ธันวาคม 2548

 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
11 ธันวาคม 2548
All Blog
“นิทานหิ่งห้อย”
เด็กน้อยได้ยินเรื่องราวเล่าขานมานาน หากใครได้จับหิ่งห้อยมาเก็บเอาไว้ใต้หมอน นอนคืนนั้นจะฝันดี ฝันเห็นดวงดาวมากมาย ฝันเห็นเจ้าชายเจ้าหญิงฝันแสนสวยงาม เด็กน้อยนั่งตักคุณยายไต่ถามความจริงยายยิ้มกินหมากหนึ่งคำไม่ตอบอะไรส่ายหัว ใจเด็กน้อยอยากเห็นจริง อยากเห็นดวงดาวมากมาย อยากเห็นเจ้าชายเจ้าหญิงอยากฝันสวยงาม หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู เด็กน้อยแอบออกมา ไล่คว้าแสงน้อยมาดู ใส่ไว้ในกล่องงามหรู ซ่อนไว้ใต้หมอนแล้วนอนคอยฝันดี

ตื่นเช้าพอได้ลืมตามองเห็นคุณยาย มาแกล้งถามว่าเจอะอะไรสนุกแค่ไหนที่ฝัน ใจเด็กน้อยจึงทบทวน ไม่ฝันเห็นอะไรมากมาย รีบค้นเร็วไวใต้หมอนเปิดฝานั้นดู หิ่งห้อยในกล่องตอนนี้เหมือนหนอนตัวหนึ่ง ไม่สวยดังซึ่งตอนอยู่ใต้ต้นลำพูส่องแสงยายจึงยิ้มแล้วสอนตาม จะมองเห็นความงามที่จริง อย่าค้นความจริง อย่าขังความจริงไม่เห็น อย่าขังความงาม

หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู เด็กน้อยแอบออกมา เปิดฝาแล้วแง้มมองดู หนอนน้อยในกล่องงามหรูก็เปล่งแสงสุกใสบินไปรวมกัน เด็กน้อยนอนหลับสบาย อมยิ้มละไม ใต้หมอนไม่มีกล่องอะไร ไม่มีสิ่งใดๆ ถูกขัง นอนคืนนั้นจึงฝันดี ฝันเห็นดวงดาวมากมาย ฝันเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง ฝันแสนสวยงาม ลัล ลัล ลัล ลา ลัล ลัล ลัล ลา……/

เพลงนี้ชื่อ “นิทานหิ่งห้อย” เป็นเพลงของเฉลียง อายุสิบปีกว่าๆ เป็นการเล่าเรื่องราวของเด็กน้อยกับหิ่งห้อยและคุณยาย ซึ่งถ้าใครเกิดทันยุคที่ยังมีหิ่งห้อยใต้ต้นลำพูก็คงจะรู้ว่ามันสวยงามแค่ไหนกับแสง ระยิบพริบๆ ในความมืด ของสัตว์ชนิดนี้… “หนอนมีแสง-แมลงมีไฟ” เป็นคำจำกัดความของเด็ก (บางคน) สมัยก่อน…

เพลงนี้เป็นเพลง “เล่าเรื่อง” ซึ่งถ้าฟังตั้งแต่ต้นจนถึงจบเพลงก็จะเป็นเรื่องราว 1 เรื่องพอดี… คนแต่งเพลงนี้ (เข้าใจว่าน่าจะเป็นคุณจิก ประภาส ชลศรานนท์) สมัยนั้นคงต้องอยากรู้อยากเห็นน่าดู เพราะเนื้อหาในเพลงนั้นบอกถึง วิวัฒนาการของหิ่งห้อย ก่อนจะกลายเป็นตัวแมลงด้วย นั่นหมายถึงคนจะแต่งเพลงที่มีเนื้อหาแบบนี้ ต้องรู้เรื่องของสิ่งนั้น อย่าง เช่น เพลง “รุ้งกินน้ำ” คนแต่งก็ต้องรู้ว่าทำไมรุ้งถึงมี 7 สี มันคือสีอะไรบ้าง และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วเล่าเรื่องเป็นเพลง… ยากที่สุดคงจะเป็น “เล่ายังไงให้คนฟังรู้เรื่อง และเพลินไปกับเพลงนั้น”

สมัยนี้หาเพลงแบบนี้ฟังไม่ง่ายแล้ว เพลงสมัยใหม่ มี “ประโยค” ในเพลงแทบจะนับได้ คนร้องก็ร้องซ้ำไปซ้ำมา “เธอคิดถึงฉันไหม ฉันคิดถึงเธอ เธอคิดถึงใคร” ประมาณ 5-6 รอบ… 4 นาทีกว่าต่อเพลง ฟังทีไรก็เจ็บกระดูกหูทุกที!

