ตอนที่สามซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของการขับทดสอบในแวนคูเวอร์กับ BMW New X5 xDRIVE 50i+30d ยนตรกรรมขับ 4 ล้อสุดหรูของค่ายใบพัดสีฟ้า-ขาว...

หมี , ม้าป่า , กวางมูส , แรคคูน คือสัตว์ป่าที่เจ้าหน้าที่ของ BMW Group Vancouver เตือนให้ระวังเมื่อขับผ่านป่าสนและทะเลสาบที่ลัดเลาะไปตลอดทางฝั่งซ้ายในช่วงขาไป รถบรรทุกซุงไม้สนขนาดยักษ์มีให้พบเห็นบ้างประปรายแต่ไม่เยอะเท่ากับรถทำไม้ในฝั่งพม่า พี่หน่อยออโตบิลขับเจ้า X5 xDRIVE 50i มาจนเกือบจะถึงจุดวกกลับ บริเวณซ้ายมือที่ปรากฏต่อสายตาคือทะเลสาบสีฟ้าที่มีขนาดกว้างใหญ่สุดสายตา ทะเลสาบถูกล้อมกรอบไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยสนภูเขาและไม้ยืนต้นท้องถิ่น วิวทิวทัศน์ที่เปิดโล่งสุดลูกหูลูกตายิ่งใหญ่จนผมและพี่หน่อยต้องจอดรถเข้าๆไหล่ทางด้านซ้ายสุดเพื่อเก็บบันทึกภาพแห่งความทรงจำในครั้งนี้ เอกลักษณ์ของรถ X5 2014 จะยิ่งโดดเด่นออกมาให้เห็นเมื่อคุณเอามันมาจอดถ่ายรูปในสถานที่แบบนี้ ความงามทางวิศวกรรมปรากฏควบคู่ไปกับความสงบเย็นของธรรมชาติ มันเข้ากันอย่างกลมกลืนจนแยกแทบไม่ออกแม้จะวิ่งอยู่ในเมืองหรือขับออกมาตามชนบทที่สวยงามสุดๆแบบนี้

รถรุ่น 50i คันนี้หนักเกือบๆ 2.2 ตันมันเบากว่ารุ่นเก่าอยู่ 90 กิโลกรัม การปรับปรุงช่วงล่างทำให้การบังคับควบคุมดีขึ้นผิดหูผิดตา รถ New X5 รุ่นใหม่นั้นคล่องตัวและประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเดิมแต่ไม่ใช่บนเส้นทางทดสอบแบบนี้ สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือสภาพการที่แท้จริงในการใช้งานบนชีวิตประจำวัน เจ้าของรถส่วนใหญ่มักใช้โหมด ECO-PRO หรือ Comfort มากกว่าจะคาอยู่ใน Sport Mode หรือ Sport + นั่นหมายรวมถึงการขับขี่บนถนนจริงๆ ห้องโดยสารถูกตกแต่งมาเพื่อการเอาชนะรถอย่าง Cayenne หรือ Benz ML Class ในรุ่น 50i อุปกรณ์แทบจะทุกตำแหน่งอยู่ในระดับเกือบสูงสุดของออฟชั่นเสริมสำหรับ New X5 บางสิ่งบางอย่างที่มีความแตกต่างกันออกไปตามสไตล์ของแบรนด์ใบพัดซึ่งมักเน้นไปที่อารมณ์สปอร์ตบวกความหรูมากกว่าจะทำออกมาแบบขอไปที เวลาเที่ยงครึ่งผมกับพี่หน่อยก็ขับมาถึงจุดวกรถกลับ เหลือระยะทางอีก 103 กิโลเมตรในช่วงขากลับ (Turning Point To Cedarstone) ที่จะมุ่งหน้าไปร้านอาหารซึ่งเป็นจุดพักตอนบ่าย ผมเข้ามารับหน้าที่ต่อจากพี่หน่อยในการขับบนเส้นทางขากลับซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางลงเขาที่ไม่ค่อยจะชันมากนัก ความรู้สึกหลังพวงมาลัยในรุ่น xDRIVE 50i ย่านของกำลังแรงบิดและการบังคับพวงมาลัยดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน โค้งยาวๆกับความเสถียรของช่วงล่าง