พะนอขวัญ บทที่ ๕
มาแล้วค่ะ... ก่อนจะไปชุ่มฉ่ำใจกับมหกรรมโอลิมปิก ^^
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พะนอขวัญบทที่ ๕ “เรื่องบังเอิญคงมีได้แค่สองครั้งเท่านั้นคงไม่บังเอิญเจอกันเป็นครั้งที่สามในวันนี้หรอกนะ” น่านฟ้ามองตามร่างโปร่งที่เดินตัดถนนไปฝั่งตรงข้ามเจ้าตัวปฏิเสธที่เขาเสนอไปส่ง บอกว่าเอารถมา จอดอยู่ใกล้ๆ นี้ เธอชี้ไปฝั่งตรงข้ามเขาจึงไม่ได้คะยั้นคะยออะไร เป็นการรับประทานอาหารที่เขาเป็นคนพูดมากที่สุดทั้งๆ ที่ปกติมักเป็นฝ่ายฟังมากกว่า ก็ ‘น้องแพง’ ดูเหมือนจะถนอมคำพูดอยู่ไม่ได้น้อย เขายังมองจนหญิงสาวเดินผ่านประตูรั้วที่อยู่ถัดจากตึกฝั่งตรงข้ามไปป้ายหน้าประตูเป็นชื่อเดียวกันกับป้ายที่ติดบนโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเปิดไฟสว่างบอกให้รู้ว่ายังไม่ปิดทำการ ชื่อของบริษัทนั้นคุ้นหูอยู่บ้าง “ไม่ยอมบอกนะว่าทำงานที่นี่” เขาหัวเราะในลำคอ ดูเหมือนว่ารุ่นพี่ของแดนดินจะไม่ค่อยอยากพูดเรื่องของตัวเองเท่าไร น่านฟ้าเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแม้จะฟ้าจะเริ่มมืดแล้ว แต่แสงจากดวงไฟมากมายสว่างไสวขึ้นแทน ผู้คนยังพลุกพล่านบนท้องถนนแทบไม่มีที่ว่าง เขาเองก็ไม่ได้มีจุดหมายใดเป็นพิเศษน่านฟ้าจึงเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ปกติแล้วเขาชอบไปดูงานออกแบบทั้งของไทยและต่างประเทศชอบความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบที่ทุ่มเทพลังสร้างงานออกมา แต่พักหลังภาระงานที่มากขึ้นก็ทำให้ห่างหายไปจากสิ่งที่ชอบ เมื่อเข้าไปในร้าน ในร้านมีลูกค้าอยู่ประปรายพร้อมกับพนักงานที่พร้อมจะให้บริการอย่างกระตือรือร้นแต่ก็ปล่อยให้ลูกค้าสามารถเดินชมได้อย่างสะดวก ชายหนุ่มกวาดสายตาช้าๆมองสินค้าที่จัดแสดง การจัดวางค่อนข้างสะดุดตาเพราะเหมือนกับการแสดงงานศิลปะมากกว่านอกจากป้ายราคาแล้วยังมีป้ายกำกับว่างานชิ้นนั้นมาจากนักออกแบบคนไหนวัสดุที่ใช้มาจากอะไร มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เขามองไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนบางครั้งก็หยุดดูนานเมื่อสะดุดตาของบางชิ้น “เป็นรุ่นพี่ของนายเล็กก็น่าจะเป็นดีไซน์เนอร์สินะ” เขานึกถึงหญิงสาว เดาว่าเธอน่าจะเป็นนักออกแบบมากกว่าตำแหน่งอื่น เพราะน้องชายเขาเรียนด้านการออกแบบ เขาอยากรู้ว่าเธอจะทำงานแนวไหน “แพง...