แทบไม่น่าเชื่อว่า ผู้สื่อข่าวอังกฤษหัว Car Magazine จะตื่นเต้นกับรถรุ่นนี้ ถึงขนาดที่ต้องแย่งกันขับทดสอบ Veloster Turbo เลยทีเดียว ผมรับรถทดสอบ Hyundai Veloster รุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ มาจากอาคารคิวเฮ้าส์ย่านศาลาแดง ซึ่งเป็นออฟฟิศใหญ่ของ Hyundai Thailand หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพมหานครทันที เพื่อขับทดสอบประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลาอีก 4 วันนับต่อจากนี้ไป คือการได้อยู่กับตัวตนที่แท้จริงของสปอร์ตแฮตชแบคสุดร้อนแรงจากแดนกิมจิ นับจากวันที่เห็นมันครั้งแรกกลางกรุงโซล จากการร่วมทริปไปดูโรงงานและศูนย์ R And D ของ Hyundai Motor ณ ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ผมต้องใช้เวลาอดทนรอนานถึงกว่า 2 ปี ที่จะได้ขับทดสอบรถยนต์รุ่นนี้ นี่คือหนึ่งในงาน Coupe ที่น่าหลงใหลมากที่สุดต่อจาก MINI Cooper S / Toyota GT86 และ Volkswagen golf GTi สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบแล้ว Veloster คือยนตกรรมที่มีรูปลักษณ์แปลกแหวกแนว มันมีความสวยงามลงตัว ท่ามกลางเส้นสายที่ค่อนข้างขัดแย้งในบางจุด ความกล้าหาญในการออกแบบทรงของประตูกับสัดส่วนบั้นท้ายที่ดุดัน ทำให้มันกลายเป็นสปอร์ตคูเป้ ราคา 1.74 ล้าน ที่น่าขับมากๆ เมื่อเปรียบเทียบสมรรถนะกับคู่แข่งทั้งสามคัน
Veloster Turbo คือ Hyundai คันแรกของโลกที่วางเครื่อง 1.6 ลิตรเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบตัวนี้มีขนาดที่กะทัดรัดมาก มันมีชื่อเล่นว่า Gamma ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงอีเล็กทรอนิกส์ GDi แคมคู่ DOHC (ดับเบิลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป) 16 วาล์ว เทอร์โบ พร้อมกลไกวาล์วแปรผัน D-CVVT 186 แรงม้า กับหัวฉีดเชื้อเพลิงไฟฟ้าคอมมอนเรล ไดเรคอินเจคชั่น ทำให้กำลังเพิ่มขึ้นอีก 47 แรงม้า เมื่อเทียบกับรุ่นที่ไม่มีเทอร์โบ แรงม้าและแรงบิดที่เพิ่มขึ้นมาอีก 59% ส่งผลให้มันเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ได้เกือบเท่า MINI Cooper S และ GT86 ที่ตัวเลข 8.2 วินาที (MINI Cooper S =7.4 วินาที / GT86 = 7.8 วินาที) ซึ่งถือว่ายอมรับได้จากประสิทธิภาพของเครื่อง Gamma ตัวเล็กจิ๋ว นอกเหนือไปจากนั้น ระบบส่งกำลังแบบ 6 สปีด Torque Converter บวกกลไก Sequential คืออีกจุดที่มีความโดดเด่น เมื่อมันทำงานประสานไปกับเครื่องยนต์รุ่นเทอร์โบ ส่วนจะเป็นยังไงนั้นเดี๋ยวได้รู้กัน
