Mercedes Benz สร้าง A250 AMG ให้กลายเป็นหนึ่งในแฮตชแบคที่ร้อนแรงของวงการ ตัวรถรุ่นที่สามของโมเดล A-Class ไม่ว่าจะเป็น A180 หรือ A250 Sport AMG พวกมันทุกคันได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี ภายในที่โดดเด่นโดนใจแบบสปอร์ตของ New A-Class ยังสื่อให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเอาชนะรถคู่แข่ง รถทดสอบ A250 Sport AMG พกพาเรี่ยวแรงในระดับสปอร์ตคาร์ที่ดุดัน แม้จะไม่แรงเท่า A45 AMG แต่มันคือหนึ่งในรถยนต์ 5 ประตูขนาดเล็กที่ดีที่สุดเท่าที่ค่ายตราดาวเคยสร้างขึ้นมา สิ่งที่โดดเด่นนอกจากเรือนร่างทั้งภายในและภายนอกแล้ว เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบกับชุดส่งกำลัง 7-G DCT ยังมอบประสิทธิภาพของการขับขี่ที่น่าประทับใจอีกด้วย

A250 Sport ประทับตรา Engineered By AMG คือความไม่ธรรมดาของ A-Class รุ่นล่าสุด คันที่ผมใช้ขับทดสอบเป็นรถรุ่นสูงสุด (ยกเว้น A45 AMG) นำเข้าโดย Mercedes Benz Thailand เจ้าจิ๋วคันนี้มีตำแหน่งท่านั่งที่ดีจากการปรับผ่านสวิตช์รูปเบาะที่ติดอยู่ ข้างแผงประตู เบาะปรับด้วยไฟฟ้าและมีระยะของการปรับค่อนข้างกว้างครอบคลุมทุกสรีระของผู้ขับ เบาะแบบหนังกลับแม้จะดูแลรักษาได้ยากแต่นั่งได้นิ่มสบายก้นและมีความสวยงาม น่ามองจากการออกแบบพนักพิงศีรษะให้เป็นชิ้นเดียวกับตัวเบาะคล้ายกับเบาะของ รถแข่ง มุมมองด้านหน้าโปร่งโล่ง แต่มุมมองด้านข้างมีแนวเสาหลังขนาดมหึมาบดบังสายตาอยู่พอสมควร ทำให้การเปลี่ยนทิศทางต้องมองกันให้ขาดก่อนจะหมุนพวงมาลัย กลิ่นภายในอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์จากค่ายตราดาวเกิดจากการเลือกใช้หนัง พลาสติกและโลหะผิวเรียบที่มีคุณภาพ แม้คอนโซลกลางจะแปะชิ้นงานแคฟล่าปลอม แต่ทำออกมาได้ดีใกล้เคียงกับของจริงจนมองไม่ออกหากไม่เอามือไปสัมผัส ความเรียบง่ายของการจัดวางอุปกรณ์ภายใน โดยเน้นให้มีการใช้งานที่ง่ายและคล่องตัว พื้นที่วางเท้ากับพืนที่เหนือศีรษะ แม้จะไม่มากเท่าซีดานทรงปกติ แต่คุณสามารถนั่งขับหรือโดยสารบน A250 Sport ได้อย่างสบาย วัสดุชั้นดีปรากฏไปทั่วห้องโดยสาร เชื่อมโยงกับสีสันและรูปแบบที่ทันสมัยเพื่อเอาใจเจ้าของอายุน้อยที่เฝ้ารอรถ รุ่นนี้มานานแสนนาน

