|
หนังก็(นัตตี้)เรื่องเดิม คนฉายก็เดิมๆ
ไม่รู้ว่าคนหลงเข้ามาอ่านบล็อกนี้จะเบื่อหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคนเขียนน่ะ เบื่อแล้ว(ว่ะ!)
อ้าว~! ถ้าเบื่อแล้วจะเขียนทำไม๊~ ...คงมีคนแอบจิกกัดในใจ ซึ่งก็ไม่ต้องหาไหนไกลหรอก ตัวเรานี่ล่ะก็ยังจิกตัวเองดังๆว่า แล้วจะเจือกเขียนทำไมอีก
ก็เอาวะ...ขอเป็นครั้งสุดท้ายละกันที่จะแตะเรื่องนี้ เอามันให้เคลียร์ จะเขียนแบบเคลียร์ใจตัวเองไปด้วยละกัน
Topicในครั้งนี้คือ รำคาญ!!
ก็ในเมื่อเจ้าตัวเล็กต้นเรื่องก่อเหตุสร้างความรู้สึก รำคาญ ระบาดให้คนทั้งบ้านจนลามออกมานอกบ้านขนาดนี้ ไอ้เราก็เลยอยากพูดเรื่องความน่ารำคาญปิดท้ายเอามันตรงนี้ซะเลย
เราเข้าใจในเรื่องหนึ่งคือ เมื่อคนเราฝัง ความรู้สึก บางอย่างลงไปลึกในใจแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะถอน ความคิด นั้นออกไปได้โดยง่าย
ทำไม ความรู้สึก ถึงกลายเป็น ความคิด ล่ะ
เพราะ
คนเราเป็นพวกชอบเข้าข้างตัวเองและปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด แม้จะไม่แสดงออกหรือกล้าเอ่ยปากออกมาตรงๆ เพราะงั้นพอเราเริ่มรู้สึก...ไม่ว่าด้านดีหรือแง่ลบ...กับใครสักคน เราก็เริ่มจะหาเหตุผล(โดยอิงกับความไร้เหตุผลสุดๆ)มาประกอบความรู้สึกนั้นๆ แล้วประมวลให้ทั้งเหตุและผลนั้นนำทางอารมณ์ความรู้สึกไป
ความรู้สึกจึงหลอกให้มันกลายเป็นความคิดไปโดยปริยาย
จากนั้นก็นำความคิดนั้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้ดูจนตรอกจนเกินไปในการมอบความรักให้ใครสักคน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นปราการป้องกันตัวเองอีกชั้นในการจะรู้สึกเกลียดใครสักคน เพื่อที่จะอ้างได้ว่าตัวเองไม่ได้ไร้เหตุผลหรือกลายร่างเป็นมารร้ายที่เกิดมีความรู้สึกด้านลบกับใครบางคน
...นี่เราพูดโดยรวม ไม่ได้เจาะจงถึงเด็กในบ้านAFปีนี้
ความน่ารำคาญของนัตตี้คือของจริง แม้จะมองด้วยสายตาเอียงระดับไหน ก็ยังมองเห็น ยังรู้สึกได้
ขนาดคนดูที่เฝ้ามองอยู่รอบนอกยังรู้สึกได้ขนาดนั้น แล้วไอ้คนที่ต้องรับมือใกล้ชิดกว่าทั้งทางกายและใจ จะยิ่งไม่รู้สึกทวีคูณได้ยังไง
บรรยากาศกดดันที่นัตตี้ได้รับมันเริ่มจากคลาสเปิดใจครั้งแรก ...เราไม่รู้มันจะเรียกเป็นข้อผิดพลาดได้ไหม
กับไอ้การมีหนึ่งคนเปิดประเด็นมา แล้วคนที่เหลือพากันพยักพเยิดเห็นด้วยไปในทิศทางเดียวกัน
