|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รหัสรักใจดวงใจ ตอน ๑๑
สวัสดีค่ะ...ขอบคุณสำหรับทุกความห่วงใย และขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
มาถึงตอน ๑๑ แล้วค่ะ ไปตามติดชีวิตยุ่งๆ ของของขวัญและหมอธีร์กันดีกว่าค่ะ^^
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รหัสรักในดวงใจ ตอน ๑๑
ห้ามกลับดึกนะครับ พรุ่งนี้ผมมีประชุมตอนเช้า
คุณนาเดียหยุดก่อนจะเดินเข้าห้องบอลรูม เธอหันมายังบุตรชายพร้อมกับรอยยิ้มพราว เขาอิดออดตั้งแต่เธอขอร้องกึ่งบังคับให้พาเธอมางานนี้แล้ว
โอ๋...น้องธีร์เด็กดีของแม่ เดี๋ยวแม่จะพากลับก่อนเที่ยงคืนนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงว่าจะนอนดึก
ธีร์หน้ามุ่ย
น่านะ...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่หล่อเลยน้องธีร์
ผมไปรอที่ล็อบบี้ข้างล่างนะครับ
น้องธีร์... คุณนาเดียขึงตาใส่หน้ามุ่ยๆ ของบุตรชาย เธอก้าวเข้าไปควงแขนลูกชายและออกแรงลากเขาเข้าไปในห้องเสียเลย อย่าทำเป็นกลัวไปหน่อยเลยน่า แม่ไม่ได้พาลูกไปขายนะจ๊ะ
นัยน์ตาคมกวาดไปรอบๆ ห้อง บุรุษสตรีหลายวัยอยู่ในชุดราตรีสโมสรที่ต่างก็แต่งกายกันมาเต็มที่ เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เสียงแก้วกระทบกันฟังดูแปลกในความรู้สึกของเขา
ธีร์รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง
เขาเคยหัวเราะ พี่ๆ น้องๆ หลายคนที่บ่นเมื่อต้อง ออกงาน อยู่บ่อยๆ ธีร์นึกว่าตัวเองรอดตัวแล้วเพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมางานแบบนี้ เขาไม่ใช่นักธุรกิจ ไม่ใช่เซเลบริตี้ ไม่ใช่คนดังในสังคม ถ้าหากไม่เป็นเพราะมารดาละก็ เขาคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้
ครั้งสุดท้ายที่เขา ออกงาน คงจะเป็นงานครบรอบ ๔๕ ปีของวรรณวิจักษ์กรุ๊ป เมื่อหลายเดือนที่แล้วซึ่งเขาแทบจะฟุบหลับตลอดเวลา
ธีร์ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง จับมองมารดาที่ยังสนใจในบทสนทนากับเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้พบกันนัก มุมปากยกขึ้นน้อยๆ เป็นเชิงยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลทองเป็นประกายพราวพราย มารดาเขายังไม่รู้ตัวว่าลูกชายที่เธอหนีบมางานเลี้ยงด้วยกำลังจะหายตัวไปเสียแล้ว
ช่วงนี้แหละ...ปลอดภัยที่สุดแล้ว ต้องรีบหนี
ธีร์เหลือบไปยังมารดาที่กำลังสนทนาอยู่กับสตรีวัยเดียวกันคนหนึ่ง เขาเห็นท่านมองข้างกายราวกับกำลังหาใคร ธีร์จึงรีบหมุนตัวหนี ออกจากห้องบอลรูมอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะถูกตะครุบตัวได้
ธีร์เดินออกจากห้องบอลรูม ตั้งใจจะไปที่คอฟฟี่ช้อปของโรงแรมเพื่อหามุมสงบนั่งรอมารดา หากธีร์กลับชะงักเมื่อเห็นร่างโปร่งเพรียวในชุดสีแดงเพลิงกำลังพูดโทรศัพท์อยู่มุมนั่งเล่น ไม่ห่างจากห้องบอลรูมสักเท่าไร ท่าทางที่หล่อนเดินกลับไปกลับมาขณะพูด ดูเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร
เขากำลังจะออกเดินไปยังลิฟต์ แต่หญิงสาวคนนั้นหันมายังเขาเสียก่อน หล่อนชะงักไปนิดก่อนจะเปิดยิ้ม แล้วพูดอะไรสักอย่างก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์ ธีร์จึงต้องเดินเข้าไปหาหล่อน
สวัสดีครับอาจารย์ ธีร์เอ่ย ยิ้มนิดๆ ให้กับรอยยิ้มหวานของหญิงสาว มองไกลๆ ก็เห็นว่าหล่อนดูโดดเด่นท่ามกลางการตกแต่งแบบเคร่งขรึมของโรงแรม หากเมื่อมองใกล้ๆ แล้วยิ่งสวยสะดุดตา ชุดราตรียาวสีแดงเพลิงแนบไปกับรูปร่างเพรียวบางอย่างงดงาม รวมทั้งรองเท้าส้นสูงสามนิ้วสีเดียวกันทำให้หล่อนดูระเหิดระหงยิ่งขึ้น