ลืมรูปทรงเชยๆ กับสมรรถนะแบบกลางๆ ของ Hyundai ในยุคก่อนไปได้เลย หากคุณยังไม่เคยได้ลิ้มลองประสิทธิภาพของรถรุ่นใหม่จากแดนกิมจิ ค่ายรถที่มียอดขายสูงสุดอันดับที่ 4 ของโลกยนตรกรรม ย่อมทำอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว รถ Veloster รุ่นสูงสุดคันนี้ มาพร้อมกับสีพิเศษเทาด้าน Petrol Grey ที่ทำให้มันดูดีสุดๆ ไม่ต่างจาก Lamborghini Reventon หรือแม้แต่ Mercedes Benz SLS AMG ค่าย Hyundai ให้มาฟรีๆ ในราคา 1.74 ล้านบาท โดยไม่ได้ชาร์จค่าสีเพิ่มสำหรับออฟชั่นพิเศษเหมือน Mercedes Benz ที่ลูกค้าต้องควักเงินอีก 3,000 ปอนด์ หรือเกือบ 2 แสนบาท เพื่อทำให้ SLS รุ่น AMG ในอังกฤษ มีสีเทาด้านที่ดุดันโคตรๆ คล้ายเครื่องบินรบ Stealth งานออกแบบตัวถังมีความเจ๋งอยู่ตรงประตูฝั่งคนนั่งที่มีสองบาน แต่ฝั่งคนขับกลับมีแค่บานเดียว สำหรับการใช้งานจริงมันอาจดูเหมือนไร้สาระหรือเว่อร์ไปหน่อย แต่มันกลับช่วยให้การเข้า-ออกจากห้องโดยสารมีความสะดวกกว่าที่คิด และไม่ต้องมาคอยพับเบาะคนขับ หรือเบาะผู้โดยสารตอนหน้าเพื่อเข้าไปนั่งในเบาะหลัง ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่ในการวางเท้า เมื่อนั่งโดยสารบนเบาะด้านหลัง และลองให้คนที่ตัวสูงถึง 187 เซนติเมตรมานั่ง ก็สามารถนั่งได้อย่างสบายแม้จะต้องร่นเบาะหน้าขยับขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็ตาม หลังคาแก้วแบบ Panoramic Sunroof ใช้งานได้จริง แต่ไม่เหมาะกับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม มีไว้ติดรถก็ยังดีกว่าไม่มี หลังคาแก้วของ Veloster Turbo มีกลไกการเปิด-ปิดที่รวดเร็ว ในวันที่อากาศดีมันจะสร้างอารมณ์ของการขับ หรือนั่งโดยสารได้เพลิดเพลินคล้ายรถเปิดประทุนเลยทีเดียว
อารมณ์ของการนั่งขับ Veloster Turbo แตกต่างจากรถสปอร์ตทั่วไปอย่างสิ้นเชิง มุมมองด้านหน้าและด้านข้างกระจ่างตาด้วยกระจกบังลมบานโต แต่มุมมองด้านหลังที่ค่อนข้างอับทึบ จากเสาหลังขนาดใหญ่กับกระจกบานฝาท้ายที่เล็ก ทำให้การมองเพื่อเปลี่ยนทิศทางต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ตำแหน่งของเบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า แต่เบาะผู้โดยสารตอนหน้ากลับต้องปรับด้วยมือแบบแมนนวล มันมีท่านั่งที่ดีมากและมอบความกระชับจากเบาะแบบสปอร์ต มาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบ ตลอดจนสีสันของหน้าปัด และอุปกรณ์ที่ออกโทนน้ำเงิน ยิ่งทำให้มันน่าขับมากยิ่งขึ้น แม้จะปรับเบาะกดลงต่ำสุดๆ แต่ความรู้สึกของผมยังคงบอกว่ามันสูงไปนิด เบาะให้ความสบายในระดับที่ดี เมื่อต้องนั่งขับกันทั้งวันแบบนี้ ระบบปรับอากาศที่ใช้งานได้ง่ายยังให้ความเย็นไม่แตกต่างไปจากรถญี่ปุ่นทั่วไป ส่วนการเก็บเสียงนั้นทำได้ในระดับที่น่าพอใจ รอยต่อของชิ้นงานพลาสติกภายในห้องโดยสารผ่านการประกอบมาเป็นอย่างดี ทำให้มันแน่นและไม่มีการขยับตัว เมื่อวิ่งผ่านทางขรุขระแทบจะไม่เกิดเสียงดัง ที่ชอบมากคือขนาดของพวงมาลัยซึ่งเล็กและกระชับ แม้จะมีสวิตช์ติดตั้งอยู่เต็มไปหมด พวงมาลัยหุ้มหนังแท้รอบวงเล็กยังกับของรถซิ่ง คือสิ่งที่วิศวกรผู้ออกแบบรถรุ่นนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รอบวงที่เล็กยังช่วยให้การเลี้ยวกลับรถ หรือหักซ้ายโยกขวา ไปตามทางโค้งมีความว่องไวแม่นยำอีกด้วย
