Enter At Your Own Risk!!
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
22 กันยายน 2557
 
All Blogs
 

Mister Ajikko - พ่อครัวจอมมายา

เรื่อง Mister Ajikko พ่อครัวจอมมายา
โดย Daisuke Terasawa


ในภาพรวมลายเส้นออกสไตล์เก่าหน่อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบช่วงต้นกับช่วงปลายที่ต่างกันมาก โครงเรื่องก็เน้นการทำอาหารแบบระบบ copy & develope เพราะมีการแข่งขันเป็นส่วนใหญ่ เหตุผลการแข่งหรือการท้าหลายอันที่รู้สึกอ่อนไปมาก โดยเฉพาะที่ไปท้าร้านเฉพาะทางแล้วชนะได้อย่างง่าย ทำให้ในหลายจุดก็ดูเหมือนจะฉาบฉวยไปนิด (และก็ดูรับความพ่ายแพ้กันด้วยดีทั้วสิ้น) แต่ถ้าไม่คิดมากก็ไม่มีอะไร ก็รู้สึกได้ถึงความใส่ใจ ความเอาใจใส่ในอาหาร และการแก้ปัญหาอย่างเป็นลำดับขั้นดีค่ะ (แน่นอนว่าเวอร์แหลก)

เรื่องนี้มีข้อน่างงงวยอยู่บ้าง คือในเล่มของวิบูลย์กิจเขียนว่าตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2001 แต่ดูแล้วลายเส้นแปลกว่าเรื่องอื่นที่ตีพิมพ์ในช่วงนั้น โดยเฉพาะ ไอ้หนูซูชิ แถมลายเส้นยังให้ความรู้สึกที่เก่ากว่าด้วย พอลองค้นเว็บดู ก็เห็นบอกว่าเขียนตั้งแต่ปี 1986–1989 หรือเรื่องนี้จะมีการแก้ไขแล้วพิมพ์ใหม่ ถ้าทราบช่วยบอกด้วยนะคะ ^_^

--- SPOILER ALERT ---


หัวหน้าสมาคมพ่อครัวญี่ปุ่นกว่าสามสิบปี ราชาแห่งรสชาติ (อาจิโอ) มุราตะ เกนจิโร่ ไปติดใจข้าวหน้าหมูทอดที่ร้านฮิโนเดะที่เป็นร้านอาหารบ้านๆ สำหรับคนธรรมดาๆ เจ้าของร้านคนเก่า อาจิโยชิ ทาคาโอะ ตายไปเมื่อห้าปีก่อน ตอนนี้มีภรรยา โนริโกะ ลูกสาวเจ้าของภัตตาคารใหญ่ที่หนีตามสามีเป็นคนดูแลเรื่องทั่วไป พ่อครัวใหญ่คือลูกชาย อาจิโยชิ โยอิจิ (ม. ต้น อายุ 15 ปี) มุราตะเลยเชิญโยอิจิไปที่ตึกอาจิโอ ด้วยความเข้าใจผิดทำให้โยอิจิถูกลากไปเข้าคอสทำสปาเก็ตตี้ที่ลงท้ายด้วยการถูก มารุอิ โยชิโอะ ผู้จัดการแผนกอาหารอิตาลีของอาจิโอท้าดวลทำสปาเก็ตตี้มีทซอส หลังแข่งมารุอิกลายเป็นคนดูแลช่วยเหลือตลอด

หลังจากนั้นโยอิจิก็ได้ช่วยฟื้นฟูกิจการร้านราเม็งของที่บ้าน เมื่อร้านฮิโนเดะถูกบีบให้ขายที่ โยอิจิก็ประลองทำแกงกะหรี่เนื้อไก่กับ ซาไค คาซึมะ หลานชายอายุน้อยของเจ้าของบริษัทใหญ่ ตามด้วยการแข่งขันทำอาหารจากเนื้อแดงนำเข้าเพื่อรางวัลเนื้อฟรีหนึ่งปี ซึ่งคู่ต่อสู้สำคัญคือ โคนิชิ คาซึยะ ที่เป็นอัจฉริยะในการทำเสต็กและอดีตผู้จัดการของอาจิโอ แล้วก็มีเรื่องเพื่อนร่วมชั้นที่แม่เป็นนักวิจัยอาหารแต่ไม่เคยได้กินฝีมือแม่ที่ยุ่งจนไม่มีเวลา งานนี้ที่แข่งคือการแต็งปลาซาร์ดีนทั้งตัว

