บ้านคอนกรีตเสริมรัก
“ตรงไหนน่าจะเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานสูงก็จะออกแบบให้มีขนาดใหญ่ เรียกว่าขนาดก็จะแปรผันไปตามความหนาแน่นของการใช้งาน” ปฏิเสธไม่ได้ว่านับวันภายในตัวเมืองเชียงใหม่ จะมีบรรยากาศเข้าสู่ความเป็น “เมือง” เข้าไปทุกที ทั้งสภาพการจราจรที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน ร้านกาแฟที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด รวมถึงความแออัดของบ้านเรือน ด้วยเหตุนี้ คุณกิฟท์ - สิริวัฒน์ วิศวกรพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และคุณแพร - นรรธพร เสริบุตร ผู้จัดการมูลนิธิโรงเรียนสตาร์ฟิชคันทรีโฮม และผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปลาดาว จึงเลือกที่จะสร้างบ้านของพวกเขา ในทำเลที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางของเมือง หากยังสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก โดยพื้นที่ที่พวกเขาเลือกคือหมู่บ้านสวนนนทรีย์ ซึ่งอยู่เลยจากสี่แยกที่มุ่ง หน้าไปมหาวิทยาลัยแม่โจ้ไม่ไกลนักในเขตอำเภอสันทราย ท่ามกลางบรรยากาศที่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นอยู่อุดมสมบูรณ์
ก่อนจะย้ายมาลงหลักปักฐานที่เชียงใหม่ คุณกิฟท์และคุณแพรเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ และได้พบรักกันที่นั่น จนเมื่อความรักสุกงอมทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน ณ ดินแดนแห่งนี้เป็นเวลา 2 ปี “ที่จริงผมไม่ใช่คนเชียงใหม่หรอกครับ แต่ผมยอมย้ายจากกรุงเทพฯมาอยู่และทำงานที่นี่ก็เพื่อครอบครัว เพราะบ้านคุณแพรอยู่ที่เชียงใหม่” คุณกิฟท์เริ่มต้นบทสนทนาก่อนจะหันไปยิ้มให้ภรรยาคนสวยที่นั่งข้างๆ
สองสามีภรรยามอบหมายให้บริษัทแผลงฤทธิ์ จำกัดมาเป็นทั้งผู้ออกแบบและก่อสร้าง โดยแนวคิดทางสถาปัตยกรรมของบ้านได้แรงบันดาลใจจาก “ต้นไม้” เพราะพื้นที่ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มขึ้นเต็มไปหมด สถาปนิกจึงเลือกเก็บต้นไม้ไว้ให้มากที่สุด บางต้นที่มีขนาดใหญ่และอยู่ในตำแหน่งกลางที่ดิน ก็เว้นระยะตัวบ้านไว้เพื่อทำช่องให้ต้นไม้ได้เติบโตต่อไป
โครงสร้างของบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังก่ออิฐฉาบปูนทาสีขาวเป็นหลัก สลับกับผนังบางส่วน ที่ทำผิวขัดมันเป็นลวดลายเลียนแบบลำต้นและกิ่งไม้ที่อยู่รอบบ้าน สร้างลูกเล่นให้ตัวบ้านแบบไม่มากไปไม่น้อยไป มองจากภายนอกบ้านมีลักษณะเหมือนกล่องสีขาววางเหลื่อมกัน เป็นรูปตัวแอล (L) กล่องที่อยู่ด้านบนตั้งใจออกแบบให้ดูเบาลอย โดยยื่นโครงสร้างออกมาจากแนวเสาและคาน ส่วนชั้นล่างใช้กระจกเป็นส่วนประกอบหลัก จึงให้ความรู้สึกเหมือนกล่องสีขาวเรียบนี้ ลอยอยู่ท่ามกลางฉากหลังสีเขียวสด เมื่อแสงแดดส่องกระทบก็ช่วยสร้างมิติให้ตัวบ้าน เปลือกอาคารด้านทิศใต้ สถาปนิกออกแบบทำครีบคอนกรีต ทาสีเดียวกับตัวอาคารช่วยบังแสงแดดได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็ไม่บดบังทัศนียภาพที่ดีด้วย
หันมาดูเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านบ้างคุณกิฟท์เล่าว่า “ตอนนั่งดูแบบกัน เราให้ความสำคัญกับการใช้งาน ขนาด และประโยชน์ใช้สอย ดูว่าพื้นที่ตรงไหนน่าจะเป็นพื้นที่สีแดง (มีการใช้งานสูง) ก็ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ พื้นที่ไหนสีส้ม (มีการใช้งานปานกลาง) หรือสีเหลือง (มีการใช้งานน้อย) ขนาดก็จะแปรผันไปตามความหนาแน่นของการใช้งาน เช่น ห้องรับประทานอาหารจะมีการใช้งานมาก เราจึงให้พื้นที่ส่วนนี้มีขนาดใหญ่หน่อย แถมพื้นที่ส่วนระเบียงไม้ให้ด้วย เวลามีญาติหรือเพื่อนๆมาที่บ้าน ห้องนี้จะได้ไม่อึดอัดนัก”
สำหรับการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ชั้นล่างประกอบด้วยที่จอดรถ โถงทางเข้าห้องรับประทานอาหาร ระเบียงไม้ ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องนอนแขก และห้องน้ำ ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนทั้งหมด มีทั้งของพ่อแม่ เจ้าตัวเล็ก และสำรองไว้อีกสองห้อง คุณแพรบอกกับผมว่า “บ้านต้องโตไปกับเรา เลยเลือกที่จะทำห้องเผื่อลูกโต และใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้ปรับเปลี่ยนไปตามชีวิตของคนอยู่อาศัย”
เสียงลูกชายวัย 3 ขวบดังขึ้นเรียกหาผู้เป็นพ่อ เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าตัวเล็กตื่นแล้ว ไม่นานนักผมก็เห็นภาพพ่อเดินจูงมือลูกชายลงบันได ที่ยื่นออกมาจากผนังตามสไตล์บ้านโมเดิร์น น้องเจเด้น –ใจเด่น เสริบุตร ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมและทีมงาน คุณแพรส่งยิ้มละมุนให้ลูกชายตัวน้อยก่อนจะหันมาพูดกับผมว่า “เราเลี้ยงลูกแบบอิสระคล้ายๆ ฝรั่งผสมแบบไทย ตอนนี้แยกห้องนอน แต่มีประตูเปิดเชื่อมกับห้องเราได้ตลอดเวลา ภายในห้องนอนของเขาไม่อยากให้ดูเป็นห้องของเด็กมากนัก ไม่ต้องใช้สีลูกกวาดทั้งห้อง เพราะเมื่อเขาโตก็คงอยากจะตกแต่งห้องในแบบของเขาเอง” ภาพของพ่อและแม่ ที่มองลูกน้อยวัยกำลังซนวิ่งไปทั่วห้องรับประทานอาหาร และบ่อน้ำคอนกรีตทำผิวขัดมัน ที่อยู่ติดกับระเบียงไม้ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักนั้น ทำให้ผมนึกไปถึงคำพูดของหลายคนที่มักบอกว่าการมีลูกเล็กๆ เปรียบเสมือน “ห่วง” ที่ทำให้ชีวิตวัยหนุ่มสาวหายไป แต่จากภาพที่เห็นผมว่าคงไม่จริงเสมอไป การมีสมาชิกเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นการช่วยเติมเต็มความรักของคนสองคน ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นต่างหาก จริงอยู่ว่าบ้านที่แข็งแรงต้องเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่หากมองด้วยหัวใจ ไม่ว่าบ้านจะมีหน้าตาอย่างไร สร้างด้วยช่างที่ชำนาญหรือออกแบบดีแค่ไหน ก็สู้บ้านที่มีโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมรักไม่ได้เลยสักนิดเดียว