พวงมาลัยรอบวงเล็กลงที่โอนอ่อนผ่อนคลายในย่านความเร็วปานกลางของเจ้า F15 แค่แตะคันเร่งเบาๆ เครื่อง V8 4.4 ลิตรเทอร์โบคู่จะสร้างความพึงพอใจให้กับคุณได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ในโหมดแมนนวลผ่องถ่ายอัตราทดของเกียร์ 8 สปีดได้เนียนเหมือนผ้าไหม เมื่อผลักคันเกียร์เข้าสู่ตำแหน่ง D มันจะให้ความรู้สึกแบบไร้ตะเข็บรอยต่อ เกียร์ ZF ทำงานได้ลื่นไหลเหมือนเดิม สำหรับ BMW ยุคใหม่ทุกรุ่นที่วางเกียร์ลูกนี้ อัตราทดที่ถ่ายเทจากเกียร์ไปยังเฟืองขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อไหลขึ้น-ลงไปตามสภาพทางโดยมี ECU ฉลาดๆของสมองกลเกียร์คอยปรุงแต่งให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่น่าจะมีอะไรสบายไปกว่าเจ้านี่อีกแล้วเมื่อคุณขับมันอยู่บนภูเขาที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดแบบนี้

หลังอาหารเที่ยง 13.30 น. ในจุดแวะพักซึ่งเป็นกระท่อมไม้สนภูเขาแบบล็อคเคบิน ผมสลับรถกับทีมแรกโดยเปลี่ยนจาก X5 xDRIVE 50i มาเป็น X5 xDRIVE 30d ซึ่งเป็นรถที่ทาง BMW Group Thailand จะนำเข้ามาจำหน่ายโดยคาดว่าน่าจะเป็นงานโชว์รถมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2013 ในช่วงปลายปีสำหรับการเปิดตัวในประเทศไทย ในจุดแวะพัก คุณจอน กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรของ BMW Thailand ย้ายมานั่งในช่วงขากลับด้วยอีกท่าน สำหรับรถ X5 xDRIVE 30d นั้นวางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์แบบแถวเรียง 6 สูบ 258 แรงม้ากับแรงบิด 560 นิวตันเมตรซึ่งมีความพอเพียงอย่างล้นเหลือสำหรับการขับทั้งแบบปกติและแบบออฟโรด ระยะทางจากจุดแวะพักทานข้าวเที่ยงที่ Cedarstone ไปยังช่วงทดสอบพิเศษแบบออฟโรดใน Whistler Olympic Park มีระยะทางสั้นๆเพียงแค่ 24 กิโลเมตร ผมใช้ความเร็วต่ำโดยไม่ให้มีผลกระทบไปถึงอาหารเที่ยงซึ่งเป็นแฮมเบอร์เกอร์เนื้อชิ้นโตในกระเพาะ เจ้า X5 xDRIVE 30d เป็นเพื่อนเดินทางที่ดีไม่แตกต่างไปจากรุ่น 50i เท่าใดนัก แม้กำลังแรงม้าและแรงบิดจะเป็นรอง แต่น้ำหนักตัวที่เบากว่าเล็กน้อยโดยเฉพาะน้ำหนักของเครื่องยนต์ที่เบากว่ารุ่นสูงสุดอยู่พอสมควรทำให้ความรู้สึกด้านความกระฉับกระเฉงของตัวรถไม่แตกต่างกันมากนัก ที่เจ๋งมากคืออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ในเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ของ BMW ซึ่งใช้เทคโนโลยี TwinPower Turbo กับ BMW EfficientDynamics อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะมีความประหยัดมากกว่ารุ่นเบนซินอย่างเห็นได้ชัด คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ที่ผลิตโดย BMW มันค่อนข้างเงียบ ทั้งการเดินเบาหรือการเร่งความเร็วก็ไม่มีเสียงดังจนน่าเกลียดเหมือนเครื่องดีเซลยุคพระเจ้าเหา แรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์ถูกขจัดออกไปด้วยจุดยึดที่ปรับมาเป็นอย่างดีทั้งยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ เครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ของค่ายใบพัดใช้หัวฉีดแรงดันสูงแบบดีเซลคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น กลไกของวาว์ลแปรผัน แซสซีส์โครงสร้างแบบใหม่ที่น้ำหนักเบาทนทานต่อแรงบิดแรงเค้นได้ดีขึ้นกับชุดอัดอากาศแบบ BMW Twin scroll turbocharger เป็นหอยตัวโข่งที่คอยเสริมแรงบิดให้เพียงพอต่อความต้องการในการขับเคลื่อน ที่ชอบมากคือล้อขอบ 19 นิ้วลายใหม่กับยาง Goodyear Eagle F1 SUV 4x4 ขนาด 255/50/R19 เช่นเดียวกันกับรุ่น 50i ที่ทั้งนุ่มและเงียบ ดอกยางแบบถี่กับอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อนของผิวถนนส่งถ่ายกริ้บของการยึดเกาะแบบเนียนๆออกมาตลอดเส้นทาง

เวลาที่ช้ากว่าประเทศไทยถึง 14 ชั่วโมงทำให้สมองและร่างกายของผมเริ่มออกอาการเพี้ยนๆ แต่อากาศที่สดชื่นกับอุณหภูมิที่เย็นสบายตัวไม่ร้อนอบอ้าวแม้แดดช่วงบ่ายจะแรงมากจนแสบผิวทำให้ผมสามารถประคับประคองเจ้า X5 xDRIVE 30d ให้อยู่รอดปลอดภัยบนเส้นทางทดสอบที่ไม่มีความคุ้นชินแบบนี้ ในบางประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยด้านซ้ายซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับประเทศไทย คุณต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้หลงเลนเข้าไปในเส้นทางของรถที่วิ่งสวนมา ทั้งการแซง การเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนทิศทางหรือการเลี้ยวไปตามทางแยกต่างๆ ความเร็วที่ผมใช้ขับทดสอบอยู่ในระดับเดียวกันกับที่กฏหมายกำหนดทำให้ปิดช่องทางที่จะเพิ่มความเสี่ยงอย่างสิ้นเชิง ในรุ่นพื้นฐานของ X5 ตัวใหม่ กันสะเทือนแบบธรรมดาเพียงพอต่อความต้องการอย่างที่สุด สำหรับในรุ่นสูงๆของ New X5 คุณจะได้ระบบ Dynamic Chassis ที่คอยเสริมสภาพการขับให้มีความเหนือชั้นมากยิ่งขึ้น โช็คอัพแบบปรับระดับได้ (X5 xDRIVE M 50d) กับเหล็กกันโครงแบบ Dynamic Drive ที่ปรับการทำงานในแบบอัตโนมัติทั้งบนทางตรงและทางโค้งเพื่อให้เกิดความสบายสูงสุด ผมเอื้อมมือไปกดสวิทช์ปรับโหมดหลังจากที่แช่อยู่ในโหมด ECO-PRO โดยปรับมาเป็น Sport Mode เพื่อดูการตอบสนองของระบบ อย่างที่เคยรู้สึกใน BMW ยุคใหม่ทุกคัน แป้นคันเร่งไฟฟ้าที่เคยหยุ่นๆย้วยๆกระชับตัวขึ้นมาทันที พวงมาลัยไฟฟ้า เมื่อถูกควบคุมผ่านโหมดนี้มันจะทำการปรับน้ำหนักตัวเองทันทีแบบอัตโมมัติให้หนักแน่นขึ้นเล็กน้อย