คงเป็นชื่อเล่นเสียดายไม่ได้ถามชื่อจริงไว้”เขามองป้ายชื่อเจ้าของงานแต่ละชิ้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ก็นามแฝง น่านฟ้าเดินอยู่พักใหญ่ก็สะดุดตามุมหนึ่งซึ่งเป็นจัดเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นเล็กๆผนังด้านหนึ่งสีขาวส่วนอีกด้านเป็นวอลล์เปเปอร์โทนสีแดงแต่ลวดลายและพื้นผิวนั้นถ้าเขาเดาไม่ผิดน่าจะเป็นผ้าไหมลวดลายเกิดจากการทำผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาปะติดปะต่อกัน บนผนังสีขาวมีภาพดอกทานตะวันที่อยู่ในกรอบกว้างสักครึ่งเมตรยาวหนึ่งเมตรสามภาพเรียงกันภาพที่เกิดจากเศษผ้าสีเหลืองหลากหลายเฉดหลากหลายลวดลายกลายเป็นดอกทานตะวันที่ลอยเด่นขึ้นมาดอกไม้ที่รูปร่างเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันเพราะเศษผ้าที่ใช้นั้นไม่มีลวดลายซ้ำกัน จู่ๆ ดอกทานตะวันทั้งสามก็เรืองแสงขึ้น “งานชิ้นนี้เป็นได้ทั้งภาพประดับและโคมไฟค่ะ” เขาหันไปทางต้นเสียงก็พบว่ามีพนักงานสาวคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ห่างนักที่ผนังข้างๆ มีแผงไฟบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนกดสวิตซ์ “เชิญชมตามสบายนะคะ” พนักงานสาวเอ่ยเสียงหวานแล้วก้าวถอยไป แม้ใจจริงจะอยากคอยดูแลคุณลูกค้าสุดหล่อแต่เป็นนโยบายของบริษัทที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถเลือกชมได้อย่าเป็นส่วนตัวแต่ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา น่านฟ้าพยักหน้านิดๆแล้วหันกลับมายังการจัดห้องนั่งเล่นที่ดูสะดุดตา ปกติเขาชอบแนวเรียบๆสีก็จะเป็นขาว ดำ หรือน้ำตาล ชอบงานแนวโมเดิร์นมากกว่าแต่การจัดห้องนี้ก็น่าสนใจทีเดียว ทั้งชุดโซฟาสำหรับพักผ่อน ของประดับอื่นๆ ชิ้นน้อยใหญ่แม้กระทั่งโคมไฟเพดานล้วนมาจากงานเศษผ้า เขาหยุดสายตาที่ป้ายเล็กๆ อันเป็นชื่อผู้ออกแบบ “พะนอขวัญ...ชื่อแปลกดี” น่านฟ้าเอ่ยกับตัวเอง เมื่อนึกถึงชื่อแปลกๆ ก็นึกไปถึงคงจะคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อครู่เขาก็คิดว่าแปลกดี ทำไมพ่อแม่ตั้งชื่อว่า ‘แพง’ ถึงแพงจะมีความหมายว่าราคาสูง แต่คนชื่อว่าแพงก็ฟังแปลกๆอยู่เหมือนกัน +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พะนอขวัญเปิดผลักประตูเข้าไปในห้องแผนกออกแบบก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลังห้องเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ หนวดเคราเฟิ้ม ดูคล้ายๆ มหาโจรมากกว่าจะเป็นผู้คนธรรมดา เสียงห้าวๆดังขึ้นกลบเสียงจอกแจกของบรรดาพนักงานฝ่ายออกแบบทั้งหมด “ไอ้แพง เย็นนี้หนึ่งเมา” เสียงโห่ฮาดังขึ้นจากเพื่อนร่วมแผนกซึ่งมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายสภาพแต่ละคนดูน่าจะหลุดออกมาจากสถานกักกันอะไรสักอย่าง “ชวนแต่เช้าเลยนะเฮียโต” พะนอขวัญก้าวผ่านประตูพลางหัวเราะ ก่อนจะหยุดลง แล้วไหว้บรรดาพี่ๆ ในแผนกโดยเฉพาะเฮียโตหรือโตมร ซึ่งโตทั้งชื่อ ตำแหน่ง และอายุเพราะเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบและอายุมากที่สุด และที่สำคัญก็ “ติสต์ที่สุด” ติสต์จนทะเลาะไปแทบทุกฝ่าย เพราะไม่ค่อยมีคนธรรมดาเข้าใจแก เธอเป็นน้องสุดท้องของแผนกจนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ได้นักออกแบบคนใหม่มาอายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปี “แล้วว่าไง...