สวัสดีค่ะอาจารย์... บังเอิญจังนะคะ รวินันท์หัวเราะน้อยๆ ลอบกวาดตาพิจารณานายแพทย์หนุ่ม วันนี้เขาแต่งตัวแปลกไปจากที่เคยเห็นเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตสีเทาเหลือบใต้สูทหรูตัดพอเหมาะพอดี เขาไม่ได้ผูกเนกไทเหมือนตอนอยู่โรงพยาบาล แต่ปลดกระดุมลงมาสองเม็ดทำให้ดูลำลองขึ้นมาก
แต่ก็ชวนให้สายตาทุกคู่ โดยเฉพาะผู้หญิงมาหยุดที่เขาเช่นกัน
อาจารย์มางานเลี้ยงเหรอคะ หล่อนชายตาไปยังห้องเบื้องหลังเขา คะเนว่าเขาคงจะออกมาจากห้องบอลรูมใหญ่ที่วันนี้มีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง
ครับ ธีร์พยักหน้า ก่อนจะขยายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ พาคุณแม่มาน่ะครับ อาจารย์ล่ะครับ
ฉันก็มางานห้องโน้นค่ะ รวินันน์ตอบยิ้มๆ บุ้ยใบ้ไปยังห้องบอลรูมเล็กที่อยู่อีกด้าน งานสังสรรค์เพื่อนๆ สมัยมัธยมน่ะค่ะ
ของขวัญขยับตัวให้พุ่มไม้บังร่างของหล่อนจากสายตาของบุรุษสตรีที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากหล่อนนัก ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องหลบนักหรอก เพราะทั้งสองดูจะสนใจกันและกันมากกว่าผู้คนรอบกาย หากคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณโถงหน้าห้องบอลรูมนี้ต่างหากที่จะต้องมองคนทั้งคู่
ผู้ชายหล่อผู้หญิงสาว...ใครๆ ก็อยากมองทั้งนั้นแหละ
หล่อนเองยังละสายตาไปไม่ได้
ตกลง...ข่าวลือเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ
ของขวัญเม้มริมฝีปากนิดๆ จับตามองท่าทางของทั้งสอง แม้จะไม่อยู่ในระยะที่สามารถได้ยินบทสนทนาได้ หากก็พอจะอ่านริมฝีปากก็เพื่อจับใจความได้
ทว่า... ของขวัญเพิ่งรู้สึกว่าการอ่านริมฝีปากของใครบางคนนั้นต้องใช้สมาธิเพิ่มอีกเท่าตัว
บทสนทนาเกี่ยวกับการประชุมอะไรบางอย่างในเช้าวันพรุ่งนี้ การประชุมที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยโครงการใหม่ หล่อนจับความได้เพียงแค่นี้ แล้วทั้งสองก็เอ่ยลากันและกัน
ของขวัญขมวดคิ้ว นึกถึงแฟ้มของนพนันท์ แฟ้มที่ตอนนี้อยู่ในห้องส่วนตัวของหล่อน นอกจากชื่อของอาจารย์ธีร์แล้ว ในแฟ้มนั้นยังมีชื่อของอาจารย์รวินันท์ด้วย
ขวัญขออ่านก่อนนะคะ แล้วค่อยให้คำตอบ หล่อนบอกนพนันท์ไปอย่างนั้น แต่ทั้งเขาและหล่อนก็รู้ดีว่า หล่อนจะให้คำตอบแบบไหน
ของขวัญมองร่างระหง เดินอย่างงามสง่าราวกับนางแบบเจนเวทีเดินตรงไปยังห้องบอลรูมเล็กที่อยู่อีกด้าน แล้วตวัดสายตากลับไปยังอาจารย์ธีร์ที่กำลังเดินตรงมา
เอ๊ะ...เดินตรงมา
ของขวัญอุทานในใจ
ธีร์คงจะเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังคอฟฟี่ช้อปชั้นล่างอย่างที่ตั้งใจ ถ้าไม่เผอิญเห็นเมืองขวัญเสียก่อน เขากวาดตามองรอบๆ โถงกว้าง วิญญาณเด็กหนุ่มหายไปแล้ว คงรู้ว่าตัวเองกลายเป็นสิ่งบ่งบอกได้อย่างดีว่าฝาแฝดอีกคนต้องอยู่แถวนี้
หากไม่อยู่ในห้องบอลรูมแล้วละก็ พุ่มไม้ประดับที่มุมหนึ่งของห้องโถงน่าจะเป็นจุดเดียวที่หล่อนซ่อนอยู่แถวนี้ได้
ธีร์ยกมุมปากขึ้นนิดๆ มองร่างโปร่งในชุดราตรีสั้นสีเขียวอ่อนกำลังก้มหน้าก้มตาหาของในกระเป๋าถือใบเล็ก เขาไม่เอ่ยอะไร เพียงแต่ยืนนิ่งๆ มือล้วงกระเป๋ามองหล่อน มองหล่อนหยิบช็อกโกแลตออกมาอย่างที่เขาคาดไว้ เพียงอึดใจเดียวหล่อนก็เงยหน้าขึ้น
อาจารย์...