แม้ครั้งนั้นมันจะดูโหดร้ายกับนัตตี้ แต่มันคือการตีแสกหน้าให้เจ้าตัวรู้ตัว ...ซึ่งเมื่อมองไปในอนาคต เราว่ามันเป็นผลดีต่อตัวนัตตี้เอง หนองน่ะมันต้องกรีดออกมาให้เจ็บหนักเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็รอเวลาเยียวยาให้มันยุบ อาจหลงเหลือแผลเป็นไว้ แต่ก็ดีกว่าบ่มทิ้งไว้ให้มันลามกินเนื้อดีส่วนอื่น
แล้วลองมองกลับอีก 180 องศาดู
ในขณะที่หนองของนัตตี้โดนกรีด หนองในใจบางคนก็เริ่มต้น
เด็กน่ะ เมื่อรู้สึกว่าได้รับการให้ท้าย(แม้จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) ก็จะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำไปนั้น ไม่ผิด
และยิ่งเมื่อความรู้สึกนั้นได้กลายเป็นที่พ้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์อีกต่างหาก ทุกคนจึงเริ่มกระหยิ่มใจว่า เห็นไหม เห็นไหม...ไงล่ะ
เรารู้ว่าครูรักไม่ได้ให้ท้ายเด็กคนอื่น ในกรณีที่คนนอก(ประเภทอิฉันนี่ล่ะ)รู้สึกว่ามันไม่ต่างจากการรุม แต่...ไม่รู้ว่าครูรักจะรู้ไหมว่า การที่ครูรักมุ่งโฟกัสไปแค่การให้นัตตี้รู้ตัวถึงการสร้างความน่ารำคาญให้กับเพื่อนๆ โดยที่ลืมสะกิดให้อีกฝ่ายที่ร่วมกันทำนั้นรู้ตัวด้วยว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำไม่ว่ากับใคร แม้จะทำโดยไม่ได้รวมหัวตั้งใจจะทำมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่ต้องรู้สึกได้ว่า ต้องหยุด เมื่อเผลอตัวทำเกินเลยไป
มันจึงไม่ต่างจากการฝัง ความคิด บางอย่างให้เด็กบางคนเอาไว้ต่อรองกับใจตัวเองว่า สามารถทำได้ ทำโดยไม่เคยคำนึงถึงจิตใจฝ่ายตรงข้าม
การไม่ได้ถูกเบรกเลย ด้วยความเป็นเด็กมันก็ยิ่งมันมือจนเลยเถิดไม่จบไม่สิ้นสักที จนเป็นต้นเหตุสร้างเป็นความน่ารำคาญอีกอย่างให้กับคนเฝ้าดูขึ้นมาจนได้
พูดแบบตรงไปตรงมา เราคิดในแง่นี้มาตั้งแต่นั่งมองเรื่องราวนี้มาตั้งแต่ต้น
ความน่ารำคาญของนัตตี้เป็นเรื่องไม่ยากที่จะรู้สึก แต่ในขณะเดียวกัน ทำไมไม่มีสักคนสำเหนียกกันบ้างเลยว่า ตัวเองแต่ละคนต่างก็มีความน่ารำคาญของตนกันทั้งนั้น
เราไม่เชื่อหรอกว่าคนในบ้านจะรู้สึกได้ถึงแค่ความน่ารำคาญของนัตตี้แค่เพียงคนเดียว แต่ทำไมทุกคนถึงต่างพอจะมองผ่าน ไม่เก็บเอามาใส่ใจได้ล่ะ ...มันน่าคิดไหมล่ะ
เราลองคิดดูแล้วก็พอคิดได้ว่า นอกจากนัตตี้แล้ว ทุกคนต่างมีลูกเกรงใจ(พอประมาณ)ให้แก่กัน ไม่ก็ให้ความรู้สึกดีๆแก่กันเป็นเบื้องต้น
ซึ่งพอคิดว่ามันอาจเป็นไปในรูปแบบนี้แล้ว เราเองก็ยิ่งมองเหตุการณ์นี้ด้วยความเหนื่อยใจ
