เวลาเปลี่ยน...ใจคนเปลี่ยน ..
เวลาเปลี่ยน...ใจคนเปลี่ยน ..ช่างกระไร ใจหนอใจคน น้องๆเก้งกวางบ่างชะนีที่ทำงานถามว่า หมู่นี้พี่โอเป็นไร ไม่เฮฮาหัวเราะร่า เสียงเหมือนไข่ดาวแตกในกะทะเดือดน้ำมันเหมือนเช่นเคย ไม่อยากจะเชื่อว่าเราหม่นหมองจนคนรอบข้างแอบสังเกตเห็น... เนื้อเพลงพี่โต๊ะ พี่ป้อม...ลอยมาในห้วงคิด ถ้าร้องแบบพี่ป้อมคงต้องเขียนใหม่ "...เว้...ลาเปลี๊ยน....จายโคนนนน เปลี่ยน...ช่างกระไร ใจน้อ...ใจโคนนนนน...". ใกล้เวลาที่เบนนี่จะมาเมืองไทยแล้ว เหลืออีกสองอาทิตย์... ดีใจมั้ย...ตอบว่าดีใจ...อยู่ลึกๆ ...ลึกมาก นับวันรอมั้ย...ตอบว่า ไม่ เพราะถ้าเบนนี่มา ปัญหาใหม่ๆก็คงตามมา..เฮ้อ... ที่สำคัญคงต้องมาร้องไห้เสียใจตอนจากกันอีกครั้งที่สนามบิน T_T นี่ชั้นกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย...มองเห็นแต่ปัญหาและเรื่องเศร้าไปตั้งกะเมื่อไหร่เนี่ย ตอบ..ไม่รู้ แต่เป็นไปแล้ว (-_-') อาจเป็นตั้งแต่หลังน้องชายเสีย หรือไม่ก็เป็นตั้งแต่อ่าน "ร้านชำสำหรับคนอยากตาย"....ฮ่าๆๆ โทษไปเรื่อย ย้อนกลับไปดูวีดีโอคลิปที่เราเคยทำให้เบนนี่....ก็รู้สึกว่าทำไปได้ไงเนี่ย ตอนนั้นต้องใช้เวลาและพลังงานมากมายเลยนะ เพราะทำถึงสองวันสองคืน....เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ศูนย์ โดยพี่เอ๋ MermaidAI สอนให้-ขอบคุณมากค่ะ( คุณครูคนแรกของน้องหนู ที่สอนเรื่องการทำคลิปหลุด ! )
มานั่งคิดต่อว่าทำอีกอันได้มั้ยตอนนี้...ตอบว่าคงไม่ได้ ..เพราะไม่มีแรงบันดาลใจให้อยากทำอีกแล้ว...(อารมณ์ติ๊สเว่อร์ไปและ แต่เรื่องจริง! ถึงว่าบางคนบอกการทำงานศิลป์ต้องมีแรงบันดาลใจ) เลยมานั่งนึกๆดู ว่าเราจะมีเนื้อคู่อย่างคนอื่นเค้ามั้ยเนี่ย เพราะว่าพอผ่านคนนั้นคนนี้ไป ห่างๆกันไป เวลามันก็ทำให้ความคลั่งไคล้หลงใหลจางหายไปได้ทุกที.... กับบางคนที่เคยอยากอยู่ด้วยกันจะเป็นจะตาย ถ้าไม่ได้กันในชาตินี้ พอตอนนี้กลับสบายใจที่เค้าพ้นอก(แฟ่บๆ)ของเราไปซะได้
ถ้าว่ากันตามสูตรของคุณมณฑาณี ตันติสุขที่ว่าเนื้อคู่ คือคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา... เข้ามาทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ เช่น การสอนให้เรารู้จักให้อภัย .... เข้ามาเพื่อสอนให้เราเติบโตขึ้นทางความคิด.... คำว่า "เนื้อคู่" จึงไม่ได้มีความหมายแคบเพียงคนรักฉันท์ชู้สาว ถ้าคิดตามนี้ เราว่าน้องชายก็เปรียบเสมือนเนื้อคู่เราในชาตินี้นี่เอง และเป็นเพื่อนเก่าที่สุดคนแรกในชีวิตเราด้วย...เพราะน้องชายเป็นคนที่เปลี่ยนชีวิตเราให้สนใจในธรรมะอย่างจริงจัง
