พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
 
26 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
AAS AUTO เปิดตัว PANAMERA S-E HYBRID

AAS AUTO เปิดตัว PANAMERA S-E HYBRID

AAS-Auto service ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche ในประเทศไทยเปิดผ้าคลุมสปอร์ตจีทีพลังงานผสม Panamera S E-Hybrid ยนตรกรรมซาลูน 5 ประตูสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ล่าสุด จัดราคาค่าตัว 9.6 ล้านบาท สำหรับเศรษฐีที่นิยมของไฮเทค...

เปิดตัวสู่ตลาดมา 4 ปี พร้อมด้วยการเปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 2 ไปไม่นานมานี้ Porsche Panamera ทำยอดผลิตได้มากกว่า 100,000 คันแล้ว Panamera S E-Hybri ถูกขับออกจากโรงงานในเยอรมนีเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2013 นับว่าเป็นการประกาศให้เห็นถึงการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเทคโนโลยีของรถยนต์ ด้วยการใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ Plug-in Hybrid เป็นครั้งแรกสําหรับคลาสรถยนต์หรู ยนตรกรรม Panamera ผนวกเทคโนโลยีชั้นนําที่ได้รับการพัฒนาล่าสุดเข้ามาไว้กับรถรุ่นนี้ สร้างความเป็นเอกลักษณ์ และให้ความสนุกสนานในการควบคุม นอกจาก Panamera S E-Hybrid ที่มีเครื่องยนต์พลังสูงสุดถึง 416 แรงม้าแล้ว ยังมี Panamera S และ Panamera 4S ในรุ่น เอ็กเซ็กคูทีฟ (Executive models) รถรุ่นใหม่ได้รับการขยายฐานล้อเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 3 ลิตร V6 Biturbocharging ที่ได้รับการเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ส่งผลให้รถมีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ํามันเชื้อ เพลิงมากขึ้น 56% แต่ยังคงให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการปรับเปลี่ยนโดยเน้นให้เห็นถึงความเป็นรถสปอร์ตเจ เนอเรชั่นใหม่ เส้นสายและทรวดทรงของตัวรถมีความกระชับ รูปโฉมที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับรถ โดยรวมแล้ว Porsche Panamera รุ่นใหม่นี้เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะเครื่องยนต์ สปอร์ต สะดวกสบาย และสง่างามสมบูรณ์แบบ


ไม่ใช่ เรื่องยากที่ Porsche Panamera S E-Hybrid ใหม่ล่าสุดจะกลายมาเป็นรถที่โด่งดังและเป็นที่นิยมโดยเฉพาะลูกค้าในประเทศจีน ประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่ล้ําสมัยของซาลูนสปอร์ตคันใหม่ รวมไปถึงความเป็นสปอร์ตจีทีที่ไร้ขีดจํากัดกว่า 10 เวอร์ชั่นของ Panamera ที่มีให้เลือกสรรนี้เองที่จะทําให้พานาเมรา (Panamera) กลายมาเป็นรถที่เติมเต็มความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดรถยนต์ แกรน ทัวริสโม่ ได้อย่างรวดเร็ว อัตราการบริโภคน้ํามันเชื้อเพลิงลงสําหรับทุกรุ่นของ Panamera มีความโดดเด่น โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ทุกรุ่นสําหรับเจเนอเรชั่นใหม่ ให้ประสิทธิภาพในเรื่องของการประหยัดน้ํามันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ดีเซลได้รับการพัฒนาให้ประหยัดน้ํามันเชื้อเพลิงมากขึ้นและมีพละ กําลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น เครื่องยนต์แบบ V6 ในรุ่น Panamera และรุ่น Panamera 4 เพิ่มขึ้นถึง 10 แรงม้า (8 กิโลวัตต์) โดยเพิ่มขึ้นเป็น 310 แรงม้า (228 กิโลวัตต์) ในขณะที่อัตราการบริโภคน้ํามันเชื้อเพลิงของทั้งสองรุ่นกลับลดลงถึง 0.9 ลิตร โดยมีอัตราการบริโภคน้ํามันเชื้อเพลิงที่น้อยกว่า 9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เพียงเท่านั้น พละกําลังเครื่องยนต์ V8 ที่เปี่ยมไป ด้วยความเป็นสปอร์ตของรุ่น Panamera GTS ได้รับการพัฒนาให้มีพละกําลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นอีก 10 แรงม้า เป็น 440 แรงม้า (324 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ดีขึ้น อัตราสิ้นเปลืองลดลง 0.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร Panamera S E-Hybrid และ Panamera Diesel กลายเป็นรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการวิ่งทางไกล โดยสามารถว่ิงได้ไกลถึง 1,270 กิโลเมตร สำหรับ Panamera Turbo รุ่นล่าสุดจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้นอีก 20 แรงม้า (14 กิโลวัตต์) เป็น 520 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ํามันเชื้อเพลิงลดลง 1.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถ Panamera Turbo ยังถูกปรับแต่งท่อระบายไอเสีย เพื่อแสดงออกถึงตัวตนของรถสปอร์ต ระบบท่อไอเสียแบบใหม่ที่ปรับได้สามระดับส่งความดังครอบคลุมทุกความต้องการ


