ก็เขาแค่ หึง เอ๊ย หวง เพื่อน
ผ่านคอนวีคแรกไปอย่างสะบักสะบอมทั้งนักล่าฝันแล้วก็ทรูแฟนเทเชียส่วนคนดูอย่างเรา ก็แค่รำคาญสุดซึ้งแมนกับการลังเล เป๋ไปเป๋มาของรายการบ้านี่นั่งมองเหตุการณ์ในคอนด้วยไม่รู้จะดูถูกตัวเองหรือดูถูกไอ้รายการนี้ดีบ่นฮึ่มในใจ ตูดูเรียลลิตี้มาไม่รู้จะกี่รายการ แต่ไม่รู้สึกไม่เคยวางใจในตัวรายการไหนเท่ากับไอ้ทรูอคาเดมี่นี่เลยส่วนของความรำคาญของเหตุการณ์นี้ก็ตรงไอ้การ โยนหินถามทาง ของใครก็ไม่รู้ผู้มีอำนาจเต็มที่ควรจะรู้จักคำว่าความรับผิดชอบในมือนี่ล่ะคือทางเราจะมีบทลงโทษมาร์คด้วยการสกัดเส้นทางความฝันของเขาไว้แค่นี้ครับ จากนั้นกระผมก็ขอนั่งอยู่บนภูดูเสือสองฝ่ายขย้ำกันให้ตายไปข้าง ก่อนจะตัดสินใจว่าจะยื่นมือช่วยเสือขาวหรือเสือดำกันแน่นะครับ...นี่คือสิ่งที่เรารู้สึกตอนอาต้อยออกมาประกาศว่าทางพ่อแม่มาร์คไม่ต้องการให้ลูกตัวเองขึ้นโชว์แม้มันทำให้เราอยากออกปากว่า มือสมัครเล่นจิฟเป๋ง แต่ก็ออกปากดูถูกได้ไม่เต็มปากมองย้อนไปในประวัติศาสตร์บ้านเมืองเรานี่ล่ะ ไม่รู้เริ่มมาตั้งแต่ยุคสมัยไหน สถานการณ์ไหน ก็ช่างพึ่งพาวิธีการโยนหินถามทางให้เห็นแทบจะทุกครั้งที่ต้องการชั่งน้ำหนักแรงต่อต้านว่ารุนแรงในระดับกี่ริคเตอร์ เพื่อที่จะได้กลับลำทันไงเล่าส่วนการโยนหินถามทางของทรูในครั้งนี้ ก็ช่างไม่ต่างจากการแก้ผ้าเอาหน้ารอด...ประชดไป เห็นภาพไป ดูไม่จืดเลยทีเดียวการจะอยู่หรือจะไปของมาร์ค ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกติกาที่ทรูพยายามออกตัวอยู่ปาวๆหรอกแต่เราว่ามันคือ กติกู ของทรูที่เหล่าบรรดาแฟนเดนตายของรายการนี้จำต้องคุ้นชินต่างหากไอ้การรอจนวินาทีสุดท้าย หลังจากปล่อยเด็กมันซ้อมแทบเป็นแทบตายมาทั้งวีค แล้วค่อยสั่งห้ามไม่ให้ออกไปโชว์ เหมือนกับว่าทรูมองเห็นความพยายามและทุ่มเทฝึกซ้อมนั่นไม่มีค่าอะไรสักนิด (ชาเย็นสักแก้วไหมครับพี่น้องครับ ความเย็นชาไม่มีขาย)มันทำให้เรายิ่งสงสัย ความเป็นมืออาชีพ เหล่าผู้บริหารของทรูแฟนเทเชียเป็นกำลังที่ไม่ออกมาประกาศก่อนหน้าคอนเสิร์ต เพราะคาดไม่ถึงหรือคาดหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรจนเกินรับมือ...นี่มันช่างส่อถึงความลังเล มากกว่าจะสื่อเรื่องความรอบคอบด้วยซ้ำถ้าผู้รับผิดชอบมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ เมื่อถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ก็จะมีความกล้าพอเลือกสักทางหนึ่ง แล้วพร้อมที่จะยืดอกยอมรับผลที่ตามมาไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายถึงแม้บางครั้งจะรู้ดีว่า ไม่ว่าเลือกทางใดก็โดนมันทั้งขึ้นทั้งล่องแต่ก็จะมี gut พอที่จะกล้าทำแต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบไปให้ทางครอบครัวเด็กแทน สะท้อนให้เห็นว่าคุณพี่กะขว้างงูให้พ้นคอจากนั้นก็ขอรอดูทิศทางลมว่าจะพัดงูไปไกลได้แค่ไหน หรือมีแรงหนุนคืนกลับมาเท่าไรโดยหารู้ไม่ว่า งูมันอาจมีพลังบูมเมอแรง ย้อนกลับมารัดคอให้ตายไปตามกันด้วยเหมือนกัน
มีอะไรก็เขียนมาให้อ่านกันอีกนะค่ะ
เพราะว่า ปีนี้ไม่ได้ดูในบ้านเลย 555+