ธีร์ยกมือรับไหว้หญิงสาว มองท่าทางแปลกใจของหล่อนยิ้มๆ หล่อนรีบไขว้มือที่กำช็อกโกแลตไปด้านหลัง
มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะคุณ มุมนี้ดูมืดๆ เงียบๆ นะ ธีร์กลั้นหัวเราะ หล่อนทำหน้าตื่น มองซ้ายมองขวาลอกแลกขึ้นมาทันที
เอ่อ...อาจารย์อย่าพูดให้กลัวสิคะ ของขวัญเสียงอ่อย อุตส่าห์โล่งใจที่เขาไม่สงสัยว่าหล่อนมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ แต่คำพูดเขากลับทำให้โรคกลัวผีของหล่อนกำเริบอีก
แล้วคุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ ที่สว่างๆ ก็มีถมไป เขาชำเลืองไปด้านข้าง สิ่งระบุตำแหน่งของหล่อนปรากฏร่างจางๆ ขึ้นมา แม้จะมองยังไม่ชัด แต่สีหน้าบึ้งตึงนั้นชัดเจนมากทีเดียว
อย่างนี้ค่อยมีอะไรทำแก้เซ็งหน่อย
แหะๆ มาหลบคุณป้าน่ะค่ะ อาจารย์อย่าอึงไปนะคะ
ธีร์เลิกคิ้ว
แล้วทำไมต้องหลบ เขาถามโดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองก็กำลังหลบผู้เป็นมารดาอยู่เหมือนกัน
ก็...ขวัญไม่ค่อยชอบงานแบบนั้นน่ะค่ะ หล่อนบุ้ยใบ้ไปที่ห้องบอลรูมใหญ่ซึ่งมารดาของนพนันท์กำลังสนทนาอยู่กับเพื่อน หล่อนจึงหาทางหลบออกมาโดยบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
ความจริงคุณป้าจะไม่มางานนี้แล้ว แต่คุณลุงเป็นคนคะยั้นคะยอให้คุณป้ามางานเอง เพราะรู้ว่าช่วงนี้คุณป้าต้องอยู่แต่ที่บ้าน คุณลุงทราบดีว่าคุณป้าชอบไปงานสังสรรค์ หากวันนี้นพนันท์ติดงานเลี้ยงของลูกค้า คุณลุงจึงขอให้หล่อนมาเป็นเพื่อนคุณป้า
อืม... งั้นลงไปหาอะไรดื่มที่คอฟฟี่ช้อปข้างล่างไหมล่ะ ธีร์เอ่ยยิ้มๆ รู้สึกว่าเขามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เสียแล้ว
อ้าว... อาจารย์ไม่ได้มางานหรอกเหรอคะ
ผมก็เหมือนคุณนั่นแหละ...ไม่ค่อยชอบงานแบบนั้นเท่าไร เขาพยักหน้าไปยังห้องบอลรูมเช่นกัน ของขวัญตาโต
เขามางานเดียวกับหล่อนอย่างนั้นหรือ
ไปไหมล่ะ...หรือว่าจะเข้าไปข้างใน
ของขวัญเหลือบมองประตูห้องบอลรูม แล้วตวัดสายตากลับมายังใบหน้าคมเข้มที่ต้องแสงไฟจากเพดานพอดี หล่อนเห็นประกายสีทองจากนัยน์ตาคม
หวังว่าคุณป้าคงจะคุยเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าหล่อนไปเข้าห้องน้ำนานเกินไปนะ
อย่าไปกับมันนะขวัญ เมืองขวัญโวยวาย หากคู่แฝดไม่ได้ยินเช่นเคย เขาจึงหันไปมองคู่อริ ไอ้หมอบ้า โน่น...ไปหาผู้หญิงของนายโน่น อย่ามายุ่งกับของขวัญ ไป...
