พวงมาลัยเอียงหรือเบี้ยว
ผมหัดขับรถยนต์ใหม่ๆ ในช่วงอายุยังไม่เต็ม 13 ปีด้วยซ้ำ รถยนต์คันแรกที่ผมหัดขับด้วยตนเอง เป็นรถยนต์ประเภทรถจี๊ปยี่ห้อ DKW ผลิตจากประเทศเยอรมนี ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2 จังหวะ ขับเคลื่อนปกติด้วยล้อคู่หน้า หลังจากที่ผมหัดด้วยการนั่งตักคนขับ เพื่อจับพวงมาลัยด้วยตนเอง บนรถบรรทุกยี่ห้อ เชฟโรเลต หรือที่เรียกกันว่า รถจี๊ปใหญ่ และรถหน้าตาคล้ายกันยี่ห้อเดียวกัน ที่มีขนาดตัวรถย่อมลงมาเล็กน้อย ซึ่งคนในสมัยผมเรียกกันว่า รถจี๊ปขายยา
การหัดขับรถครั้งแรกด้วยการนั่งตักคนขับตัวจริง เพื่อทำการจับพวงมาลัยนั้น ผมถูกสั่งสอนมาว่าการจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรทำอย่างไร เพราะพวงมาลัยของรถยนต์ยุคนั้น ไม่มีระบบผ่อนแรงมาช่วย หากจับไม่มั่นคงเพียงพอ ก็จะไม่สามารถใช้แรงจากข้อมือหมุนพวงมาลัยบังคับทิศทางได้ และหากจับพวงมาลัยแน่นเกินไป หากล้อรถตกลงไปในหลุมที่มีอยู่มากมายบนทางสมัยนั้น พวงมาลัยก็จะสะบัดตีเอาจนกระดูกข้อมือซ้นหรือหักได้ง่ายๆ
ต่อมาเมื่อผมย่างเข้าสู่วัยหนุ่มฉกรรจ์เต็มตัว และได้ใช้ชีวิตอยู่หลังพวงมาลัยบนรถบรรทุกสิบล้อ ผมจึงมีโอกาสเรียนรู้ถึงวิธีการวางตำแหน่ง ของสิ่งของที่ต้องบรรทุกในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อที่จะทำให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาหรือหนักได้ตามต้องการ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พวงมาลัยรถยนต์กับผมก็มีความเข้าใจในกันและกัน เพียงเท่าที่เล่ามาให้ฟังเท่านั้น
จนกระทั่งเมื่อผมเข้ามาประกอบอาชีพใหม่ ด้วยการเขียนบทความลงในนิตยสาร และหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับรถยนต์ ผมจึงเริ่มเรียนรู้ว่ารายละเอียดของพวงมาลัย มีความสำคัญต่อคนขับรถมากกว่าที่เคยรู้มา เช่น พวงมาลัยที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อย ผู้ขับย่อมต้องออกแรงในการสาวพวงมาลัยมากกว่าพวงมาลัย ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า
ซึ่งหมายความว่า รถยนต์ที่ต้องใช้งานในทางทุรกันดาร หรือรถยนต์ที่ใช้งานบรรทุกสิ่งของจำนวนมาก มีความจำเป็นที่จะต้องใช้พวงมาลัยที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง มากกว่ารถยนต์ที่ใช้ขับในทางที่คดโค้งไปมามากๆ เพราะเส้นผ่าศูนย์กลางหรือเส้นรอบวงที่น้อยกว่า แม้จะทำให้คนขับรถต้องออกแรงมากกว่า แต่ก็ใช้ระยะทางเดินของมือในการบังคับพวงมาลัยน้อยกว่า
จนเมื่อรถบรรทุกสิบล้อรุ่นใหม่ของประเทศไทยยุคนั้น มีการติดตั้งพวงมาลัยที่มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงออกมา ทำให้มีการถกเถียงกันมาก ว่าเป็นผลดีหรือผลเสียต่อการบังคับรถกันแน่ เพราะคนขับรถบรรทุกสิบล้อยุคแรก ไม่คุ้นกับพวงมาลัยที่น้ำหนักเบามากๆ เมื่อเทียบกับรถบรรทุกยุคก่อนหน้านั้น