พรุ่งนี้วันหยุด โอเคใช่ไหม” โตมรถามย้ำเอาคำตอบ “เย็นนี้คนสวยมีนัดแล้วพี่โต” พะนอขวัญตอบ ขณะเดินเข้ามาที่โต๊ะ “อะไรๆ นี่ตกลงกันไปหมดแผนกเลยนะไอ้แพง” พี่โตโวยวาย “หลังๆ นี่เบี้ยวตลอดแอบมีกิ๊กใช่ไหมวะ นอกใจเฮียเหรอไอ้แพง”โตมรชี้หน้ารุ่นน้องสาวซึ่งยักคิ้วกวนๆ ตอบกลับมา เขาสนิทกับพะนอขวัญมากทีเดียวปกติเขาไม่ค่อยอยากจะสนิทสนมกับผู้หญิงมากนัก เพราะรำคาญพวกตัวแม่ทั้งหลายแต่พะนอขวัญไม่ค่อยมีนิสัยน่ารำคาญที่เขาไม่ชอบ “ใครจะทนอยู่ในใจพวกหน้ามหาโจรได้” มัทวีแทรกขึ้น พร้อมยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนเพราะโตมรมักจะปล่อยให้หนวดเครารกรุงรังเต็มหน้า ไว้ผมยาวสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เก่าๆ เป็นหลัก รูปร่างใหญ่ ดูผาดๆ นั้นน่ากลัวทีเดียว เสียงหัวเราะดังประสานขึ้นมาทั้งแผนกมัทวีเป็นนักออกแบบสาวเจ้าของฉายา ‘ติสต์ตัวแม่’ คู่กับโตมรวันนี้เธอมาพร้อมกับแฟชั่นผ้าโพกผมลายดอกสะดุดตาตั้งแต่ห้าสิบเมตรได้เลย “หน้าโจรดีกว่าหน้าใสใจโจรนะเว้ย” โตมรโต้คู่ปรับ ก่อนจะหันไปทางพะนอขวัญซึ่งส่ายหน้าขำๆ “กิ๊กกั๊กที่ไหนล่ะพี่...น้องรหัสสี่ตัวเอ๊ย สี่คนนั่นต่างหาก แดนจะเลี้ยงขอบคุณที่ไปช่วยทำโปรเจควันก่อน” แดนดินโทรศัพท์มาบอกตั้งแต่เย็นวันนั้นแล้วว่าโปรเจคผ่านและได้คะแนนดีเสียด้วยบอกว่าเดี๋ยวจะนัดเลี้ยงอีกทีแต่ขอนอนสะสมพลังงานก่อนหลังจากที่ไม่ได้นอนมาหลายคืน แล้วเมื่อวานก็โทรศัพท์มาว่าจะขอนัดวันนี้ แล้วบอกด้วยว่าจะให้คมคิดมารับที่ออฟฟิศเอง “สี่หนุ่มน้อยน่าเคี้ยวน่ะเหรอให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมแพง” มัทวีเอ่ยกลั้วหัวเราะนัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ รุ่นน้องของพะนอขวัญแต่ละคนนั้นเป็นขวัญใจของสาวๆในแผนกทุกคน “แหม...เจ๊แป๋วปล่อยลูกนกลูกกาไปเถอะอย่าให้หลงทางเสียเวลา หลงรุ่นป้าเสียอนาคตเลย”พะนอขวัญหัวเราะคิกคัก “ปากคอเราะร้ายจริงๆ นะเราเจ๊ขอแช่งให้มีคนสอยลงจากคาน ให้มีผู้ชายหล่อ ผู้ชายรวย มามะรุมมะตุ้มรุมแย่ง” “แหม...เจ๊แช่งซะน่ากลัวเชียว” พะนอขวัญหัวเราะแทบน้ำตาเล็ด แต่อย่าเพิ่งให้ปากเจ๊แป๋วศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาล่ะเธอยังอยากอยู่บนที่สูงไปอีกสักพัก เพราะตอนนี้ก็สบายดีแล้ว “ตกลงไปกินของฟรีดีกว่าว่างั้นเหอะ” โตมรสรุปสั้นๆ แล้วไม่ตื้อต่อ “เออๆวันหลังก็ไปกับเฮียด้วยล่ะ เดี๋ยวนี้ชิ่งบ่อยนะเราน่ะ” “ค่า...