ธีร์เพียงยิ้มนิดๆ ตอบโต้เมืองขวัญ แล้วพยักหน้าให้กับของขวัญ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าเป็นชนวนของความไม่ชอบหน้ากันระหว่างหนึ่งคนและหนึ่งวิญญาณ
คุณนาเดียยืนอยู่กับเพื่อนสนิทซึ่งรู้จักกันเมื่อครั้งที่อีกฝ่ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส เธอมองหาร่างสูงใหญ่ของบุตรชาย แต่ไม่พบว่าเขาอยู่ตรงไหนในห้องบอลรูมใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานการกุศลครั้งนี้เลยสักนิด
มองหาอะไรจ๊ะนาเดีย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว คุณชุติกานต์กระซิบถามเพื่อนสนิทซึ่งพักหลังนี้ได้พบกันบ่อย เพราะอีกฝ่ายกลับมาอยู่เมืองไทยชั่วคราว
ก็ตาธีร์น่ะสิ เผลอแป๊บเดียว ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
แหม...ปล่อยไปเถอะน่า ลูกชายจะให้มาเกาะติดกับเราได้ที่ไหนกันล่ะ
เฮ้อ...ก็ไม่ได้อยากให้เกาะหรอก คุณนาเดียโคลงศีรษะ พ่อลูกชายคนนี้เอาแต่หมกตัวอยู่แต่โรงพยาบาล นี่จะพามาเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย ก็แวบหายไปซะนี่
คุณชุติกานต์หัวเราะ เธอเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ดี เพราะเธอก็มีทั้งลูกชายลูกสาววัยใกล้เคียงกับของเพื่อนสนิทนี่แหละ อยากเห็นลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที แต่ลูกๆ ก็รักความโสดเหลือเกิน
ไม่แน่นะ อาจจะเจอผู้หญิงน่าสนใจแล้วตามไปจีบอยู่ก็ได้ เธอขยิบตา
ก็อยากให้เป็นอย่างที่เธอว่าอยู่เหมือนกัน คุณนาเดียวตอบกลั้วหัวเราะ นี่อะไรกัน อยู่โรงพยาบาลใหญ่ มีทั้งหมอสาวๆ พยาบาลสวยๆ ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ไม่เคยสนใจใครเลย เธอบ่นเหมือนเช่นที่เคยปรับทุกข์กับเพื่อนสนิทเรื่องนี้มาหลายครั้ง
น่า...ถึงเวลาเขาก็มีของเขาเอง...เหมือนศาสตร์ไง คุณชุติกานต์ปลอบเพื่อนเช่นเดียวกับที่บอกตัวเองบ่อยๆ สายตาเธอกวาดไปรอบๆ พลันสะดุดที่บุคคลหนึ่งอย่างสนใจ เอ๋...นั่นคุณนันทนานี่นา ไม่เห็นออกงานมาพักหนึ่งแล้วนะ
คุณนาเดียมองตามสายตาของเพื่อนสนิท เธอขมวดคิ้วนิดๆ พยายามทบทวนว่าเคยเห็นสตรีวัยใกล้เคียงกันที่เพื่อนพูดถึงที่ไหนมาก่อน
เห็นว่าสามีเป็นโรคหัวใจก็เลยไม่ค่อยออกงาน ลูกสาวก็สวยไม่เบานะ คุณชุติกานต์ลดเสียงลงในประโยคสุดท้าย เผื่อเพื่อนสนิทจะสนใจ นาเดียคงจะยังไม่รู้จักล่ะมัง คุณนันทนา ภรรยาของคุณธนัท ธนกิจจา เจ้าของอู่รถใหญ่โตเลยทีเดียว
จะว่าไม่รู้จักก็ไม่ได้ แต่จะว่ารู้จักก็ไม่เชิงน่ะ คุณนาเดียตอบเพื่อน เธอนึกออกแล้ว...คนที่บังเอิญหยิบเนกไทลายเดียวกับเธอนั่นเอง
เธอจำผู้เป็นป้าไม่ได้ดีเท่ากับหลานสาว
หญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาดูธรรมดาๆ ไม่ค่อยโดดเด่นนัก หากเธอจำได้ดีเพราะท่าทีสนิทสนมกับบุตรชายของเธอนั่นเอง
แต่ธีร์ก็ยืนยันว่าเป็นเพียงลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น
เอ... เธอแน่ใจว่าพูดภาษาไทยอยู่นะนาเดีย ฉันฟังแล้วงงๆ นะ
คุณนาเดียหัวเราะ มองสบสายตาสตรีคนนั้น
คุณนันทนามองหาหลานสาวที่บอกว่าไปห้องน้ำ แล้วก็หายไปพักใหญ่ เธอมัวแต่คุยกับเพื่อนเพลินเพราะตั้งแต่สามีพักฟื้นอยู่ที่บ้านเธอก็ไม่ค่อยได้พบเพื่อนๆ นัก รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าของขวัญยังไม่กลับมา เธอพยายามมองหาชุดสีเขียวอ่อนที่เธอสั่งมาให้หลานสาว แต่กลับเห็นแต่สีสันอื่นๆ ละลานตา
เอ๊ะ... คุณนันทนาอุทานเบาๆ เมื่อสายตาประสานกับสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกออกว่าเป็นใคร คุณแม่ของอาจารย์ยายขวัญนี่เอง
คุณนัน...สวัสดีค่ะ คุณชุติกานต์เอ่ยทักก่อน เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ พักนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะ
สวัสดีค่ะคุณชุ คุณนันทนายิ้มตอบ เธอพบกับคุณชุติกานต์ตามงานบ่อยๆ จนคุ้นเคยกันพอสมควร สวัสดีค่ะ...เอ่อ
นาเดียค่ะ... วันนั้นเรายังไม่ทันได้แนะนำตัวกันเลยนะคะ คุณนาเดียตอบยิ้มๆ ขณะที่คุณนันทนาหัวเราะเบาๆ
นั่นสิคะ ดิฉันเลยได้ทราบแค่ว่าคุณเป็นคุณแม่อาจารย์ของยายขวัญ
เอ...ตกลงรู้จักกันแล้วนะคะ คุณชุติกานต์เอ่ยกลั้วหัวเราะ
เคยพบกันน่ะชุ คุณนาเดียตอบเพื่อนสนิท ก่อนจะหันไปทางคุณนันทนา วันนี้หลานสาวไม่มาด้วยเหรอคะ
มาค่ะ...แต่นี่หายไปไหนก็ไม่รู้ ดิฉันกำลังมองหาอยู่เลยค่ะ
เอ...เหมือนดิฉันเลยค่ะ นี่ก็กำลังมองหาลูกชายอยู่เหมือนกัน
ทั้งสองสบตากันแล้วเลิกคิ้ว
ของขวัญยกแผงวางหลอดแก้วเข้าไปวางในตู้แช่เย็น แล้วหันมาบันทึกตัวเลขลงในกระดาษแบบฟอร์มที่วางแขวนไว้หน้าตู้ หล่อนหันไปมองร่างเพรียวบางใต้เสื้อกาวน์ยาวสีขาว รวมทั้งแว่นสำหรับทำการทดลองซึ่งกำลังจดบันทึกตัวเลขลงในกระดาษ
เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ
ค่ะอาจารย์ ของขวัญตอบอาจารย์รวินันท์ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษ หล่อนเห็นอาจารย์สาวขมวดคิ้ว ราวกับตัวเลขบนกระดาษมีอะไรที่ไม่น่าพอใจ
ของขวัญกวาดสายตามองห้องแล็บซึ่งอยู่ในปีกเดียวกับห้องพักของอาจารย์ เป็นห้องปฏิบัติการที่ชวนให้นึกถึงห้องแล็บของดอกเตอร์สติเฟื่องในหนังยุคที่ยังเป็นภาพขาวดำ ไม่ว่าจะเป็นตู้ไม้สีเข้มที่เรียงพรืดเต็มพนัง มองเห็นเครื่องมือทั้งที่หล่อนรู้จักและไม่รู้จักผ่านบานกระจกที่ครั้งหนึ่งคงเคยเป็นกระจกใสสะอาด
โอเค...วันนี้พอก่อน คุณกลับได้แล้ว รวินันท์เงยหน้าขึ้น พยักหน้าให้กับนิสิตสาว
จากการคุยกันเมื่อสัปดาห์ก่อนและในตอนเช้า หล่อนเห็นความกระตือรือร้นและความตั้งใจของของขวัญ แม้จะแปลกใจที่อีกฝ่ายขออนุญาตมาช่วยงานของเธอเพื่อฝึกทักษะการใช้เครื่องมือต่างๆ หล่อนลองอนุญาตดูเพื่อจะได้รู้จักนิสัยและความประพฤติ
หากจะรับเป็นที่ปรึกษาให้ใครแล้วเธอก็อยากได้คนที่ขยันและตั้งใจในการทำงาน
เด็กคนนี้มาแปลก แต่ก็น่าสนใจดี
แล้วอาจารย์ล่ะคะ ของขวัญเอ่ยถาม เพราะไม่มีทีท่าเลยว่าอาจารย์สาวจะเก็บข้าวของส่วนตัว หล่อนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ พบว่าใกล้จะหกโมงเย็นอยู่แล้ว
ก็ใกล้ค่ำแล้วน่ะสิ...