ระบบส่งกำลังที่มักไล่อัตราทดขึ้นสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็วในโหมดประหยัดปรับเปลี่ยนตัวเองโดยคาเกียร์กับรอบเครื่องยนต์เอาไว้ในย่านกลางๆ ทุกอย่างใน X5 xDRIVE 30d เมื่ออยู่ในโหมดเกือบสูงสุดจะกระชับและว่องไวมากยิ่งขึ้น มันตอบสนองโดยทิ้งความรู้สึกแบบค่อยเป็นค่อยไปไว้ข้างหลังแล้วหันหน้ามาฉะกับคุณแบบตัวต่อตัวผ่าน Dynamic ที่ดีของตัวมันเองจนทำให้คุณแอบชื่นชมมันอยู่ในใจ

ในกรณีของ X5 แม้ช่วงล่างของมันจะดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหน ผมก็ยังแอบเสียวสันหลังทุกครั้งที่กระแทกคันเร่งลงลึกเนื่องจากสัดส่วนของความสูง มันวิ่งได้เร็วราวกับลูกธนูพุ่งออกจากคัน เมื่อเพิ่มความเร็ว เสียงลมปะทะตัวถังและเสียงยางที่บดไปกับผิวถนนยังคงถูกกักไว้ด้วยวัสดุห่อหุ้มป้องกันเสียงแปลกปลอม นับเป็นยนตกรรมชั้นดีที่มีการเก็บเสียงในระดับพรีเมี่ยม เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งร่วมสัญชาติอย่าง Cayenne และ Benz ML Class รถ X5 นับเป็นสุดยอดแห่งเครื่องจักร พวงมาลัยตึงมือใน Sport Mode แต่บาลานซ์การเลี้ยวได้อย่างสมดุล ยุคสมัยให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ระบบบังคับเลี้ยวของรถยนต์ในปัจจุบันมีความโดดเด่นมาก หากคุณทำพวงมาลัยที่ให้ความรู้สึกแย่ๆรับรองได้ว่าต้องขายไม่ออกอย่างแน่นอน พวงมาลัยของ X5 xDRIVE 30d ดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากผิวถนนได้ดีและนำพาตัวรถน้ำหนัก 2.1 ตันให้อยู่รอดปลอดภัยบนเส้นทางที่คดเคี้ยวแบบนี้ ส่วนระบบเบรคนั้นไว้ใจได้จากตัวช่วยหลากหลายรายการที่คอยประคับประคองให้เกิดความสมดุลขณะใช้เบรค ในขณะที่ผมขับแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ แต่เกิดต้องการอัตราเร่งแบบฉับพลันทันที เมื่อสวนคันเร่งลงลึกสุด เกียร์ ZF 8 Speed จะสับตัวลงโดยลดอัตราทดลงถึง 4 เกียร์เพื่อรีดแรงบิดจากเครื่องยนต์ แถมยังมีการตอบสนองที่รวดเร็วทันอกทันใจในโค้ง คุณจะสามารถสัมผัสมันได้อย่างเข้าถึงแม้เพียงปลายเท้ากดคันเร่ง มันเป็นสัมผัสที่น่าพึงพอใจบนช่วงล่างและยาง Goodyear Eagle F1 SUV 4x4 นี่คือราคาที่คุณต้องจ่ายตอนซื้อรถคันนี้ เครื่องยนต์ดีเซลบล็อก 3.0 ลิตรตอบสนองได้ดีกว่าเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ใน Series-5 F10 อย่างไรก็ตามเมื่อคุณต้องการไปให้เร็วขึ้นเครื่องยนต์ของเจ้า X5 ก็จะทำงานหนักมากยิ่งขึ้นจนส่งเสียงครางในรอบสูงไปตลอดทาง