ไม่ช้าเถ้าแก่ร้านทรอยเมไรที่สนิทกันก็มาขอความช่วยเหลือทำแฮมเบอร์เกอร์ เชฟร้านคู่แข่งคือ อาเบะ จิโร่ เป็นคนในสังกัดอาจิโชกุน (แม่ทัพแห่งรสชาติ) ที่เป็นคู่แข่งกับอาจิโอ ตามด้วยแข่งทำโอโคโนมิยากิร้านโอคาดะระดับดั้งเดิมเพื่อสิทธิในการออกร้านงานชมดอกไม้ ช่วยร้านข้าวกล่องสถานีรถไฟที่อาโอโมริเจ้าที่พ่อช่วยทำเมนูโดยปรับปรุงให้สู้กับร้านใหม่ได้ ช่วยลูกพี่ลูกน้อง โคทาโร่ ที่ถูกไล่ออกจากร้านเทมปุระเก่าแก่ชื่อดังให้กลับไปทำใหม่ได้

แล้วก็เป็นการแข่งขันพ่อครัวกรังด์ปรีซ์ประจำปีครั้งที่ 28 ของสมาคมอาจิโอ [เล่ม 5-6] มีคนเข้าแข่งสี่คน คือ โยอิจิ คาซึมะ โคนิชิ และ ชิโมนากะ โมโตยูกิ ผู้จัดการฝ่ายอาหารฝรั่งเศสของอาจิโอ โดยอาศัยแบบคัดออกทีละคนในแต่ละรอบ รอบแรกเป็นข้างแกงซีฟู้ด ที่ทำคือ ปลาหมึกยัดไส้ข้าวแกงผัดแห้ง, ข้าวแกงกุ้งมังกร (ไม่จำกัดราคาของเลยแฮะ), แกงรวมมิตรทะเลข้างผัดเนย, แกงกะทิปลา รอบสองเป็นหมี่เย็นแบบจีน ส่วนรอบสุดท้ายเป็นพิซซ่า ที่ออกมาเป็น พิซซ่าทอดกับสปาเก็ตตี้พิซซ่า ถึงจุดนี้โยอิจิก็ได้ฉายาว่าอาจิกโกะคือเด็กผู้สร้างสรรค์รสชาติหรือเด็กชายรสดีเด็ด


ชิโมนากะที่กระเด็นตกรอบเกิดช็อคจนไปฝึกฝนใหม่ที่ต่างประเทศ ทำให้ จอร์จ มุสึตากิ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฝรั่งเศสบินตรงมาท้าแข่งทำอาหารด้วยออมเล็ต คือ ออเดิร์ฟ (หอยกาบปะทะคาเวียร์ ราคาวัตถุดิบคนละเรื่อง -_-") จานหลัก (ปลาไหล vs ตับลูกวัว) และของหวาน (แยมฟักทองบ๊วยเค็มเจอผลไม้เคี่ยวซอสไอศกรีม) แล้วโยอิจิก็ไปแข่งทำชุดอาหารทอดที่โรงอาหารบริษัทยักษ์ใหญ่กับ อาเบะ อิจิโร่ (น้องชายแพ้มาแล้ว) แล้วไปช่วยร้านซูชิในงานแข่งข้าวปั้นของเมือง ร้านชื่อดังถึงฝีมือดีชนะหลายปีซ้อนก็ยังหาทางโกง (ได้อารมณ์ไอ้หนูซูชิมาก)

จบเรื่องโยอิจิเดินทางไปกับมุราตะเพื่อเจอสามพระกาฬแห่งฮาคาตะ (พ่อครัวอายุราวสิบห้าฝีมือเยี่ยม) คนแรก นาคาเอะ เฮียวตะ ปลูกผักดูแลการจับปลาเอง เกิดการแข่งหม้อไฟ (ไก่บ้านแป้งโมจิทอดหัวลิลลี่ไชเท้าขูดฝอย เจอ ปลาไหลอัณฑะปลาปักเป้าน้ำซุปหอยเชลล์ รายละเอียดแต่ละอันอย่างเพียบ) แล้วก็ถูกส่งต่อไปหา อิวาคาวะ เซย์ยะ ที่ทำโซบะ (โมโมะ น้องสาวน่ารัก) แข่งโซบะซึ่งออกมาเป็น โซบะนัตโตไข่ vs โซบะเป็ดลูกชิ้นเป็ดสับ แล้วก็ไปร้านกาแฟของ คาวาอิ จุนจิโร่ แข่งทำเค้กโดยไม่ใช้ไข่ ได้ เค้กเผือกแป้งข้าวเจ้าโรยผงถั่งแดงประดับด้วยน้ำตาลเส้นและสาคู (สงสัยว่าให้กลีบดอกไม้นิดเดียว กลิ่นไม่น่ามากนะ) ปะทะเค้กข้าวเหนียวนึ่งตกแต่งเป็นดอกทานตะวันโรยโมจิน้ำแข็ง