อาจารย์จะอยู่เคลียร์งานก่อนน่ะ คุณกลับไปก่อนได้เลย รวินันท์มองนาฬิกา อืม ไม่แน่ใจว่าประตูปิดไปหรือยังนะ ถ้าปิดแล้วค่อยเดินกลับมาเอากุญแจกับอาจารย์นะคะ เอาไว้วันหลังอาจารย์จะหากุญแจของชั้นนี้ไว้ให้
ของขวัญยิ้มกว้าง แปลคำพูดของอาจารย์สาวได้ว่ารับหล่อนไว้ช่วยงานแล็บต่อแน่นอน จากคำพูดของรุ่นพี่ที่บอกว่าอาจารย์รวินันท์เป็นคนเก่ง หล่อนก็ยังไม่ได้เชื่อสนิทใจเท่าใด เพราะเคยเห็นมาแล้วที่บางคนเก่งเพียงแค่ในตำรา หากกว่าสองชั่วโมงที่หล่อนได้เข้ามาทำแล็บด้วยนี้ อาจารย์เหมาะสมกับคำนำหน้าจริงๆ
แต่...ใกล้ค่ำแล้วนะคะ ของขวัญมองรอบๆ ตัว เมื่อครู่ที่ยังไม่ทันรู้เวลาหล่อนก็ยังไม่กลัว แต่พอรู้ว่าใกล้มืดเท่านั้นแหละ โรคเก่าของหล่อนชักกำเริบแล้ว
รวินันท์เลิกคิ้ว ทำไมล่ะ อาจารย์ก็ทำงานอยู่ดึกบ่อยๆ หล่อนมองสีหน้าหวาดๆ ของนิสิตสาวแล้วหัวเราะ คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์นะของขวัญ เชื่อเรื่องผีสางด้วยเรอะ
ของขวัญยิ้มแหยๆ
ก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างค่ะ แต่หล่อนกลัวมาก
รวินันท์ส่ายหน้า ไม่อยากเชื่อเลยว่ายังจะมีคนแบบนี้
เด็กคนนี้ตลกดี
ถ้างั้นก็รีบกลับไปเถอะ
ของขวัญหัวเราะแห้งๆ หยิบกระเป๋าถือและแฟ้มเอกสารแล้วไหว้ลาอาจารย์สาว เมื่อปิดประตูห้องแล็บอย่างเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนอาจารย์สาวที่หันไปสนใจตัวเลขในกระดาษอีกครั้ง ของขวัญเร่งฝีเท้าแทบเป็นวิ่งไปยังบันใดกลางตึก
เดี๋ยวค่ะ หล่อนร้องบอกเจ้าหน้าที่ของตึกที่กำลังจะปิดประตูเหล็กกั้น ระหว่างโถงหน้าลิฟต์กลางกับปีกตึก ประตูเหล็กของปีกตรงข้ามถูกปิดลงแล้ว
อ้าว...เชิญครับคุณ ไม่ต้องวิ่ง เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นบุรุษอาวุโสหัวเราะ มองนิสิตที่แทบจะวิ่งออกมาจากปีกหลัง หน้าตาเหมือนกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่าง
ขอบคุณค่ะ ของขวัญหัวเราะเบาๆ รู้สึกโล่งใจที่เห็นคนด้วยกัน ระยะทางสั้นๆ จากห้องแล็บมายังโถงหน้าลิฟต์ ความมืดทำให้หล่อนกริ่งเกรงอยู่มากทีเดียว
ของขวัญมองเจ้าหน้าที่ปิดประตูเหล็ก ใช้กุญแจตัวใหญ่คล้องไว้ หล่อนมองไปยังอีกปีก ประตูปิดไปแล้ว หากหล่อนเห็นแสงไฟลอดออกมาจากห้องบางห้อง แสดงว่ายังมีคนยังอยู่ในนั้น
หญิงสาวเดินลงบันใดมายังชั้นล่าง ทุกอย่างเงียบและให้ความรู้สึกวังเวงในช่วงแสงสุดท้ายของวัน
ของขวัญเสียบคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูห้องชุดออก นัยน์ตาสีนิลกะพริบเพื่อให้เข้ากับความมืดภายในห้อง หล่อนจรดปลายเท้าก้าวเข้าห้อง ยังเปิดประตูทิ้งไว้ วางกระเป๋าและแฟ้มไว้บนพื้นห้อง ฉวยร่มซึ่งเสียบไว้ที่โถเซรามิกใบใหญ่ใกล้กับชั้นวางรองเท้า
ห้องชุดที่นพนันท์ยกให้หล่อนชั่วคราวประกอบไปด้วยห้องนอนสองห้อง ห้องโถงกว้างซึ่งเป็นได้ทั้งห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นไปในตัว ห้องครัวและห้องรับประทานอาหารในส่วนเดียวกัน การตกแต่งเรียบๆ แต่ดูทันสมัยที่หล่อนคาดว่านพนันท์คงให้มัณฑนากรจัดการให้ทั้งหมด
หล่อนชอบที่มันให้ความเป็นส่วนตัว อยู่ไม่ไกลจากทางด่วนซึ่งมาจากบ้านของนพนันท์และอยู่ติดกับรถไฟฟ้า ทำให้สะดวกแก่การไปเรียน นพนันท์รับรองเรื่องความปลอดภัย...แต่หล่อนไม่วางใจเสียทีเดียว
ของขวัญกำร่มไว้แน่น ควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ และเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาที่สุด
เสียงกุกกักดังมาจากห้องครัว ของขวัญย่องไปยังเป้าหมาย
แสงไฟสว่างพรึบไปทั้งห้องครัว ของขวัญละมือจากสวิตช์ไฟ มองร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาไฟฟ้า กำลังคนอะไรบางอย่างในหม้ออย่างตั้งใจ เขาหันมายังหล่อนแล้วเลิกคิ้ว
ทำไมไม่เปิดไฟล่ะพี่เม่น ของขวัญข่มความอยากเดินเข้าไปบีบคอญาติผู้พี่ไว้
อ้าว...มืดแล้วเรอะ พี่กำลังทำซอสเพลินๆ เชียว นพนันท์ยิ้มน้อยๆ มองร่มในมือของญาติสาว ในห้องนี้ฝนตกด้วยเหรอ
ของขวัญค้อนให้อีกฝ่าย แล้วเดินกลับไปยังหน้าห้อง หล่อนเสียบร่มไว้ที่เดิม เก็บกระเป๋าและแฟ้มขึ้นมา ปิดประตูล็อกแล้วเดินกลับมายังห้องครัว หล่อนวางของบนโต๊ะกลางครัวซึ่งยังมีกองผักที่กลายเป็นเศษผักไปแล้ว สายตาจับที่ญาติหนุ่ม
จะซ้อมบทพ่อครัวไปทำอะไรล่ะพี่เม่น
