พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 
4 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
ลุยพม่ากับ MAZDA BT-50 PRO (Part3)

ลุยพม่ากับ MAZDA BT-50 PRO (Part3)

ตอนสุดท้ายในทริปเปิดประตูสู่อินโดจีนกับ Mazda BT-50 PRO วิ่งกลับบ้านบนเส้นทางหฤโหดของเทือกเขาถนนธงชัย ลัดเลาะไปตามเขตแดนของรัฐกะเหรี่ยง ผ่านแม่สอดตรงเข้าสู่กรุงเทพมหานคร...

06.15 น. เช้าวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 อากาศที่สดชื่นบนพระธาตุอินทร์แขวนทำให้การนอนหลับพักผ่อนทำได้อย่างเต็มที่ วันนี้คณะคาราวานสื่อมวลชนสายรถยนต์จากประเทศไทยจะต้องนั่งรถโดยสารกลับลงไปยังตีนเขา หลังจากนั้นจะขับมุ่งหน้าสู่เมืองเมียวดีและอำเภอแม่สอด เป็นการขับข้ามพรมแดนจากเขตยึดครองของกะเหรี่ยงกลับคืนสู่ประเทศไทยหลังจากตระเวนล่องใต้จากย่างกุ้งลงมายังเมืองหงสาวดีและไจทีโยของชนชาติมอญ รถบรรทุกโดยสาร 6 ล้อใช้เวลาวิ่งลงจากยอดพระธาตุอินทร์แขวน 40 นาที ก็มาถึงยังจุดจอดรถ ขบวนรถทดสอบ Mazda BT-50 PRO ตั้งแถวเรียงตามหมายเลขจำนวน 15 คัน ตั้งขบวนขับมุ่งหน้าสู่รัฐกะเหรี่ยงที่มีระยะทางจากตีนเขาไปยังอำเภอแม่สอดยาวถึง 420 กิโลเมตร แม้ระยะทางจะไม่ไกลมากนักแต่เป็นทางสองเลนสวนที่ใช้ความเร็วไม่ได้เต็มที่นัก ช่วงที่จะขับผ่านภูเขาสูงซึ่งเป็นเทือกเขาถนนธงชัย แนวตะเข็บพรมแดนที่กั้นระหว่างพม่าและไทย ทีมทดสอบต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมงครึ่งบนระยะทางเพียงแค่ 20 กิโลเมตร


เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 150 แรงม้าในรถคันทดสอบใช้เสื้อสูบที่ผลิตขึ้นรูปจากอัลลอยทั้งหมด ฝาสูบทำจากอัลลอย เพลาราวลิ้นขับเคลื่อนด้วยโซ่เพื่อยืดอายุการใช้งานและมีความคงทนมากกว่าสายพานราวลิ้นที่ทำจากยาง เทคโนโลยีล่าสุดของระบบปั๊มเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่นมีแรงดันมากถึง 1,800 บาร์ หัวฉีดมีการทำงานหลายจังหวะ ควบคุมด้วย ECU เพื่อความแม่นยำสูงสุดในการจุดระเบิด ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบแปรผันยอดนิยมในปัจจุบัน ซึ่ง BT-50 PRO วางเทอร์โบแบบ Variable nozzle turbocharger มีใช้ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 3.2 และ 2.2 ลิตร สำหรับเครื่องยนต์ 2.2 ลิตรระดับกำลังปานกลางนั้นจะมาพร้อมกับเทอร์โบแบบ Fixed-geometry turbocharger ใช้อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิของไอดีให้รวดเร็วขึ้นก่อนประจุไปยังห้องเผาไหม้ อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ยังถูกนำมาใช้กับเทอร์โบในทุกๆ รุ่น รวมทั้งระบบการหมุนเวียนไอเสียไหลกลับที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดอุณหภูมิการเผาไหม้และลดปริมาณการปล่อย NOX


ระบบส่งกำลังแบบ 6 สปีดในรถ BT-50 คันทดสอบเป็นเกียร์ธรรมดาที่ออกแบบให้มีการเข้าเกียร์ค่อนข้างกระชับและสั้นคล้ายรถเก๋ง ระยะของคลัตช์ที่ไม่ลึกมากและมีน้ำหนักเบาทำให้การใช้งานมีความง่ายและสะดวกมากขึ้น เกียร์ธรรมดา 6 อัตราทด นอกจากจะมีคันเกียร์ที่สั้นกระชับแล้ว ซิงโครไนเซอร์แบบ Rigid ยังช่วยให้การถ่ายเทแรงบิดได้อย่างสมบูรณ์แบบขณะขับขี่ใช้งาน เกียร์ที่เปลี่ยนได้ง่ายและแม่นยำจากการออกแบบกลไกและจังหวะของการเข้าเกียร์ใหม่หมดช่วยให้การขับขึ้นเขาลงเนินง่ายดายขึ้นมาก สัญญาณเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ Upshift Indicator ถูกแสดงที่หน้าจอเพื่อทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งของเกียร์ในรอบสูงสุดของเกียร์นั้นๆ ได้ดี สำหรับระบบรองรับที่จะต้องผจญกับทางแย่ๆ ของรัฐกะเหรี่ยงในช่วงเย็นก่อนจะข้ามพรมแดนไปยังอำเภอแม่สอดนั้น ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริง ด้านหลังแบบคานแข็งและแหนบ Leaf Spring เมื่อมาพบกับผิวถนนที่ไม่เรียบของรัฐกะเหรี่ยงสามารถรับมือได้ชนิดไม่ยั่น ถนนลาดยางมะตอยสองเลนสวนกันที่เต็มไปด้วยอันตราย บางช่วงบางตอนมีสภาพที่ผุพังจากการใช้งานไม่สร้างปัญหาให้กับตัวลุยอย่าง BT-50 PRO แม้แต่น้อย ความรู้สึกที่กระเด้งกระดอนไปตลอดทางรับรู้ได้ตั้งแต่ขับออกมาจากเมืองย่างกุ้ง 420 กิโลเมตร สำหรับการขับทดสอบในวันนี้ จะพิสูจน์ทั้งรถและคนขับว่ามีความอึดและอดทนมากขนาดไหน อย่างที่บอกเอาไว้ว่าระยะทาง 20 กิโลเมตร บนเทืิอกเขาถนนธงชัยนั้น คือฝันร้ายของรถทุกคันที่วิ่งขึ้นลงเพื่อไปยังจุดผ่านแดนในอำเภอแม่สอด หลังจากนั้นขบวนจะผ่านด่านตรวจคนเข้า-ออกเมืองของทั้งพม่าและไทยในช่วง 16.30 น.