ฟัง “นิทานหิ่งห้อย” แล้วนึกถึงวีถีชีวิตคนไทยกับแม่น้ำในสมัยก่อน เพราะต้นลำพูขึ้นใกล้น้ำ เรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นลำพู หิ่งห้อย ในหนังสือ ก็มีเล่มหนึ่งที่ชอบคือ “คู่กรรม” ของทมยันตี เพราะเรื่องนี้มีทั้งต้นลำพูและหิ่งห้อย… สมัยนี้ยังพอมีให้เห็นตามชนบท ต่างจังหวัด เช่น ริมแม่น้ำนครไชยศรี ที่นครปฐม แต่โดยส่วนตัวแล้วจะชอบเพลงนี้มาก

“ต้นชบากับคนตาบอด”

คลี่ดอกงาม แตกกิ่งใบ จับดวงใจแม้ใครบังเอิญได้เดินมองมา อาจจะพบเห็น เห็นด้วยตา ค้นชบาขึ้นในโรงเรียนสอนคนตาบอด ไม่อาจชมดอกชบา ด้วยดวงตาสองตามีกรรมโลกจึงมืดมน ไม่อาจพบเห็นเหมือนบางคน ว่าดอกผลนั้นมีสีสันรูปทรงอย่างไร บอดก็เพียงสายตาเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม อาจจะรับรู้ไปตาม สูดกลิ่นงามฟังเสียงวิไลร่มไม้บังเงา ต่างก็เพียงผู้จะชม สิ่งจะชมสำคัญในมันนั่นคืออันใด เหตุกับผลนั้นหรือว่าใจ ต้นชบาก็มีความหมายไปตามคนมอง…

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ต่างก็เพียงผู้จะชม สิ่งจะชมสำคัญในมันนั่นคืออันใด เหตุกับผลนั้นหรือว่าใจ ต้นชบาก็มีความหมายไปตามคนมอง” เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ขึ้นอยู่ที่เราจะมอง ไม่ว่าจะคนหรือสิ่งของ… “มองโลกในแง่ดีไม่ได้ทำให้เสียเวลาขึ้นเลย” อย่างไม่ต้องอธิบายให้ยุ่งยาก เพลงนี้บอกกับเราว่า "ทุกอย่างอยู่ที่เราจะมอง" เป็นเพลงที่ฟังไม่เคยเบื่อและไม่เคยเชย ฟังยังไงความรู้สึกก็ยังดีเหมือนเดิม อย่างน้อยเราก็รู้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ

“เพราะเรามองต่างกัน” คำพูดนี้เป็นการมองโลกในแง่ดี เพราะมันจะทำให้เราไม่โทษใคร ไม่โทษอะไร และมากกว่านั้นคือทำให้เรายอมรับความเป็นจริงที่ว่า คนทุกคนย่อมมีความต่าง.. ต่างตั้งแต่การเกิด การเจริญเติบโต การศึกษา ความเชื่อ (ทั้งในสิ่งที่มองเห็นได้และมองไม่เห็น) ศาสนา เหล่านี้รวมกันเรียกว่าประสบการณ์ชีวิต... เมื่อทุกคนต่างกันในทุกประการเหล่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะมองเรื่องเดียวกันแล้ว "แปรผล" ออกมาต่างกัน.... “มองโลกในแง่ดีไม่ได้ทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นเลย”

เพลงก็เหมือนหนังสือ อ่านหนังสือก็เพลินอย่างหนึ่ง ฟังเพลงก็เพลินไปอีกอย่างหนึ่ง บางคนชอบอ่านหนังสือไป ฟังเพลงไป บางคนต้องอ่านหนังสือเงียบๆ บางคนขณะฟังเพลงจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ต้องเลือกอย่างใดอย่างเดียว…

แล้วคุณล่ะ? อ่านหนังสือไป ฟังเพลงไป… หรือ อย่างใด อย่างเดียว?.../



Create Date : 11 ธันวาคม 2548
Last Update : 27 สิงหาคม 2549 9:07:35 น.
Counter : 4659 Pageviews.

3 comments
  
หากอ่านหนังสือเพื่อจะสอบ มักจะอ่านเงียบๆค่ะ แค่หากเป็นหนังสืออ่านเอาเพลิน ก็อาจเปิดเพลงฟังไปพลางๆด้วย
แต่อาจจับสาระจากเพลงไม่ได้มากเท่าที่ควรค่ะ

โดย: รักบังใบ วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:4:10:32 น.
  
อ่านหนังสือบ่อยๆได้ความรู้มาก
โดย: จอมขวัญ IP: 118.174.5.70 วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:15:59:50 น.
  
มีเนื้อหาสาระมากเลยนะจะบอกให้
โดย: กานต์ IP: 203.107.142.207 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:03:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