อัลเฟรด โนเบล ชายผู้เปลี่ยนเงินบาป เป็นรางวัลเกียรติยศ
ในโลกนี้ มีรางวัลอันทรงเกียรติที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยบุคคลและสถาบันต่างๆ มากมายหลายร้อยหลายพันรางวัล บางรางวัลก็มีเงินจำนวนมหาศาลมอบเป็นเกียรติ พร้อมกับตัวรางวัล จนทำให้ผู้ได้รับรางวัล สามารถเปลี่ยนสถานภาพจากหลังมือเป็นหน้ามือในชั่วข้ามคืนได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ ทว่าในบรรดารางวัลอันทรงเกียรติบรรดามีอยู่ในโลกทั้งหมดนั้น ไม่ปรากฏว่าจะมีรางวัลใดที่ทรงเกียรติยศสูงสุดและทรงอิทธิพลที่สุดต่อ มนุษยชาติเท่ากับ "รางวัลโนเบล" รางวัลซึ่งทุกปีจะมีผู้เฝ้ารอจับตาดูการประกาศผลในระดับโลก
รางวัลซึ่งผู้ได้รับจะกลายเป็นบุคคลสำคัญของโลกในชั่วพริบตา!
รางวัล ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สันติภาพ วิธีคิดของประเทศ และส่งผลสะเทือนต่อชะตากรรมของมนุษยชาติทั้งในปัจจุบันและ อนาคต
รางวัลซึ่งเมื่อผู้ได้รับรางวัลลาจากโลกนี้ไป ข่าวมรณกรรมของเขาจะกลายเป็นข่าวสำคัญในระดับสากลที่รับรู้กันไปทั่วโลก
ไม่น่าเชื่อว่า รางวัลที่ทรงเกียรติยศและทรงอิทธิพลสูงสุดถึงเพียงนี้ จะถูกก่อตั้งขึ้นโดยพ่อค้าขายอาวุธสงครามคนหนึ่งที่ชื่อ "อัลเฟรด เบอร์นาร์ด โนเบล"
อัล เฟรด โนเบล เกิดเมื่อ 23 ต.ค. 1833 ที่เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน บิดาเป็นนักธุรกิจที่มีฐานะล้มลุกคลุกคลานในบ้านเกิดของตัวเอง ต่อมาเดินทางไปแสวงหาโอกาสจนได้ทำธุรกิจที่ประเทศรัสเซีย
ที่รัสเซีย บิดาของโนเบลได้รับโอกาสให้สัมปทานธุรกิจเหมืองแร่และเป็นเจ้าของธุรกิจทำ โรงงานระเบิด และอาวุธสงครามที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ธุรกิจขายอาวุธสงครามและการทำระเบิดขายนี้เอง นำเอาความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่บิดาของโนเบล จนเขามีฐานะเป็นมหาเศรษฐีที่มีทั้งเงินทองและชื่อเสียง เมื่อเขาประสบความสำเร็จที่รัสเซียแล้ว จึงรับครอบครัวทั้งหมดมาอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วยกัน
ระเบิด ที่บิดาของโนเบลผลิตนั้น เป็นที่ต้องการของกองทัพประเทศต่างๆ เป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในในช่วงสงครามไครเมีย รัสเซีย คือ ลูกค้ารายใหญ่ของโรงงานของบิดาของเขา ระเบิดที่ผลิตจากโรงงานบิดาของโนเบลนี้ ผลิตจากไนโตรกลีเซอรีน ซึ่งระเบิดง่าย และโรงงานของบิดาของโนเบลเท่านั้น เป็นผู้ผูกขาดการผลิต ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อระเบิดไนโตรกลีเซอรีนระเบิดขึ้นที่ไหน ไม่ว่าจะในสงคราม หรือในการก่อการร้ายแห่งใด ในยุโรปหรือในโลกก็ตาม พ่อของโนเบลมักจะถูกตราหน้าว่าเป็นเจ้าของระเบิดด้วยเสมอไป