ต่างจากโลกรถยนต์ในปัจจุบันนี้ ที่มีระบบช่วยการทำงานของพวงมาลัยหลากหลายวิธีการมาคอยช่วยเหลือ เช่น จากระบบลูกปืนหมุนวน ก็เปลี่ยนมาเป็นระบบฟันเฟืองหมุนบนเฟืองตัวหนอน และหลังจากที่มีไฮดรอลิกมาช่วยผ่อนแรง ก็เปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้าผสมไฮดรอลิก และพัฒนามาเป็นไฟฟ้าช่วยผ่อนแรงเต็มรูปแบบเช่นในทุกวันนี้
แต่ปัญหาของคนขับรถทุกวันนี้ที่มีต่อพวงมาลัย ไม่ใช่อยู่เพียงแค่ว่าวงพวงมาลัยมีขนาดใหญ่หรือเล็กขนาดไหน ไม่ใช่อยู่ที่ว่าระบบช่วยผ่อนแรงทำงานด้วยอะไร หรือไม่ใช่อยู่ที่ว่าวงพวงมาลัยมีขนาดความอวบมากน้อยเพียงใด เพียงพอจะทำให้สามารถจับหรือกุมได้กระชับเต็มมือหรือไม่เท่านั้น
ยังมีคนขับรถจำนวนไม่น้อยที่มีความกังวลเกิดขึ้นว่า ทำไมรถคันที่เขาเหล่านั้นขับอยู่ ถึงได้มีพวงมาลัยที่ไม่อยู่ในตำแหน่งเที่ยงตรง หมายความว่า หากเปรียบวงพวงมาลัยเป็นหน้าปัดนาฬิกา ทำไมสัญลักษณ์ยี่ห้อรถหรือสัญลักษณ์อื่นใด จึงเบี่ยงเบนไม่ชี้ไปที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ทำให้มีคำถามตามมาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและมีวิธีการแก้ไขอย่างไร
จากคำถามดังกล่าวสามารถตอบให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า เหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นเพราะผู้ขับรถเป็นคนที่ชอบขับรถแบบรุนแรงและเร็ว เห็นหลุมบ่อหรืออุปสรรคบนพื้นถนนก็ไม่ยอมผ่อนความเร็วลง จนทำให้เกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรง เมื่อตกหลุมบ่อหรือเมื่อล้อหน้าเผชิญกับอุปสรรค จนทำให้แกนพวงมาลัยคด หรือมีมิติที่ไม่ได้สัดส่วนกัน ระหว่างคันชักคันส่งด้านซ้ายและด้านขวา
หรืออาจจะเกิดขึ้นจากการที่เจ้าของรถนำรถไปตั้งศูนย์ล้อ และไปเจอช่างประเภทที่ทำการตั้งศูนย์ล้อให้เที่ยงตรง โดยไม่สนใจว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งผลทางด้านเทคนิคยานยนต์เป็นที่ยอมรับกันว่า ไม่มีผลเสียต่อการใช้งานแต่อย่างใด นอกจากก่อให้เกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจขึ้นมา เมื่อมองเห็นความเบี่ยงเบนของวงพวงมาลัยเท่านั้น
วิธีการแก้ไขที่ถูกต้องมากที่สุด คือนอกจากจะปรับตั้งศูนย์ล้อให้เที่ยงตรง ซึ่งมักจะกระทำการปรับกันที่ระบบบังคับเลี้ยวด้านล่างเท่านั้น ก็ให้หันมาทำการปรับตั้งศูนย์ล้อ ด้วยการปรับทั้งที่คันชักคันส่งด้านล่าง และปรับที่วงพวงมาลัยไปพร้อมๆ กัน อันนอกจากจะทำให้ได้ศูนย์ล้อที่เที่ยงตรงแม่นยำแล้ว ยังได้วงพวงมาลัยที่ชี้ตรงไปที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาอีกด้วยครับ
เรื่องโดย พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ที่มา: //www.bangkokbiznews.com ภาพจาก: //www.fotosearch.com.au
สารบัญรู้เรื่องรถ
Create Date : 19 มกราคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2555 14:22:29 น. |
Counter : 3681 Pageviews. |
|
|
|