ออกจากตีนเขาพระธาตุมาได้สัก 100 กิโลเมตร วิวทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากหุบเขาสูงมาเป็นที่ราบลุ่มเต็มไปด้วยสวนยางพารา ไร่สับปะรดและมะเขือเทศสลับกับป่าโปร่งเขียวชะอุ่ม เมื่อวิ่งเข้าไปใกล้กับเมืองเมียวดีมากยิ่งขึ้น รถยนต์โดยสารสองแถวเจ้าถิ่น รถอีแต๋นและรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในแถบนั้นเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การแซงต้องใช้ความระมัดระวังกันมากยิ่งขึ้น ถนนที่แคบจนแทบจะสวนกันลำบากแถมบางครั้งยังมีรถบรรทุกและรถโดยสารจอดอยู่บนถนนแทนที่จะจอดบนไหล่ทางข้างๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงหากไม่ระวังให้ดีพอ วิทยุที่คอยแจ้งเตือนถึงทางข้างหน้าจากรถคันนำทำให้การขับแบบคาราวานตามติดกันเป็นขบวนแบบนี้มีความปลอดภัยพอสมควร สภาพเส้นทางและวินัยจราจรของเมืองทางใต้ในพม่ายังคงต้องปรับปรุงอีกมาก น้ำใจจากเพื่อนร่วมทางซึ่งเป็นคนท้องถิ่นมีให้เห็นตลอดทาง เมื่อขับผ่านรถที่แล่นช้าหรือขับผ่านรถที่วิ่งสวนมา รถเหล่านั้นจะขับชิดไหล่ทางเพื่อหลบให้ขบวนรถทดสอบที่ยาวเป็นกิโลฯ สามารถวิ่งผ่านไปได้อย่างสะดวกสบาย สภาพชนบทที่ไม่รีบเร่งทำให้น้ำใจและความเป็นมิตรของผู้คนที่นี่ยังคงเหลืออยู่อีกมาก แตกต่างจากการขับรถในประเทศไทยที่มักจะขับกันแบบใครดีใครได้มากกว่าจะเอื้อเฟื้อกันแบบนี้


เมื่อข้ามแม่น้ำอิรวดีมาได้สักครู่ก็จะวิ่งเข้าไปยังเขตเมืองเมียวดี นับเป็นหนึ่งในเมืองชายแดนหน้าด่านที่สำคัญของสหภาพพม่า ในฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านชายแดนภาคตะวันออกสุด โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตของรัฐกะเหรี่ยง ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำเมย และอยู่ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีประชากรประมาณ 53,000 คน และมีความหนาแน่นประชากรประมาณ 43 คนต่อตารางไมล์ เมียวดีถือเป็นชุมชนทางด้านการค้า การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และถือเป็นเมืองประวัติศาสตร์ทางด้านการรบระหว่างไทยกับพม่าในอดีต นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น วัดเจดีย์ทอง วัดจระเข้บัว วัดก้อนหินใหญ่ รวมไปถึงตลาดบุเรงนองที่มีสินค้าท้องถิ่นขายในราคาถูก อาทิ อัญมณี เครื่องประดับ ฯลฯ ทางด้านการค้า เมียวดีได้รับการส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันระหว่างจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-พม่าในลักษณะ Sister Cities หรือบ้านพี่เมืองน้อง และยังได้พัฒนาให้เป็น Trading Center ซึ่งทางรัฐบาลไทยได้ดำเนินการสร้างถนนจากแม่สอดไปยังเมืองเมียวดีเป็นระยะทางทั้งสิ้น 17 กิโลเมตร รูปแบบของการค้ามุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ Garment เพื่อต้องการที่จะส่งออกสินค้าไปยังประเทศไทย และต้องการค้าขายในรูปแบบ Cross border trade หรืออาจจะมีการทำในลักษณะ Cutting Making and Packing (CMP) เพื่อส่งกลับไปยังประเทศไทย ในการนี้ทางพม่ามีความสนใจที่จะร่วมลงทุนกับนักธุรกิจไทย เพราะพม่ามีโรงงานที่ปิดกิจการอยู่แต่มีเครื่องจักรที่พร้อมทำงานอยู่แล้ว จึงอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนมากนัก


นอกจากนี้ทางรัฐบาลพม่าได้มีการจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดี (Myawadi Border Trade Zone) มีพื้นที่พัฒนารวมประมาณ 460 ไร่ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่สำหรับสำนักงาน ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ส่วนตรวจสอบสินค้า และช่องทางสำหรับพิธีการทางด้านศุลกากรแบบครบวงจรประมาณ 180 ไร่ และพื้นที่สำหรับอาคารขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงพื้นที่สำหรับนิคมอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการพาณิชย์ประมาณ 300 ไร่ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีนี้จะเข้าสู่ระบบสากลได้ภายในปี 2552 หลังจากนั้น ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่เพื่อการพาณิชย์จะเริ่มดำเนินการต่อไป สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เมืองเมียวดีได้จำลองการดำเนินงานมาจากเขตเศรษฐกิจจากเมืองมูเซทั้งหมด แต่ปริมาณการค้ามีขนาดที่เล็กกว่า กล่าวคือในปัจจุบันช่องการส่งออกจากเขตเศรษฐกิจเมียวดีนี้มีมูลค่าเฉลี่ยปีละประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับมูเซ (Muse 105th Mile Border Trade Zone) ที่มีมูลค่าของการค้าอยู่ในระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามทางเขตฯ เชื่อว่า เมื่อนิคมอุตสาหกรรมและระบบการค้าชายแดนในพื้นที่นี้แล้วเสร็จ มูลค่าของการค้าในพื้นที่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนทั้งด้านการเดินทาง การขนส่ง ประกอบกับค่าจ้างแรงงานที่มีราคาถูก (ประมาณ 40 - 60 บาทต่อวัน) นอกจากนี้ยังมีท่าเรือน้ำลึก อาทิ ที่เมืองซิดเหว่และเมียวอู ซึ่งมีความสำคัญและสามารถรองรับการค้าการขนส่งของพม่าได้

นอกจากการดำเนินกิจกรรมทางการค้าชายแดน เมืองเมียวดียังเป็นเมืองที่มีความพร้อมทางด้านผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว พริก งา ละหุ่ง มะเขือเทศญี่ปุ่น ถั่วแระญี่ปุ่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อันจะเป็นวัตถุดิบเพื่อป้อนให้แก่ภาคอุตสาหกรรม มีทรัพยากรและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เมืองเมียวดียังมีสาธารณูปโภคที่ค่อนข้างใช้ได้ ทั้งทางด้านนํ้าประปา ไฟฟ้า และโรงพยาบาล/อนามัย ทางด้านระบบสื่อสารนั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มี internet cafe คอยให้บริการ ที่สำคัญสามารถรับสื่อทีวีของประเทศไทยได้ทุกช่องอีกด้วย ทางด้านพฤติกรรมผู้บริโภคในเมียวดี จะมีกำลังซื้อน้อยกว่าในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ หากแต่เมียวดีเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญที่จะขนสินค้าจากประเทศไทย และลำเลียงส่งต่อไปยังย่างกุ้งและมัณฑะเลย์เพื่อที่จะกระจายสินค้าต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ของสหภาพพม่า ดังนั้นกำลังซื้อสำคัญของเมียวดีคือเป็นการซื้อโดยพ่อค้าเพื่อส่งต่อไปยังจุดกระจายสินค้าสำคัญตามภูมิภาค ปัจจุบันได้มีการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีขึ้น จึงคาดว่าเศรษฐกิจในเมียวดีจะมีความคึกคักมากขึ้น ดังนั้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่จึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


เขาถนนธงชัยเป็นเทือกเขาสูงอยู่ทางทิศตะวันออกของอำเภอแม่สอด ใช้เป็นเส้นแบ่งอาณาเขตระหว่างอำเภอแม่สอดกับอำเภอเมืองตาก และเป็นสันปันน้ำระหว่างแม่น้ำเมยกับแม่น้ำปิง อยู่ในเขตอำเภอแม่สอด มีความยาวประมาณ 80 กิโลเมตร ยอดเขาสูงสุดในเขตอำเภอแม่สอดสูง 870 เมตรจากระดับน้ำทะเล เทือกเขานี้เป็นเส้นแบ่งเขตจังหวัดตากออกเป็น 2 ภาค คือภาคตะวันออกและภาคตะวันตก อำเภอที่อยู่ในเขตตะวันออกมีอำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก และอำเภอสามเงา และอำเภอวังเจ้าภาคนี้จะมีอากาศร้อนจัด และแห้งแล้ง ฝนตกน้อย (ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ เรียกว่าเขตพาดผ่านของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เนื่องจากอีกภาคหนึ่งมีลักษณะเป็นชายฝั่งทะเล คือ ทะเลอันดามันในเขตประเทศพม่า ลมไม่สามารถพาน้ำซึ่งจะเป็นฝนไปตกอีกภาคหนึ่งเพราะมีเทือกเขาถนนธงชัยกั้นอยู่) อำเภอที่อยู่ในภาคตะวันตกมีอำเภอแม่สอด อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง อำเภออุ้มผางและอำเภอพบพระ ทางขึ้นเขาเป็นทางลาดยางที่แคบและมีอันตรายแอบแฝงอยู่จากไหล่ทางที่ไม่มีพื้นที่มากพอให้รถวิ่งสวนกัน ทางการพม่าจึงจัดวันสำหรับการวิ่งขึ้น-ล่องบนเขาถนนธงชัยแบบวันเวย์ คือเปิดให้รถวิ่งจากฝั่งไทยข้ามขึ้นเขามายังพื้นที่ในเขตรัฐกะเหรี่ยงในวันเลขคี่ ส่วนวันเลขคู่ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 ในช่วงขับกลับจะเป็นวันที่ทางการของพม่าอนุญาตให้รถจากฝั่งพม่าวิ่งขึ้นเขาไปยังด่านพรมแดนที่ติดกับประเทศไทยเพื่อป้องกันการขับสวนทางบนถนนของเทือกเขาสุดอันตรายแห่งนี้ ทางที่มีช่องทางจราจรเพียงแค่เลนเดียวนี้ยังผุพังเน่าเฟอะเกินจะบรรยาย บอกได้แต่เพียงว่าหากรถของคุณไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากพอ ไม่ควรจะขับขึ้นไปบนเส้นทางนี้อย่างเด็ดขาด ตลอดสองข้างทางที่ขับขึ้นไปยังเทือกเขาถนนธงชัยคุณจะเห็นรถยนต์ที่จอดหมดสภาพเป็นระยะๆ ซากรถเหล่านั้นไม่สามารถที่จะขับลงมาได้อีกและถูกปล่อยทิ้งไว้ให้เสื่อมสภาพไปเองบนภูเขา เท่าที่สังเกตมีทั้งรถบัสเก่าๆ ที่ขึ้นสนิมทั้งคัน รถปิกอัพโดยสารของชาวบ้านที่จอดเสียอยู่ข้างทางรวมถึงรถกระบะขนของสภาพเก่าแก่เกินอายุใช้งานที่บางคันต้องพบกับจุดจบชนิดที่ไม่ต้องเยียวยาแก้ไขเพื่อกลับมาใช้ใหม่ แชสซีที่ขาดออกจากกันทำให้ตัวถังโก่งงอจนใช้วิ่งต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ทางบนเทือกเขาถนนธงชัยที่จะข้ามมายังอำเภอแม่สอดซึ่งมีแค่เส้นทางเดียวคือสุสานรถยนต์ที่พยายามจะข้ามผ่านอย่างแท้จริง