ถนนมิตรภาพที่จะมุ่งหน้าไปยังอำเภอหมูสี อุดมไปด้วยรถใหญ่น้อยนานาชนิด วิ่งกันอย่างพลุกพล่าน ตลอดเส้นทางจากกรุงเทพฯไปยังโคราช ผมพบกับเพื่อนร่วมทางหลายคันที่โฉบเข้าโฉบออก มาดูโฉมหน้าของเจ้าแมลงปีกแข็งสีเทาคันนี้ บางคันวิ่งเข้ามาจี้ท้ายดื้อๆ เพื่อชวนทะเลาะ เส้นสายที่ส่งถ่ายอารมณ์สปอร์ตกับความแปลกของเรือนร่างและสีสันที่คล้ายเครื่องบินรบล่องหน ทำให้ผู้คนรอบข้างบนถนน เหมือนกับถูกกระตุ้นและต่างหันมามองมันอย่างตั้งใจ ราวกับผมกำลังควงคู่อยู่บน Veloster กับ ใหม่ ดาวิกา ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ใช่หรือใกล้เคียงกับ มาริโอ แม้แต่น้อย วัตถุสีเทาด้านที่ทึบและตันขณะวิ่งผ่านไปยังท้องที่ของ จ.สระบุรี เชื่อมต่อโคราช คือตัวประหลาดบนท้องถนนที่เรียกร้องสายตาของผู้คน จนบางครั้งถึงกับทำให้ผมเขินอาย กระจังหน้าขนาดใหญ่ยักษ์ที่ใหญ่มากกว่า AUDI ทุกรุ่นกับไฟหน้าที่คล้ายตาของแมลงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจากงานดีไซน์ นี่คือหนึ่งในรถสปอร์ตที่แปลกที่สุดและดูดีมากๆ เมื่อคุณมองมันจากทางด้านข้างกับแนวของหลังคา ซึ่งไปเกี่ยวโยงกับ Nissan GTR แบบช่วยไม่ได้ แม้ Veloster Turbo จะมีม้าแค่ 186 ตัว แต่หากคุณได้ลิ้มลองสมรรถนะของการเร่งความเร็วและการทรงตัวบนย่านความเร็วสูงแล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่า ยากที่จะลืมเลือน ทุกสิ่งที่แสดงออกใน Veloster คืองานวิศวกรรมจักรกลยานยนต์ที่ก้าวไกลของเกาหลี ผ่านงานออกแบบอันเข้มข้นและการจัดวางกลไกรองรับที่ยอดเยี่ยมของดีไซน์เนอร์และวิศวกรจากยุโรปที่ Hyundai ตัองควักเงินมหาศาลเพื่อดึงเข้ามาร่วมงาน มันจะโชว์ให้เห็นถึงความสามารถหากคุณกล้าและมีฝีมือมากพอในการควบคุม รถสปอร์ตอย่าง MINI Cooper S - Toyota GT86 - Volkswagen Scirocco R แม้จะมีความเป็นตัวตนและมีเอกลักษณ์ของรถ Coupe อย่างครบครัน แต่ไม่มีคันไหนเลยแม้แต่คันเดียวในจำนวนสามคันที่จะให้อารมณ์ของการขับได้เหมือนกับ Veloster Turbo อีกแล้ว ขอย้ำเลยว่า "ไม่มี"
เส้นทางในอำเภอหมูสี เป็นทางลาดยางสองเลนสวน ที่ค่อนข้างแคบ และเต็มไปด้วยโค้งแคบๆ ขึ้น-ลงเนิน มันตัดผ่านทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า และมีรถบบรทุกวิ่งสวนมาเป็นระยะ ทำให้การใช้ความเร็วทำได้ไม่เต็มที่ ผมต้องคอยระวังโค้งบางจุดที่ลึกและยาวในการพาเจ้า Veloster Turbo ลัดเลาะไปตามทางลาดยาง ซึ่งหาทางตรงยาวยากมาก ผมปล่อยให้ม้าทั้ง 186 ตัวทำงานไปตามสภาพทางโดยประคองพวงมาลัยและใช้คันเร่งให้มีความเหมาะสม เพื่อหักหัวรถเข้า-ออกโค้งได้แบบไม่ต้องออกแรงกันมาก เนื่องจากใช้ความเร็วต่ำ เครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย ช่วงล่างที่ประกอบขึ้นเป็นเรือนร่างของ Hyundai Veloster คือส่วนผสมที่ดี ระบบอากาศพลศาสตร์ของมันอยู่ในระดับทั่วๆ ไปที่ CD0.32 