การเพิ่มประสิทธิภาพและการควบคุมระบบส่งผ่านระบบส่งกำลังแบบใหม่ที่เพิ่มเติม ฟังก์ชั่นการใช้งานแบบสปอร์ต ทำให้มีประสิทธิภาพด้านอัตราเร่งและการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลง วิศวกรของ Porsche พัฒนาระบบส่งกำลังแบบ PDK 7 สปีด ด้วย virtual intermediate gears ที่ช่วยในการประหยัดน้ํามันเชื้อเพลิงด้วยการลดรอบเครื่องยนต์ โหมดขับขี่ที่ต้องการความเงียบแต่มีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากทำการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น รอบเครื่องยนต์จะต่ำลงโดยการเปลี่ยนเกียร์นั้นสมองกลเกียร์จะทำการเลือก เกียร์ที่ใกล้เคียงไว้ล่วงหน้าและกำลังจะถูกถ่ายทอดไปยังล้อโดยการสั่งการ ให้ชุดคลัตช์ทำงาน เมื่อผู้ขับขี่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังแบบ PDK จะลดเกียร์ลงไปยังอัตราทดที่เหมาะสมด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากเกียร์ PDK ใช้ ระบบคลัตช์แบบเปียกที่ถูกควบคุมอย่างแม่นยำด้วยคอมพิวเตอร์ การออกแบบเฟืองที่ผ่านขั้นตอนลดแรงเสียดทาน ทำให้เกียร์ PDK แทบไม่มีการสึกหรอไปตามการใช้งาน ระบบเกียร์ PDK นี้ถูกใช้ในรถยนต์ แกรน ทัวริสโม่ (Gran Turismo) ทุกรุ่นของ Porsche สำหรับระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์ (auto start/stop function) ของระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ระบบจะทำการปิดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่ออยู่ในโหมด Coasting จนกว่าจะหยุดรถเพื่อให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น สำหรับรุ่นที่ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น Panamera GTS จะมีฟังก์ชั่น Coasting ติดตั้งมาด้วย เมื่ออยู่ในระหว่างการลดระดับความเร็วผู้ขี่ขับถอนคันเร่ง คลัตช์จะถูกปลดและทำการ Coasting โดยอิสระ การทำงานของฟังก์ชั่นนี้จะทำให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่ออยู่ในเส้นทางบนทางหลวง


Running gear ใน Panamera รุ่นใหม่ล่าสุดได้รับการพัฒนาใหม่ โดยมีเป้าหมายในการสร้างประสิทธิภาพการส่งผ่านกำลังเครื่องยนต์หรือการเปลี่ยนเกียร์ให้มีประสิทธิภาพแบบสปอร์ต ทุก ๆ ชิ้นส่วนใน Panamera ที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้ มาซึ่งประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานเช่น การไหลลื่นของน้ำมันในเครื่อง ลดการสั่นสะเทือนหรือแดมเปอร์ในระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) โดยตัวกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังได้รับการปรับปรุงใหม่หมด เพื่อให้แดมเปอร์มีความนุ่มนวลและเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ วิศวกรยังได้ทำการปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ควบคุมแดมเปอร์และระบบสปริงที่ใช้อากาศ จากล้อทั้งสี่ จุดยึดช่วงล่างได้ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ระบบบังคับเลี้ยวถูกปรับแต่งใหม่ให้มีการตอบสนองที่ดีกว่าเดิมในช่วง ความเร็วปานกลาง โดยเมื่อทั้งสองระบบทำงานร่วมกันบนถนน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตัวถังส่วนหน้าทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ความคล่องตัวของรถและประสิทธิภาพของเบรกได้รับการพัฒนาใหม่ใด้วยการใช้ยาง ใหม่และปรับระบบการจัดการเสถียรภาพ Porsche Stability Management (PSM) ให้เข้ากับยางแบบใหม่ได้อย่างลงตัว


ล้อขนาด 18 นิ้วลาย Panamera ได้รับการติดตั้งมาเป็นล้อมาตรฐานมาจากโรงงาน เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้รถมีความสปอร์ตและให้ความรู้สึกถึงการควบคุมที่แม่นยำผ่านยางรุ่นใหม่ เทคโนโลยีการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาจึงถูกนำมาใช้ในการผลิตยางด้วยเช่นกัน เพื่อให้รถนั้นมีน้ำหนักลดลง เทคโนโลยีนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “flow forming” ผลลัพธ์ที่ได้คือการลดการกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ยางคุณภาพสูงของ Michelin รุ่น Pilot Super Sport ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้วลาย Panamera Design II wheels ได้รับการติดตั้งเป็นล้อมาตรฐานแทนล้อลาย Panamera Design สำหรับรุ่นเอ็กเซ็กคูทีฟ (Executive models) อีกหนึ่งลายที่สามารถเลือกติดตั้งได้คือลาย Panamera Turbo II ซึ่งเป็นลายที่ติดตั้งมาเป็นล้อมาตรฐานให้กับรุ่น Panamera GTS และ Panamera Turbo


