พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 
15 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
สองนักเลงรถซุปเปอร์คาร์ "เสี่ยเต้-เสี่ยพอลล์"ลั่นมีปัญญาขี่รถหรู อย่าโกงแผ่นดิน!!

สองนักเลงรถซุปเปอร์คาร์ "เสี่ยเต้-เสี่ยพอลล์"ลั่นมีปัญญาขี่รถหรู อย่าโกงแผ่นดิน!!

ปลุกกระแสฮือฮาให้วงการซุปเปอร์คาร์เมืองไทย หลังมีข่าวใหญ่พาดหัวสื่อทุกสำนักเรื่องคดีรถหรูจดประกอบผิดกฎหมาย จนวินาทีนี้ รถซุปเปอร์คาร์กลายเป็นจำเลยสังคมที่ถูกจับตามองไม่เลิก อย่างไรก็ดี ในฐานะคนรักรถซุปเปอร์คาร์ตัวจริงเสียงจริง เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์เมืองไทย “เสี่ยเต้-จาตุรนต์ โกมลมิศร์” รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด วัย 53 ปี และนักสะสมรถซุปเปอร์คาร์คลาสสิกรุ่นน้อง “เสี่ยพอลล์ กาญจนพาสน์” กรรมการผู้จัดการบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด (อิมแพ็ค เมืองทองธานี) ขอใช้ศักดิ์ศรีเป็นประกันว่า รถหรูจดประกอบผิดกฎหมายเป็นแค่แกะดำในวงการรถยนต์เมืองไทย สำหรับคนที่จ้องโกงภาษีโกงเงินแผ่นดินเท่านั้น คนดีๆ มีความรับผิดชอบไม่ทำกัน!!

“รถจดประกอบคือเทคนิคของคนมีเงินที่ต้องการจะเซฟเงินในกระเป๋า โดยหลีกเลี่ยงภาษี ผมยืนยันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เราอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ มีหน้าที่ตอบแทนแผ่นดินไทย จะไปโกงแผ่นดินไทยทำไม เราตายไปก็มีแค่เงินบาทเดียวยัดใส่ปาก แล้วสัปเหร่อก็เอาไป ผมสั่งลูกเมียไว้เลยว่า วันหนึ่งถ้าผมเป็นอะไรไป ไม่ต้องเอาเงินยัดปากผมเลยนะ ผมอยากไปแบบสบายๆ รถจดประกอบราคาล้านหนึ่ง คุณเสียภาษีแค่ 30-50% แต่รถถูกกฎหมายเสียภาษีนำเข้า 300% คือราคาล้านหนึ่ง ต้องจ่ายภาษีนำเข้า 3 ล้านบาท ยังไงผมก็จ่าย แต่ไม่ยอมให้ใครตราหน้าว่าโกงภาษี โกงแผ่นดิน ผิดต่อวงศ์ตระกูล!! พวกนี้ทำให้วงการเสียชื่อหมด เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยอยากขับรถซุปเปอร์-คาร์ไปไหนแล้ว คนชอบถามคำแรกเลยว่ารถจดประกอบหรือเปล่า เซ็งมาก”...ถือเป็นทรรศนะตรงไปตรงมาของ “เสี่ยเต้-จาตุรนต์” หลานชายคนสนิทของ “ปราจิน เอี่ยมลำเนา” ผู้ก่อตั้งบริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

เสี่ยเต้-จาตุรนต์

เสี่ยเต้-จาตุรนต์


ไหนๆสองนักสะสมรถหรูและนักแข่งรถต่างวัยก็โคจรมาเจอกันแล้ว ทีมข่าวสตรีไทยรัฐจึงถือโอกาสชวนคุยแบบเปิดอกเกี่ยวกับวงการยนตรกรรมเมืองไทย ความหลงใหลในเสน่ห์ความเร็วและสปีดความแรงของซุปเปอร์คาร์ ที่ถลำลึกจนยากจะถอนตัว

