ประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯสอบสวนการใช้อาวุธเคมีในซีเรียโดยด่วน ชี้เป็นเรื่องน่าวิตกมาก ร้องซีเรียยอมให้สอบสวนเต็มที่ ลั่นถ้าสหรัฐฯผลีผลาม เข้าแทรกแซงสงคราม อาจต้องเผชิญเหตุยุ่งยากตามมา รวมถึงสูญเสียชีวิตผู้คน และงบทำสงครามจำนวนมาก...
หลังฝ่ายกบฏซีเรียเผยแพร่ภาพวีดิโอช็อกโลก ชาวซีเรียจำนวนมาก รวมทั้งเด็กและสตรี นอนหมดสติเรียงรายในสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้กับตะวันออกของกรุงดามัสกัส บางคนมีน้ำลายฟูมปาก สีร่างกายเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนและเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ กล่าวหาเป็นเหยื่อถูกกองทัพซีเรียโจมตีด้วยอาวุธเคมีเมื่อ 21 ส.ค. แต่รัฐบาลซีเรียปฏิเสธ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเมื่อ 23 ส.ค.ว่า นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ออกมากดดันอีกครั้ง ให้เร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งกบฏซีเรียอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ศพ ระบุการใช้อาวุธเคมีเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และว่าได้แนะนำทูตพิเศษด้านการปลดอาวุธของยูเอ็นไปซีเรียโดยทันที
ส่วนสหรัฐฯยังไม่ระบุชัดว่า มีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ สั่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯสอบสวนโดยด่วนแล้ว ต่อมาโอบามา ระบุว่า การกล่าวอ้างมีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย เป็นเรื่องน่าวิตกมาก เรียกร้องซีเรียยอมให้สอบสวนเต็มที่ แต่เตือนว่าถ้าสหรัฐฯผลีผลาม เข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองซีเรีย อาจต้องเผชิญเหตุยุ่งยากตามมา สูญเสียชีวิตผู้คน และงบทำสงครามจำนวนมากเหมือนกับที่เป็นอยู่ในอัฟกานิสถาน
ด้านรัสเซีย พันธมิตรยักษ์ใหญ่ของซีเรีย เรียกร้องซีเรียร่วมมือและยอมให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นเข้าตรวจสอบ ด้านนักเคลื่อนไหวชาวซีเรียเผยว่าได้ลักลอบเก็บตัวอย่างเส้นผม เนื้อเยื่อร่างกาย และเลือดของผู้เสียชีวิตในเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 21 ส.ค.และจะหาทางนำส่งทีมตรวจสอบของยูเอ็นที่พักอยู่ในโรงแรมในกรุงดามัสกัสต่อไป
ขณะที่ข้อสงสัยอาจมีการสร้างเรื่องเพื่อโจมตีรัฐบาลซีเรียของฝ่ายกบฏ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นการยากที่จะทำปลอม และคงยากทีเดียวที่จะจับเด็กๆ มาทำอะไรหลอกๆ ได้สมจริงขนาดนี้ มีแค่การตรวจตัวอย่างเลือดและปัสสาวะที่จะพิสูจน์ชัดว่า เหยื่อถูกโจมตีด้วยแก๊สซารีน ซึ่งเป็นแก๊สพิษทำลายระบบประสาทส่วนกลางจริงหรือไม่
สถานการณ์ในอียิปต์ยังตึงเครียดต่อเนื่อง เมื่อวันศุกร์ 23 ส.ค. ฝ่ายต่อต้านกองทัพและสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มูร์ซี เรียกร้องชุมนุมครั้งใหม่เพื่อขอคืนอำนาจให้นายมูร์ซี ท้าทายคำสั่งกองทัพที่ประกาศภาวะฉุกเฉินและไล่จับกุมแกนนำกลุ่มภราดรภาพมุสลิมแล้วหลายคน ด้านสถานทูตสหรัฐฯในอียิปต์ประกาศเตือนชาวอเมริกัน อย่าออกนอกบ้านช่วงตั้งแต่เวลา 13.00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อความปลอดภัย
ส่วนชะตากรรมอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค วัย 85 ปี ถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้าน รอเผชิญข้อกล่าวหาสั่งฆ่าผู้ประท้วงขับไล่ลงจากอำนาจเมื่อช่วงปี 2554 ซึ่งคดีถูกรื้อขึ้นไต่สวนใหม่ หลังเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำจากคดีคอร์รัปชันเมื่อไม่กี่วันก่อน.