แม้จะรู้สึกแย้งมาได้ว่า หรือไม่ก็เป็นเพราะความน่ารำคาญของนัตตี้มันพุ่งทะลุปรอท จนรู้สึกเกินรับได้ มันก็เป็นไปได้ในวีคแรกก่อนได้รับการเปิดใจนั่น
แล้วจากนั้นล่ะ ทำไมคนนอกที่มองเข้าไปถึงได้เห็นการพยายามปรับตัวของนัตตี้ แล้วทำไม...ทำไมคนในบ้านมองไม่เห็น ไม่พยายามให้ความเข้าใจและไม่รู้สึกกันบ้างเลยเหรอ
ทุกคนที่เคยรู้สึกเดิมๆกับไอ้ตัวเล็กนั้นกลับไม่ลดราวาศอกลงสักนิด แต่กลับหนักข้อขึ้นทุกวันล่ะ
ต้องให้นัตตี้ปรับตัวขนาดไหนถึงจะลดราวาศอกให้เด็กมันได้บ้าง หรือต้องไปถึงขนาดให้มันอยู่แต่กับตัวเอง หุบปากไม่พูดอะไรเลยเมื่ออยู่ในกลุ่มขนาดนั้นเลยหรือเปล่า ถึงจะไม่รู้สึกขวางหูขวางตา
หรือว่า...แค่เห็นหน้าก็รำคาญจนสุดทนขึ้นมาแล้ว
มันน่าจะเป็นเพราะไอ้ความคิดที่ฝังลงไปนั้นมันลงรากลึกจนไม่อยากถอน แถมราวกับได้ปุ๋ยมาหล่อเลี้ยงในแต่ละครั้งที่เรื่องความน่ารำคาญของนัตตี้เปิดเป็นประเด็นขึ้นมาหรือเปล่า
พอมีใครสักคนเปิดประเด็นเรื่องของนัตตี้ขึ้นมา ไม่ว่าต่อหน้าหรือหลับหลัง
ทุกคนถึงราวกับสนุกปากที่จะได้พูด ไม่ว่ารู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม มันไม่เหลือการถนอมน้ำใจให้เพื่อนหรือน้องหรือเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งเลยสักนิด
บอกตามตรง ในหลายเหตุการณ์ ถ้าเราเป็นนัตตี้แล้วโดนกระแทกคำแรงๆใส่หน้าทั้งถ้อยคำและน้ำเสียงแบบนั้น เราไม่มีทางหุบตัวลงแล้วรีบเอ่ยปากขอโทษขอโพยแบบที่นัตตี้ทำหรอก เราจะยืดตัวตรง พูดเสียงเย็นกลับไปว่า ขอบคุณที่ตักเตือน แต่กรุณาใช้น้ำเสียงให้เกียรติกันด้วย เพราะฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร
ในเมื่อไม่ให้เกียรติกัน ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เกียรติกลับคืน
แล้วจากนั้นมันคงเกิดสงครามเย็นขึ้นในบ้านแน่นอน บอกแล้วโชคดีแค่ไหนแล้วที่คนถูกกระทำเป็นเด็กแบบนัตตี้ มาเจอคนแบบเราเข้าไป เราเอาตายเลยล่ะ
ในทางฟิสิกส์น่ะ มันมีสมการหนึ่งได้รับการพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับ คือ แอคชั่นเท่ากับรีแอคชั่น
จากเหตุการณ์ที่ทำให้การแสดงความรำคาญถึงความน่ารำคาญของนัตตี้ เป็นที่ยอมรับ กันได้นั้น
มันไม่ใช่ให้เห็นผลแค่ทางฟิสิกส์ แต่ไอ้เรื่องเคมีนี่มันสะท้อนให้รู้สึกได้ไม่ต่างกันเลยให้ตายสิ
ดูผ่านจอทีวีทุกวัน เราถึงได้เห็นข้อพิสูจน์สมการนี้จนเต็มตาเต็มใจ