ชื่อเสียงของบิดาจึงมาพร้อมกับ "ความเกลียดชัง" หรือกล่าวได้ว่าเป็น "ทุกขลาภ" ที่ทำให้ครอบครัวรู้สึกเป็นกังวลอยู่ลึกๆ
ต่อมาหลังสงครามไครเมียสงบ รัสเซียแพ้สงคราม อาวุธขายไม่ออก พ่อของโนเบลกลายเป็นบุคคลล้มละลาย จนต้องอพยพครอบครัวกลับมายังสตอกโฮล์ม ที่สตอกโฮล์มครอบครัวของโนเบลสามารถตั้งตัวได้อีกครั้งหนึ่ง และที่นี่เองพ่อของโนเบลได้จากไปอย่างสงบ มรดกทั้งหมดของครอบครัวจึงตกอยู่กับโนเบล
โนเบลเติบโตมาในโรงงานกับพ่ออยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสานต่อกิจการของพ่อ ในยุคของโนเบล เขาพยายามแสวงหาวิธีการป้องกันไม่ให้ระเบิดไนโตรกลีเซอรีนระเบิดง่ายๆ อีกต่อไป ในที่สุดวันหนึ่งเขาก็ทำสำเร็จ และตั้งชื่อระเบิดที่เขาพัฒนาขึ้นมาใหม่ที่ระเบิดได้ยากขึ้น ทว่ากลับทรงอานุภาพร้ายแรงกว่าเดิมหลายเท่าว่า "ระเบิดไดนาไมต์"
การมาของระเบิดไดนาไมต์ นำเอาทั้งเงินทอง ชื่อเสียง และความเกลียดชังมาให้โนเบลพร้อมๆ กัน ในเบื้องต้นของการผลิตไดนาไมต์ หลายประเทศต่อต้านโนเบลถึงขั้นโรงแรมหลายแห่งไม่ยอมให้เขาเข้าพัก ประเทศอังกฤษไม่อนุญาตให้สินค้าจากโรงงานของโนเบลเข้าประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม โนเบลก็เป็นผู้มีหัวใจแห่งความเป็นนักสู้ชีวิตอยู่ในสายเลือด แม้จะได้รับการต่อต้าน หรือถูกเกลียดชัง แต่ด้วยนิสัยพ่อค้าเขาจึงไม่ยอมแพ้ เขาพยายามเดินหน้าเข้าหาชนชั้นนำของประเทศต่างๆ พร้อมกับเปิดเจรจาทางธุรกิจด้วยเงื่อนไขซึ่งยากจะปฏิเสธ ต่อมาประเทศที่เคยต่อต้านสินค้าของเขา ก็อนุญาตให้เขาเข้าไปตั้งโรงงานผลิตระเบิดขายอย่างเปิดเผย ประเทศเหล่านั้นก็ เช่น โปรตุเกส สเปน ฟินแลนด์ อิตาลี ออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา และญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศซึ่งเคยต่อต้านเขาอย่างหนักอย่างอังกฤษ
ผลของการเปิด โรงงานผลิตระเบิดและอาวุธสงครามชนิดอื่น ตลอดจนประดิษฐกรรมอีกหลายอย่าง (แต่ประดิษฐกรรมอื่นๆ ไม่เป็นที่จดจำ เพราะไม่ส่งผลสะเทือนรุนแรงทั้งในทางบวกและลบเท่ากับระเบิด) ทำให้โนเบลกลายเป็นทั้งมหาเศรษฐี นักธุรกิจ และพ่อค้าอาวุธสงครามที่ทั่วโลกรู้จักเขา แต่อย่างไรก็ตาม ใน บั้นปลายของชีวิต โนเบลเริ่มสุขภาพอ่อนแอ ป่วยด้วยโรคเรื้อรังหลายโรค และความป่วยไข้ที่สำคัญก็คือ อาการป่วยทางใจจากความรู้สึกผิด เนื่องจากระเบิดที่เขาผลิตขึ้น ได้คร่าชีวิตของผู้คนไปมากมายจากทั่วทุกมุมโลก