นพนันท์หัวเราะเบาๆ กดปุ่มลดความร้อนของเตาลง แล้วหันมายังญาติสาว
บทพี่ชายที่แสนดีไง
ของขวัญทำเสียงในลำคอ
หิวหรือยัง... เหลือขนมปังกระเทียมอย่างเดียวก็เสร็จแล้ว นพนันท์พยักหน้าไปยังเตาอบซึ่งเขาเพิ่งเอาขนมปังใส่เข้าก่อนที่ของขวัญจะเข้ามา...พร้อมกับร่ม อ้าว...ล้างมือสิ แล้วนั่งได้เลยเดี๋ยวพี่เสิร์ฟให้จ้า
ของขวัญก้าวไปล้างมือที่อ่าง แล้วกลับมานั่งที่ มองตามนพนันท์ที่กำลังเล่นบทพี่ชายที่แสนดี เขากวาดเศษผักใส่ถังขยะ เช็ดโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว
หล่อนพยายามไม่ยิ้มเมื่อบนโต๊ะมีทั้งสลัดผักหลากหลายสีสันในชามแก้วใบใหญ่ ขนมปังกระเทียมหอมกรุ่น สปาเก็ตตี้ราดด้วยซอสเห็ด โดยเฉพาะเมื่อเขารินไวน์ด้วยมาดของบริกรในห้องอาหารสุดหรู
ไม่มีเทียนเหรอพี่เม่น ของขวัญอดกระเซ้าไม่ได้
อยากได้เรอะ...เดี๋ยวพี่จัดให้
โอ๊ย...ไม่ต้องเลยค่ะ ของขวัญส่ายหน้า แค่นี้ก็เลี่ยนจะแย่อยู่แล้ว หล่อนหยิบขนมปังกระเทียมสูตรพิเศษของนพนันท์ซึ่งนานๆ ที่จะเขาจะแสดงฝีมือให้ใครได้ชิม
อาหารอร่อยๆ ของนพนันท์ไม่ได้มีมาบ่อยๆ หรอก แม้ว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากอาหารมื้อนี้จะไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไร
ทุกอย่างก็ดูปกตินะคะ ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยเป็นพิเศษ หล่อนเอ่ยเมื่อกลืนขนมปังลงไป เนยที่เหนียวกำลังดี ผสมกับรสและกลิ่นกระเทียมและสมุนไพรบางอย่างได้เป็นอย่างดี
มันปกติมากไปหรือเปล่าล่ะ นพนันท์เลื่อนจานสปาเกตตี้ที่ราดซอสจนชุ่มให้กับของขวัญ รายงานที่เขาได้มาก็ปกติอย่างที่ของขวัญพูดนั่นแหละ
สิ่งที่เขาสงสัยก็คือความไม่ปกติที่ซ่อนอยู่ในความปกติ
แล้วถ้ามันปกติจริงๆ ล่ะคะ
นพนันท์ตักสลัดใส่จาน เลื่อนไปให้ญาติสาวอีก
นั่นเป็นสิ่งที่พี่อยากให้เป็นมากที่สุด
ของขวัญใช้ส้อมม้วนสปาเก็ตตี้ สีแดงอมส้มจากมะเขือเทศสดๆ ที่พนนันท์ใช้ให้กลิ่นสดชื่นน่ารับประทานมาก
ถ้าอย่างนั้นขวัญก็คงไม่ได้อ่านแฟ้มนั่น
นพนันท์หยิบขนมปังกระเทียมจุ่มลงในซอส เหลือบตามองญาติสาวที่ก้มหน้าก้มตารับประทานสปาเก็ตตี้ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
พี่มีข้อแม้อยู่นะ
ของขวัญเงยหน้าขึ้นแล้วเลิกคิ้ว
ห้ามเจ็บ ห้ามตาย ห้ามทำอะไรเสี่ยงอันตราย
ของขวัญวางส้อมลง ยิ้มให้กับญาติหนุ่ม
ไอ้ที่พี่อยากรู้ มันไม่ใช่แค่เดินไปในห้องสมุด แล้วหาเจอในหนังสือสักเล่มนะ
ในองค์กรใหญ่ๆ ที่มีสมาชิกอยู่เรือนหมื่นมักจะมีคนเสียชีวิตอยู่ด้วยสาเหตุต่างๆ กันไปในแต่ละปี การตายที่เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วแต่กรรมและชะตาชีวิตของแต่ละคน
ทว่า...อะไรบางอย่างที่ดูผิวเผินควรจะเป็นเรื่องปกติ หากมีการเชื่อมโยงเกิดขึ้นล่ะ
ครั้งแรก...ย่อมไม่เป็นที่สนใจ
ครั้งที่สอง...อาจจะบังเอิญ
ครั้งที่สาม...อาจจะสะกิดความสงสัย
ครั้งที่สี่... คงจะมากเกินกว่าเป็นความบังเอิญ
นพนันท์ไม่ชอบความบังเอิญ...และเขาหวังว่าจะไม่บังเอิญเกิดครั้งที่ห้าขึ้นมา
++++++++++++ พบกันวันจันทร์หน้าค่ะ ++++++++++++++++++++
Create Date : 28 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 0:07:28 น. |
|
40 comments
|
Counter : 1281 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ณี IP: 58.11.27.154 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:16:41 น. |
|
|
|
โดย: ปุ๊ IP: 202.91.18.201,202.91.18.201, 74.125.74.131 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:26:00 น. |
|
|
|
โดย: Yuii IP: 61.90.74.47 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:26:07 น. |
|
|
|
โดย: keroobob วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:48:34 น. |
|
|
|
โดย: เสาวภาคินทร์ IP: 115.67.226.68 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:09:24 น. |
|
|
|
โดย: sweeT IP: 203.158.4.117 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:52:11 น. |
|
|
|
โดย: PINGPING IP: 70.224.43.103 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:46:21 น. |
|
|
|
โดย: นู๋หยง IP: 202.143.150.93 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:03:56 น. |