คุณเฮีย”พะนอขวัญรับปาก พักหลังมานี้เธอไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์กับพี่ๆ บ่อยนัก หลังจากทักทายกันพอกระชุ่มกระชวย แผนกก็เงียบลงทุกคนเข้าสู่โลกของตนเอง บางคนก็ออกไปที่สตูดิโอพะนอขวัญหยิบเศษผ้ามาพิจารณาว่าคนจะทำอะไรกับผ้าล็อตใหม่ซึ่งตอนนี้กำลังถูกคัดแยก กำลังทำงานเพลินๆ ไปพักใหญ่เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น “คุณแพงคะ เชิญที่ห้องผู้จัดการด้วยค่ะ” “เดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ” หญิงสาวถามกลับเมื่อได้รับคำสั่งจากเลขานุการผู้จัดการ “ค่ะ” “เดี๋ยวแพงไปค่ะ”พะนอขวัญวางสาย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อไปพบผู้จัดการตามคำสั่งเมื่อมาถึงหน้าห้องก็พบกับแวววรรณเลขานุการของผู้จัดการยิ้มแย้มรีบบอกให้เธอเข้าไปพบเจ้านายได้ทันที พะนอขวัญเปิดประตูห้องก็พบกับสิทธาซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทและนักออกแบบชื่อดังซึ่งเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเธอและยังมีคุณรินทร์รองผู้จัดการซึ่งดูแลด้านการตลาด ทั้งสองคนคือที่มาของ สิริอาร์ตแอนด์ดีไซน์ “สวัสดีค่ะ”พะนอขวัญไหว้ทั้งสอง “มาๆ นั่งเลยแพง”สิทธากวักมือเรียกให้มานั่งที่หน้าโต๊ะทำงาน “งั้นนายคุยกับแพงไปนะ พี่จะออกไปพบลูกค้าก่อน” รินทร์พยักหน้าให้หุ้นส่วน แล้วพยักหน้าให้นักออกแบบสาวก่อนจะเดินออกจากห้อง “ตอนนี้งานอะไรค้างอยู่ไหมแพง” สิทธาเอ่ยถามเมื่อหญิงสาวนั่งเรียบร้อยแล้ว “แพงกำลังดูผ้าล็อตใหม่กับพี่โตอยู่ค่ะกำลังตกลงกันว่าจะทำอะไรบ้าง เดี๋ยวจะทำแผนมาให้พี่ดูค่ะ”เธอตอบ ทั้งสิทธาและรินทร์ต่างก็วางตัวง่ายๆ กับพนักงานทุกคน “อ๋อ...ดีๆ แต่ตอนนี้พี่ได้งานใหม่เข้ามามีลูกค้าชอบงานของแพงก็เลยอยากให้แพงทำงานให้เขา” สิทธาเข้าเรื่องที่เรียกเธอมาทันที “งานแบบไหนคะ”พะนอขวัญรู้สึกดีใจทุกครั้งที่มีคนชอบผลงานของเธอ และสนใจเรื่องงานใหม่ๆ เสมอ “ลูกค้ามีโปรเจคจะทำโรงแรมแนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้วก็ถูกใจงานของแพง เลยอยากจะคุยคอนเซปกับแพง แพงสนใจไหม”สิทธาอธิบาย แม้ว่าใจจริงเขาจะไม่อยากปฏิเสธงานนี้โดยเฉพาะรินทร์นั้นบอกให้เขาทำอย่างไรก็ได้ให้พะนอขวัญไม่ปฏิเสธงานนี้แต่เขาก็เข้าใจดีว่าการบังคับศิลปินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เขาเองก็ไม่ชอบให้ใครมาบังคับกว่าที่เขากับรินทร์จะผสมผสานธุรกิจกับงานศิลปะให้เข้ากันได้ก็ใช้เวลามาไม่น้อยเพราะบางเรื่องเขากับรินทร์ซึ่งเป็นนักการตลาดนั้นมองกันคนละขั้วเลยทีเดียว “ดูเหมือนพี่ลุ้นๆ อยู่นะคะมีอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” พะนอขวัญเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “อืม...ก็นะ จะว่าพิเศษก็คงเป็นที่ตัวลูกค้าล่ะมั้ง” สิทธาสบตาโตๆ ของลูกน้องสาวแล้วยิ้ม พะนอขวัญไม่ใช่คนสวยจัดไม่ได้น่ารักแบบเด็กๆ ไม่ขาวไม่หมวย แต่ดูหวานนิดๆ มองได้เพลินๆ ดี “คะ...”