การออกแบบภายในของ A-Class ใหม่นั้นแตกต่างจาก Mercedes ในยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง วัสดุตกแต่งภายในล้วนแล้วแต่เป็นของใหม่ที่ใช้เฉพาะรุ่นเท่านั้น เนื่องจากมันไม่มีพวกลายไม้โบร่ำโบราณหรือหนังแท้สไตล์เก่า สิ่งที่คุณจะพบเห็นได้ในห้องโดยสารของรถคันนี้คือลายคาบอนไฟเบอร์เทียม ช่องแอร์ทรงกลมสีดำขอบแดงที่ได้รับแรงบันดานใจมาจากสปอร์ตคาร์รุ่น SLS AMG แป้นเหยียบทั้งแป้นเบรกต่อเชื่อมโทรศัทพ์ยุคใหม่ได้ดีกว่า BMW ส่วนระบบเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่และระบบเตือนการชนนั้นเป็นอุปกรณ์ มาตรฐานติดตั้งมาให้จากโรงงาน ไฟเตือนสีแดงจะติดขึ้นมาทันทีที่คุณขับเข้าใกล้รถคันข้างหน้ามากเกินไป นักทดสอบหัวนอกบางคนบอกว่ามันมีเบาะที่นุ่มนิ่มมากจนเกินไป แต่ผมกลับคิดว่า เบาะแบบนี้แหละที่ทำให้คุณขับมันได้ทั้งวัน สำหรับมาตรวัดนั้นอ่านค่าได้ง่ายหากไม่ชอบมาตรวัดที่แจ้งหน่วยเป็นไมล์ต่อ ชั่วโมงก็ยังมีจอ MID กึ่งกลางมาตรวัดที่จะแจ้งตัวเลขความเร็วโดยใช้หน่วยเป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบปรับอากาศลดความสลับซับซ้อนในการปรับตั้ง ข้อเสียเพียงเล็กน้อยก็คือ เมื่อคุณจอดติดสัญญาณไฟ คอมเพรชเซอร์แอร์จะไม่ทำงานเมื่อระบบ ECO START/STOP สั่งให้เครื่องยนต์หยุดทำงานเพื่อลดการปล่อย CO2 และลดการใช้เชื้อเพลิง หากไม่ชอบระบบนี้ก็สามาถสั่งงานยกเลิกไปได้เลย การติดและดับเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่รถหยุดสนิทหรือเมื่อถอนเท้า ออกจากแป้นเบรค อาการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่มันก็อาจทำให้คนที่ไม่ชอบเกิดความรำคาญได้เหมือนกัน

เครื่องยนต์ 4 สูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบสร้างแรงบิดที่รุนแรงมากพอจะทำให้คุณรู้สึกสนุกได้ใน ทุกย่านความเร็ว วิศวกรของ Mercedes Benz ปรับปรุงรถคันนี้ในหลายจุด ไม่ใช่แค่ทำให้มันดูดีขึ้นเท่านั้น การขับขี่โดยรวมยังแตกต่างจากรุ่นที่แล้วราวฟ้ากับเหว แม้ตัวจะหนักถึง 1.4 ตันแต่กลับให้ความรู้สึกเบาสบายและคล่องตัวขึ้นมาก ทุกสิ่งทุกอย่างตอบสนองอย่างที่มันควรจะเป็นทั้งคันเร่ง พวงมาลัยและเบรก แม้จะมีอาการหน่วงคันเร่งอยู่บ้างแต่สัมผัสที่ได้รับทำให้สามารถซึมซับ ประสิทธิภาพของมันได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งอัดมันแรงเท่าไหร่ การยึดเกาะจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้จะต้องใช้ความพยายามกันพอสมควรเลยทีเดียว ความเป็นรถยนต์จากค่ายตราดาวที่หลายคนคาดหวังถึงความนิ่มนวลเหมือนนั่งไปบน พรมวิเศษ ในความเป็นจริงแล้ว ช่วงล่างของ New A-Class รุ่น A250 Sport AMG มีช่วงล่างที่แข็งมากกว่าคู่แข่งอย่าง Audi A3 / BMW Series-1แต่เมื่อเทียบความรู้สึกกับ MINI Cooper S- Cooper JCWแล้ว มันจะนิ่มและโอนอ่อนผ่อนคลายกว่านิดๆ ทำให้คุณขับมันเดินทางไกลได้ทั้งวันโดยที่ตะคริวไม่ถามหา ความเร็วต่ำบนสภาพทางที่ไม่เรียบคุณจะพบกับความกระด้างของช่วงล่างทันที แต่ไม่ใช่กระด้างจนสะเทือนทั้งคันอย่าง MINI Cooper S Coupe แต่ส่วนที่ดีของรถ A250 Sport คือล้อและยางขนาดใหญ่ซึ่งทำให้มันเกาะถนนอย่างเหลือเชื่อ ทำให้รถทดสอบคันนนี้สามารถขับบนถนนสายรองได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมโทนเลยทีเดียว

แรงม้า 211 ตัวของ A250 Sport ส่งผลให้มันมีระบบรองรับที่ให้อารมณ์สปอร์ตค่อนข้างมาก A250 Sport AMG มีช่วงล่างที่แข็งขึ้นจากสปริงและโช๊คอัพที่ปรับเซตค่ามาจากโรงงาน ความแข็งที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับแรงม้า 211 ตัว ระดับความสูงของตัวถังลดลงจากรุ่นปกตินิดหน่อย ระบบ Direct Steering ผสมผสานชุดผ่อนถ่ายแรงหมุนของพวงมาลัยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนที่ปั้มเพาเวอร์ สายพานของรุ่นที่แล้ว พวงมาลัยของ Mercedes Benz A250 Sport อาศัยความเร็วและการแปรผันน้ำหนักที่มีความแม่นยำ ล้อขอบ 18 นิ้วกับยาง 235/40R18 ทำให้รู้สึกตึงๆข้อมือจากขนาดความกว้างของหน้ายาง ส่วนล้อ AMG จานเบรคแบบเจาะรูระบายความร้อนกับคาร์ลิบเปอร์สีแดงนั้นทำมาเพื่อการเอาอก เอาใจวัยรุ่นขาซิ่งทั้งสิ้น สำหรับการวิ่งใช้งานในเมือง กำลังในรูปของแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่มาในรอบต่ำช่วยให้การเคลื่อนตัวมีความฉับไวเหมือน MINI Cooper S เรือนร่างที่กระทัดรัดแบบแฮตช์แบคทำให้การขับแบบมุดไปมาหรือเปลี่ยนทิศทาง อย่างรวดเร็วมีความคล่องตัวสูงมาก ขนาดที่เล็กของตัวถังยังช่วยให้การจอด การถอยเข้าออกจากที่คับแคบหรือเลี้ยวกลับลำบนถนนทำได้อย่างง่ายดาย แม้ความกระด้างของช่วงล่างจะสามารถรับรู้ได้ตลอดเวลาเมื่อวิ่งผ่านผิวทางที่ ไม่เรียบ รถ A250 Sport เน้นหนักในด้านสมรรถนะของการยึดเกาะเนื่องจากเป็นรถคันเล็กแรงเยอะ การทรงตัวที่ดีในย่านความเร็วต่ำเมื่อวิ่งผ่านทางขรุขระคือส่วนผสมที่ถูก ต้อง ซึ่ง A250 สามารถเอาชนะรถเล็กคู่แข่งอย่าง MINI Cooper S ไปได้อย่างง่ายดายในจุดนี้

เมื่อวิ่งทางไกล ผมลองกดคันเร่งลากเกียร์ยาวๆ ไต่จาก 80 ไปจนถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การใช้ความเร็วสูงขึ้นใน A250 Sport AMG มันจะให้อารมณ์ร่วมระหว่างตัวรถกับคนขับมากกว่ารถคู่แข่งแบบเห็นๆ พวงมาลัยที่ความเร็วสูงหนักขึ้นและออกอาการต้านมือมากกว่า BMW 1 Series มันสื่อให้เห็นอย่างทันทีทันควันด้วยแรงยึดเกาะที่ดีเยี่ยมแม้จะตัวจะเล็ก เสียงของยาง 235/40R18 ลอดเข้ามาให้ได้ยินตลอดเวลาที่ผมใช้ความเร็ว อย่างที่เคยบอกว่ามันเป็นแฮตช์แบคที่ร้อนแรงคันหนึ่งของวงการ ขับสนุกและทำความเร็วได้อย่างที่ใจคุณต้องการ มันจะเชิญชวนให้คุณลงคันเร่งลึกอยู่ตลอดเวลาหากมีถนนที่เปิดโล่งมากพอ แม้กระทั่งการเบรกแบบฉับพลันทันทีก็ยังไร้ที่ติ เบรกของ A250 Sport ออกแบบมาเพื่อสยบม้าทั้ง 211 ตัวให้เชื่องช้าลงได้ดั่งใจ ผมลองทุกอย่างบนรถคันนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามันคือ Mercedes Benz ของจริงที่ไม่ได้แอบปลอมตัวมา สภาพการขับที่แตกต่างจากรถยนต์ในรุ่นอื่นๆ ของค่ายตราดาวจะทำให้คุณแปลกใจ เมื่อได้ลองสัมผัส สุดท้าย มันจะสร้างรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความพึงพอใจที่ได้ครอบครอง

ทางโค้งคดเคี้ยวเลี้ยวลดแถบเขาทุเรียนในจังหวัดนครนายกคือสถานที่ที่ผมใช้ทดสอบ การเข้าโค้งของ A250 Sport ระบบบังคับเลี้ยวแบบปั้มไฟฟ้าช่วยให้หัวของ A-Class คันนี้หันไปในทิศทางที่ถูกต้อง ความแม่นยำนั้นอยู่ในขอบเขตที่ถูกกำหนดโดยความเร็ว การมีระบบช่วยทรงตัวทำให้มันไปได้เร็วขึ้น คุณไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนโหมดการขับของรถคันนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น ในโหมดปกติหรือโหมดประหยัดมันเลี้ยวและเร่งความเร็วได้ดีเยี่ยม สัมผัสของพวงมาลัยหนักแน่น ESP ของ A250 Sport คอยสอดส่องดูอาการของล้ออยู่ตลอดเวลาและจะเข้ามาแทรกแซงทันทีที่ตรวจพบความ ผิดปกติของระดับการยึดเกาะ อาการหน้าดื้อหรือท้ายออกเมื่อใส่เข้ามาแบบเกินกำลังปรากฏขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในห้วงของการควบคุม มันเป็นรถที่มีวงเลี้ยวแคบคันหนึ่งซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีหากคุณต้องการกลับ ลำหรือเลี้ยวยูเทิรน์แบบเร็วๆ ก้านเกียร์อยู่แทนที่ไฟเลี้ยวทำให้รู้สึกแปลกและต้องใช้ความคุ้นเคยสักพัก คุณสามารถอัดมันได้ในโหมด D โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองที่แป้น Paddle Shift หลังพวงมาลัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ระบบหน่วงความเร็วทำงานทันทีเมื่อยกเท้าออกจากแป้นคันเร่งในจังหวะที่ผมขับ ลงเนินเขาเตี้ยๆ เพื่อป้องกันการวิ่งลงมาด้วยความเร็วที่สูงเกินไปและทำให้ การควบคุมเสียจังหวะไปบ้าง การถ่ายเทมวลในโค้งทำได้ใกล้เคียงกับ MINI Cooper JCW อาการโคลงตัวไม่ปรากฏเมื่อถนนมีความสม่ำเสมอ แต่กลับกันในทางที่ขรุขระมันจะบอกให้คุณรู้ทันทีจากระบบรองรับที่ปรับมาให้ แข็งเป็นพิเศษแต่ก็ไม่ได้แข็งเกินไปจนคล้ายกับรถแข่ง ความแข็งของช่วงล่างแลกกลับคืนด้วยการตอบสนองของอาการต่างๆที่ควบคุมได้ง่าย โดยเฉพาะทางโค้ง