เมื่อนัตตี้ปล่อยความน่ารำคาญหูรำคาญตาออกมา มันจึงมีทั้งการปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยท่าทาง และในหลายครั้งมันถึงกับเป็นการหักหน้ากันทันทีอย่างจงใจ
โดยที่คนกระทำโต้ตอบนั้นลืมมองตัวเองแล้วว่ากำลังทำในสิ่งที่ตัวเองพร่ำบอกถึงความน่ารำคาญแบบนัตตี้ไม่มีผิดเพี้ยน
ในชีวิตเราที่คบเพื่อนมา ไม่มีเพื่อนคนไหนหรอกที่เพอร์เฟคไปทุกเรื่องทุกอย่าง ทุกคนต่างมีและต่างเห็นข้อบกพร่องอันชวนเป็นที่น่ารำคาญตารำคาญใจด้วยกันทั้งนั้น แต่การจะคบกันเป็นเพื่อนกันได้นั้น เราไม่จำเป็นต้อง ยอมรับ ทุกอย่างที่เพื่อนมันเป็นหรอก แค่เราสามารถ มองข้าม ไอ้บรรดาเรื่องขัดหูขัดตาเหล่านั้นไปได้ เพราะเหตุผลง่ายๆเพียงข้อเดียวก็คือ ความเป็นเพื่อนมันคุ้มกว่า ก็เท่านั้น
แล้วถ้าถึงขั้นยอมรับกันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องฝืน แล้วลดระดับความสัมพันธ์ลงมา โดยที่ยังคง การให้เกียรติอีกฝ่าย เอาไว้ด้วย ก็ง่ายแค่นี้เอง
เรานั่งเฝ้ามองเหตุการณ์พวกนี้มาหลายวีค ด้วยความเซ็งถึงขีดสุด จนมาสะกิดใจอะไรบางอย่าง ด้วยเด็กแทบทุกคนในบ้านทำไมมองเห็นแต่ความน่ารำคาญของนัตตี้ โดยเหมือนตั้งใจเมินความจริงใจที่เด็กคนนี้มอบให้กับเพื่อนว่ามันมี มาก จนสามารถกลบความน่ารำคาญไปได้ด้วยซ้ำ ...หรือว่าเป็นแค่ตัวเราเองที่คิดว่าความจริงใจแบบนี้ มันมี ค่า
อย่าให้ไปๆมาๆ ตัวเด็กคนนี้คิดว่าเขาเป็นเพื่อน แต่อีกฝ่ายเขากลับไม่ยอมรับเราเป็นเพื่อนเขา หรือไม่ เขาอยากให้มันมาเป็นเพื่อนได้เฉพาะเวลาที่เขาสะดวกใจและกาย
อย่างนี้เขาเรียกว่า เป็นเพื่อนแบบกำหนดเวลา ...คนนะเฟ้ย ไม่ใช่ลูกหมา
ถ้านัตตี้มันอยู่นอกบ้าน เราคงบอกเด็กคนนี้ให้เอาความจริงใจแบบนี้ไปมอบให้คนที่ เห็น จะดีกว่า
การมอบใจให้คนไม่เปิดรับเรา ในขณะที่เราเปิดรับเขามาเต็มหัวใจ แม้จะเป็นเรื่องเพื่อน มันก็ไม่ต่างจากอกหักเลยว่ะไอ้ตัวเล็ก
ผู้พิพากษา พิจารณาระวางโทษหนักเบายังต้องดูที่ เจตนา เป็นส่วนประกอบ
ถ้าให้ผู้พิพากษาแบบสองมาตรฐานอย่างเราตัดสิน ก็ดูจะไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่าย ในเมื่อเรานั้นให้ความเข้าใจกับนัตตี้ไปเยอะ
เราถึงไม่กล้าที่จะตัดสินคนอื่น คงได้แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่ให้ใจฝั่งตรงข้ามเป็นคนตัดสินเด็กตัวเองละกัน