ช่วงทดสอบพิเศษแบบออฟโรด เป็นการขับขี่ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่ต้องลุยฝ่าหล่มโคลนและหินก้อนเขื่องๆกับทางที่ต้องไต่ขึ้น-ลงเนินที่มีความสูงชันในระดับที่ไม่ธรรมดา ผมถึงกับเข่าอ่อนเมื่อมองดูเส้นทางที่รถทดสอบ X5 ทั้ง 28 คันจะต้องบุกป่าฝ่าดงขับเข้าไปและเอาตัวรอดออกมาให้ได้โดยมีระบบ xDRIVE คอยรองรับการขับขี่และประคับประคองผู้โดยสารให้อยู่รอดปลอดภัย เจ้าหน้าที่ของ BMW Group เดินมาบอกให้ทราบถึงสภาพทางและการใช้โหมดควบคุมต่างๆเพื่อทดสอบสมรรถนะของการลุยแบบเต็มเหนี่ยว บนโลกของความเป็นจริงอาจไม่เคยมีเจ้าของ X5 ซึ่งบ้าพอในการที่จะเอารถลงไปลุยหนักขนาดนี้ มันโหด ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการฝืนตัวตนของมันซึ่งแสดงออกถึงความเป็นรถหรูหราราคาแพงแม้จะทำตัวเป็นรถ SUV โหมดการขับเคลื่อน xDRIVE ที่มีระบบการควบคุมเสถียรภาพขณะขึ้น-ลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) เข้ามาช่วยชลอความเร็วขณะขับลงทางลาดชันโดยแทบไม่ต้องแตะเบรค ปุ่มสั่งงานข้างคันเกียร์ถูกผมกดใช้และยกเลิกตลอดทางที่มีความยาวประมาณ 15 กิโลเมตรแต่มีความโหดร้ายที่กระทำต่อช่วงล่างของเจ้า X5 อยู่ตลอดเวลา การขับตามรถนำซึ่งเป็นรถของเจ้าหน้าที่ทำให้ไลน์ของการวิ่งฝ่าทางออฟโรดแบบนี้ง่ายขึ้นอีกเล็กน้อย แม้ทางจะแย่พอกับทริปทดสอบ Mazda BT-50 PRO ในสหภาพพม่าช่วงขากลับบนเขาถนนธงชัย แต่รถทดสอบ X5 ทุกคันสามารถผ่านไปได้แบบทุกลักทุเล อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วว่าชุดขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อของ X5 จะมีการปรับชุดส่งกำลังและระบบช่วงล่างให้มีความสัมพันธ์ไปกับสภาพทางที่กำลังวิ่งผ่าน ทั้งมุมของการไต่และมุมจากมีการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ชุดเฟืองส่งกำลังในช่วงแรงบิดรอบต่ำทำได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คุณสามารถคลานฝ่าหลุมบ่อหรือหินก้อนโตๆได้อย่างสะดวกหรือขับโดยใช้ความเร็วต่ำเพียงแค่ประคองพวงมาลัยให้ถูกต้องกับไลน์เท่านั้นเป็นพอ

ทางแบบออฟโรดทำให้สมรรถนะในการลุยของ Porsche Cayenne / Mercedes Benz ML Class / BMW New X5 2014 มีความใกล้เคียงกันอย่างมากและมีดีมีด้อยกันไปคนละจุดขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคุณเอง ฮาร์ดแวร์ของระบบขับสี่ล้อใน BMW xDRIVE มีการตอบสนองที่ถูกปรับให้ลดความเชื่องช้าลง ระบบไต่ขึ้น-ลงจากทางลาดชันใช้เวลาไม่นานนักสำหรับการตอบสนอง สำหรับ New X5 มันกลับชอบที่จะถูกสั่งงานให้เปิดการทำงานของระบบป้องกันการลื่นไถลไว้ตลอดเวลาเมื่อต้องลุยกันยับแบบนี้ การถ่ายเทกำลังในรูปของแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้างขึ้นอยู่กับเท้าด้านขวาของคุณเป็นสำคัญ แรงบิด 560 นิวตันเมตรมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยแรงบิดที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่การออกตัวหรือฉุดตัวเองขึ้นจากหลุมบ่อขนาดยักษ์ พื้นที่ว่างใต้ท้องของเจ้า X5 xDRIVE 30d จัดการกับทางวิบากได้ดี มันแตกต่างจาก Audi Q7 All Road อยู่พอสมควรเมื่อนำมาลุย การปีนป่ายขึ้นมาจากหลุมบ่อและหล่มโคลนเลน ระบบ xDRIVE จะปั่นล้อจนหมุนฟรี จนกว่าระบบทำการประเมินผลได้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป การปักหัวลงเนินชันๆ Hill Descent Control (HDC) เข้ามาจัดการให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้น มันดูเหมือนจะลงมาเร็วเกินความเป็นจริงซึ่งคุณเองก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเบรคแต่อย่างใดทั้งสิ้น ระบบจะหน่วงความเร็วแบบอัตโนมัติจนทำให้เศรษฐีใจร้อนบางคนถึงกับออกอาการโมโห ทางแบบนี้หากรีบหรือลนมากจนเกินไปคงไม่พ้นการติดหล่มจนต้องรอคนมาช่วยเอาขึ้น วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้ xDRIVE ทำงานของมันไปตามเรื่องตามราวโดยที่คุณเพียงแค่ทำหน้าที่ประคองพวงมาลัยให้ตรงทิศทาง แค่นั้นจริงๆ

ออกจากสถานีออฟโรดในช่วงทดสอบพิเศษระยะทาง 10 กิโลเมตรกับเวลาที่ใช้วิ่งลุยป่าฝ่าเขาอีก 40 นาที ผมพาเจ้า SUV สุดหรูกลับขึ้นสู่ถนนใหญ่อีกครั้งเพื่อมุ่งหน้ากลับเข้าตัวเมืองแวนคูเวอร์ สำหรับการทดสอบช่วงสุดท้ายของวันบนรถ X5 ทั้งสองเครื่องยนต์มีระยะทางเหลืออีก 119 กิโลเมตรจากสนามออฟโรด Whistler Olympic Park ไปยังโรงแรม Fairmont Pacific Rimใช้เส้นทางเดียวกันคือทางหลวงหมายเลข 99 เหลือเวลาอีกไม่มากนักบนรถ X5 xDRIVE 30d การขับในช่วงกลับจึงเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ผมใช้ความเร็วตามที่กฏหมายของแคนนาดากำหนดพยายามซึมซับทุกรายละเอียดของ New X5 ก่อนที่จะส่งรถกลับคืนให้เจ้าหน้าที่ของ BMW Group ซึ่งรอรับรถอยู่หน้าโรงแรม ตามความคิดส่วนตัวแล้ว BMW X5 รุ่นล่าสุดแม้เจ้าของส่วนใหญ่จะไม่เคยเอามันไปวิ่งลุยหนักๆ แต่ระบบต่างๆที่คอยรองรับการขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งคอยเสริมเติมเต็มประสิทธิภาพด้านออฟโรดทำให้แม้แต่คนที่ขับออฟโรดไม่เป็นอย่างผมยังสามารถควบคุมตัวรถผ่านเส้นทางที่ยากลำบากได้อย่างปลอดภัย กลไกขับ 4 ล้อ xDRIVE มีการจัดการที่ดีด้านการทดกำลัง มันฉลาดพอที่จะรับรู้ถึงสถานะการที่ล้อแต่ละข้างกำลังเผชิญ ออฟชั่นของรุ่น 30d ที่จะนำเข้ามาขายในไทยมีทุกอย่างเท่าที่คุณต้องการซึ่งบางอย่างดูจะไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำ นอกจากตัวถังที่สวยงาม ภายในที่หรูสุดติ่งแล้ว สภาพการขับขี่ควบคุมยังคงอารมณ์และคาแรคเตอร์ของ BMW เอาไว้อย่างครบถ้วนกระบวนความ มันเป็นรถที่มีการขับขี่ควบคุมดีที่สุดคันหนึ่งของวงการ แทบจะไม่มีความแตกต่างไปจาก X6 xDRIVE 30d ในด้านของสมรรถนะและความรู้สึกหลังพวงมาลัย

