แผนที่เสมือนจริง
เมื่อพูดถึง “แผนที่” แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ย่อมต้องรู้จักแผนที่เป็นอย่างดี เพราะคนไทยเราน้อยคนนักที่จะใช้แผนที่ช่วยในการนำทาง ถ้าเทียบกับฝรั่ง จะมีก็แต่เฉพาะคนในอาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นทหารหรือนักสำรวจ เป็นต้น
จะ ว่าไปแล้วจากหลักฐานแผนที่โบราณที่พบในพระบรมมหาราชวังเมื่อประมาณ 10 ปีมานี้ ทำให้เราได้ทราบว่า ที่จริงแล้วคนไทยก็มีความสามารถในการทำแผนที่มาตั้งแต่ ครั้งโบราณ นานกว่าที่เราเคยคิดกันว่า คนไทยเพิ่งรู้จักแผนที่และสร้างแผนที่ใช้เองมา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เสียอีก หลังจากนั้นมาการสร้างแผนที่ ก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อยตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยน ไปจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน
แต่ แผนที่แบบ 2 มิติเช่นในอดีตนั้นดูเหมือนว่าจะธรรมดาไปสำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่ คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการสร้างแผนที่ เราจึงได้เห็นระบบนำร่องอัตโนมัติในรถยนต์ที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “จีพีเอส” ที่สามารถระบุตำแหน่งของเราบนแผนที่ได้อย่างชัดเจน และสามารถนำพาเราไปถึงจุดหมายโดยไม่หลงทางไปเสียก่อน
และที่จะพูดถึงในวันนี้เป็นเทคโนโลยีในการสร้างแผนที่แบบ 3 มิติ ซึ่งความจริงแล้วการสร้างแผนที่แบบ 3 มิติ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งมีการเริ่มทำกันแต่อย่างใด อย่างที่เราเห็นในเกมหรือภาพยนตร์ 3 มิตินั่นก็ใช่ เพียงแต่ว่าเทคโนโลยีในการสร้างแผนที่ 3 มิติหรือแผ่นที่เสมือนจริงนั้นกำลังจะเปลี่ยนไป
โดยผลงานของทีมวิศวกรของ University of California วิทยาเขต Berkeley ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่คิดค้น และพัฒนาวิธีการสร้างแผนที่ 3 มิติ ด้วยประสิทธิภาพและความเร็วที่มากกว่าการสร้างแผนที่ 3 มิติแบบเดิม อย่างเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว
ในการสร้างแผนที่ 3 มิติแบบเดิมนั้น เราต้องอาศัยภาพถ่าย 2 มิติของสถานที่จริงควบคู่ไปกับการ วัดระยะทาง ความห่างของวัตถุต่าง ๆ ในสถานที่จริง เพื่อนำมาคำนวณและสร้างเป็นโมเดล 3 มิติในคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ต้องอาศัยระยะเวลาหลายเดือนทีเดียว กว่าที่จะได้แผนที่เสมือนจริงของ เมืองขนาดกลางสักเมืองหนึ่ง
แต่ วิธีการที่วิศวกรกลุ่มนี้เค้าใช้กันนั้น เป็นการใช้ประโยชน์จากภาพถ่าย 2 มิติเหมือนแบบเดิม ควบคู่ไปกับการใช้เลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง มาช่วยในการวัดระยะทางในสถานที่จริง ซึ่งจะว่าไปแล้วคอนเซปต์ก็ไม่ต่างจากการสร้างแผนที่ 3 มิติแบบเดิมเท่าใดนัก
เพียงแต่ว่าด้วยการทำงานร่วมกันของทั้งสองสิ่งข้างต้นนั้น เป็นไปอย่างอัตโนมัติ วิศวกรเพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์ทั้งสองบนยานพาหนะอย่างเช่น รถยนต์หรือเครื่องบินขนาดเล็ก หลังจากนั้นก็ใช้ยานพาหนะนั้นตระเวนเก็บรายละเอียดไปรอบ ๆ เมือง
ภาพถ่าย 2 มิติของสถานที่ต่าง ๆ จะถูกส่งตรงเข้าคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ข้อมูลระยะทางระยะห่างของวัตถุต่าง ๆ ในภาพถ่าย 2 มิติจะถูกนำมาคำนวณเปรียบเทียบกันกับความเร็ว และระยะทางในการเคลื่อนที่ของ ยานพาหนะ จากนั้นจะถูกส่งเข้าคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปประมวลผลเพื่อสร้างโมเดลของแผนที่ 3 มิติ ต่อไป
ด้วยวิธีการนี้ทำให้วิศวกรกลุ่มดังกล่าว สามารถสร้างแผนที่ 3 มิติของย่านดาวน์ทาวน์เมือง Berkeley ได้ในเวลาเพียง 4 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง โดยที่ 4 ชั่วโมงหมดไปกับการขับรถตระเวนเก็บรายละเอียดรอบเมือง และอีกครึ่งชั่วโมงสำหรับการประมวลผลเพื่อสร้างโมเดล 3 มิติ
ใน ด้านการนำไปใช้งานนั้น นอกจากจะนำไปใช้ในการสร้างแผนที่สำหรับการทหารแล้ว ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อีกด้วย โดยธุรกิจที่น่าจะนำไปใช้งานได้แก่ บริษัทรถเช่าหรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ที่ผู้ให้บริการสามารถส่งแผนที่ 3 มิติมาให้ลูกค้า เพื่อนำทางในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ซึ่งคงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจที่ต้องไปทำงาน ต่างเมืองอยู่บ่อย ๆ
ล่าสุดวิศวกรกำลังพัฒนาต้นแบบสำหรับระบบ 4 มิติที่สามารถบันทึกรูปทรงของวัตถุต่าง ๆ ในเวลาที่เปลี่ยนไป เหมือนกับการถ่ายภาพวิดีโอ เพียงแต่ว่าเป็นวิดีโอในระบบ 3 มิติ ที่น่าจะนำมาใช้งานได้กับวิทยาศาสตร์การกีฬา อย่างเช่น การบันทึกการแข่งขันชกมวย ที่สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของนักมวยในลักษณะ 3 มิตินั่นเอง
โดย สุวัฒน์ เจริญผล ข้อมูลจาก เดลินิวส์ ที่มา : //www.artsmen.net
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 17:20:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1341 Pageviews. |
|
|
|
|
|