ด้านหน้ารถมีความกระชับโดย เฉพาะอย่างยิ่งช่องดักอากาศด้านหน้าที่ใหญ่ขึ้น การเปลี่ยนแปลงของไฟหน้า หากมองจากด้านในจะพบว่ากระจกหน้าลู่มากขึ้น ทำให้ตัวรถกว้าง หากมองจากด้านข้างจะพบว่า Panamera รุ่นล่าสุดนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนในบางจุด เช่น ขอบประตูที่ได้รับการออกแบบให้เห็นเด่นชัดจากทางด้านนอก สะท้อนผ่านกระจกมองข้างได้อย่างชัดเจน หากมองจากทางด้านหลังฝากระโปรงหลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ กระจกหลังกว้างขึ้นเพื่อเน้นให้เห็นถึงคุณลักษณะและจุดเด่นของความเป็น สปอร์ตของ Gran Turismo ที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ของตัวรถ ตำแหน่งของที่ติดป้ายทะเบียนทางด้านกันชนหลังลดต่ำลง ส่วนท้ายของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ โดยเพิ่มสปอยเลอร์หลังที่กว้างและกระชับเข้าสู่ไฟท้าย ซึ่งคล้ายกับการปรับเปลี่ยนไฟหน้าของด้านหน้ารถ รูปลักษณ์ภายนอกของ Panamera ใหม่มีความแตกต่างจากรุ่นเดิมอยู่หลายอย่าง สำหรับสีของคาลิปเปอร์เบรกจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นเพื่อเป็นการบ่งบอกให้เห็นถึงเครื่องยนต์ที่แตกต่างและเฉพาะของแต่ละรุ่น อีกทั้งยังมีรูปทรงของปลายท่อที่แตกต่างกันไป โดยเฉาะรุ่น Turbo และ GTS ที่แตกต่างกับรุ่นอื่น ๆ อย่างชัดเจน อาทิ ช่องดักอากาศที่ใหญ่ขึ้น รูปทรงของช่องดักอากาศตรงกลางทำให้เห็นถึงความเป็นรุ่นสูงสุดจากความแตกต่าง


Panamera ยกระดับด้วยการเพิ่มอุปกรณ์และระบบมาตรฐาน ไฟหน้าแบบไบซีนอล พวงมาลัยแบบอเนกประสงค์ (multifunction steering wheel) ฝาท้ายกระโปรงแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (Automatic power-lift boot lid) อุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบ LED ใหม่ล่าสุด ระบบไฟหน้า LED จะทำการติดตั้งควบคู่มากับระบบไฟอัจฉริยะ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) การออกแบบไฟหน้าแตกต่างกับไฟหน้าเวอร์ชั่นไบซีนอลที่ได้รับการติดตั้งมาเป็น อุปกรณ์มาตรฐาน โดยไฟที่ใช้ในการขับขี่จะส่องแสงสว่างมาจากไฟ LED สองหน่วยโดยตรง ในขณะที่ไฟหรี่และไฟเลี้ยวได้รับการเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่บนตัวรถด้านหน้า รถรุ่นใหม่คันนี้ยังได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย เช่น ระบบ Adaptive cruise control system ที่ทำงานระหว่างเบรกเมื่ออยู่ในสถานการณ์อันตราย กล้องดักจับป้ายถนนและการเตือนก่อนเปลี่ยนช่องทาง สามารถเลือกติดตั้งเพิ่มเติมได้เพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องวิ่งต่างจังหวัด หรือวิ่งบนทางหลวง


ระบบการเชื่อมต่อ Porsche Car Connect คืออุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดของ Panamera ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานระบบนี้ได้ในการติดต่อหรือเชื่อมต่อกับ Gran Turismo คันนี้ผ่าน App และสามารถควบคุมการใช้งานของฟังก์ชั่นการทำงานนี้ผ่าน App บนโทรศัพท์มือถือได้ ระบบ Porsche Car Connect คือระบบเสริมของระบบ Online Services ที่ Porsche นำเสนอมาก่อนหน้านี้ App จะสามารถถูกเรียกใช้งานได้เช่น การนำทางให้ผู้ขับขี่กลับไปที่ตัวรถ แสดงผลของน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในถังว่าวิ่งได้อีกไกลแค่ไหน พับกระจกข้าง หรือล็อกรถ การบริการของระบบ Porsche Car Connect จะไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้งานใน 6 เดือนแรก ระบบ Porsche Car Connect ยังเป็นระบบมาตรฐานให้กับรุ่น Panamera S E-Hybrid และยังสามารถแสดงผลการใช้งานด้วยการแสดงผลและฟังก์ชั่นการทำงานร่วมกับ เครื่องยนต์ Hybrid แบบ Parallel อีกด้วย


Panamera S E-Hybrid ใช้ระบบไฟฟ้าหรือ Electric Mobility แบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นระบบชั้นนำที่เชื่อมโยงความมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ผสานกับอารมณ์การขับขี่ โดยเชื่อมโยงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เข้ากับความเป็นสปอร์ต และผสมผสานความทันสมัยเข้าไว้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ผู้ขับขี่สามารถทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 135 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 70 กิโลวัตต์ Panamera S e Hybrid รุ่นนี้ยังเป็น Gran Turismo) ที่คลาสสิคอย่างแท้จริง โดยผสมผสานพละกำลังเครื่องยนต์ของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ สร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 5.5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC อยู่ที่ 3.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร รถ Panamera S E-Hybrid) คือความก้าวหน้าของการพัฒนาเครื่องยนต์ Parallel full hybrid ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพลังไฟฟ้ามากขึ้นพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มี ประสิทธิภาพสูง ระบบขับเคลื่อนสามารถจัดหาพลังงานได้มากขึ้น ชาร์จพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมได้จากอุปกรณ์ชาร์จภายนอกจากปลั๊กไฟอีกด้วย การขับขี่ด้วยพละกำลังจากไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำได้ถึง 95 แรงม้า (70 กิโลวัตต์) ซึ่งถือว่ามากกว่าพลังของมอเตอร์ไฟฟ้าในรุ่นเดิมถึง 47 แรงม้า (34 กิโลวัตต์) พลังงานไฟฟ้านี้ได้รับมาจากแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ที่มีความจุถึง 9.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และมากกว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ในรุ่นเดิมถึง 5 เท่า ซึ่งรุ่นเดิมมีความจุที่ 1.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และเป็นแบตเตอรี่แบบ nickel metal hydride หากรวมเข้ากับพละกำลังเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเครื่องยนต์ Supercharged V6 Motor ที่ผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้ 333 แรงม้า (245 กิโลวัตต์) แล้วนั้น Panamera S E-Hybrid รุ่นนี้จะมีกำลังเครื่องยนต์โดย
รวมถึง 416 แรงม้า (306 กิโลวัตต์) ซึ่งถือได้ว่าผลิตกำลังเครื่องยนต์ได้เท่ากับเครื่องยนต์แบบ V8 เลยทีเดียว


