Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
คุณยายไม่มาหรือครับ~





ประโยคนี้ออกมาจากน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ปนการฟูมฟายแต่ทำเอาคนฟังใจร่วง
หนุ่มคนพูดไม่มีน้ำตาสักหยด แต่คนฟังอย่างเรานั่งน้ำตาร่วง


ทีป์ชลิตเป็นนักล่าฝันคนสุดท้ายที่ได้เข้ามาในห้องครูใหญ่ หลังจากรายการบิ้วท์นำร่องกับน้องๆผ่านไปจนครบ
ภาพเด็กหนุ่มที่นั่งเหงาหลงเหลือรออยู่คนเดียวในห้องว้อยซ์ เจ้าตัวทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมไมค์ในมือมันเกิดภาพสีแห่งความเหงาจนจับใจ

ช่วงเวลานั้นที่เราก็เริ่มคิดว่า แล้วทีล่ะ...ทีจะมีอาการอย่างไรเมื่อได้เจอคุณยาย
แล้วเด็กผู้ชายคนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับตลอดทั้งวีคนี้ ในวีควันแม่แบบนี้


แม้ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ทีพูดถึงแม่
พูดถึงแม่ที่จากไปตั้งแต่ยังเด็กจนจำความอะไรเกี่ยวกับแม่ไม่ได้ จดจำใบหน้าแม่ได้จากการดูรูปถ่ายเท่านั้น
บอกเล่าความทรงจำเกี่ยวกับแม่มีเพียงกลีบดอกไม้ที่โปรยลงแม่น้ำ
ทุกครั้งที่พูด ทีไม่เคยมีอาการโศกเศร้าแต่กลับพูดอย่างปกติธรรมดาเสียเหลือเกิน
แต่ไม่รู้ทำไม...ความรู้สึกในคำพูดเหล่านั้นของทีมันช่างดูรุนแรงและส่งกระทบใจจนรู้สึกสะเทือนทิ้งค้างในความทรงจำของเราเสมอมา


ตอนที่ทีเดินเข้าห้องครูใหญ่
เด็กผู้ชายตัวเล็กบางทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีดำข่มตัวเองให้ยิ่งเล็กลง
ใบหน้านิ่งๆตาโตๆอย่างเริ่มคุ้นชินแล้ว มองตรงมายังครูใหญ่

ครูรักเกริ่นนำเรื่องวีควันแม่ว่าเพื่อนๆทุกคนได้เจอกับแม่
แต่ว่า...เมื่อทีไม่มีแม่ จึง....

เราเห็นภาพเด็กผู้ชายโดดเดี่ยวคนหนึ่งกระพริบตาเหมือนจะไม่เข้าใจ
ก่อนถามออกมาว่า “คุณยายไม่มาเหรอครับ”

ยิ่งครูรักบอกว่ามาไม่ได้เพราะธีมรายการเกี่ยวกับแม่

เด็กคนหนึ่งก็ยิ่งพยายามยื้อแต่ไม่ปนความงอแงเอาแต่ใจแม้สักนิด
แล้วเราก็ได้รับรู้ว่าความรู้สึกของทีนั้นยึดคุณยายเป็นหลักในชีวิตตนมากแค่ไหนผ่านคำพูดนี้
“ทีอยากพบคุณยายเพราะคุณยายก็เหมือนแม่ของที” เพราะว่า “คุณยายเลี้ยงทีมาตั้งแต่เด็ก”

การพยายามขอร้องแบบนิ่งๆแต่ฟังแล้วกลับจุกเข้าเต็มอก
“ถ้าเพื่อนๆได้เจอแม่ ทีก็อยากได้เจอคุณยายบ้าง”


คนพูดไม่มีน้ำตาสักหยดออกมาให้เห็น
แต่ไม่รู้ทำไม...เรากลับรู้สึกถึงน้ำตาเป็นล้านหยดซ่อนตัวอยู่หลังคำพูดเหล่านั้น


ช่วงเวลาแห่งความสับสน ณ ตอนนั้น
เด็กผู้ชายคนนี้คงไม่เข้าใจ
เพราะสำหรับเขาแล้ว แม่ของเขาก็คือคุณยาย ไม่ว่าสถานะความเป็นจริงจะเป็นเช่นไร แต่ในความรู้สึกของเขานั้นเขาไม่เคยขาดแม่ เขายังมีแม่อยู่ข้างกายมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้


ทางรายการพยายาม ‘เล่น’ กับความรู้สึกเด็กคนหนึ่งจนมาก...จนเกินไป
ความพยายามบิ้วท์นั้น สร้างรอยบาดแผลสดๆขึ้นในใจลูกคนหนึ่งอย่างเลือดเย็นจริงๆ