|
|
|
โดย: ngek IP: 203.121.167.243 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:23:41 น. |
|
|
|
โดย: เจี๊ยบ IP: 118.173.11.196 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:24:30 น. |
|
|
|
โดย: ปอนด์ IP: 222.123.61.78 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:45:37 น. |
|
|
|
โดย: meddy IP: 118.172.166.153 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:12:54 น. |
|
|
|
โดย: rice IP: 172.16.20.59, 203.170.231.232 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:23:39 น. |
|
|
|
โดย: faire IP: 58.9.113.102 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:43:32 น. |
|
|
|
โดย: hayee IP: 124.120.122.113 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:46:20 น. |
|
|
|
โดย: ตากุ๊ก IP: 58.9.40.147 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:00:22 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าเคียงเดือน IP: 58.9.102.130 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:15:10 น. |
|
|
|
โดย: หนอนฮับ IP: 202.12.73.8 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:59:38 น. |
|
|
|
โดย: กระต่าย IP: 192.168.1.31, 115.31.144.218, 117.121.208.2 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:04:24 น. |
|
|
|
โดย: บอล IP: 117.47.92.198 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:09:30 น. |
|
|
|
โดย: ลิน IP: 192.168.1.133, 202.44.45.27 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:43:44 น. |
|
|
|
โดย: Aree-Yong วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:28:02 น. |
|
|
|
โดย: โบว์ IP: 161.200.255.162 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:03:51 น. |
|
|
|
โดย: jeab IP: 192.168.10.21, 203.172.219.213 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:59:29 น. |
|
|
|
โดย: papa_jank IP: 203.153.173.149 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:26:20 น. |
|
|
|
โดย: นู๋เต่า IP: 58.8.57.71 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:00:27 น. |
|
|
|
โดย: อัจ IP: 124.122.156.113 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:18:19 น. |
|
|
|
โดย: นู๋กบ IP: 192.168.16.1, 202.129.44.130 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:3:12:11 น. |
|
|
|
โดย: Hlee IP: 118.174.116.144 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:37:36 น. |
|
|
|
โดย: อัน IP: 58.8.172.139 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:29:41 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้า IP: 124.122.222.35 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:29:44 น. |
|
|
|
โดย: แตงกวา IP: 124.120.240.122 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:19:40 น. |
|
|
|
โดย: river IP: 125.25.54.183 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:57:15 น. |
|
|
|
โดย: รมณ IP: 58.8.41.132 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:31:40 น. |
|
|
|
โดย: นู๋กบ IP: 192.168.16.1, 202.129.44.130 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:20:48:12 น. |
|
|
|
โดย: นู๋มู๋ IP: 202.28.78.136 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:22:38:00 น. |
|
|
|
โดย: กุ๊กกิ๊ก IP: 110.164.7.80 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:23:29:05 น. |
|
|
|
โดย: นู๋กบ IP: 192.168.16.1, 202.129.44.130 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:23:29:42 น. |
|
|
|
โดย: ตากุ๊ก IP: 58.9.41.20 วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:0:53:01 น. |
|
|
|
โดย: ซานต้า IP: 124.121.159.249 วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:22:15:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|