ผนังด้านทิศตะวันตกของชั้นสอง ออกแบบเป็นผนังทึบเพื่อกันความร้อนที่จะเข้ามา พร้อมทำลวดลายบนผนังสร้างลูกเล่นให้ทางเข้าบ้านได้เป็นอย่างดี
พื้นที่รอบข้างยังไม่มีโครงการสร้างบ้านเพิ่มเติม จึงยังมีต้นไม้ขึ้นล้อมตัวบ้าน ให้ความรู้สึกสดชื่นและน่าอยู่
สนามหญ้าภายในบ้านออกแบบให้ดูแลง่าย ไม้ยืนต้นเป็นของเดิมที่ช่วยสร้างร่มเงาให้ตัวบ้านได้เป็นอย่างดี
ตัวบ้านยกสูงจากพื้นประมาณ 80 เซนติเมตร ช่วยในการระบายอากาศและทำให้ตัวบ้านดูเบาและลอย บริเวณชานพักที่จะเข้าสู่ภายในบ้าน ออกแบบให้ไม่มีราวกันตกจึงดูโล่งและไม่เกะกะสายตา
ห้องรับประทานอาหารตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ผสมผสาน แต่ใช้สีขาวเป็นหลัก “ไม่อยากให้เรียบมาก จึงเลือกชุดโต๊ะเก้าอี้ที่มีรายละเอียดหน่อย”
ผนังคอนกรีตทำผิวขัดมันลวดลายเดียวกับผนังด้านหน้าบ้าน เพียงแต่ย่อขนาดให้พอดีกับพื้นที่ตรงนี้ สร้างความต่อเนื่องให้รู้สึกว่าเป็นบ้านหลังเดียวกัน
ออกแบบให้ชานพักของบันไดซึ่งเป็นปูนดิบยื่นออกมาเป็นชายคา สามารถบังแสงแดดได้บางส่วน
เพื่อไม่ให้ผนังภายในบ้านดูขาวโพลนไปหมด ผนังในห้องน้ำจึงใช้สีเขียว ซึ่งตัดกับสีดำของท็อปหินแกรนิตดูลงตัวดี
“ห้องนี้เป็นของเรา...” น้องเจเด้นสนุกสนานได้เต็มที่ เพราะมีโลกส่วนตัวเล็กๆ เป็นของตัวเองแล้ว
ข้อควรระวังในการมีต้นไม้กลางบ้าน คือเราต้องคอยสังเกตกิ่งก้านและลำต้น เมื่อใดที่ต้นไม้เริ่มเอียง หรือแตกกิ่งมาเบียดบ้าน ก็ควรทำค้ำยันและตัดแต่งกิ่งเสียแต่เนิ่นๆ
วิธีทำให้ขอบปูนขั้นบันไดเรียบและแข็งแรงคือนำเหล็กฉากรูปตัวแอล (L) มาประกอบกันที่ขอบขั้นบันไดทั้งสี่มุม โดยวางตั้งแต่ตอนเทปูนขั้นบันไดนี้ แล้วค่อยกรุไม้ได้ตามต้องการ
ลวดลายบนผนังทำได้ด้วยการวาดลายลงไปบนผนังนี้ก่อน แล้วใช้วิธี “จับเฟี้ยม” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ช่างจะปรับระนาบก่อนฉาบตามเส้นสายที่ร่างไว้ จากนั้นก็ฉาบตามปกติให้มีความหนาของพื้นผิวต่างกันเล็กน้อย (1 เซนติเมตร)
ทางลาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในบ้านที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสะดวกต่อคนชราที่ต้องนั่งรถเข็น คนพิการ รวมถึงตอนที่ต้องการขนย้ายสิ่งของด้วยรถเข็นด้วย โดยทำความลาดชันไม่เกิน 1:12
เรื่อง : “เอกราช ลักษณสัมฤทธิ์” ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข เจ้าของ : คุณสิริวัฒน์ - คุณนรรธพร เสริบุตร ออกแบบสถาปัตยกรรม : โดยคุณมานพ นิลสนธิ
ที่มา : //www.baanlaesuan.com
สารบัญตกแต่งบ้าน และ จัดสวน
Create Date : 13 พฤษภาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2553 13:44:03 น. |
Counter : 10856 Pageviews. |
|
|
|
เคยอ่านใน หนังสือ บ้านและสวนแล้ว
แต่ก็ยังชอบ
ติดอยู่อย่างเดียวไม่รู้ว่า ตัวบ้านจะร้อนหรือไม่
เพราะว่ากระจกเยอะขนาดนั้น