ความสนุกสนานในการขับขี่ของ Panamera S E-Hybrid คือการทำให้ผู้ขับขี่สามารถสนุกสนานใน 2 รูปแบบ โดยได้รับประโยชน์จากการขับขี่อย่างสูงสุด ตัวอย่างเช่น มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถส่งมอบแรงบิดสูงสุดโดยทันทีที่รถขับเคลื่อนจากการหยุด นิ่ง และสร้างความประทับใจได้มากขึ้น เพราะอัตราเร่งที่ทรงพลังนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีเสียงของเครื่องยนต์เข้ามารบกวน กำลังเครื่องยนต์ที่ได้จากการขับเคลื่อนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ทำให้รถสามารถเข้าสู่ความเร็วที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และทำให้ Panamera S E-Hybrid สามารถวิ่งบนถนนในเมืองได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์เผาไหม้เลย วิศวกรของ Porsche ออกแบบระบบขับเคลื่อนให้สามารถวิ่งโดยใช้กำลังไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 36 กิโลเมตร ตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC อย่างไรก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะการขับขี่และสภาวะการขับขี่ในขณะ นั้น ๆ ดังนั้น การขับขี่ด้วยพละกำลังไฟฟ้าในชีวิตประจำวันอาจแตกต่างกันไปได้ ตั้งแต่ 18 กิโลเมตร ถึง 36 กิโลเมตร โดยประมาณ


ด้วยกำลังไฟฟ้าที่มากขึ้นทำให้ผู้ขับขี่ Panamera S E-Hybrid สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ให้กว้างขึ้น รถ S E-Hybrid มีโหมดการขับขี่ 4 โหมด โดยเลือกใช้งานได้ด้วยการกดปุ่มควบคุม 3 ปุ่มบนคอนโซลกลางโหมด E-Power จะทำให้รถสามารถวิ่งโดยไฟฟ้าทั้งหมด เมื่อปิดการใช้งานโหมด E-Power การทำงานจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมด Hybrid และโหมด E-Charge จะถูกเรียกใช้งานเมื่อต้องการชาร์จแบตเตอรี่แบบแรงดันสูงระหว่างการขับขี่ อีกหนึ่งโหมดคือโหมดสปอร์ตที่เป็นโหมดเฉพาะเมื่อต้องการประสิทธิภาพของ เครื่องยนต์สูงตามแบบฉบับของ Porsche และเมื่อต้องการการขับขี่ที่มีลักษณะแบบสปอร์ตเป็นพิเศษ หรือต้องการการตอบสนองโดยตรงและมีเสถียรภาพแบบสปอร์ตมากขึ้น ตัวแสดงผลเกี่ยวกับเครื่องยนต์ Hybrid ที่อยู่บนหน้าปัดและหน้าจอแสดงผลของอุปกรณ์ระบบ Porsche Communication Management (PCM) จะทำการแสดงผลเกี่ยวกับข้อมูลหลักๆ ที่เกี่ยวกับ Hybrid System ให้กับผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น Power Meter รูปแบบใหม่ล่าสุดที่ออกมาแทนที่ Analogue Tachometer เพื่อทำการแสดงผลข้อมูลต่างๆ ให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของระดับพลังงานสำหรับเครื่องยนต์ Hybrid หรือระดับพละกำลังไฟฟ้าที่หมุนเวียนอยู่ ความเร็วของรถจะถูกแสดงผลในรูปแบบดิจิตอลอย่างต่อเนื่องบนแผงหน้าปัดตรงกลาง Power Meter จะแสดงผลข้อมูลที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง เช่น ความพร้อมของระบบเมื่อทำการสตาร์ทเครื่อง (Ready indicator), ช่วงของกำลังที่ดีที่สุดสำหรับการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพหรือรูปแบบการ ขับขี่แบบสปอร์ต (Efficiency หรือ Boost power range) และช่วงเวลาที่เครื่องยนต์จะตัดเข้าสู่เครื่องยนต์แบบเผาไหม้หรือสันดาป เพื่อให้ได้มาซึ่งพละกำลังที่ต้องการมากขึ้น นอกเหนือจากมาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังมีมาตรวัดแสดงแจ้งสถานะของการชาร์จแบตเตอรี่ในรูปแบบ Analogue แสดงผลอยู่ด้วย ระยะทางที่เหลือที่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าวิ่งได้จะแสดงผลในหน้าจอ TFT การคำนวนจะทำการพิจารณาทั้งระยะทางที่วิ่งด้วยไฟฟ้าในโหมด E-Power (ขึ้นอยู่กับระดับของการชาร์จแบตเตอรี่) และระยะทางที่เหลือที่สามารถวิ่งด้วยระบบ Hybrid ได้ (ขึ้นอยู่กับระดับน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง) และจะแสดงผลแยกจากกัน