เมื่อกลับมาบ้าน โยอิจิจะเพิ่มเมนูปลาไหล แต่ร้านปลาไหลที่มีของดีที่สุดไม่ยอมส่งให้ เลยต้องแสดงฝีมือทำเมนูปลาไหลให้เด็ก ผู้หญิง และรสดั้งเดิมให้ดูก่อน แล้วก็มีมืออันดับสามของอาจิโชกุนที่ใช้รถขายทาโกยากิมารังควาน (ส่วน จขบ. สงสัยว่าเอารถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่มาจอดในบริเวณถนนร้านชุมชนโดยเบียดบังร้านแถวนั้นไม่ผิดกฏหมายหรือ) แล้ว หลี่เสี่ยวกุย (เคยทำงานที่ฮิโนเดะ ตอนนี้เปิดร้านติดอันดับต้นๆ ที่ฮ่องกง) พร้อมลูกชาย หลี่เสี่ยวหลง มาเยี่ยม โยอิจิทำซุปไก่ใส่ถั่งเช่าโดยดัดแปลงจากสูตรพ่อ และไปฮ่องกงเพื่อฝึกงาน แต่กลายเป็นการแข่งขันกับ หลิวหู่เฟิง พ่อครัวมือหนึ่งอายุน้อย ยกแรกทำพื้นฐานติ่มซัมคือเกี๊ยวซ่า (จขบ. ว่าไม่ค่อยเห็นเกี๊ยวซ่าในติ่มซัมนะ) รอบสองเป็นบะหมี่น้ำ แล้วโยอิจิก็เจอ เซียนรสชาติ หลิวไป่เฟิง ที่เป็นระดับปรมาจารย์และอาจารย์ของหลิวหู่เฟิงท้า ทำของหวานจากเต้าฮวยเพื่อเลือกจานสุดท้ายให้งานเลี้ยงอาหารร้อยชนิดคือสุดยอดอาหารจีนครบสูตรหมั่นฮั่นเฉวียนสี ที่หลิวไป่เฟิงทำเต้าฮวยประดับกุหลาบกลางน้ำแข็ง ส่วนโยอิจิทำเต้าฮวยน้ำเชื่อมลูกเยลลี่หุ้มกลีบดอกไม้ลำไยยัดไส้ในแตงโมแกะสลัก (เรื่องแกะสลักผักผลไม้ จขบ. ว่าคนไทยเก่งกว่าเยอะ 555)

กลับญี่ปุ่น (ยังไม่เห็นได้ทำงานเลย) ก็เจอคาซึมะท้าทำแบบสุ่ม ได้เป็นการแข่งไอศกรีมที่ชายหาด มีร้านเข้ารอบสี่คน โยอิจิทำไอศกรีมกะทิกลางเชอร์เบ็ทผลไม้ ส่วนคาซึมะทำฐานไอศกรีมแต่งเมอแรงก์บรั่นดีจุดไฟ จบแล้วโยอิจิกับชิโมนากะก็แข่งทำอาหารปลาเพื่อสิทธิในการครอบครองมีดทำครัวชั้นเทพที่ทำโดย ทาเคโอะ เก็นไซ ซึ่งชิโมนากะทำปลาแซลมอนเคี่ยวในถุงกระดาษ โยอิจิทำปลาทรายแดงยัดเส้นโซบะฝังดินสุมไฟย่าง งานต่อไปช่วยร้านข้าวกล่องที่อาโอโมริประชัญกับร้านในสถานีใกล้เคียงเพื่อแย่งเป็นที่จอดรถไฟชินคันเซ็น อีกฝ่ายทำข้าวสี่สี ชาบุชาบุ เยลลี่บ๊วยดอง ส่วนโยอิจิทำแซนวิชทรงทอฟฟี่ ของดีในกล่องขนมปังทอด มูสแอปเปิลและน้ำแอปเปิล (งานนี้สงสัยมากว่าน่าจะมีของรั่วหรือไส้ซึมเละบ้างนะ)