โดนมนต์สะกดอะไรให้นะจังงัง ถึงได้หลงรักรถซุปเปอร์คาร์

จาตุรนต์ : ผมชอบรถตั้งแต่เล็กๆ สมัยอยู่อเมริกาเคยส่งพิซซ่าหาเงินย่านฮอลลีวูด แถวนั้นมีแต่บ้านมหาเศรษฐี ได้เห็นรถสปอร์ตหรูๆเต็มไปหมด จึงเก็บเงินจนสามารถซื้อรถโฟล์คแรบบิตรุ่นเปิดประทุน พอกลับมาเมืองไทย ไปช่วยน้าชาย (ปราจิน เอี่ยมลำเนา) จัดงานมอเตอร์โชว์ ก็ฝันเลยว่า จะต้องมีรถสปอร์ตดีๆ ต้องทำทุกอย่างเพื่อซื้อรถในฝัน คันแรกที่ซื้อเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วคือ เบนซ์  500 SL ราคา 9 ล้านกว่าบาท

พอลล์ : ผมชอบรถมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ตอนอายุ 34 ปี มีโอกาสไปลองแข่งรถ 4 ล้อ ที่สนามแข่งรถพีระ เซอร์กิต พัทยา จากนั้นก็แข่งมาเรื่อยๆ และเริ่มสนใจเรื่องรถซุปเปอร์คาร์จริงจัง

ตอนนี้มีรถซุปเปอร์คาร์สะสมอยู่กี่คันแล้ว คันไหนรักที่สุด

จาตุรนต์ : ผมรักรถทุกคัน ตอนนี้มีอยู่ 10 กว่าคัน ผมทำงานเหนื่อยมา 365 วัน เสาร์อาทิตย์ไม่เคยรู้จักเลยนะ ต้องออกต่างจังหวัดทุกอาทิตย์ ปีหนึ่งแทบไม่เคยกินข้าวบ้านกับครอบครัว สิ่งที่เป็นกำลังใจให้เราคือ ผมจะตั้งเป้าไว้เลยว่ารถคันไหนที่อยากได้ ผมจะชี้ไปเลยว่า ขอเวลาอีก 6 เดือน หรือปีหนึ่ง พอทำได้ วันที่ได้เป็นเจ้าของรถ นั่นคือความหวังของผมเป็นจริง คันที่ภูมิใจก็มี BMW X6 ราคา 9 ล้านกว่าบาท, พอร์ช 997 ราคา 15 ล้านบาท และ BMW ซีรีส์ 5 ผมไม่ชอบรถเก่าครับ สนุกกับการเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆมากกว่า พอซื้อมาแล้วก็จะลองแบบสุดๆสมรรถนะไปเลย

พอลล์ : สมัยก่อนคิดว่าอยากมีรถสปอร์ตขับไปทำงาน ตอนนี้ก็มีเกินจากที่ฝันแล้ว ผมมีรถพอร์ช 4 คัน คันแพงสุดคือ พอร์ช 993 ราคา 4 ล้านกว่าบาท ผมชอบรถพอร์ชคลาสสิกเป็นพิเศษ คันแรกซื้อพอร์ช ปี 1978 รุ่น 911 มีความสุขตอนนำมาซ่อมแซมปรับปรุงจนสามารถวิ่งได้จริง อีกคันเป็นปี 1967 รุ่น 911 เป็นรุ่นแรกของพอร์ช 911 ซื้อมาเป็นปีแล้ว แต่ยังสะสมอะไหล่อยู่ ยังวิ่งไม่ได้ ต้องเดินทางตามหาอะไหล่ในต่างประเทศ และมีอีกคันคือ พอร์ช 993 ล่าสุด ก็ซื้อรถแข่งของพอร์ช รุ่น 997 เอาไปแข่งที่มาเลเซีย

