ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐฯตัดสินว่า กฎหมายไม่ให้สิทธิประโยชน์คู่แต่งงานร่วมเพศ ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี บิล คลินตัน ขัดรัฐธรรมนูญ ถือเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของชาวสีม่วง...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ว่า ผู้พิพากษาศาลสูงสุดแห่งสหรัฐฯลงคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 ตัดสินว่า กฎหมายปกป้องการแต่งงานปี1996 (ดีโอเอ็มเอ) ซึ่งไม่ให้สิทธิประโยชน์แก่คู่รักร่วมเพศ ที่สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายในรัฐที่พวกเขาอยู่อาศัย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับประกันการปกป้องสิทธิความเท่าเทียม
คำตัดสินของศาลสูงสุดเมื่อวันพุธหมายความว่า คู่สมรถร่วมเพศไม่ว่าชายกับชายหรือหญิงกับหญิง ในรัฐที่กฎหมายอนุญาตให้คนร่วมเพศแต่งงานทั้ง 12 รัฐรวมถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆเท่าเทียมกับคู่สมรสต่างเพศ โดยผู้พิพากษา แอนโธนี เคนเนดี ระบุว่า กฎหมายดีโอเอ็มเอ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมขึ้นในสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมายนี้คู่สมรสร่วมเพศ ต้องใช้ชีวิตโดยรับภาระมากกว่าคู่สมรสปกติ
ทั้งนี้ กฎหมายดีโอเอ็มเอ ถูกยื่นฟ้องร้องโดยนางเอดิธ วินด์เซอร์ พลเมืองนิวยอร์กอายุ 83 ผู้แต่งงานกับนาง เทีย สเปเยอร์ หลังคบกันมานานกว่า 40 ปี กระทั่งนางสเปเยอร์เสียชีวิตในปี 2009 และทิ้งมรดกเอาไว้ให้นางวินด์เซอร์ อย่างไรก็ตาม นางวินด์เซอร์ถูกรัฐเรียกเก็บภาษีมรดกเป็นเงินกว่า 360,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11 ล้านบาท) ซึ่งเธอไม่จำเป็นต้องจ่ายหากแต่งงานกับผู้ชาย
ขณะเดียวกัน ศาลสูงสุดลงคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 ยกฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับ กฎหมายห้ามคนเพศเดียวกันแต่งงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือที่รู้จักในชื่อ ญัตติที่ 8 ซึ่งผ่านการทำประชามติในปี 2008 หลังตัดสินว่า ผู้สนับสนุนกฎหมายนี้ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ความตัดสินของศาลชั้นต้น ซึ่งตัดสินยกเลิกกฎหมายดังกล่าวเพราะเป็นการเลือกปฏิบัติ