ในสายตาเราที่ได้เฝ้ามองทีมาตลอดหกวีค
เราว่าทีไม่ใช่เด็กใจแข็งหรอก น้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมาไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เพียงแต่ว่า...ใจเราคิดว่า เด็กคนนี้อาจเป็นเด็กที่เติบโตมาโดยการควบคุมความรู้สึกตัวเองต่อหน้าผู้คนแปลกหน้า
ไม่ยอมปล่อยความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นโดยง่ายดาย
เป็นเด็กช่างเก็บ..เก็บเรื่องราวของตัวเอง ความรู้สึกของตัวเองไว้กับใจตัวเอง
แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นเด็กที่ปิดตัวเอง เพราะหลายต่อหลายครั้งที่มีเพื่อนมาแตะเรื่องนี้ คำบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาก็ออกมาอย่างไม่ปิดบัง

กระทู้ในพันทิปที่ได้อ่านเจอ ก็บ่งบอกตัวตนบางอย่างให้เรารู้สึก
ตัวตนในโลกไซเบอร์ การจัดการให้คนรับรู้อารมณ์ผ่านตัวหนังสือ มันคงง่ายกว่าการต้องสมาคมกับผู้คนในชิวิตจริง

การเติบโตมาจากวงแขนของคุณตาคุณยาย คงหล่อหลอมให้เด็กตัวเล็กๆต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว
การได้รับการดูแลจากน้ำมือผู้หลักผู้ใหญ่คงส่งผลกระทบต่อนิสัยใจคอให้วางตัวเกินอายุมาในระดับหนึ่งทีเดียว


ไม่งั้นตลอดเหตุการณ์ค่ำคืนนี้เราคงไม่เห็นภาพการสะกดอารมณ์ทั้งๆที่ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกได้ขนาดนี้หรอก...จริงไหม
ซึ่งเราคิดว่าการทำได้แบบนี้ไม่ได้เกิดจากความเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในบ้าน
แต่เกิดจากว่า...คนคนนั้นถูกหล่อหลอมให้เติบโตมาแบบไหนต่างหากล่ะ
ความแกร่งในจิตใจมันฉายชัดผ่านการถูก(แกล้ง)ทำร้ายจิตใจออกมาให้เห็นจนต้องนับถือ 'ใจ' ของผู้ชายคนนี้



ตอนที่ทีเดินเข้ามายังห้องแดนซ์ที่ทั้งเพื่อนและครูทุกคนเต็มห้อง
เมื่อครูรักพูดว่ามีพี่ทีคนเดียวที่ไม่ได้เจอแม่ เพื่อนต่างเข้ามาสวมกอดและปลอบโยน
เราชอบคำพูดของแม็คที่ว่า “ตั้งแต่ที่นายเล่าเรื่องแม่ เราก็เป็นกำลังใจให้นาย เรารักนายว่ะ”
...มันสั้นแต่ได้ใจความ
เรารู้สึกดีขึ้นกับนิวตี้หลังจากที่เสียความรู้สึกในเหตุการณ์วันนั้น เมื่อนิวตี้เอาความสูญเสียคุณพ่อตัวเองนำมาปลอบพี่ทีไม่ให้คิดมาก
...เป็นการปลอบแบบไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกโดดเดี่ยวแต่เพียงผู้เดียวสินะ

รายการนี้มันก็ดีอย่างนี้ล่ะนะ
อคติที่เกิดได้ง่าย มันก็ลบเลือนได้ไม่ยากจนเกินไปเหมือนกัน
ทุกอย่างมันขึ้นกับใจเราว่าจะเปิดให้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง
(หรือว่ามันจะสื่ออีกอย่างว่าตูเป็นคนใจโลเล เปลี่ยนง่ายจ่ายคล่อง...ก็ไม่รู้สิว้า~!!? )




เมื่อครูรักบอกว่าเพลงของทุกคน เป็นเพลงที่คุณแม่แต่ละคนเป็นคนเลือกให้ลูกร้อง
เพลงของทีคือเพลง in the flesh ของ blondie
เราได้ยินเสียงทีถามครูรักขึ้นมาอย่างสงสัยว่า
“แล้วเพลงนี้ใครเลือกครับถ้าไม่ใช่คุณแม่”
ครูรักอึกอักในลำคอบอกว่าครอบครัวเลือก

คำพูดไม่เคลียร์เพื่อเปิดโอกาส....
ให้คุณยายทีเดินเข้ามาในห้อง
เสียงเฮของเพื่อนๆดังยิ่งกว่าเสียงที