โหมด E-Power จะเปิดการใช้งานเป็นโหมดหลัก ดังนั้น ทุก ๆ การขับขี่จะเริ่มต้นด้วยไฟฟ้าหากมีการชาร์จแบตเตอรี่มาอย่างเพียงพอ โดยการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อใช้งานโหมด E-Power นี้สามารถทำได้เป็นประจำผ่านการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ เช่นชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืนในโรงรถหรือในที่ทำงาน รถ Panamera S E-Hybrid สามารถขับได้ทันทีเมื่อสตาร์ทแม้เครื่องยนต์จะยังคงเย็นอยู่ เมื่ออยู่ในโหมดไฟฟ้า เช่น เมื่อรถจอดค้างคืนและอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำ Power meter ใหม่ล่าสุดที่อยู่ที่แผงหน้าปัดได้แสดงผลให้เห็นถึงกำลังของเครื่องยนต์เผาไหม้ เป็นการง่ายที่จะทำการตรวจสอบเกี่ยวกับการวิ่งด้วยไฟฟ้าเพราะผู้ขับขี่ได้ รับข้อมูลจาก Power meter ผู้ขับสามารถใช้พละกำลังรวมของเครื่องยนต์ได้ตลอดเวลาเพียงแค่ทำการ Kickdown เท่านั้น เช่น เมื่อต้องการแซง ในกรณีนี้โหมด E-Power จะยังคงทำงานและใช้พลังงานไฟฟ้าในการวิ่งทั้งหมดทันที่ที่อัตราเร่งกลับคืน สู่สภาวะปกติ และจะต้องไม่เกินความเร็วสูงสุดของการวิ่งไฟฟ้าที่จะทำได้ อีกด้วย หากโหมด E-Power ถูกปิดการใช้งาน Panamera S E-Hybrid จะถูกขับเคลื่อนโดยโหมด Hybrid แทน หลักการทำงานนี้ได้รับการตั้งค่าขึ้นเพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ใน เรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง การทำงานจะปรับเปลี่ยนระหว่างการขับขี่แบบไฟฟ้า การขับขี่โดย Hybrid , Coasting, ระบบหมุนเวียนไฟฟ้า และ Boosting ผู้ขับขี่สามารถใช้ระบบ E-Power Assistant ในการเลือกดูข้อมูลจากหน้าจอแสดงผลแบบ TFT บนแผงหน้าปัดรถถึงสถานะว่ารถกำลังวิ่งโดยใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือมีการทำงานของเครื่องยนต์เผาไหม้เข้ามาผสมผสานด้วย ระบบจะทำการเก็บพลังงานของแบตเตอรี่ไว้ เพื่อนำมาใช้ในการขับขี่แบบไฟฟ้าในภายหลัง ด้วยการปรับเปลี่ยนไปใช้โหมด Hybrid และเปิดการทำงานของเครื่องยนต์ 6 สูบ


โหมด E-Charge เป็นโหมดขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่มบนคอนโซลกลางของรถ โดยโหมดนี้จะทำการชาร์จแบตเตอรี่แรงสูงในขณะขับขี่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานเสมือนกับตัวจ่ายไฟและจะเพิ่มการทำงานของเครื่องยนต์ขณะ เผาไหม้ ผลลัพธ์ที่ได้คือกำลังเครื่องยนต์ที่จะส่งออกมา หากแต่ลดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงไปในตัวเมื่อทำการชาร์จพลังงานผ่าน เครื่องยนต์ พลังงานที่ได้รับการชาร์จนี้จะจัดเก็บอยู่ในแบตเตอรี่และมีอัตราการปล่อย มลพิษเท่ากับศูนย์ขณะขับขี่ โหมดนี้มีความพิเศษตรงที่เพิ่มการใช้งานในการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของรถได้มากขึ้น ในขณะที่มีการใช้เครื่องยนต์ เช่น เมื่ออยู่บนทางหลวงที่จะถึงทางเข้าสู่เมือง แบตเตอรี่จะสามารถชาร์จพลังงานได้เมื่อทำการวิ่งอยู่บนทางหลวงนอกเมือง จากนั้นเมื่อถึงถนนในเมืองรถสามารถเปลี่ยนไปเป็นการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพียงอย่างเดียวได้แบบอัตโนมัติ ทำให้ไม่ปล่อยมลพิษทำลายสิ่งแวดล้อมเมื่อขับขี่อยู่ในเมืองแม้แต่น้อย และเมื่อต้องหยุดที่สัญญาณไฟจราจรในเมืองนั้นระบบ Hybrid จะช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น เช่น เครื่องยนต์จะถูกหยุดการทำงานเมื่อรถจอดหยุดนิ่ง และจะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าเมื่อเริ่มการขับเคลื่อนอีกครั้ง สำหรับระบบเบรกของ Panamera S E-Hybrid เหมือนกับรุ่นเดิม นั่นคือความสามารถในการเรียกคืนพลังงานจากการเบรก โดยพลังงานที่ไม่สูญหายนี้จะถูกเก็บไว้เป็นพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่แรงดันสูง ฟังก์ชั่น Generator ของมอเตอร์ไฟฟ้าอาจจะเปิดการใช้งานก่อน และดูดซับพลังงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นเบรกแบบธรรมดาจะเข้ามารับหน้าที่แทน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าผู้ขับขี่จะกดแป้นเบรกมากน้อยเพียงใด Re-Generation Map ของแบตเตอรี่ในรุ่นใหม่นี้จะแตกต่างจากรุ่นเดิม เพราะต้องปรับให้เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบใหม่ล่าสุดที่ทรงพลังมากกว่า และได้รับการปรับปรุงให้รองรับการขับขี่ได้มากขึ้นรวมไปถึงสัมผัสกับแป้นคันเร่งได้มากขึ้นอีกด้วย