พะนอขวัญเลิกคิ้ว “แพงรู้จักอังสนากรุ๊ปไหมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” “เหมือนจะคุ้นๆ อยู่นะคะ” พะนอขวัญพยักหน้า ชื่อบริษัทที่ว่านั่นคุ้นๆ แต่นึกไม่ค่อยออกคงเพราะว่าเธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจเท่าไร “ปกติอังสนาจะทำพวกบ้าน คอนโค แต่โปรเจคนี้เป็นโรงแรมสไตล์บูติกเข้าใจว่ามีไม่กี่ห้อง แต่เน้นเรื่องกรีนดีไซน์ เป็นคอนเซปต์น่าสนใจทีเดียว แล้วแพงว่าไงสนใจไหม” “แพงสนใจค่ะ”พะนอขวัญตอบรับอย่างไม่ลังเล เพราะเธอก็อยากทำงานใหม่ๆ ที่ท้าทายเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้นพี่จะให้คุณแวววรรณนัดกับทางคุณเขตชลแล้วบอกแพงอีกทีว่าจะคุยกันวันไหน” “คุณเขตชล...” “ใช่...เขาเป็นเจ้าของโปรเจคที่ว่ารู้สึกว่าจะเป็นลูกชายของตระกูลนี้ด้วยนะ” สิทธาตอบหยิบนามบัตรที่ได้จากรินทร์ส่งให้พะนอขวัญ เขาเข้าใจว่าทำไมรินทร์ถึงต้องการให้ได้งานนี้เพราะถ้าหากงานที่ออกมาทางอังสนากรุ๊ปพอใจ ก็หมายถึงลูกค้ารายใหญ่ของบริษัททีเดียวเพราะน่าจะมีโปรเจคต่อเนื่องได้อีกมากทีเดียว
พะนอขวัญกอดอกมองใบหน้ายิ้มแป้นของคมคิดนัยน์ตาพราวออดอ้อนเต็มที่ แต่ไม่ได้ทำให้เธอเคลิ้มไปด้วยหรอก ริมฝีปากบางแสยะยิ้ม “ไหนแดนอกว่าให้คิดมารับเจ๊ไง” “ก็มารับแล้วนี่ไงครับเจ๊คนสวย” คมคิดทำเสียงออดๆ ยิ้มตาพราวประจบรุ่นพี่สาว พะนอขวัญทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ พอได้เวลาเลิกงาน คมคิดโทรศัพท์มาบอกว่าเขามาถึงแล้วเธอลงมาที่ข้างล่างก็พบว่ารุ่นน้องกำลังเจ๊าะแจ๊ะประชาสัมพันธ์สาวตามสไตล์หนุ่มขี้หลีเธอเลยรีบจับแยก เพราะเกรงคมคิดจะมาสร้างวีรกรรมแถวนี้ น้องๆ ของเธอนั้น ‘ตัวร้าย’ กันทั้งนั้น แล้วก็ปรากฏว่าคมคิดมารับเธอด้วยตัวเปล่า และพูดง่ายๆว่า “ขอกุญแจพี่ตองด้วยครับ” คมคิดเกาะแขนรุ่นพี่สาวอย่างออดอ้อนเขารีบอาสาพี่รหัสว่าจะมารับเจ๊แพงเองโดยที่พี่รหัสคงนึกว่าเขาจะขับรถมารับตามปกติ ไม่ได้เฉลียวใจอะไร การขับรถเก๋งเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเขามากต้อง ‘พี่ตอง’ สิ รถในฝันของเขาเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่สามารถซื้อรถจักรยานยนต์ประเภทใดๆได้ สาเหตุไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะทางบ้านของเขาคัดค้านหัวชนฝาเลยทีเดียว พะนอขวัญกลอกตารู้ว่ารุ่นน้องชอบแต่...มันก็ไม่ใช่เรื่องจะยอมง่ายๆ หรอกนะ “มีใบขับขี่หรือเราน่ะ” คมคิดไม่ตอบแต่หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วหยิบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาเขาเตรียมตัวไว้เพราะรู้ว่าพะนอขวัญใช้ข้ออ้างนี้บ่อยๆเขาจึงไปสอบใบขับขี่มาเรียบร้อยแล้ว “เตรียมพร้อมนะยะ”หญิงสาวค่อน คมคิดยิ้มกว้าง “เสียใจ...