แล้วหนุ่มคนนี้ก็ยังคงคอนเซ็บแบบที่เรารู้สึกกับเขามาโดยตลอด
ความจริงจังในอารมณ์อ่อนไหว...มันช่างเป็นภาพตัดกันชวนเรียกรอยยิ้มและดึงความรู้สึกได้แรงและเร็วอย่างเคย



ภาพที่ทีทรุดตัวลงกับพื้นต่อหน้าคุณยายพร้อมคำพูดตามประสาทีที่บอกเล่าตรงไปตรงมา
“ตั้งแต่ทาร์ตจำความได้ทาร์ตก็เรียกแม่ว่าแม่มาโดยตลอดไม่เคยเรียกว่ายาย”

...แค่คำพูดนี้ประโยคเดียว ภาพเด็กชายทาร์ตในความดูแลของแม่และปะป๊า(คุณยายและคุณตา)ก็ราวกับออกมาโลดแล่นให้เห็นอยู่ตรงหน้า

ตามมาด้วยคำพูดจริงจังดูเป็นทางการตามประสาที(อีกแล้ว)ว่า
“ทาร์ตไม่รู้ว่าวันแม่จะได้มีโอกาสได้เจอแม่หรือเปล่า ทาร์ตขอโอกาสนี้กราบเท้าแม่”

...ไอ้เด็กคนนี้ เรายิ้มทั้งน้ำตาที่กำลังคลออยู่ทันที
ปล่อยความอ่อนไหวให้ตัวเองผ่อนคลายกลายร่างเป็นเด็กช่างอ้อนบ้างก็ได้นะน้องเอ๊ย
พี่รอลุ้นอยู่นะ....



คุณยายที่อวยพรให้หลาน ปล่อยน้ำตาไหลลงมาจนกระดาษทิชชูซับไว้จนชุ่ม
คำเตือนน่ารักๆบอกให้หลานที่คุณยายบอกว่ารักยิ่งกว่าลูกนั้นเรียกรอยยิ้มกว้างขวางจากเจ้าตัว
ทั้งเรื่องการกำชับให้ ‘ร้องช้าๆ’ นะลูก แม่กับปะป๊ากำมือกันไว้ตอนฟังหนูร้องเพลง
รวมถึงภาพคุณยายก้มตัวลงเสยผมรกๆปรกยุ่งออกไปให้เห็นหน้าผากพร้อมเตือน “เสยสักหน่อย”
ทำเอาดวงตาของทีระยิบไปด้วยรอยยิ้มของความเขิน

...มันคือความรักความห่วงใยของแม่คนหนึ่งที่มีต่อลูก
ไม่มีผิดเพี้ยนและยิ่งไม่มีแตกต่าง


ตามมาด้วยภาพที่ติดตาเราที่สุดอีกภาพหนึ่งของค่ำคืนนี้
ภาพที่ทีลุกขึ้นยืน เอนตัวไปหยิบเศษทิชชูที่ข้างแก้มของแม่ออกด้วยอาการนุ่มนวลพร้อมคำพูดนี้
“แม่รักษาสุขภาพด้วยนะครับแม่ครับ”


...รู้สึกถึงคำว่า “ใจยวบ” ไหมคะ
ตอนนี้ล่ะที่ใจเรามันยวบลงด้วยก้อนสะอึกมันตกลงมาทับ
ความห่วงใยดูแลกันแม้เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันส่งรอยระลอกขยายได้กว้างมหาศาลจริงๆ



ยิ่งเมื่อได้เห็นภาพทีเอาประตูงับหัวหยุยๆของตัวเองเอาไว้ พร้อมร้องตะโกนบอกแม่ที่เดินจากไปว่า
“แม่ครับ...แม่ เจอกันนะครับ”


ใจยวบๆของเราก็กลับพองฟูด้วยรอยยิ้มที่เผลอสูบเอาความน่ารักของทีป์ชลิตเข้ามาวิ่งเล่นในใจ
...โดยไม่ต้องกั๊กอีกแล้ว






Create Date : 10 สิงหาคม 2552
Last Update : 10 สิงหาคม 2552 1:41:10 น. 3 comments
Counter : 402 Pageviews.

 

คิว

พี่หน่ะยิ่งกว่ายวบอีกอ่ะ


โดย: puie (papasea ) วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:13:38:11 น.  

 
รักทีค่ะ


โดย: Kitten ConCerto วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:23:39:18 น.  

 
ชอบชอตประตูงับหัวเหมือนกัน 55555

ตอนดู เหมือนกับได้เห็นเด็กเล็กๆ คนนึง กำลังพูดคุยกับแม่อยู่อย่างนั้นแหละ
น่ารักมากๆ



โดย: iam_vy วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:21:27:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.