เมื่อทำการกดปุ่มสปอร์ตระบบจะทำการเปิดการทำงานของโหมดสปอร์ตและเปิดการทำงานของระบบขับเคลื่อนของ Hybrid
อย่าง เต็มพิกัด การ Boosting คืออีกหนึ่งประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ต เมื่อทำการเหยียบคันเร่งมากกว่า 80% เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกันทันที ผสมผสานพละกำลังเครื่องยนต์ซึ่งกันและกัน รวมไปถึงแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นทั้งจากกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดความสนุกในการขับขี่ตามรูปแบบของ Porsche ได้อย่างสุนทรีย์ การทำงานร่วมกันของการขับเคลื่อนทั้งสองชนิดนี้จะรับรู้ได้ในทุก ๆ การปรับเปลี่ยนระดับเกียร์ โดยในตอนแรกนั้น มอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับแรงบิดที่ทรงพละกำลังของรถจะอยู่ที่รอบต่ำ จากนั้นจะเพิ่มรอบเครื่องยนต์ และเครื่องยนต์ Supercharged V6 จะเข้ามารับหน้าที่ในการทำงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการทำให้ Panamera S E-hybrid คันนี้มีประสิทธิภาพแบบสปอร์ตจีทีน่าประทับใจ รถมี power curve ที่เต็มกว่าเครื่องยนต์ V8 แบบเดิมเสียอีก


โปรแกรม การควบคุมอุณหภูมิ Auxiliary Climate Control สามารถใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ การใช้ระบบไฟฟ้าของระบบการช่วยเหลือ อาทิ  ระบบควบคุมอุณหภูมิทำให้เพิ่มความสะดวกสบายได้มากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ เครื่องยนต์ Plug-in hybrid นั่นคือระบบ Auxiliary Climate Control โดยระบบนี้จะช่วยทำให้ห้องโดยสารอุ่นและเย็นก่อนโดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ 23 องศาเซลเซียสได้โดยไม่ต้องสตาร์ตเครื่องยนต์ หากภายนอกรถมีอุณหภูมิที่สูงกว่า ระบบจะเปิดการทำงานของระบบปรับอากาศโดยไฟฟ้า และหากภายนอกมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่ารถจะทำการเพิ่มความร้อนโดยเครื่องทำความ ร้อนที่มีพละกำลังในการสร้างความร้อนที่ 5 กิโลวัตต์ ผู้ขับขี่สามารถเรียกใช้งานระบบ Auxiliary Climate Control ได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการบิดกุญแจเช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิจะเริ่มต้นทำงานเมื่อกุญแจถูกบิดให้ปิดการสตาร์ท เครื่องยนต์ ระบบนี้จะทำงานนานถึง 30 นาทีระบบสามารถตั้งเวลาให้ทำงานได้ตามต้องการ โดยระบบจะทำการจัดการชาร์จแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติ การควบคุณอุณหภูมินี้จะทำงาน 30 นาทีก่อนที่จะถึงเวลา Departure Time ที่ตั้งค่าไว้ ดังนั้นแบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จจนเต็ม และห้องโดยสารจะอยู่ในอุณหภูมิที่สะดวกสบายเมื่อกลับมาที่รถอีกครั้งหนึ่ง การสร้างความอบอุ่นให้ห้องโดยสารหากอุณหภูมิภายนอกต่ำเป็นการเพิ่มศักยภาพใน การขับขี่แบบไฟฟ้าได้มากขึ้น เพราะการที่ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ขณะที่เครื่องเย็นอยู่นั้นเครื่องยนต์จะไม่ ต้องการพลังงานในการสตาร์ทมากนัก ระบบ Auxiliary Climate Control สามารถตั้งค่าได้จากเมนูที่อยู่ในรถ ระบบนี้สามารถเปิดการใช้งานเมื่อสายไฟสำหรับชาร์จกำลังเสียบอยู่ อีกหนึ่งตัวเลือกคือสามารถทำงานผ่าน App บนโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Porsche Car Connect