มีคนเคยบอกว่า คนเราเนี่ย..ความจริงแล้วเติบโตและเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน แม้พุทธองค์ยังกล่าว ให้คอยมีสติกำกับและรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของตัวเราอยู่เสมอในทุกๆขณะจิต เพื่อจะได้เผชิญหน้ารับความเปลี่ยนแปลงนั้นๆได้ทัน แล้วเรื่อง "การปรับตัว ปรับใจ ยอมรับความเปลี่ยนแปลง" นี่มันก็สำคัญต่อการใช้ชีวิตมากๆเลยนะ ไม่มีวิชาเฉพาะใดๆ ในโรงเรียนที่สอนวิชานี้ด้วย นอกจากต้องเรียนรู้เอาเอง เราเริ่มสังเกตเห็นความสำคัญของวิชานี้ก็จากตอนทำงานว่า... ทักษะแรกที่จำเป็น ยามเริ่มงานใหม่ๆทุกที่ คือ การปรับตัวให้เข้ากับคนและองค์กร...
ทักษะแรกที่จำเป็นยามอกหักและตกงาน คือ การยอมรับความเปลี่ยนแปลง ... ทักษะแรกที่จำเป็น ยามสูญเสียคนที่เรารักไปตลอดชีวิต ก็คือ การยอมรับว่าทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง... แต่ทำไมไม่มีหลักสูตรใดในมหาวิทยาลัยสอนเรื่องนี้... แล้วก็มาคิดได้เองภายหลัง ...ว่ามหาวิทยาลัยชีวิตและพระพุทธองค์ไงละ ที่คอยสอนเรื่องนี้เป็นหลักเลย ก็ตัวเราที่เปลี่ยนไปยังไม่สามารถควบคุมได้ แล้วจะไปหวังใครมั่นคง..อยู่กับเราไม่เปลี่ยน...เอิ่ม...ที่กล่าวมานี่...ไม่ได้อกหัก หรืออะไรทั้งนั้นนะคะ ไม่ต้องกังวล อันที่จริง "เวลา" ไม่ได้เป็นตัวทำไห้เราเปลี่ยนนะ แต่ฉากต่างๆ "เหตุการณ์ต่างๆ" ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทุกๆ วันนี่ต่างหาก...ทำให้เราเปลี่ยน"ความคิด" ไปได้เสมอ หากเราไม่เสียน้องชายไป...พุทธศาสนาก็คงไม่เข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดเรามากอย่างทุกวันนี้ การที่เราได้ไปศึกษาปฎิบัติธรรมกับพ่อแม่และพี่เอ๋ ทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่น่าเลื่อมใสศรัทธา เพราะไม่สอนให้เราศรัทธาอย่างงมงายไม่ลืมหูลืมตาแต่แรก เช่นศาสนาอื่นๆ หากกลับสอนให้ "อย่าเชื่อ..