รถแฮตช์แบคแรงๆ ที่ผมเคย ขับและรู้สึกประทับใจคือ Subaru Impreza WRX STi และถึงแม้ว่า A250 Sport จะมีม้าน้อยกว่าเจ้าแมว Impreza WRX STi 89 แรงม้า แต่ความมันส์และรถชาติของการควบคุมไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแม้จะอัดกันหนักๆไปตลอดทางก็ยังทำได้ประมาณ 8.7 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อขับแบบย่องและใช้ความเร็วคงที่เดินทางไกล ทริปมิเตอร์ในจอ MID แจ้งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ที่ 13.4 กิโลเมตรต่อลิตร โหมด ECO Start-Stop ช่วยให้ตัวเลขการใช้น้ำมันดีขึ้นนิดหน่อย แถมยังทำให้อากาศรอบๆ มีมลพิษลดลงเมื่อมันดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่จอดนิ่ง สนิท ข้อดีของรถคันนี้คือความหลากหลายของระบบที่ผสมผสานกันจนให้สมรรถนะของการ ขับขี่โดดเด่น มันเป็นรถที่พุ่งเข้า-ออกโค้งได้อย่างกระฉับกระเฉง เร่งความเร็วจนทำให้คุณแปลกใจและดึงหนักจนรู้สึกได้หากคุณไม่ยอมถอนคันเร่ง มันมีเกียร์คลัตช์คู่รุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งทนทาน ให้สัมผัสด้านอารมณ์ของการทดกำลังแบบสปอร์ต ทำงานได้แม่นยำและรวดเร็ว ระบบบังคับเลี้ยวยอดเยี่ยม ดีที่สุดในกลุ่มรถเล็ก ซึ่งให้ทั้งความเฉียบคมและน้ำหนักที่พอดิบพอดีในทุกๆ ย่านความเร็ว ช่วงล่างแข็งแต่ไม่ได้กระด้างจนนั่งไม่สบาย ต้องทำใจเนื่องจากมันมีม้าถึง 211 ตัว การที่จะมีช่วงล่างย้วยๆ นั่งนิ่มสบายก้นคงไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของสปอร์ต แฮตช์แบคที่ร้อนแรงสักเท่าไหร่ ราคา 2.4 ล้านบาทของ A250 Sport AMG ถูกกว่า MINI Cooper JCW อยู่มากเลยทีเดียว ทั้งคู่มีการขับขี่ที่เหมือนกันมากทั้งอัตราเร่งและตีนปลาย แต่ A250 Sport นั้นขับทางไกลได้สบายเนื้อสบายตัวกว่า ความประทับใจตลอด 4 วันที่เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง การยึดเกาะ การบังคับควบคุมโดยเฉพาะขณะที่เลี้ยวด้วยความเร็วที่สูงมากกว่าปกติ A-Class A250 Sport AMG ทำได้อย่างไร้ที่ติสำหรับรถเล็กๆ คันหนึ่งที่แปะตราดาวสามแฉก

มันเหมือนโฮโมนของวัยรุ่นที่ร้อนแรง เป็นงานวิศวกรรมจักรกลของเยอรมันที่เหมาะกับกลุ่มคนระดับอายุ 25-35 ปี ขนาดที่กระทัดรัดและรูปแบบใหม่ของตัวถังกับห้องโดยสารแนวๆ จะทำให้คุณรู้สึกดีและคุ้มค่ากับเงิน 2.4 ล้านที่จ่ายไป ความกล้าหาญในการสร้าง A-Class รุ่นใหม่รวมถึง CLA คือการสื่อไปถึงกลุ่มลูกค้าวัยเยาว์อย่างชัดเจนด้วยการปรับภาพลักษณ์ของ ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุของผู้ใช้งาน นี่คือดาวดวงเล็กที่จะสว่างสุกใสไปอีกนานในวงการยนตรกรรม.