นี่คือแนวรบด่านสุดท้ายที่ทีมคาราวานทดสอบ Mazda BT-50 PRO จะต้องฟันฝ่าไปให้ถึงเขตแดนไทยในอำเภอแม่สอดก่อนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะปิดตัวเองลงในเวลา 17.00 น. ขณะที่กำลังกระเด้งกระดอนอยู่เบาะหลัง ขบวนรถวิ่งไต่ขึ้นเขาอยู่ดีๆ ก็พบกับรถชาวบ้านที่จอดเสียขวางทางจนไปกันไม่ได้ทั้งขบวน ช่างเครื่องในรถเซอร์วิสของ Mazda Motor ลงไปแก้ไขสักพักก็ไม่สามารถที่จะติดเครื่องยนต์ของรถกระบะคันดังกล่าวได้ พลพรรคสื่อมวลชนบางคนจึงต้องออกแรงเข็นเจ้าปิกอัพเน่าๆ คันนั้นเข้าข้างทางเพื่อเปิดเส้นทางการจราจร รถที่ติดยาวไปจนถึงอีกหุบเขาจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวตามกันออกมา แง่งหินแหลมคมที่มีอยู่ทั่วไปบนทางที่พังอย่างสิ้นเชิงทำให้การควบคุมพวงมาลัยต้องคอยระวังหินคมๆ เหล่านั้นให้ดี มันพร้อมที่จะฉีกแครงอ่างน้ำมันเครื่องหรือทิ่มแทงยางออฟโรดให้พบกับจุดจบได้ภายในพริบตา แถมไหล่ทางที่คับแคบยังทำให้เกิดความเสียวสยองเมื่อมองลงไปด้านล่างซึ่งลึกมาก หากพลาดพลั้งเพียงแค่นิดเดียวคุณจะดิ่งลงเหวข้างทางที่มีความชันมากกว่า 500 ฟุตในบางจุด ผิวทางแบบโลกพระจันทร์แห่งเทือกเขาถนนธงชัย ขบวนคาราวานต้องใช้เวลาวิ่งถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง บนระยะทางขึ้นลงเขาเพียงแค่ 20 กิโลเมตร ทางแย่ๆ ในเขตวังเวียงไปยังหลวงพระบางที่ผมและเพื่อนๆ เคยขับทดสอบ BT-50 PRO ผ่านเมื่ิอปีกว่ามาแล้วใน สปป. ลาว เทียบไม่ได้เลยกับทางหินสุดโหดบนสถานที่แห่งความวิบัติของเทือกเขาถนนธงชัย ตัวถังของ BT-50 PRO ต้องรองรับแรงบิดที่เข้ามากระทำอย่างหนักหน่วง ช่วงล่างแบบออฟโรดของมันถือว่าสอบผ่านได้อย่างสบายแม้จะผ่านมาด้วยความทุลักทุเลก็ตาม มันคือเส้นทางหฤโหดที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต

ปัจจัยในการจำกัดความเร็วเมื่อวิ่งอยู่บนภูเขาสูงแห่งนี้ไม่ใช่ใบสั่งหรือการตัดแต้มใดๆ ทั้งสิ้น มันคือความรักตัวกลัวตายหากพลาดเพียงนิดเดียว คุณอาจดวงกุดชนเข้ากับก้อนหินใหญ่ๆ หรืออาจพลาดขับตกเหว คุณก็จะตีลังกาไปเป็นร้อยเมตรก่อนที่จะไปกองอยู่ตีนเขาด้านล่างแล้วก็จบเห่ มันคือการผจญภัยขั้นสุดยอดของเส้นทางที่ขบวนรถทั้งหมดจะต้องฟันฝ่าไปให้ถึงด่านพรมแดนที่รออยู่ข้างหน้า


ลงจากหุบเขากินรถบนเทือกเขาถนนธงชัย ขบวนรถทดสอบก็พบกับทางลาดยางเรียบๆ ก่อนที่จะขับข้ามสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลท่าสายลวด เป็นสะพานที่สร้างข้ามแม่น้ำเมย ระหว่างอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กับเมืองเมียวดี ของสหภาพพม่  มีความยาว 420 เมตร กว้าง 13 เมตร สำหรับประชาชน ชาวไทยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอแม่สอด สามารถเดินทาง หรือนำรถยนต์ข้ามไปในประเทศพม่าได้ โดยทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวได้ที่ที่ว่าการอำเภอแม่สอด หรือศูนย์การค้าแม่เมยซิตี้ โดยเสียค่าธรรมเนียมทั้งในฝั่งประเทศไทย และฝั่งประเทศพม่า และเสียค่าประกันภัยรถยนต์ตามที่กำหนด คณะสื่อมวลชนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็วิ่งตามกันเป็นทิวแถวเหมือนเดิมมุ่งหน้าเข้าไปเช็กอินยังโรงแรมเซ็นทารา แม่สอด เพื่อพักค้างคืินก่อนจะขับกลับกรุงเทพมหานครในเช้าวันรุ่งขึ้น งานเลี้ยงอำลาที่จัดขึ้นข้างสระน้ำของโรงแรมเต็มไปด้วยบรรยากาศของความสนุกสนานจากเสียงพูดคุยถึงเส้นทางที่ผ่านมาทั้งสามวันในแผ่นดินพม่า ผมเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะจะต้องขับรถตีรวดเดียวจากจังหวัดตากลงมายังกรุงเทพฯ ในเช้าวันรุ่งขึ้น ร่างกายที่เริ่มหมดสภาพจากทางแย่ๆ บนเทือกเขาถนนธงชัยทำให้หลับสนิทอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว


9.00 น. เช้าวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม ขบวนรถทดสอบออกสตาร์ตจากหน้าโรงแรมมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ โดยใช้รถนำเหมือนเดิม ระยะทาง 426 กิโลเมตรบนถนนเรียบๆ แตกต่างจากทางเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ผมควงคนเดียวว่ากันยาวๆ จากแม่สอดไปจนถึงกรุงเทพมหานคร ปล่อยให้ อมร วรมาลีและคิงส์ลี่นั่งหลับบ้างตื่นบ้างตลอดเส้นทางที่ค่อนข้างโปร่งโล่ง โดยภาพรวมแล้ว Mazda BT-50 PRO ได้พิสูจน์ตัวตนของมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ทริปอุดร วังเวียง หลวงพระบาง มาจนถึงทริปตะลุยสหภาพพม่า เป็นการเสริมเติมเต็มประสบการณ์ของการควบคุมขับขี่ท่ามกลางสภาพทางที่ค่อนข้างแย่ในสองวันแรก และมาถึงจุดไคลแมกซ์เอาเมื่อวานนี้บนเทือกเขาถนนธงชัย ประสบการณ์ของการขับทดสอบทั้งสองทริปในประเทศเพื่อนบ้านกับทริปเปิดประตูสู่อินโดจีนได้สร้างความรู้ความเข้าใจในชีวิต ความเป็นอยู่และสภาพบ้านเมืองของพี่น้องทั้งสองประเทศ แม้โคบายาชิ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้ให้กำเนิด BT-50 PRO ไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย แต่ภาพรอยยิ้มและความเป็นคนง่ายๆ อัธยาศัยใจคอสุภาพอ่อนโยนของชายชาวญี่ปุ่นผู้ร่วมพัฒนา BT-50 PRO ที่หลวงพระบางในทริปทดสอบครั้งแรกของรถปิกอัพพันธ์ุแกร่งรุ่นนี้ ได้สร้างความประทับใจให้กับผมเป็นอย่างมาก ขอขอบคุณบริษัท Mazda Sales Thailand โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ สุรีทิพย์ ละอองทองโฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและ อุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์บริษัท Mazda Sales Thailand Co,ltd. กับทีมงานพีอาร์ของค่ายที่ร่วมกันทำตามความฝันที่ว่า ขับเคลื่อนทุกสิ่งให้เป็นความจริงได้.


คำกล่าวของ ทากาสุเกะ โคบายาชิ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้พัฒนารถปิกอัพ Mazda BT-50 PRO

"ตลอดระยะเวลาสำหรับการทำงานในฐานะวิศวกร Mazda มากว่า 30 ปีจนถึงวันนี้ ผมได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการพัฒนารถกระบะ จึงทำให้ผมอาจจะได้รับข้อมูลและเสียงสะท้อนจากลูกค้ารถกระบะมากกว่าวิศวกรท่านอื่นๆ ในบริษัท การพัฒนารถกระบะของผมนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากความเชื่อว่ารถกระบะจะต้องสามารถตอบสนองการใช้งานได้เต็มร้อย ในทุกรูปแบบที่ลูกค้าทั่วโลกต้องการ และนั่นคือแนวทางที่ผมมุ่งมั่นในการพัฒนารถ BT-50 PRO ใหม่ รถกระบะออฟโรดของ Mazda ในปัจจุบันเป็นรถที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น ให้สมรรถนะการขับขี่และประโยชน์ใช้สอยมากมาย เป็นรถกระบะที่ยอดเยี่ยม ถึงกระนั้น ผมยังมุ่งมั่นที่จะสร้างรถ BT-50 PRO รุ่นใหม่ ด้วยนิยามใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในรถกระบะ นั่นคือการสร้างรถกระบะที่มีบุคลิกภาพของรถยนต์นั่ง ทีมงานของผมได้นำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ รวมทั้งการออกแบบที่โดดเด่น และการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานของรถขึ้นไปจนเทียบเท่ากับรถยนต์นั่งระดับสูงอย่าง CD Car เราพัฒนาเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังใหม่ทั้งหมด รวมถึงระบบบังคับเลี้ยว และโครงสร้างของรถเพื่อสร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่ตามแบบฉบับ Zoom Zoom ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์ Mazda ตลอดระยะเวลาของการทำงานเรายึดมั่นในแนวคิดแบบยั่งยืนของ Mazda (Mazda’s Sustainable Zoom-Zoom) เพื่อให้แน่ใจถึงสมรรถนะที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราได้นำระบบควบคุมการขับขี่แบบใหม่เข้ามาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อให้สมรรถนะด้านความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม รวมถึงการเพิ่มความหลากหลายของตัวถัง เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง รวมถึงการแบ่งระดับของรุ่นต่างๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด"