คุชิม่า ทาเทโอะ พ่อครัวรับจ้างมือหนึ่งของญี่ปุ่นอยากได้โยอิจิเป็นศิษย์ นักชิมเศรษฐีเลยจัดประสองอาหารห้าจานทุกสามวัน รอบแรกออเดิร์ฟเป็นหอยเม่นประดิษฐ์จากอาหารทะเลกับมะเขือเทศแช่เย็นกับตับปลา รอบสองเป็นซุปก็องซอมเม่ เจอซุปวิชิสซัวส์กับเยลลี่ก็องซอมเม่ รอบสามสลัดผักหมักน้ำซอสปะทะสลัดผัดมันบดในเปลือกเอแคลร์ รอบสี่จานหลักเป็นเนื้อวัวย่างยัดใส้ครีมสู้กับเนื้อไก่แช่ไขมันเป็ด รอบสุดท้ายของหวานเป็นเยลลี่ผลไม้รวมภาชนะในนูก้า (น้ำตาลผสมอัลมอนด์) กับเค้กเกาลัดหุ้มแผ่นเนี้อวัวย่าง

เมื่อกลับมาบ้านก็ได้คำของจากคู่หมั้น คาโต้ โคสุเกะ และ ยูคามิ ที่กำลังจะแต่งงาน แต่ มุราตะ ชินคิชิ พ่อเจ้าสาวเจ้าของร้านอาหารญึ่ปุ่นอันดับหนึ่งไม่ชอบหน้าเจาบ่าวที่ทำร้านหมูทอด เลยจัดอาหารเลี้ยงแขกแยกฝ่ายกัน เมนูฝ่ายเจ้าสาวออกมาเป็นเต้าหู้โคยะแกะสลักรูปเทพเอบิสึแบกปลาไท หมูบดพริกเป็นสตอเบอร์รี่ ซุปลูกตาปลากะพงแดง หม้อไฟทำจากกระดาษ โซเม็งขาวแดงในหอยน้ำเข็ง ปลากะพงแดงย่างเกลือ ส่วนชุดเจ้าบ่าวเป็น ซูชิผัก ซุปบะหมี่เส้นปลา หม้อดินไม้ไผ่เขียว โซเม็งเชอร์เบ็ท กุ้งอิเซย์ย่างทั้งตัว เมื่อโรงเรียนที่เป็นลูกค้าประจำของฮิโนเดะจะเลือกใช้ร้านเปิดใหม่อย่างใกล้ โยอิจิจึงท้าแข่งอุด้ง โดยข้อเสียเปรียบคือระยะทางที่ไกลกว่าทำให้เส้นอืด ซึ่งแก้ได้โดยแยกน้ำจากเส้นแล้วเพิ่มลูกเล่นเข้าไป ก่อนจะไปทำกิจกรรมเข้าป่ากับร้านแถวบ้านและ อบต. ระหว่างเดินทางโคสุเกะทำวัตถุดิบสำหรับทำอาหารตกน้ำหายไปหมด โยอิจิเลยได้แสดงฝีมือทำข้าวผัดรวมมิตรด้วยของในป่า

ในการแข่งขันพ่อครัวกรังด์ปรีซ์ประจำปีครั้งที่ 29 ของสมาคมอาจิโอ ผู้เข้าแข่งคือโยอิจิ คาซุมะ นาคาเอะ และหลิวหู่เฟิง (การแข่งนี้ไม่มีห้ามคนชนะแข่งอีกหรือ?) รอบแรกเป็นแฮมเบอร์เกอร์ ผลงานเป็น แฮมเบอร์เกอร์ผสมเต้าหู้ แฮมเบอร์เกอร์ผสมตับหมู แฮมเบอร์เกอร์ทะเล และแฮมเบอร์เกอร์นึ่งใส่จิ๊กโฉ่ว, รอบสองเป็นอาหารปู ออกมาเป็นพายปูนิ่ม สปาเก็ตตี้ปู หม้อไฟปูเอจิเซ็น ปูเซี่ยงไฮ้แช่เหล้า, รอบสามทำซุปโมจิที่ได้ โมจิลูกโทจิในน้ำซุปมิโสะขาว โมจิทางาเนะในซุปปลาบู่ โมจิไชเท้าในซุปโต้วป้านเจี้ยง รอบสุดท้ายเป็นสเต็กเนื้อ ได้สเต็กเนื้อสะโพกสอดไส้หอยนางรม กับทีโบนสเต็ก [เล่ม 13-14]