เครื่องยนต์ของมันไม่ได้แรงสุดฉุดไม่อยู่อย่างรุ่น 50i หรือ M50d แต่ก็เพียงพอต่อการขับไปในทุกๆเส้นทางบนโลกใบนี้ แม้เครื่องยนต์จะไม่แรงมากนักแต่เมื่อคุณเห็นมาตรวัดเชื้อเพลิงที่ไม่ค่อยจะกระดิกตัวเองสักเท่าไหร่ มันจะทำให้คุณรู้สึกดีจากความประหยัดของขุมกำลัง ระบบเกียร์คืออีกจุดที่มีความโดดเด่น เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถ BMW เกือบทุกรุ่นที่มีขายในประเทศไทย เกียร์เทพลูกนี้เข้ามาคอยช่วยลดรอบเครื่องยนต์เมื่อคุณวิ่งที่ความเร็วเดินทาง โดยมันจะปรับรอบที่ย่านความเร็ว 120 กิโลเมตรให้ต่ำเพียง 1,800 รอบต่อนาที นั่นหมายความว่าคุณใช้รอบต่ำสำหรับการวิ่งทางยาวๆ ผลที่ได้รับสำหรับการใช้เกียร์ลูกนี้ผสมเข้ากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบสมรรถนะสูงคือความประหยัดในระดับ 15.3 กิโลเมตรต่อลิตร ดูเหมือนไม่มากนักแต่อย่าลืมคิดถึงขนาดและมวลของ X5 ที่ใหญ่โตราวกับไทรันโนซอรัสหรือ T-Rex ในยุคจูราสสิค ที่ทำออกมาได้ดีอีกจุดคือฝาท้ายแบบเปิดออกได้ด้วยการกดสวิทช์เพียงครั้งเดียว ฝากระโปรงท้ายแบบสองชิ้นที่สามารถแยกออกจากกันเวลาใช้งานทั้งการเปิด-ปิด มุมของการยกตัวที่ออกแบบมาให้เปิดได้ด้วยมุมที่กว้างสุดๆ อำนวยความสะดวกสำหรับแม่บ้านไฮโซนักขนนักช็อบที่ชอบรถคันโตเวลาไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือพาลูกๆไปพักผ่อนต่างจังหวัดในช่วงวันหยุด ประสิทธิภาพของแรงบิด 560 นิวตันเมตร บนตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 ใน 6.9 วินาที เร็วพอๆกันกับ BMW Z4 sDRIVE 23i ทั้งๆที่ตัวหนักถึง 2.1 ตัน แถมยังไปได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บ่งบอกถึงความสามารถของตัวรถได้เป็นอย่างดี สำหรับการเปิดตัว ทาง BMW Group Thailand ยังไม่ได้แจ้งถึงวันเวลาของการนำเอาเจ้า X5 xDRIVE 30d เข้ามาขายในประเทศไทย เร็วที่สุดคงเป็นช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2013 ที่อิมแพคอารีนาเมืองทองธานีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจเปิดผ้าคลุมพร้อมๆกันกับ Series-4 ก็มีความเป็นไปได้ ส่วนราคาค่าตัวน่าจะเกิน 6 ล้านบาทไปไม่ไกลมากนัก ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับสูงที่นิยมรถหรูขับเคลื่อน 4 ล้อ

ขอขอบคุณบริษัท BMW Group Thailand , คุณจอน กฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร พี่ไหม คุณพิสมัย เตียงพานิชเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ของ BMW Group Thailand บริษัท Nikon Sales Thailand ผู้ให้การสนับสนุนอุปกรณ์บันทึกภาพตลอดการเดินทางทดสอบรถยนต์ทุกทริปทั่วโลก.