ฟังก์ชั่นการใช้งานที่จะสร้าง ความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากขึ้น โดยสามารถเปิดการใช้งานหรือแสดงผลผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือ โดยระบบ Porsche Car Connect นี้จะได้รับการแบ่งแยกออกเป็น 3 รูปแบบ คือ E-mobility ที่มาพร้อม Hybrid กับเนื้อหาที่เฉพาะ อีกหนึ่งรูปแบบคือ รีโมตเพื่อการใช้งานโดยทั้งสองระบบนี้สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริม สำหรับ Panamera รุ่นอื่นได้ และอีกหนึ่งรูปแบบคือ ระบบ Vehicle Tracking System (VTS) ที่สามารถเลือกติดตั้งได้ในรุ่นอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ระบบการบริการ E-Mobility-Services จะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ นาน 5 ปี ในขณะอีก 2 รูปแบบของระบบ Porsche Car Connect จะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ใน 6 เดือนแรก เครือข่ายและการเชื่อมต่อกับรถของผู้ขับขี่ผ่านโทรศัพท์มือถือมีความสำคัญ สำหรับรุ่น S E-Hybrid เพราะการเชื่อมต่อนี้จะทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานพิเศษ ๆ นั้นแสดงผลได้ เช่น การชาร์จไฟฟ้าของแบตเตอรี่แรงสูง ผู้ขับขี่สามารถใช้งานและควบคุมข้อมูลของกุญแจรถผ่าน App ของโทรศัพท์มือถือ ฟังก์ชั่น E-mobility ถูกแบ่งออกเป็น 4 เมนูนั่นคือ สถานะการชาร์จแบต การจัดการการขับขี่ (Driving range management) ระยะเวลาการชาร์จ และรีโมตคอนโทรลในการปรับระบบควบคุมอุณหภูมิ สถานะของการชาร์จแบตเตอรี่ ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ จะแสดงผลเพื่อการใช้งานสำหรับการขับขี่แบบไฟฟ้าและการขับขี่โดยเครื่องยนต์ ระยะการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะแสดงผลผ่านแผนที่ของระบบค้นหาเส้นทาง สามารถเลือกตั้งเวลาได้ 3 ระยะที่แตกต่างผ่านฟังก์ชั่นระยะเวลาการชาร์จ (Charging timer function) ระบบจะทำการควบคุมกระบวนการชาร์จไฟผ่านการตั้งค่านี้ และจะทำการชาร์จแบตเตอรี่โดยทันที การควบคุมอุณหภูมิแบบ Auxiliary Climate Control สามารถทำได้ผ่าน app ของมือถือ ไม่ว่าจะเชื่อมต่อผ่านสายไฟที่ใช้ในการชาร์จ หรือผ่านจากการควบคุมในรถ ผู้ขับขี่สามารถเปิดการใช้งานของฟังก์ชั่นนี้ได้ 2 ทาง โดยทางที่หนึ่งคือการเรียกใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อทำการเปิดการใช้ งานระบบควบคุมอุณหภูมิได้เป็นระยะเวลา 30 นาทีและอีกหนึ่งทางคือการตั้งค่าหรือโปรแกรมเวลาไว้เพื่อเปิดใช้งานระบบ auxiliary climate control ในเวลาที่ต้องการโดยทำงานแยกกับตัว Charging timer นั่นเอง


Porsche ได้ทำการพัฒนาระบบชาร์จไฟ Plug-In Charging System ใหม่ขึ้นมาเพื่อรุ่น Panamera S E-Hybrid โดยเฉพาะ ระบบ Porsche Universal Charger (AC) โดย Porsche Design ให้เป็นอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐานให้กับรถ ซึ่งระบบนี้จะทำการจัดสรรไฟในรูปแบบ AC Power ให้กับรถผ่านสายไฟฟ้า ที่ชาร์จจะมาพร้อมกับสายไฟ 2 รูปแบบ หนึ่งคือสำหรับการชาร์จไฟกับปลั๊กไฟของบ้าน และอีกหนึ่งคือการเชื่อมต่อเข้ากับปลั๊กไฟแบบไฟฟ้าแรงสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรม โดยลูกค้าสามารถเลือกเชื่อมต่อสายไฟเข้าสู่ปลั๊กไฟที่มีได้อย่างสะดวก แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนจะได้รับการชาร์จผ่านช่องที่ใช้เสียบสายไฟของรถที่ อยู่บนแผงด้านหลังรถ และอยู่ตรงข้ามกับฝาน้ำมันรถ ตัวแสดงผล LED Charging indicators 2 ตัวได้รับการติดตั้งเพื่อทำการแสดงผลสถานะการชาร์จไฟ (LED ทางด้านขวา) และสถานะการเชื่อมต่อ (LED ทางด้านซ้าย) โดยไฟ LED ทั้ง 2 ได้รับการติดตั้งให้อยู่ใกล้กับที่ต่อปลั๊ก หากไฟ LED ทางด้านขวาเป็นสีเขียวนั้นหมายถึงแบตเตอรี่ได้รับการชาร์จจนเต็มแล้ว หากไฟกะพริบอย่างรวดเร็วคือการแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่ ความเร็วของการกะพริบที่ลดลงนั่นหมายถึงสถานะของไฟที่ได้รับการชาร์จนั้น สูงขึ้นตามลำดับ นี่คือการแสดงผลให้กับผู้ขับขี่ได้รู้ถึงสถานะการชาร์จไฟของรถที่รวดเร็ว แบตเตอรี่ของ S E-Hybrid สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที (ที่ไฟ 16 แอมแปร์) หรือน้อยกว่า 4 ชั่วโมง (ที่ไฟ 10 แอมแปร์) ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของไฟที่เชื่อมต่อนั่นเอง ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าการหยุดชาร์จไฟได้ 3 เวลาโดยทำการตั้งค่าผ่านหน้าจออเนกประสงค์บนแผงหน้าปัด จากนั้นระบบจะทำการชาร์จไฟและแบตเตอรี่จนเต็มในเวลาที่ต้องการประโยชน์ที่จะได้รับจากการตั้งค่านี้คือการประหยัดจากการชาร์จไฟตอนกลางคืน และกระบวนการชาร์จที่สามารถควบคุมและป้องกันให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ ยาวนานขึ้น


PORSCHE PANAMERA S E-HYBRID SPECIFICATIONS

ตัวรถ
โครงสร้าง ที่สอดคล้องกันตัวรถน้ำหนักเบาในรูปแบบผสมวัสดุ เหล็ก-อะลูมิเนียม-แมกนีเซียม; ถุงลมนิรภัย 2 จังหวะทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร; ถุงลมนิรภัยด้านข้างและถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า; ถุงลมนิรภัยสำหรับศีรษะ (ถุงลมนิรภัยแบบผ้าม่าน) สำหรับผู้โดยสารทั้งสี่ที่นั่ง

อากาศพลศาสตร์
ค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน Cd: 0.29 Frontal area A: 2.33 m2Cd x A: 0.68


เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ Parallel full hybrid ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี plug-in, เครื่องยนต์เผาไหม้ทำงานร่วมกับโมดูลไฮบริดที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและ decoupling clutch. ระบบพละกำลังเครื่องยนต์: 416 แรงม้า (306 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์ 5,500 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด: 590 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 1,250- 4,000 รอบต่อนาที

กระบอกสูบ
84.5 มิลลิเมตร

การเคลื่อนตัวของลูกสูบ
89.0 มิลลิเมตร

ปริมาตรความจุเครื่องยนต์
2,995 ซีซี.