เมื่อโยอิจิไปเที่ยวทะเล ก็ช่วยคู่แฟนแคมป์ปิ้งที่แทบจะเลิกเพราะเรื่องอาหารด้วยการทำหม้อไฟจากวัตถุดิบแถวนั้น แล้วก็มีงานโรงเรียนเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่ต้องประชันไก่ย่างกับลูกชายเจ้าของร้านชื่อดัง คราวนี้ได้เพื่อนในห้องที่บ้านทำร้านอาหารหรือเกี่ยวข้องกับอาหารมาช่วยคิด ได้อกไก่ห่อสาหร่ายสไตล์ข้าวปั้น อกไก่สอดไส้ไข่ปลาหมัก อกไก่สอดใส้บ๊วย ไข่อ่อนกับท่อนำไข่ กระดูกอ่อน ลูกชิ้นสึคุเนะ แล้วก็ช่วยยูคามิที่เพิ่งคลอดลูกขาดวิตามินเคจนให้นมไม่ดี (มี ดร. เค ด้วย 555) หมอแนะให้ทานถั่วหมักแต่ยูคามิทานไม่ได้ เลยต้องหาทางดัดแปลงทั้งเป็นอาหารญี่ปุ่น (เทมปุระ ข้าวผัด ซุปมิโสะ) และตะวันตก (สเต็ก ขนมปัง/เนย สลัด เค้กมองบลังก์)

ครบปีการออกร้านงานชมดอกไม้อีกแล้ว คราวนี้ต้องแข่งทำยากิโซบะกับร้านโอคาดะ โดยถูกห้ามใช้ภาชนะพลาสติก ผลออกมาเป็นเครปและแฮมเบอร์เกอร์ ต่อมาเถ้าแก่ร้านโอเด้งชื่อดังที่สุขภาพแย่ก็เรียกตัวอดีตลูกมือที่ไปเปิดร้านเองมาสืบทอดกิจการ (แถมลูกสาวที่ชอบกันอยู่แล้ว) แต่ลูกน้องคัดค้านหนัก จึงต้องแสดงฝีมือให้เห็น ทั้งน้ำซุป เครื่อง และมัสตาร์ด (หมึกสายนั่ยบนนวมแผ่นปลาบดนี่น่ารักดี ^^) แล้วก็มีเรื่องมกุฏราชกุมารวัยเยาว์จากต่างประเทศที่มาญี่ปุ่นเกิดทานอาหารที่เตรียมให้ไม่ได้ ต้องการทานแซนวิชแบบประเทศตนเอง ทำเอาโยอิจิต้องทำเตาอบและตกแต่ง (จขบ. ว่ารสนิยมแต่ละชาติไม่เหมือนกันนะ ที่ไม่ชอบขนมปังฟูนุ่มก็มี หลายชาติจะออกแข็งเหนียวเคี้ยวมันด้วยซ้ำ)


ร้านฮิโนเดะได้งานทำข้าวกล่องสำหรับกิจกรรมเดินป่าของเด็ก ทำให้ร้านเดิมที่เส้นใหญ่จัดไม่พอใจ บีบให้ซื้อวัตถุดิบไม่ได้ (พูดยังกับว่าขับรถไปซื้อไม่ได้งั้นแหละ) เลยต้องไปหาเอาแถวนั้น ทำออกมาเป็นข้าวปั้นหน่อไม่ ซอล์ฟครีม และแกงกะหรี่ เผชิญข้างปั้นแซลมอนรมควัน ไข่แดง ปลาไหล่ไข่ปลาแฮริ่งห่อใบไผ่ ตามด้วยรายการทีวีที่นักวิจารณ์อาหารท้าพ่อครัวซึ่งสับเป็นบะช่อมาตลอด โยอิจิและคาซึมะเลยรับคำท้าคู่ทำแฮมเบิร์ก แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้ไม่มีเนื้อหมู ต้องหาทางปรับเปลี่ยนด้วยวิธีต่างๆ งานต่อไปคือทำอาหารใส่ผักให้นักกีฬาโรงเรียนที่ไม่ยอมกินผักเลย แล้วก็ช่วยรุ่นน้องน่ารักที่แม่เสีย พ่อเสียใจมากและไม่ค่อยยอมกินอาหารฝีมือลูกสาวที่สู้ไม่ไม่ได้เลย โยอิจิเลยต้องหาทางค้นคว่าสูตรเดิมออกมา