เจ๊มีหมวกกันน็อกใบเดียวกฎหมายเขาให้ใส่หมวกกันน็อกทั้งคนขี่คนซ้อนจ้ะน้องรัก” ยิ้มกว้างของเด็กหนุ่มหุบฉับ “เจ๊แพงครับ...เมตตาน้องคนนี้นะครับน้า...น้า...” เขาลากเสียงออดอ้อนยิ่งขึ้นสีหน้าที่เหนือกว่าของรุ่นพี่สาวไม่ได้ทำให้โกรธหรอกเพราะรู้ว่าอย่างไรเจ๊แพงก็แพ้ทางพวกเขาอยู่ดี พะนอขวัญโคลงศีรษะ ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มหน้าผากรุ่นน้องที่ก้มมาไถไหล่เธอเหมือนกับลูกสุนัขแต่คงเป็นพันธุ์เกรทเดนเพราะสูงใหญ่ปานนี้เธอก็ใจแข็งกับคมคิดหรือน้องคนอื่นได้ไม่นานหรอก หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาโตมรซึ่งใช้รถจักรยานยนต์เหมือนกันผู้ชายตัวโตหน้าเถื่อนอย่างเฮียโตขับฟีโน่สีชมพูหวานจ๋อย ดูแล้วน่ากลัวมากกว่าน่ารักเฮียโตมีหมวกกันน็อกสำรองอยู่อีกใบ “เฮีย...แพงขอยืมหมวกกันน็อกของเฮียอีกอันนะ” เธอได้รับคำอนุญาตให้หยิบใบที่วางไว้ที่รถได้เลยพะนอขวัญพยักหน้าให้คมคิดเดินตามไปที่ลานจอดรถ “เย้...เจ๊แพงคนดี คนสวยขอบคุณที่สุดในโลกเลย” คมคิดแทบจะอุ้มรุ่นพี่สาวแล้ววิ่งไปที่รถถ้าไม่ถูกเตะขาเสียก่อน...แบบไม่มีเบาแรงเสียด้วย พะนอขวัญส่ายหน้ากับอาการดีใจมากของรุ่นน้อง “แล้วตกลงนัดกันไว้ที่ไหนเนี่ยทำเป็นความลับอยู่ได้” เธออดบ่นไม่ได้แดนดินไม่ยอมบอกว่าจะนัดเลี้ยงที่ไหน บอกแค่ว่าจะให้แดนดินมารับเท่านั้น
ประตูรั้วเหล็กดัดค่อยๆเลื่อนเปิดจากการควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเวสป้าสีเขียวตองอ่อนเคลื่อนผ่านประตูเข้าสู่ถนนเล็กๆเรือนไม้สีไข่ไก่ท่ามกลางสวนดอกไม้ปรากฏอยู่ตรงหน้า พะนอขวัญไม่นึกว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก...อย่างน้อยก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ สายตายังจับจ้องที่เรือนไม้หลังงามจนกระทั่งคมคิดเลี้ยวรถแยกไปยังด้านบ้านหลังเล็กซึ่งเป็นสถานที่ “เกิดเหตุ” เมื่อสามวันก่อน “เจ๊แพง...”เสียงตะโกนดังลั่น ก่อนที่ร่างสูงๆ ของเด็กหนุ่มสามคนจะวิ่งกรูลงมาจากด้านในบ้านมารุมล้อมเวสป้าโดยที่พะนอขวัญกับคมคิดยังไม่ทันจะได้ลงจากรถ “สวัสดีครับเจ๊”สามเสียงประสานกันพร้อมกับยกมือไหว้งามๆเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากพะนอขวัญได้มากทีเดียว “อืม... ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนะ” พะนอขวัญรับไหว้พร้อมกับทักรุ่นน้องทั้งสาม ซึ่งวันนี้หน้าตาแจ่มใสสภาพร่างกายก็ดูดีไม่ทรุดโทรมเหมือนที่เห็นครั้งล่าสุด โดยเฉพาะแดนดินที่ท่าทางร่าเริงเป็นพิเศษเพราะโปรเจคนั้นได้คะแนนดีมาก พะนอขวัญลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อกกับเสื้อคลุมออกเช่นเดียวกับคมคิดที่ยักคิ้วให้ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องซึ่งมองด้วยความอิจฉาเต็มที่เพราะเขาเห็นเขาขี่พี่ตองซ้อนรุ่นพี่สาวมาคงไม่มีใครคิดว่าเขาจะได้ขี่พี่ตองมา “เจ๊แพง...”