อัตราส่วนกำลังอัด
10.5:1

พละกำลังเครื่องยนต์
333 แรงม้า (245กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์จาก 5,500 รอบต่อนาที - 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์จาก 3,000 รอบต่อนาที - 5,250 รอบต่อนาที

ความเร็วสูงสุดของเครื่องยนต์
6,700 รอบต่อนาที

ชนิดของน้ำมัน
Super


มอเตอร์ไฟฟ้า
Permanently excited synchronous motor. E motor power: 95 แรงม้า (70 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์จาก 2,200- 2,600 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด: 310 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์จาก 0 -1,700 รอบต่อนาที

ระบบไฟ
ระบบ ไฟ 12 โวลต์; ความจุแบตเตอรี่ที่ 75 Ah, ระบบ High-voltage system/Traction battery: 384 โวลต์; แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน; 9.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง; 24 Ah; ชาร์จพลังงานไฟฟ้าผ่านเครื่องชาร์จ Porsche Universal Charger (AC) ที่เป็นมาตรฐานให้กับรถ และที่ชาร์จ on-board (3.6 กิโลวัตต์) (ระบบ plug-in)


ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ติดตั้งร่วมกันเพื่อสร้างระบบขับเคลื่อนเดียว ระบบขับเคลื่อนล้อหลังผ่าน double-joint driveshafts; ระบบเกียร์อัตโนมัติ Doppelkupplung (PDK) 7 สปีด


ระบบกันสะเทือนของรถ
เพลาด้านหน้า: ช่วงล่างแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียม; สปริงขดทรงกระบอก, โช้คหรือเครื่องลดการสั่นสะเทือนแบบ hydraulic coaxial gas pressurised dampers เพลาด้านหลัง ช่วงล่างแบบ multi-link suspension อะลูมิเนียมที่มาพร้อมกับ suspension sub-frame สปริงขดทรงกระบอก โช้คหรือเครื่องลดการสั่นสะเทือนแบบ hydraulic coaxial gas pressurised dampersระบบปรับแรงดันการสะเทือนแบบแปรผัน (Porsche Active Suspension Management, PASM)


เบรก
ระบบเบรกแบบ Dual-circuit brake system ที่มีวงจรทำงานแยกระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังหน้า: คาลิปเปอร์เบรก 6 สูบอะลูมิเนียมโมโนบล็อก ดิสก์เบรกแบบเป็นรูเพื่อระบายความร้อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร และมีความหนาที่ 36 มิลลิเมตรหลัง คาลิปเปอร์เบรก 4 สูบอะลูมิเนียมโมโนบล็อก ดิสก์เบรกแบบเป็นรูเพื่อระบายความร้อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 330 มิลลิเมตรและมีความหนาที่ 28 มิลลิเมตร ระบบรักษาเสถียรภาพของรถ Porsche Stability Management (PSM); ระบบเบรก vacuum brake booster; ระบบช่วยเบรก (brake assist); ระบบเบรกไฟฟ้า electric parking brake

ล้อและยาง
หน้า 8 J x 18 on 245/50 ZR 18หลัง 9 J x 18 on 275/45 ZR 18

น้ำหนัก
น้ำหนักของตัวรถรวม (DIN) 2,095 กิโลกรัม
น้ำหนักรวมที่สามารถรับได้ 2,580 กิโลกรัมน้ำ
หนักที่หลังคาสามารถบรรทุกได้ 75 กิโลกรัม

สัดส่วน
ความยาว 5,015 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,931 มิลลิเมตร
ความกว้างพร้อมด้วยกระจกข้าง 2,114 มิลลิเมตร
ความสูง 1,418 มิลลิเมตร
ฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร
ความกว้างระหว่าง Track widths ล้อหน้า 1,658 มิลลิเมตร ล้อหลัง 1,662 มิลลิเมตร
ความจุของที่เก็บสัมภาระ 445 – 1,263 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดของไฟฟ้า 135 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง: 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.5 วินาที
0 – 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง 12.2 วินาที
0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง 19.0 วินาที
0 – 1,000 กิโลเมตร/ชั่วโมง 24.5 วินาที

อัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่อECE R 101
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง: ทั้ง 2 รูปแบบ 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร
อัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้า: ทั้ง 2 รูปแบบ 162 วัตต์ต่อชั่วโมง/กิโลเมตร
อัตราการปล่อย CO2: ทั้ง 2 รูปแบบ 71 กรัม/กิโลเมตร

ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้า
ประมาณ 18 – 36 กิโลเมตร

ระดับของมลพิษ
Euro 6

PORSCHE PANAMERA S E-HYBRID ราคา 9.6 ล้านบาท (ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ AAS-AUTO)




Create Date : 26 กันยายน 2556
Last Update : 26 กันยายน 2556 1:09:35 น. 0 comments
Counter : 2156 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.