเราก็ใช่ขึ้นกับรูปร่างหน้าตา

สิ่งที่โลลิต้าติดกับนั้นอาจคือความเข้าใจที่ฝ่ายชายมอบให้
บางคนถึงกับมองลึกไปว่า เป็นฝ่ายชายต่างหากที่ติดกับฝ่ายหญิง
เด็กสาวยั่วยวนเพื่อจะ ‘ได้’ ในสิ่งที่เธอต้องการ เธอหลอกล่อจนฝ่ายชายลุ่มหลงทั้งๆที่ประสบการณ์ด้วยอายุของเขาอาจมากกว่ามาก

การเดินทางนั้นแท้จริงแล้วทำตามความต้องการของใครกันแน่
เกิดมาจากมารยาของผู้หญิง ความมืดบอดทางอารมณ์ของฝ่ายชาย มากกว่าเป็นเรื่องความไร้เดียงสาที่ถูกล่อลวง


เด็กสาวคนนั้นก็ต้องการเพียงที่ยึดเหนี่ยว
เธอต้องการสิ่งที่เป็นของเธอทั้งหมดสักครั้งในชีวิต ได้ครอบครองความรักมากมายของคนหนึ่งคน
เธอ ‘รัก’ ความรู้สึกที่ถูกรัก
.
.
.
.
.
.
.

เด็กแบบนัตตี้น่ะไม่เหมาะกับเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันหรอก
น้องน่ะเป็นเด็กที่ต้องการความรักและความเข้าใจเยอะมากเป็นพิเศษ
เด็กสาวแบบนี้น่ะเหมาะกับผู้ชายอายุมากกว่าเป็นสิบปี และมีพร้อมด้วยความอดทนเป็นพื้นฐาน
ถึงจะเอานัตตี้อยู่

และ...
น้องสิบห้าเอง!

ยังมีเวลาอีกสิบปีในการปรับตัว ปรับบุคลิก เติบโตทางความคิด
รวมทั้ง
รูปร่างหน้าตา


ให้ทายไหมล่ะ เด็กน้อยคนนี้ของเราพอเป็นสาวเต็มตัว
หน้าเต็ม รูปร่างเต็ม(แม้จะคงไม่สูงไปกว่านี้ก็เถอะ) จะสวยจนหาตัวจับยากคนนึงเลยล่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้
อาการหลังโก่งเพื่อปกปิด...การซ่อนรูปของเจ้าตัว...ก็จะหายไป
น้องก็จะยิ่งเป็นที่จับตามองของหนุ่มๆอีกเยอะกับบุคลิกโหยหาความรักแบบนี้ล่ะ


เพราะฉะนั้นหยุดอกหัก(แทนเด็ก)เถอะ
ตัวเด็กเองยังไม่รู้สึกรู้สาไปกับคนดูสักกะติ๊ดเล้ยพี่ก็...




ก่อนจบเรื่องราว...



ตัวเราน่ะเก็บภาพหนึ่งภาพระหว่างปอกับนัตตี้เอาไว้
ภาพภาพนี้ทำเอาเราใจเต้นรัวตึกตักเพียงแค่นึกถึง
จำได้ว่าตัวเองถึงกับกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือด ณ เวลานั่งมอง



กล้องจับภาพกว้างมุมบนในห้องอาหาร
มุมหนึ่งของภาพเป็นเด็กคู่หนึ่ง โดยเพื่อนที่เหลือคุยกันระงมตรงโต๊ะอาหาร
เด็กผู้ชายเปิดประตูตู้แช่ค้างเอาไว้ โดยมีสาวน้อยค่อยๆวางมือตัวเองลงบนมือของอีกฝ่าย
ตัวเล็กแหงนมองคุยอะไรบางอย่าง ฝ่ายชายก้มหน้าลง ยิ้มแล้วพยักหน้าตาม
เหมือนกับว่าโลกทั้งใบนั้นมีเพียงแค่เราสองคน
อบอุ่นด้วยบรรยากาศ อบอุ่นทั่วความรู้สึก


ณ ตรงนั้น อาจไม่มีอะไรมากมาย
แต่ไม่รู้ทำไม...ภาพภาพนั้นกลับติดอยู่ในใจเรามาโดยตลอด
ความรู้สึกเขินจนต้องอมยิ้ม เราก็ยังจำได้จนวันนี้ที่เหตุการณ์มันแปรเปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง
.
.
.
.
.


ยิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ภาพเบื้องหน้าเลือนรางราวกับอยู่ในความฝัน
ความเงียบจนชวนเหงาแบบนี้ยิ่งทำให้โรแมนติกยิ่งกว่าเคย
.
.
.

เราชอบเดินทางเมื่อเวลาของฝนเดินทางมาถึง
บรรยากาศที่ได้รับจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
หนทางดูสงบเงียบ ผู้คนดูสงบนิ่ง
เราจับเรื่องราวได้ลึกในที่ลับสายตาของผู้คน

กลิ่นดินโชยจางจากสายฝน มักเรียกอดีตกลับมาทักทายได้งดงามในตัวมันเอง

...ลองปันเวลา สัมผัสดูด้วยตัวเองสักครั้งสิคะ








กลับมาพร้อมรับข่าวโจทย์ใหม่ของวีคนี้
ชะตาบางอย่างก็เล่นตลกกับคนเราเสมอ







Create Date : 16 สิงหาคม 2553
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 16:13:16 น. 4 comments
Counter : 587 Pageviews.

 
หัวเราะก่อนตอบ รู้สึกโดดพาดพุง คิคิ
กลับมาซะที ก่อนเราจะอกแตกตาย 555

ในที่สุดโลลิน้อยของพวกเราก็พาตัวเองมาถึงวีคเพลงคู่จนได้
แล้วที่เราเคยคิดไว้ล่วงหน้าว่าใช่ไม่ใช่ จะดีหรอ
วีคที่พวกเรามีเรื่องเม๊าส์เด็กกันสนุกที่สุด

ทีขำกว่า ไม่รู้ว่ารู้รึยังว่า เด็กมันคู่กันจนได้ ฮ่าฮ่าฮ่า

คิดถึงจ้า


โดย: puie (papasea ) วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:17:46:17 น.  

 
Welcome back นะคะ

... ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

... มิน่า อีกคนที่ดูออก จึงออกอาการเขม่นกัน

... (หรือเปล่าคะ) หรือเราคิดมากไป

อิอิ วีคนี้ตั้งใจดูคู่นี้ดีกว่า

เล่ามาซะโรแมนติกเชียว หุหุ ป้าชอบ


โดย: for Family วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:17:47:45 น.  

 
hahaha

ปีนี้เชียร์กันคนละขั้วเลย


โดย: NaNongPloy วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:9:55:24 น.  

 
แน่ๆๆ น้องปอ ก็ดึงดูดพี่คนนี้เหมือนกันค่ะ 555+


โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:13:46:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.