แรงต้านของอากาศเกิดขึ้นจากทรงของด้านหน้าที่ใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่ รวมถึงเสาหน้าที่มีองศาของความลาดเอียงไม่มากนัก ยิ่งขับนานเท่าไหร่คุณจะคุ้นเคยกับมันและหลงรักมันมากยิ่งขึ้น รถ Veloster คือแฮตซแบคที่ดีเท่าที่ผมเคยขับมา ประเดนของราคา 1.74 ล้าน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ Toyota GT86 ที่มีราคา 2.7 ล้านในรุ่นสูงสุด กับ MINI Cooper S Coupe ซึ่งราคาทะลุไปถึง 3 ล้านบาท บางสิ่งบางอย่างของ Veloster อาจสู้ไม่ได้ เช่น วัสดุภายในบางชิ้นส่วนกับความนิยมชมชอบในแบรนด์ แต่ถ้าเหมารวมถึงสภาพการขับขี่ควบคุมด้วยแล้ว ทั้ง GT86 และ Cooper S Coupe มีการขับขี่ที่ใกล้เคียงกันกับ Veloster Turbo แบบมีดีมีด้อยกันไปคนละจุด ราคา 1.74 ล้าน แลกกลับมาด้วยการควบคุมที่ดี มันคือราคาต้นทุนของเทคโนโลยีที่ใช้สร้างรถคันนี้ เป็นราคาของรูปทรงที่แปลกประหลาด ล้ำยุค แหวกแนว ไม่ซ้ำใคร ซึ่งมีนักเลงรถบางคนยอมจ่าย คุณอาจครอบครอง MINI หรือ Sport Roadster ของเยอรมัน ที่แพงจนสะดุ้ง แต่หากได้ลองขับรถคันนี้สักครั้งคุณจะเริ่มแปลกใจว่ามันออกมาแบบนี้ได้อย่างไร Veloster เป็นรถที่เจ๋งคันหนึ่งของวงการแฮตซแบคที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองโดยไม่มีการลอกเลียนแบบใครทั้งสิ้น
ส่วนผสมของพวงมาลัยและช่วงล่าง แสดงออกถึงความแม่นยำไปตลอดเส้นทาง พวงมาลัยไฟฟ้าวงเล็กให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับสปอร์ตคู่แข่งที่มีราคาสูงกว่ามัน 1 ล้านบาท มันจะส่งถ่ายอารมณ์ของการขับที่สนุกสนานไปตลอดทาง หากคุณเปิดใจให้กว้างและมองอย่างเป็นกลาง อัตราทดของพวงมาลัยถูกปรับมาเป็นอย่างดีจนไม่มีข้อตำหนิใดๆ ทั้งสิ้น หักไปทางไหนหัวรถก็เลี้ยวไปทางนั้นและตอบสนองได้อย่างแม่นยำ บนทางตรงยาวไม่ต้องคอยประคองกันให้มากเรื่อง เนื่องจากระยะของการหมุนกึ่งกลางถูกปรับมาให้นิ่งและกระชับจนรู้สึกพอดี น้ำหนักที่ความเร็วต่ำเบาสบายมือ ระบบแปรผันในแรคจะทำงานทันทีที่ความเร็วเพิ่มขึ้น มันจะหน่วงให้น้ำหนักมีความพอดิบพอดีกับความเร็ว ซึ่งทำให้การควบคุมง่ายดายมากขึ้นไปอีก โดยรวมแล้ว พวงมาลัยของ Veloster รุ่น Turbo มีค่าของความหนืดที่สูงกว่า Veloster รุ่นมาตรฐานเล็กน้อยจากการปรับของวิศวกรในขั้นตอนของการทดสอบและพัฒนา คันเร่งไฟฟ้าให้ความรู้สึกที่ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป มันคล้ายกับคันเร่งของ Volvo C30 T5 ที่มีความสบายเท้าจากแป้นคันเร่งและแป้นเบรกขนาดใหญ่ทำจากสแตนเลสสีเงิน น้ำหนักที่พอดีของคันเร่งไม่ได้เบาหวิวจนน่ารำคาญหรือหนักจนคล้ายกับคันเร่งแบบสายสลิงรุ่นเก่าทำให้การขับทั้งในและนอกเมืองมีความสะดวกสบายสูงสุด แม้ตัวจะเล็กป้อมอ้วนแต่ทุกครั้งที่มันเลี้ยวการถ่ายเทมวลที่แน่นตึบของช่วงล่างจะทำให้คุณหวดมันหนักข้อมากยิ่งขึ้น มันเป็นรถที่ไม่ชอบให้ขับช้าๆ โดยมีเครื่องยนต์ซึ่งถูกออกแบบให้มีคาแรกเตอร์ของรถสปอร์ตแฝงอยู่ และเน้นให้รอบเครื่องตวัดกวาดตัวเองขึ้นสู่รอบสูงทันทีที่ลงคันเร่ง มันเป็นรถที่ชอบให้เจ้าของขับแบบลากรอบ แถมยังมีระบบเกียร์ 6 อัตราทดชิดที่ว่องไวปานรถแข่งอีกด้วย
จังหวะของการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ใน Veloster Turbo คือสิ่งที่ต้องจดจำ ในช่วงความเร็วต่ำมันให้ทั้งความไหลลื่นและเรียบเนียนจากชุด Torque Converter ผสมผสานกับ Sequential Shift รถ Veloster Turbo มีแป้นเปลี่ยนอัตราทดหลังแกนพวงมาลัยที่ทำงานได้รวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ โหมด ECO ถูกผมยกเลิกการใช้งานตลอดเส้นทางทดสอบ เนื่องจากไม่ต้องการวิ่งเพื่อเน้นหาค่าเฉลี่ยตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เกียร์ทำงานได้อย่างใจนึก ทั้งการขับแบบปกติในตำแหน่ง D รวมถึงการมุดไปมาบนตำแหน่ง S หรือ Sport Mode แป้น Paddle Shift เมื่อกดใช้งานเกียร์จะเปลี่ยนทันที ไม่มีรั้งรอ สมองกลที่ควบคุมชุดส่งกำลังยังฉลาดพอที่จะรับรู้การใช้คันเร่งของคนขับ และคอยสอดส่องดูว่าคุณเร่งมันหนักแค่ไหน บนโค้งมุมแคบซ้ายสลับขวารูปตัวเอสที่อยู่ข้างหน้าในแถบมวกเหล็ก ผมลดความเร็วด้วยการใช้เอนจิ้นเบรก โดยกดแป้นเปลี่ยนเกียร์เพื่อลดตำแหน่งลง 1-2 เกียร์ก่อนจะหักพวงมาลัยต้านแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางบนโค้ง คันเร่งไฟฟ้าที่ถูกกดและยกสลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง กับการควบคุมอัตราทดด้วยนิ้วมือของตัวเอง ซึ่งต้องกดชิฟเกียร์ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา มันให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติคล้ายกับเกียร์ออโต้ทริปทรอนิกส์ของ Toyota GT86 ที่มี 6 เกียร์เท่ากัน เหมือนกันทั้งระยะของการเปลี่ยนเกียร์ ความรู้สึกถึงห้วงเวลาที่เกียร์ทำงานขณะถ่ายเทแรงบิดไล่จากต่ำไปหาสูงจะทำให้คุณพึงพอใจได้บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับรุ่น Turbo แรงบิดสูงสุดมีมาให้ใช้อย่างเต็มที่ในย่าน 3,000-5,000 รอบต่อนาที นั่นหมายถึงการที่ผมสามารถเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้รอบเครื่องยนต์ถึงจุดสูงสุดของเกียร์นั้นๆ Veloster Turbo มีอัตราเร่งที่สมน้ำสมเนื้อกับขนาดและน้ำหนักอย่างยิ่งยวด ทำให้ผู้ขับขี่ไม่รู้สึกเหนื่อยกับการควบคุมจนเกินไป และให้ความู้สึกที่ผ่อนคลายมากกว่าจะบีบรัดแบบ MINI Cooper S Coupe