แต่ลองปฎิบัติและเรียนรู้เอาเอง" เพื่อเข้าใจชีวิต เข้าใจจิตใจของเราเองซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่สุด . . .. ชีวิตนี่ก็แปลก มีปัญหามาให้เผชิญอยู่ตลอดแหละ พอเราเริ่มชินกับปัญหาปัจจุบันแล้ว คือ การปรับตัวอยู่กันแบบสามคนพ่อแม่ลูก ก็ไม่อยากไปเผชิญกับปัญหาใหม่ๆของการใช้ชีวิตคู่ คนโสด กับคนแต่งงานจะเผชิญปัญหาให้พาปวดหัวไปคนละรูปแบบ แต่เราว่าคนแต่งงานเผชิญปัญหาน่าปวดหัว (กบาล) และนอนเอามือก่ายหน้าผากบ่อยกว่าคนโสดแน่ๆ สังเกตจากคนมีครอบครัวรอบข้าง และนี่ก็คือ จุดนำพาความกลุ้มหนอมาสู่จิตใจให้เราเรื่องของ "ศาสนากับปัญหาชีวิตคู่" นี่แหละ ยิ่งเบนนี่ใกล้มาเมืองไทย ก็คล้ายๆ กับว่าเวลาสอบใกล้หมด ต้องรีบส่งกระดาษคำตอบแล้ว ผลสอบจะออกมาเป็นไงก็ยากที่จะเดา อย่างนึงที่เรารู้คือ ตอนนี้ชีวิตขาดอิสระ พ่อแม่เป็นห่วงเหมือนเด็กน้อย ไม่อยากให้ไปไหนไกลๆ ซึ่งเราเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ผู้สูญเสียนะ และเราได้พยายามปรับตัว ปรับความคิดจนเริ่มชินกับปัญหานี้ไปแล้ว แต่ถ้าต้องเลือกไปใช้ชีวิตอยู่กับเบนนี่ที่มีครอบครัวเป็นยิวเคร่งคงเหมือนบินออกจากปัญหาเดิมๆ ไปสู่ปัญหาใหม่ๆแน่ๆ ไม่อยากจะคิดเลย ว่าตอนนอนคงแทบไม่มีที่ว่างบนหน้าผาก เนื่องด้วยอวัยวะทั้งมือและเท้ามาก่ายอยู่บนนั้น เราต้องไม่ลืมว่า สงครามที่ยาวนานที่สุดในโลกนี้ คือสงครามร้อยปี ซึ่งมีพื้นฐานสาเหตุมาจากศาสนา (คริสต์กับอิสลาม) ความที่เบนนี่นับถือศาสนายิว เลยทำให้เราพลอยต้องศึกษาเรื่องของศาสนานี้ด้วย ยิวเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และไม่นับถือในรูปลักษณ์ เราก็ยอมรับว่าดี เพราะคล้ายกับเนื้อหาของพุทธแท้ ซึ่งเน้นที่จิตใจ ดูอย่างพิธีกรรมของยิวนั้น เล่นเอาเราแปลกใจ ด้วยความที่เรียบง่ายมาก ตอนเบนนี่ต้องทำพิธีระลึกถึงชาวยิวโดยการจุดเทียนแปดเล่มแปดวัน เค้าบอกว่าทำทีไหนในบ้านก็ได้ แล้วเราก็ได้เห็นบางวันเค้าจุดและสวดในห้องครัว บางวันในห้องนอน ไม่ต้องทำต่อหน้าพระรูปหรือของศักดิ์สิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น เป็นศาสนาที่ใจจริงๆ เราเห็นก็รู้สึกศรัทธา ระหว่างเรากับเบนนี่นั้น ไม่มีปัญหาใดๆ แต่การใช้ชีวิตคู่มันคือ การต้องปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นในครอบครัวเค้าด้วยนี่สิ....นี่แหละปัญหา น้องสาวเบนนี่แต่งงานกับยิวที่เคร่งครัด และกลายเป็นยิวที่เคร่งครัดมากที่สุด โดยเชื่อว่าแม้เราจะไปเป็นยิวโดยการคอนเวิร์ต (เปลี่ยนศาสนา)...ก็ไม่ใช่ยิวที่แท้ แล้วถ้ามีลูกออกมา ลูกนั้นก็จะถูกสังคมคนยิวมองว่านี่ไม่ใช่ยิวแท้.......โอ้ว..พระเจ้า...แล้วยิวแท้มันสำคัญนักหรือ ...จะหวานหอม เหมือนลองกองตันหยงแท้รึก็ไม่ ไม่เคยนึกเลยว่าคนเคร่งศาสนาจะใจคอคับแคบ...