"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของปิกอัพ BT-50 PRO รุ่นใหม่ คือกลุ่มคนที่มีความกระฉับกระเฉงในการใช้ชีวิต ใช้รถกระบะทั้งในธุรกิจการทำงานและทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกครอบครัว เดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เป็นกลุ่มคนที่เลือกใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในแบบฉบับของตัวเอง พวกเขามองว่ารถที่ใช้บ่งบอกและสะท้อนภาพลักษณ์ของตัวเอง ให้ความสำคัญต่อการดีไซน์ รูปลักษณ์ที่โดดเด่น และคุณภาพของรถที่ให้ความไว้วางใจได้ หลงใหลในสมรรถนะการขับขี่แบบ Zoom Zoom โดยไม่ยอมประนีประนอมถึงแม้จะเป็นรถกระบะ หรือพูดสั้นๆ ว่า พวกเขาต้องการรถกระบะที่แตกต่าง และเหนือกว่ารถกระบะที่มีอยู่ในตลาด การออกแบบด้วยแนวความคิดที่ต้องการสร้างความแตกต่าง ไม่ต้องการอยู่ในกรอบและข้อจำกัดเดิมๆ ของรถกระบะ เราออกแบบ Mazda BT-50 PRO ที่ให้ทั้งความอเนกประสงค์แบบรถกระบะ รูปลักษณ์การออกแบบ และความสะดวกสบาย วัสดุคุณภาพชั้นสูงเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบสนองการใช้งานทั้งในการทำงานและการพักผ่อนใช้เวลาส่วนตัวกับสมาชิกในครอบครัว นั่นคือแก่นแท้ของการพัฒนารถ Mazda BT-50 PRO ที่ Mazda Motor ตั้งใจสร้างขึ้นสำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบเป็นพิเศษนั่นเอง" ทากาสุเกะ โคบายาชิ หัวหน้าทีมวิศวกรพัฒนารถรุ่น BT-50 PRO กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในช่วงของการขับทดสอบที่เมืองหลวงพระบาง สปป ลาว.


ทีมนักออกแบบของ Mazda ใช้แนวคิดการออกแบบ Sophisticated Beast ที่แสดงออกถึงความสง่างามภูมิฐานของราชสีห์ สรีระที่สวยงามแต่ดูแข็งแรงมีพละกำลังและยังมีความปราดเปรียวคล่องแคล่ว ประหนึ่งว่าจะกระโจนเข้าตะครุบเหยื่ออย่างรวดเร็วโดยที่เหยื่อไม่ทันได้ตั้งตัว ด้านหน้ารถออกแบบด้วยรูปทรงที่มีขนาดและมิติที่ใหญ่ดูมั่นคงแข็งแกร่งและบึกบึน โดยยึดแนวการออกแบบตามแบบฉบับรถในตระกูล Mazda โดยเฉพาะกระจังหน้าทรง 5 เหลี่ยม พิถีพิถันกับการออกแบบไฟหน้าแบบบูมเมอแรง (Boomerang Design) ในลักษณะเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง Mazda สำหรับการออกแบบด้านข้าง รถ New BT-50 PRO แสดงถึงการปฏิวัติสถาปัตยกรรมในการออกแบบรถกระบะอย่างแท้จริง ความยาวของตัวรถยาวมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน จึงมีพื้นที่ให้สามารถใส่รายละเอียดในการออกแบบทั้งด้วยรูปทรงและพื้นผิวที่สวยงามกลมกลืนลงตัว ซุ้มล้อหน้าขนาดใหญ่ถือเป็นวิวัฒนาการของการออกแบบที่ใช้ในการออกแบบรถยนต์นั่งของ Mazda ที่ทำให้ตัวถังดูใหญ่มีมิติที่สวยงาม การออกแบบด้วยรูปทรง พื้นผิวและเส้นสายที่สัมพันธ์กันและต่อเนื่องจากซุ้มล้อหน้าไล่ไปจนถึงด้านท้ายรถ ทำให้ดูแข็งแกร่ง คล่องแคล่วปราดเปรียว การออกแบบด้านหลังรถ ถูกกำหนดโดยเส้นคอนทัวร์ไลน์แนวนอนขนาดใหญ่ทำให้เห็นแสงเงาของเส้นอย่างชัดเจน สอดรับกันอย่างกลมกลืนกับไฟท้ายดีไซน์ในแนวนอนที่บ่งบอกถึงความไม่ซ้ำรูปแบบกับรถกระบะยี่ห้ออื่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ BT-50 PRO สามารถบอกได้ว่าเป็นรถกระบะ Mazda ทันทีเมื่อได้เห็นล้ออัลลอยขนาด 16 และ 17 นิ้ว ออกแบบให้รับกับเส้นสายของตัวถังได้อย่างลงตัว