ผลของความเจ็บป่วยทางกายและทางใจ ทำให้โนเบลเกิดความ "ตื่นรู้" ขึ้นมาในจิตสำนึก เขารู้สึกว่าเขาควรจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นการชดใช้ให้กับสันติภาพของมนุษยชาติ ที่เขามีส่วนอย่างสำคัญในการลิดรอนเอาสิ่งนี้ไปจากมวลมนุษยชาติ หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก่อนจะเสียชีวิตไม่กี่ปี (เขาถึงแก่กรรมในปี 1896) เขาจึงตัดสินใจใช้เงินจำนวนมหาศาลจากการขายอาวุธร้ายแรงนั่นเอง มาตั้งเป็น "มูลนิธิโนเบล" โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบรางวัลโนเบลให้แก่นักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานสร้างสรรค์ และรางวัลด้านอื่นๆ อีก 5 สาขา คือ สาขาฟิสิกส์ เคมี แพทยศาสตร์ วรรณกรรม สันติภาพ และเศรษฐศาสตร์
หลังอัลเฟรด โนเบล จากไป รางวัลที่เขาก่อตั้งขึ้นกลายเป็นรางวัลทรงเกียรติเพียงหนึ่งเดียวของโลก ที่ทำให้ผู้ได้รับรางวัลกลายเป็นบุคคลของโลกขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์
รายชื่อของบุคคลที่เคยได้รับรางวัลโนเบลอย่าง แมรี คูรี อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ รพินทรนาถ ฐากูล เฮมิงเวย์ หรือแม้แต่องค์ดาไลลามะ อองซาน ซูจี อัลกอร์ อมาตยา เซน เนลสัน แมนเดลา และพอล ครุกแมน ล้วนเป็นรายนามที่ทำให้รางวัลที่คนบาปอย่าง อัลเฟรด โนเบล ก่อตั้งขึ้น กลายเป็นรางวัลที่ทรงทั้งศักดิ์ศรี เกียรติคุณ และความสำคัญต่อชะตากรรมของมนุษยชาติมาอย่างยาวนานชนิดข้ามกาลเวลา
ใน อดีต อัลเฟรด โนเบล คือ ชายที่เคยขายอาวุธสงครามให้กับคนบ้าสงครามทั่วโลก และเคยมีส่วนในการพรากเอาสันติภาพ สันติสุขไปจากมวลมนุษยชาติจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ในปัจจุบันที่ผ่านมากว่าร้อยปี และท่ามกลางวันเวลาที่กำลังเคลื่อนตัวไปในโลกอนาคตเกินคณานับ เชื่อมั่นเหลือเกินว่าในโลกนี้จะยังคงไม่มีรางวัลใดยิ่งใหญ่ไปกว่ารางวัล โนเบลอีกแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่า คนบาปจะกลับใจกลายเป็นนักบุญ และมีส่วนอย่างสำคัญในการสร้างสรรค์โลก ในหลากหลายสาขาอย่างไม่น่าเชื่อเช่นชายคนนี้
อัลเฟรด โนเบล คือ อดีตคนบาปที่รู้ว่า คนเรานั้น ไม่ว่าจะเคยมีอดีตที่มืดดำบอบช้ำเจ็บปวดเพียงไร แต่คนเราก็สามารถตั้งต้นชีวิตใหม่อย่างมีความหมายต่อมวลมนุษยชาติได้เสมอ ขอเพียงรู้จักที่จะลืมความหลังแล้วตั้งต้นใหม่ แต่คนบาปอีกมากมายในโลกนี้ จะมีสักกี่คนที่คิดอะไรในเชิงสร้างสรรค์ได้เช่นเดียวกับตัวเขา
ที่มา ไทยโพสต์
Create Date : 05 สิงหาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 16:48:27 น. |
Counter : 663 Pageviews. |
|
|
|