แล้วก็ใช่ว่าเราอยากจะไปเป็นยิวซะทีไหนเล่าแม่คู๊ณณณณณณ....ศาสนาพุทธของฉันยังไม่เคยสอนให้คนเราแยกหมู่แยกเหล่าสักนิด ทุกคนควรมีความเป็นปัจเฉกต่างหากล่ะ นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราปิ๊ดดดดดดในใจและจิตตกมาเป็นอาทิตย์ สรุป คือ ถ้าเป็นสมัยก่อนๆ ที่เราไม่ศรัทธาในพุทธศาสนามาก เราก็คงไม่เครียดนัก เวลาได้ยินคนพูดเหยียดเรื่องศาสนา และถ้าเราไม่เสียน้องชาย เราก็คงไม่จี๊ดมากเท่านี้... เพราะต่อให้ศาสนาสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่การมาเจอกันและกัน การเกิดเป็นมนุษย์ได้ในชาตินี้ ช่างเป็นเรื่องยากแท้และสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะเวลาบนโลกนี้มันช่างสั้นนัก เพื่อนคนนึงเคยบอกว่าต่อให้เราอายุยืนถึง 114 ปี ก็ยังถือว่าอายุสั้น เพราะคนอื่นที่เราอยากใช้ชีวิตด้วย เค้าอาจไม่อยู่กับเรานานขนาดนั้นก็ได้ แล้วทำไมต้องมาเอาเรื่องศาสนาที่มนุษย์ต่างคนต่างศรัทธา เอามาแบ่งแยกกันเข้าไปอีกเล่า...-_-* ดังนั้น กล่าวคือ ถึงเบนนี่มามันก็ไม่สนุกแล้ว เพราะคบกันไปต่อก็พาลลำบากใจในหนทางข้างหน้าที่ต้องฝ่าฟันไปอีก เหมือนเพลงพี่เบิร์ด กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง (สรุป...เข้าแค่ครึ่ง!) เราอยากให้เบนนี่ได้เจอคนที่ดี ที่เป็นยิว และไปอยู่กันอย่างสุขสบาย ที่อเมริกาไปซะเลย จะได้ไม่ต้องมาพะวักพะวงกัน แต่เบนนี่ก็ไม่เปลี่ยนใจ....และนี่คือปัญหา..พาเซ็ง
Free TextEditor
Create Date : 20 มิถุนายน 2552 |
|
23 comments |
Last Update : 20 มิถุนายน 2552 22:34:49 น. |
Counter : 1044 Pageviews. |
|
|
|
ก่อนที่จะยอมรับว่าทุกสิ่งอย่างเป็นอย่างนั้นเอง
ฉันว่า...
ยอมรับและอุเบกขาดีกว่าเวลาได้ยินยัยน้องสาวเบนนี่เหยียดเรื่องศาสนา ก็ได้แค่พูดปาวปาว ปล่อยให้บ้าศาสนาไปคนเดียว เรายึดมั่นในความรักของเบนนี่ และศาสนาของเรา ถึงแม้เธอจะคอนเวิร์ทไปยิว เพื่อครอบครัวเบนนี่ แต่เธอก็ยังคงตั้งสติมั่น ทำบุญด้วยการถือศีล 5 และมีสติ ก็ได้นี่
ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ละเว้นความชั่ว ยกเว้นศาสนาพุทธที่สอนมากกว่า ศาสนาอื่นอีกข้อนึง คือ ทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ นะ...โอ
เชื่อพี่เอ๋เหอะ ว่า...เชื่อพระพุทธเจ้าของเรา คือ มีความสุขกับปัจจุบัน ทำจิตใจให้ผ่องใส