เป็นผู้บริหารใหญ่งานรัดตัว ทำไมจู่ๆนึกสนุกลุกขึ้นขับรถแข่ง

จาตุรนต์ : หลังคลุกคลีอยู่วงการนี้ 7 ปี ก็คันไม้คันมืออยากลงแข่งรถ ผมเริ่มจากการแข่งรถโกคาร์ท แข่งอยู่ 4-5 ปี ก็กลับมาแข่งโตโยต้า วันเมคเรซ อยู่ 2-3 ปี พอแข่งรถไปถึงจุดหนึ่ง หันมามองตัวเองว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่ต้องการคือ จะขับรถอย่างไรให้รู้จักรถ และเอารถเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายให้ได้ นิสัยคนไทยจะต้องแต่งรถทุกอย่างเพื่อให้เข้ากับตัวเราเอง ต้องเสียเงินมหาศาล แต่นักแข่งเมืองนอก ทำไมเขาจะต้องปรับตัวเขาไปหารถ รถสปอร์ตดีๆราคาแพงผลิตออกมาดีที่สุดอยู่แล้ว สมรรถนะก็สุดยอดอยู่แล้ว ผมจึงไปเรียนด้านการขับขี่อย่างปลอดภัย Active Safety Driving Experience ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2001 และเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับใบอนุญาตขับขี่ปลอดภัยจากสถาบันดังกล่าว ทุกวันนี้ก็ยังต้องไปสอบทุกปี เพื่ออัพเดทนวัตกรรมใหม่ๆของรถยนต์

พอลล์ : ผมเริ่มแข่งรถตอนอายุ 34 ปี มีลูกแล้วค่อยไปแข่งรถ ผมลงแข่งครั้งแรกที่สนามพีระ พัทยา การแข่งรถทำให้มีสมาธิ รู้สึกสงบดี ไม่ต้องคิดอะไร คิดแต่เรื่องความปลอดภัยในสนาม คนอื่นอาจจะชอบนั่งสมาธิ เล่นโยคะ แต่สำหรับผม รู้สึกว่าการแข่งรถคือการผ่อนคลายที่ดีที่สุด เราทำงานมีแรงกดดันเยอะ ก็พยายามทำดีที่สุด เรื่องงานนอนก็คิด กินข้าวก็คิด แต่เวลาอยู่ในสนามแข่งรถ ไม่ต้องคิดอะไรเลย มีสมาธิอยู่กับพวงมาลัย ผมไม่ได้เป็นคนที่ขับดี ขับอยู่ท้ายๆ แต่ก็บอกตัวเองว่า ถ้าไม่มีพวกเราที่ขับห่วยอยู่ท้ายๆ ข้างหน้าก็ไม่มีใครได้ถ้วยรางวัล

ในฐานะเจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ “คุณเต้” ช่วยยกระดับวงการนี้อย่างไร

ผมอยู่ในวงการรถยนต์ ต้องทดสอบรถใหม่ๆตลอดเวลา จึงคิดบุกเบิกเรื่องการยกระดับการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยผมร่วมกับค่ายฟอร์ดขับรถโชว์ทั่วประเทศเมื่อหลายปีก่อน และได้มีโอกาสแบ่งปันความรู้ให้ผู้ขับขี่ทั่วไปได้รับรู้ถึงสิทธิด้านความปลอดภัยในการขับขี่ เรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นของสแตนดาร์ดที่ต้องมีในรถทุกคันในยุโรปและอเมริกา ไม่ใช่ออปชั่นให้จ่ายเงินเพิ่มเหมือนบ้านเรา เมืองไทยเป็นประเทศเดียวที่มีแอร์แบ็กเฉพาะคนขับ ผมสู้มาจนค่ายรถส่วนใหญ่ในเมืองไทยยอมรวมมาตรฐานพวกนี้อยู่ในรถครบหมด โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
เสี่ยพอลล์

เสี่ยพอลล์


จนถึงขณะนี้ พัฒนาการของวงการรถยนต์รุดหน้าไปไกล หรือถอยหลังเข้าคลอง

ผมอยู่วงการนี้มา 24 ปีแล้ว ได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆพัฒนาขึ้นเยอะ เช่น เมื่อก่อนไม่มีระบบ ส่วนคนขับรถยุคนี้ต้องบอกเลยว่าแย่ลงกว่าเดิม ยิ่งคนขับรถมือใหม่ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ค่อยรู้กฎจราจร ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร สองปีที่ผ่านมาเจอมือใหม่พวกนี้เยอะมากเลย จนไม่ค่อยอยากขับรถแล้ว ขับแล้วเสียอารมณ์ พวกขับรถยนต์เหมือนขี่มอเตอร์ไซค์