แล้วก็ไปร้านโซเม็งของเพื่อนพ่อที่อาศัยลำธารน้ำเสริมเส้น แต่มีร้านมาตั้งใหม่เหนือน้ำ จนถูกบีบให้เปลี่ยนเป็นร้านซูชิจนจะเจ๊ง โยอิจิเลยหาทางเปลี่ยนสายพานซูชิให้เป็นที่ส่งโซเม็งแทน แล้วก็ไปช่วยเด็กที่เมื่อหายหลังป่วยหนักก็ไม่อยากทำอะไร นอนอยู่บ้านอย่างเดียว (ตรงนี้มีรังนกด้วย ต้องปีนกันเองเลยแฮะ) มีการแข่งเกินป่ามาราธอนที่รางวัลเป็นจักรยาน ทำให้โยอิจิและเพื่อนเข้าร่วมด้วย เทคนิคคือต้องค้างคืนทำอาหาร เลยต้องทำแบบขนของไปน้อยที่สุดและกินระหว่างเดินทางได้ แล้วก็ช่วยร้านแกงกะหรี่ที่ทำท่าจะเจ๊งให้ออกเมนูใหม่ ตอนต่อมาโรงเรียนพาไปออกค่ายฝึกความอดทนที่วัด เจออาหารเจจากเต้าหูจนนักเรียนเอือม (มองอีกข้างก็ดีนะ จะได้ไม่ติดกิเลสจากลิ้น ^_^)

แล้วแม่ลูกก็ไปนิทรรศการอาหารทั่วโลกและช่วยผู้จัดการแผนกเยอรมัน เซคิบะ ทาเคชิ ทำไส้กรอกสู้กับเจ้าตำรับ (เรื่องความชอบนี่เฉพาะตัวน่ะ ลองเจอไส้กรอกอังกฤษหรือ Black Pudding ก่อนเถอะ 555) และเมื่อมีเหตุอุทกภัยต้องอพยพไปศูนญืหลบภัยที่โรงเรียน ก็ได้โยอิจิทำอาหารจากของแห้งไม่น่ากินให้อร่อยได้, เมื่อมีร้านเนื้อย่างมาเปิดใหม่ ดูดลูกค้าไปหมด ร้านฮิโนเดะเลยต้องหาทางสู้ ก่อนทำข้าวหน้าหมูทอดมายาที่พ่อทำให้ลูกค้าเมื่อยี่สิบปีก่อน, แล้วก็ทำชีสจากค่ำท้าของครูโรงเรียนที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส (ตรงนี้รู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้วกับทัศนคติ) แล้วก็ไปช่วยแข่งทำข้าวกล่องเพื่อสิทธิส่งขึ้นห้าง ซึ่งคู่แข่งเป็นคู่กรณีเก่าเรียบ ออกมาเป็นข้าวปั้นแบบพอดีคำ เจอข้าวน้ำส้มกับแซลมอน ซาบะ ปลาไหลกระบอกไม้ไผ่ และ ข้าวปลสกะพงแดง ฉวลมอนย่างเกลือ หอยตลับ ที่เติมน้ำร้อนเป็นข้าวต้ม ช่วยร้านสะดวกซื้อทำไก่ทอดแย่งลูกค้ากับร้านใหม่ (มีคนไทยมาเสนอวิธีทำให้เนื้อไก่นุ่มด้วย แต่ จขบ. ว่าไก่บ้านย่างที่อร่อยจะไม่นุ่มนะ)

สุดท้ายสมาคมจะให้ตำแหน่งโยอิจิ เลยมีการทดสอบรสชาติสามรอบ [เล่ม 19] คู่แข่งคราวนี้คือตัวราชารสชาติเลย ด่านแรกทดสอบสีคือทำอาหารที่แสดงถึงสีสันของปลายฤดูใบไม้ร่วง ด่านสองสายตาในการหาวัตถุดิบทำซูชิ ด่านสามทดสอบรสชาติด้วยอาหารจากข้าว นับเป็นการจบภาค ... ต่อภาคสอง

ที่มา
[1] Daisuke Terasawa. Mister Ajikko พ่อครัวจอมมายา. วิบูลย์กิจคอมมิกส์, 19 เล่มจบ, 2549-2554 (ต้นฉบับ 2001-2002).




 

Create Date : 22 กันยายน 2557
0 comments
Last Update : 29 กันยายน 2557 19:24:23 น.
Counter : 5625 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jackfruit_k
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 211 คน [?]




Latest Updates
นิยาย ไทย, จีนแปล, แปล, อังกฤษ; การ์ตูน ญี่ปุ่น, อื่นๆ; หนังสือ ไทย, แปล, อังกฤษ
New Comments
Friends' blogs
[Add jackfruit_k's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.