ภายในเน้นความรู้สึกสปอร์ตและการออกแบบเหมือนกับรถยนต์นั่ง การออกแบบเลย์เอาต์คอนโซลหน้าด้วยรูปทรงที่ไม่สมมาตรโดยเป็นมุมเปิดกว้างสำหรับส่วนของผู้โดยสารด้านหน้า และเป็นมุมแคบแบบโอบกระชับล้อมรอบในส่วนของผู้ขับขี่ จึงทำให้ห้องโดยสารด้านหน้ากว้างขวางและมีพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบายเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง ในขณะที่ผู้ขับขี่จะมีเบาะนั่งที่โอบกระชับแบบสปอร์ต การวางเลย์เอาต์ในส่วนผู้ขับขี่ที่โอบล้อมให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง (Wraparound driving environment) ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ ภายในเลือกใช้โทนสีดำเป็นสีหลัก ตัดกันด้วยชิ้นงานตกแต่งสีเงิน ประกอบไปด้วย ชิ้นงานตรงแผงประตู คอนโซลกลาง หัวเกียร์ ปุ่มกดที่เบรกมือ มือจับประตูด้านใน มาตรวัดความเร็ว เข็มบอกความเร็ว โดยทำจากหลากหลายชนิดของวัสดุ และเลือกใช้โทนสีเงินที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของชิ้นงานนั้นๆ ชิ้นงานที่ผู้ใช้จะต้องสัมผัสจะเลือกใช้วัสดุที่ทำจากโครเมียมที่ให้ผิวสัมผัสที่ประณีต ไม่แยงสายตา เบาะนั่งเลือกใช้วัสดุคุณภาพมีให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วยเบาะผ้า 2 แบบขึ้นอยู่กับระดับของรุ่นรถ และเบาะหนังสำหรับรุ่นระดับบน

สีภายนอก
สีฟ้า กันเมททัล บลู ไมก้า Gunmetal Blue Mica (38L)
สีขาว คูล ไวท์ Cool White (A2W)
สีแดง คอปเปอร์ เรด ไมก้า Copper Red Mica (37M)
สีดำ แบล็ก ไมก้า Black Mica (16W)
สีเทา ไททาเนี่ยม เกรย์ Titanium Grey Metallic (30B)
สีทอง สปาร์คกลิ้ง โกลด์ ไมก้า Sparkling Gold Mica (34E)
สีเงิน ไฮไลต์ ซิลเวอร์ เมทัลลิค Highlight Silver Metallic (18G)


Di-THUNDER PRO 2.2 L


Di-THUNDER PRO 3.2 L
เครื่องยนต์ใหม่ประกอบด้วย
เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร และ Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อทุกรุ่นมีฟังก์ชั่นสวิตช์ Shift on-the-fly ใช้เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนระหว่างการขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป (Limited Slip Differential) ในรุ่น Hi-Racer 4x2 ยกสูง ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด


เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ Di-THUNDER PRO
เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตร คอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น 4 สูบ 16 วาล์ว มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ระดับกำลังสูง และระดับปานกลาง ซึ่งเครื่องยนต์ระดับกำลังสูง ให้กำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า (110kw) ที่ 3,700 รอบ แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ ให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ที่มีอยู่ในตลาด เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร ครั้งแรกของ Mazda กับเครื่องยนต์ 5 สูบ ที่ให้ความจุกระบอกสูบขนาดใหญ่แต่มีขนาดกะทัดรัด ให้ประสิทธิภาพสูง และให้สมรรถนะที่ดีเมื่อเทียบกับรถกระบะในท้องตลาด ด้วยกำลังถึง 200 แรงม้า (147kw) ที่ 3,000 รอบ และแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ การประหยัดน้ำมันและสมรรถนะด้าน NVH ที่ช่วยให้การขับขี่ในห้องโดยสารเงียบ ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 และ 3.2 ลิตร เสื้อสูบทำจากเหล็กหล่อที่ออกแบบด้วยโครงสร้างเฟรมแบบขั้นบันไดเพื่อให้ความแข็งแรงมากขึ้น ฝาสูบทำจากอลูมิเนียม ลูกเบี้ยวขับเคลื่อนด้วยโซ่มีอายุการใช้งานยาวนาน ตัวปรับแลชแบบไฮโดรลิค เทคโนโลยีล่าสุดของระบบปั๊มคอมมอนเรลแรงดันสูงมากถึง 1,800 บาร์ พร้อมกับหัวฉีดหลายจังหวะควบคุมด้วยความแม่นยำ เทอร์โบแปรผัน Variable-nozzle turbocharger สำหรับเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตรระดับกำลังสูง โดยสำหรับเครื่องยนต์ 2.2 ลิตรระดับกำลังปานกลางจะมาพร้อมกับเทอร์โบแบบ Fixed-geometry turbocharger อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ถูกนำมาใช้กับเทอร์โบในทุกๆ รุ่น รวมทั้งระบบการหมุนเวียนไอเสียไหลกลับที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยลดอุณหภูมิการเผาไหม้และปริมาณการปล่อย NOX เครื่องยนต์ดีเซล Di-THUNDER PRO 2.2 ลิตรระดับกำลังสูง และ Di-THUNDER PRO 3.2 ลิตร มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด


ระบบส่งกำลัง
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ออกแบบให้คันเกียร์สั้นกระชับเพื่อให้การเปลี่ยนที่รวดเร็ว ซิงโครไนเซอร์เชื่อมแบบ Rigid ช่วยให้สามารถส่งถ่ายแรงบิดที่สูงได้ในขณะที่ยังให้การเปลี่ยนเกียร์ที่เบาและแม่นยำในการใช้งาน นอกเหนือจากนั้นกลไกการเข้าเกียร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างชุดหลักและชุดเกียร์ที่เลือกออกแบบให้ได้การเปลี่ยนเกียร์แบบสปอร์ตด้วยช่วงชักที่สั้นกระชับ ให้ความรู้สึกแบบรถยนต์นั่ง สัญญาณเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ Upshift Indicator แสดงที่มาตรวัดรอบความเร็วเครื่องยนต์ ช่วยให้หลีกเลี่ยงการลากรอบเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ออกแบบให้อัตราทดเกียร์ในแต่ละเกียร์สัมพันธ์กัน ครอบคลุมการส่งกำลังตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ ลดมลพิษไอเสีย เกียร์อัตโนมัติมีกล่องควบคุมการทำงานโดยเฉพาะซึ่งช่วยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วสูง โดยจะทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของการส่งถ่ายกำลัง ความแม่นยำและการตอบสนองต่อการสั่งการของผู้ขับขี่ เทคโนโลยีล่าสุดในการควบคุมเกียร์ที่ใช้ในรถยนต์นั่ง Mazda เช่น Mazda 3 ได้ถูกนำมาใช้กับรถ New BT-50 PRO ประกอบด้วย Active Adaptive Shift Control (AAS) และ Sequential Shift Control (SSC) โดย AAS จะช่วยควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้สอดคล้องกับการขับขี่ของผู้ขับขี่ โดยระบบจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละสถานการณ์การขับขี่ ในส่วนของ SSC ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ทั้งโหมดธรรมดา โหมดเพอร์ฟอร์มานซ์ และโหมดแมนนวลซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา

Mazda BT-50 PRO ทุกรุ่นใช้ดิสก์เบรกหน้า คาร์ลิบเปอร์แบบลูกสูบคู่ เส้นผ่าศูนย์กลางของดิสก์เบรกใหญ่ขึ้นมีขนาด 16 นิ้ว ให้สมรรถนะที่ดี การเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างแชสซีและตัวถัง ออกแบบการยึดเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ช่วยลดการสั่นสะเทือน สามารถช่วยลดเสียงรบกวน NVH ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้คุณภาพของห้องโดยสารที่เงียบเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง คุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านทั้งการทดสอบในคอมพิวเตอร์จำลองและการทดสอบตัวรถจริง จึงช่วยให้เกิดเสถียรภาพในการขับขี่เมื่อใช้ความร็ว

ระบบความปลอดภัยของ Mazda BT-50 PRO
ระบบที่สำคัญๆ ได้แก่ ระบบเบรก ABS 4 ล้อ (Antilock Braking System, 4W-ABS), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC) และเสริมเพิ่มเติมด้วยระบบ

การทำงานดังต่อไปนี้
ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน Emergency Brake Assist (EBA): เมื่อมีการเบรกฉุกเฉินระบบจะช่วยเพิ่มแรงเบรกให้มากพอในการหยุดรถ

Brake Override System (BOS): ระบบอัตโนมัติที่จะตัดการทำงานของคันเร่งในกรณีที่แป้นเบรกและคันเร่งถูกเหยียบในเวลาเดียวกัน สัญญาณเตือนการเบรกฉุกเฉิน Emergency Stop Signal (ESS): เมื่อมีการเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อใช้ความเร็วสูงสัญญาณไฟฉุกเฉินจะปรากฏขึ้น

ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อบรรทุก Load Adaptive Control (LAC): เมื่อมีการบรรทุกสัมภาระระบบจะทำการจับตำแหน่งและน้ำหนักของสัมภาระที่บรรทุกแล้วควบคุมการทำงานของระบบเบรก ABS 4 ล้อ (4W-ABS), ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control System, TCS) และระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control, DSC) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก การป้องกันการลื่นไถล เสถียรภาพและการทรงตัวของรถ รวมถึงการป้องกันรถพลิกคว่ำ

ระบบช่วยการทรงตัวของรถลากขณะลากจูง Trailer Sway Assist (TSA): ขณะลากจูงรถ เมื่อรถลากเริ่มที่จะส่ายออกด้านข้าง ระบบจะทำการปรับความเร็วของล้อทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเพื่อรักษาตำแหน่งของรถลากให้เหมาะสม

ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ Roll Stability Control (RSC): ระบบทำงานเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของรถและควบคุมแรงเบรกในแต่ละล้อเพื่อป้องกันรถพลิกคว่ำ

ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน Hill Launch Assist (HLA): เมื่อรถต้องออกตัวจากการหยุดนิ่งบนถนนที่ลาดชัน เมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรกเพื่อไปเหยียบคันเร่งระบบจะทำการหยุดรถเป็นเวลา 2 วินาทีเพื่อให้ผู้ขับขี่มิต้องกังวลต่อรถที่จะไถลเนื่องจากถนนที่ลาดชัน

ระบบควบคุมการขับขี่ทางลาดเอียง Hill Descent Control (4WD only): ระบบจะสั่งให้เพิ่มแรงเบรกเพื่อรักษาความเร็วที่ใช้อยู่ให้คงที่

ราคา
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 S 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 589,000 บาท
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 639,000 บาท
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L ABS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 683,000 บาท
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 659,000 บาท
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer ABS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 715,000 บาท
รุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4x4 R 3.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 814,000 บาท
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 S 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 629,000 บาท
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 724,000 บาท
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L ABS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 764,000 บาท
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 746,000 บาท (คันทดสอบ)
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x2 V 2.2L Hi-Racer ราคา 874,000 บาท
ABS + เบาะหนัง + Cruise Control เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สีเมทัลลิค
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x4 R 3.2L ABS+DSC เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีเมทัลลิค ราคา 943,000 บาท
รุ่นดับเบิ้ลแค็ป 4x4 R 3.2L ราคา 988,000 บาท ABS + DSC + เบาะหนัง + Cruise Control เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สีเมทัลลิค.





Create Date : 04 มิถุนายน 2556
Last Update : 4 มิถุนายน 2556 13:50:59 น. 0 comments
Counter : 3288 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.