อยู่ในวงการนี้มานาน เคยเจออุบัติเหตุร้ายแรงไหมคะ

ผมเคยขับรถแล้วยางแตก เมื่อ 10 ปีก่อน เส้นทางด่วนรามอินทรา ตอนเปิดใหม่ๆรถยังไม่เยอะ ผมเหยียบอยู่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่รอดมาได้ก็ด้วยวิชาที่ไปเรียนจากเยอรมนี เขาให้ลองขับด้วยความเร็ว 170-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งทับตะปูไม้ที่วางไว้ เพื่อให้รู้ว่าเมื่อยางระเบิด อาการของรถเป็นยังไง เวลายางแตก สิ่งที่ควรทำคือห้ามเหยียบเบรก เพราะรถจะพลิกทันที ให้ยกคันเร่งและเลี้ยงพวงมาลัยเพื่อดึงซ้ายกลับ ต้องมีสติอย่าไปตกใจ

เศรษฐกิจแบบนี้ ตลาดรถยนต์มือสองในเมืองไทยยังเติบโตดีไหม

รถมือสองยังมีช่องว่างให้โตอีกเยอะ ถ้าคุณขายรถใหม่ได้ 1 ล้านคัน มีรถเก่าในตลาด 3 ล้าน 5 แสนคันต่อปี ถ้าตลาดไม่โต เต็นท์ขายรถในกรุงเทพฯคงไม่เกิดเป็นพันๆเต็นท์หรอก ขณะที่ดีลเลอร์มีแค่ 200-300 กว่าเจ้า เมื่อผมเข้ามาอยู่วงการนี้ ทำให้ค้นพบว่า ผู้บริโภคเมืองไทยยังถูกเอาเปรียบมาก ในต่างประเทศมีระบบสร้างมาตรฐานให้รถมือสองนานแล้ว เราซื้อรถบริษัทหนึ่งมาใช้ไปแล้ว 3 ปี เมื่อขับกลับเข้าไปที่บริษัทเดิม เพราะอยากซื้อรถรุ่นใหม่ยี่ห้อเดิม ดีลเลอร์รถเมืองไทยไม่รับซื้อรถเก่า จะขายแต่รถใหม่ เราต้องเอารถเก่าไปขายพ่อค้าคนกลาง ผมอยากสร้างมาตรฐานใหม่ให้รถมือสอง จึงเป็นโต้โผจัดงาน “Bangkok Imported Car & Used Car Show” ปีนี้เป็นปีที่ 5 จัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 20-28 ก.ค.2556 เฉพาะงานนี้ ถ้าใครซื้อรถมือสอง เรามีใบรับประกันให้ คืออีก 6 เดือน หรือปีหนึ่ง ถ้ามีอะไรเสียก็ซ่อมให้ฟรี ผมอยากสร้างมาตรฐานใหม่ให้คนไทยได้มีอะไรที่สมน้ำสมเนื้อ

อะไรคือความฝันสูงสุดของเจ้าพ่อมอเตอร์โชว์

ผมใฝ่ฝันว่าเมื่อไหร่ทางด่วนบ้านเราจะมีเลนเฉพาะที่สามารถวิ่งได้แบบไม่จำกัดความเร็ว หรือวิ่งได้สูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนถนนออโต้บาห์น ในเยอรมนี ผมอยากอยู่ในประเทศที่เปิดกว้างเรื่องพวกนี้ ผมมีลูกชายคนหนึ่ง อายุ 22 ปีแล้ว ก็ส่งไปเรียนเรื่องการขับรถอย่างปลอดภัย และให้แข่งรถหลายสนาม ครั้งแรกผมขับรถไล่เขาในสนามแข่งรถพีระ จนรถเขาคว่ำ 4 ตลบ หลังจากนั้น เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย จากที่เคยขับรถเร็ว ทุกวันนี้เปลี่ยนไปเลย ถ้าไม่ปลอดภัยจะไม่ยอมขับเลย และกลายเป็นคนรักรถ ผมดึงลูกชายมาช่วยงานได้ 2 ปีแล้ว ให้คุยกับฝรั่ง พวกผู้บริหารบริษัทรถยนต์ อนาคตคงจะมาทำงานวงการนี้ด้วยกัน

ต่อไปในอนาคต วงการมอเตอร์โชว์เมืองไทยคงได้นักเลงรถซุปเปอร์คาร์เลือดใหม่ไฟแรงมาช่วยสร้างสรรค์สิ่งดีๆเพื่อสังคม.



Create Date : 15 กรกฎาคม 2556
Last Update : 15 กรกฎาคม 2556 2:14:38 น. 0 comments
Counter : 2085 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.