ในสายตาเรา ความผิดพลาดของเหตุการณ์นี้ที่มันไม่ยอมจบยอมสิ้นเสียทีนั้น ก็คือการพลาดที่อีกฝ่ายยังไม่ได้รับการตักเตือนว่าการกระทำบางอย่างนั้นมันสะท้อนผลลบกลับมาที่ผู้กระทำ
การพูดตรงต่อหน้าในด้านลบของใครบางคน มันเป็นเรื่องควรระมัดระวังในการใช้วาจา ไม่ต้องถึงกับใช้ภาษากวี หรือมัวแต่ให้ดอกไม้จนเบี่ยงประเด็นไม่ตรงจุดหรอก แต่มันต้องมีพื้นฐานของความหวังดีอย่างจริงใจให้กับอีกฝ่ายด้วย ไม่งั้นมันก็ไม่ต่างจากการกราดกระสุนความรู้สึกเพื่อทิ่มแทงให้อีกฝ่ายพรุน จนตัวเองรู้สึกสะใจในส่วนลึกหรอก
ส่วนการพูดลับหลัง ซึ่งสะเทือนใจใครบางคนถ้าจะใช้ว่าเป็นการนินทานั่น ก็ต้องดูเจตนา ดูบริบทอีกนั่นล่ะ (แต่จะมีใครสักกี่คนคนเสียเวลามานั่งวิเคราะห์ล่ะ และถ้าจะวิเคราะห์ ก็มีข้อจำกัดตรงที่เราไม่มีทางรับรู้ถึงทั้งหมดของเหตุการณ์ ด้วยกล้องมันตัดตามใจมากในปีนี้)
เพียงแต่ว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ ยิ่งควรต้องรู้ว่ามันต่างจากการเม้าท์เพื่อนเมื่อเกิดเหตุการณ์ลุกเสียม้ายามเราอยู่ในกลุ่มนอกบ้าน เพราะคนรับฟังนั้นมันไม่ได้มีแค่คนในกลุ่มแค่นั้น แต่มันออกอากาศไปทุกบ้านที่เปิดดูอยู่ แถมซ้ำร้ายไม่ได้เปิดดูก็ยังมีรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ให้อ่านโดยที่ไม่สามารถบอกอารมณ์ความรู้สึกผู้พูดกำกับตามไปได้
แต่มันร้ายกาจเพิ่มเติมตรงไหนรู้ไหม
ตรงที่คนถูกนินทานั่น ก็ยังเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ไม่รับรู้เหมือนเดิม ในขณะที่คนรับรู้นั่นไม่จำกัดเพียงอยู่แค่กลุ่มนั้น แต่กลับขยายไปสู่วงกว้าง
ผลตามมาจึงมีฝ่ายที่สะใจด้วยเห็นด้วย กับฝ่ายที่หมดใจด้วยความผิดหวัง
เหตุการณ์ทำนองแบบนี้มันควรจะหยุดได้สักทีแล้ว จัดการมันเอาทั้งสองฝั่งนั่นล่ะ ในสายตาคนผ่านมาเกือบครึ่งทางของชีวิตอย่างอิฉัน มันผิดทั้งคู่ ไม่มีใครขาวสะอาดสักคน
อย่าปล่อยให้มีคนจมดิ่งลงไปเรื่อยๆจนสีดำมันกลบสีขาวในใจไปมากกว่านี้เลย ก็ในเมื่อออกตัวว่าบ้านAFคือสถาบันการศึกษาในอีกรูปแบบหนึ่ง กล่อมเกลาทั้งความรู้และความเป็นคน ก็ช่วยกรุณานำพาเด็กรุ่น 7 เรียนรู้การอยู่ร่วมกันแล้วเติบโตไปพร้อมๆกันเถอะ
คนดูAFเพื่อความเพลิดเพลินอย่างเรารำคาญใจที่จะต้องจดจำAFรุ่นนี้เป็นว่า
รุ่นน่ารำคาญ
Create Date : 27 กรกฎาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 11:09:46 น. |
Counter : 647 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|