สามเสียงประสานกัน พร้อมกับสายตาจ้องรุ่นพี่สาวอย่างเว้าวอน “ในบ้านนี่ก็พอนะ”พะนอขวัญโคลงศีรษะ ก่อนเอ่ยอนุญาตเพราะตาละห้อยของแต่ละคนบริเวณบ้านของแดนดินกว้างพอที่จะทำให้น้องๆ ได้ขี่รถให้หายอยากไปได้บ้างโดยไม่อันตรายเหมือนกับบนท้องถนน “เย้... เจ๊แพงใจดีที่สุด” สามเสียงประสานกัน แล้วจึงเกิดศึกแย่งชิงกันจนในที่สุดแมทธิวใช้สิทธิ์น้องเล็กสุดขึ้นคร่อมเวสป้า โดยมีภาษิตเป็นคนซ้อนแล้วรีบออกรถไปทันที “แต่ละคน...”พะนอขวัญส่ายหน้าช้าๆก่อนจะหันมาทางแดนดินซึ่งมองรุ่นน้องทั้งสองอย่างระอาแกมอิจฉาที่ได้ขี่พี่ตองก่อน “แล้วนี่ตกลงมาเลี้ยงที่นี่” “ใช่แล้วเจ๊ สถานที่อำนวยที่สุด” แดนดินหันมาตอบ แล้วขยิบตาให้รู้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่อาหารหวานคาวเท่านั้นแต่เครื่องดื่มๆ ต่างๆ ไม่อั้น เพราะใครเมาก็จับลากเข้าห้องได้เลยเรียกว่าปฏิบัติตามนโยบายเมาไม่ขับอย่างเคร่งครัด พะนอขวัญหัวเราะหึๆ แล้วก้าวตามสองหนุ่มเข้าบ้านหากเมื่อจะก้าวขึ้นบันไดด้านหน้าก็ชะงัก เมื่ออะไรบางอย่างแวบเข้ามาในความคิด แดนดินเห็นปฏิกิริยาของรุ่นพี่สาวก็เอ่ยเย้าๆ “พี่ใหญ่ยังไม่กลับหรอก...พี่นาง” คำพูดของแดนดินทำให้พะนอขวัญแทบสะดุดบันไดเธอหันขวับไปยังรุ่นน้องที่ยิ้มกริ่ม ยกมือชี้หน้าทะเล้นนั่นส่วนคมคิดมองสองรุ่นพี่อย่างงงๆ โดยเฉพาะคำที่แดนดินใช้เรียกรุ่นพี่สาว ‘พี่นาง’ แล้วนางไหนละเนี่ย “ใครสั่งใครสอน”พะนอขวัญอยากจิ้มหน้าผากหลานรหัสสักที แต่เจ้าตัวสูงชนิดที่ถ้าไม่ก้มลงมาเธอต้องเขย่งสุดปลายเท้านั่นแหละ แดนดินยิ้มกว้าง ขำปฏิกิริยาของรุ่นพี่สาว “โอ๋ๆ ผมพูดผิดไปต้องเรียกว่าว่าที่พี่นาง น่าจะถูกกว่าเนอะ” “เหอะๆ เดี๋ยวเจ๊ก็เป็นจริงๆ ซะหรอก” พะนอขวัญเปลี่ยนเป็นกำหมัดชกไปที่ท้องรุ่นน้องเบาๆ แดนดินถอยฉาก แม้จะรู้ว่าพะนอขวัญไม่ได้เอาจริงแล้วยักคิ้วล้อๆ “อย่าคืนคำนะเจ๊” “เฮอะ... เลิกพูดเลย อารมณ์เสีย” หญิงสาวก้าวขึ้นตัวบ้าน เลิกใส่ใจรุ่นน้องที่หัวเราะอยู่เบื้องหลังหากได้ยินเสียงคมคิดเอ่ยถามเกี่ยวกับคำว่า ‘พี่นาง’ แว่วๆ “ตกลงทำไมเฮียเรียกเจ๊ว่า ‘พี่นาง’ ล่ะ” คมคิดถามพี่รหัสที่เอาแต่หัวเราะส่วนย่ารหัสของเขานั้นเดินจ้ำๆ ขึ้นบ้านไปแล้ว ไม่ค่อยได้เห็นท่าทางแบบนี้จากพะนอขวัญเลย “ก็... พี่นางแปลว่าพี่สะใภ้ไง” แดนดินตบไหล่น้องรหัสก่อนจะก้าวเท้าตามรุ่นพี่สาวเข้าไปในบ้านทิ้งให้คมคิดนิ่งอึ้ง ก่อนจะหัวเราะแล้วผิวปากเดินตามทั้งสองเข้าไปในบ้าน ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Create Date : 27 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2555 22:09:39 น. |
|
26 comments
|
Counter : 6496 Pageviews. |
|
|