ล้อ 18 นิ้วลายห้าก้านที่งดงามยามแล่นไปบนถนนกับยาง Hankook รุ่น Ventus Prime 2 ไซส์ 215/40/R18 คือสิ่งที่เชื่อมโยงแซสซีส์ของ Veloster กับพื้นผิวถนน ซึ่งผมเจอทั้งถนนปูนซีเมนต์และถนนลาดยางมะตอย ใน Veloster แม้จะไม่ใช่ยางสปอร์ตยี่ห้อ Pirelli / Michelin / Bridgestone / Goodyear แต่บริษัทยางจากเกาหลียี่ห้อนี้ กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการผลักดันผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้เข้าไปอยู่ในระดับแนวหน้าของยางรถสปอร์ต เห็นได้จากการแข่งรถยนต์ทางเรียบของสหรัฐอเมริกาบางรายการ ที่รถแข่งใช้ยางยี่ห้อนี้วิ่งจนจบการแข่งขัน แม้จะไม่มีชื่อเสียงเท่ากับค่ายยางชั้นนำ แต่ยางรุ่น Ventus Prime 2 ของ Hankook กลับส่งถ่ายประสิทธิภาพของการยึดเกาะได้ทีเทียบเท่ายางราคาแพงเหล่านั้น กริ้บที่ดีเกิดจากเนื้อยางที่ค่อนข้างนิ่ม รวมถึงลายดอกแบบสปอร์ตที่ช่วยรีดน้ำได้ดี แม้จะไม่มีล้อขอบ 19-20 นิ้วเหมือนสปอร์ตยุโรปบางรุ่น แต่ไม่ได้หมายความว่าการควบคุม Veloster จะมีความตื่นเต้นลดน้อยกว่าแต่อย่างใดทั้งสิ้น ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท โช้กอัพ สปริง เหล็กกันโคลง กับช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมค่อนข้างสั่นสะเทือน เมื่อวิ่งผ่านถนนปูนซีเมนต์ มันเกิดขึ้นจากระยะห่างระหว่างผิวถนนกับล้อบนตัวเลข 215/40 ยางแก้มเตี้ยช่วยทำให้การทรงตัวดี แต่คุณต้องแลกเปลี่ยนด้วยความสั่นสะเทือนในบางขณะที่วิ่งผ่านทางแย่ๆ น่าโมโหอยู่เหมือนกันที่ทางแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมดทั่วประเทศไทย
Toyota GT86 เลี้ยวได้เร็วและดริฟท์ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจากลักษณ์ของจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมากๆ (ต่ำกว่า ferrari 458 italia) แต่มันต้องใช้กำลังสปีดตัวเองจากจุดหยุดนิ่งไปถึงรอบเครื่อง 4-6,000 รอบเพื่อดริฟท์ ส่วน MINI Cooper S Coupe เป็นรถที่ให้อารมณ์สปอร์ตจากการควบคุมที่ไม่มีการโอนอ่อนผ่อนคลาย พละกำลังเหลือเฟือ แม่นยำแต่กระด้างสุดๆ สำหรับ Veloster Turbo นั้น เป็นสปอร์ตแฮตชแบคที่มีพวงมาลัยกับช่วงล่างโดดเด่นมาก แม้ย่านของกำลังจะเป็นรอง รวมถึงอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ยังคงตามหลังรถคู่แข่งทั้งสองคัน (8.2 วินาที) แต่มันขับได้สบายกว่า รวมถึงพื้นที่เบาะหลังยังนั่งโดยสารได้จริง การยึดเกาะกับผิวถนนทำได้ดี เครื่องยนต์ 1.6 เทอร์โบกับเกียร์ออโต้ 6 สปีดไร้ข้อตำหนิติเตียนโดยสิ้นเชิง จะมีอยู่บ้างคือเรื่องอัตราสิ้นเปลืองหากขับแบบอัดไม่ยั้งเข็มวัดระดับเชื้อเพลิงจะร่วงลงเร็วมากๆ แรงบิดสูงสุด 3,000-5,000 รอบ กับการเปลีี่ยนจังหวะของอัตราทดที่สามารถกระทำได้ทุกขณะช่วยทำให้คุณไม่เหนื่อยล้าเมื่อขับทางไกล ส่วนข้อเสียของ Veloster Turbo ก็มีอยู่บ้างเช่น กล้องถอยหลังและเนวิเกเตอร์ ซึ่งเป็นออฟชั่นสำหรับรุ่นสูงสุดถูกตัดออกไป เนื่องจากราคาค่าตัวที่ถูกกำหนดมาจากผู้บริหาร โดยภาพรวมแล้ว ประตูแบบ 1+2 ที่ไม่เหมือนใครจะทำให้มันกลายเป็นรถสะสมในอนาคต ทุกคนที่ได้ลองขับต่างหลงรักและอยากครอบครองเป็นเจ้าของ มันมีการประกอบที่ดี เป็นรถที่ออกแบบได้อย่างชาญฉลาดและกล้าหาญมากในการใช้เส้นสายที่ตัดกันอย่างขัดแย้งแต่กลับกลมกลืน เมื่อประกอบขึ้นเป็น Veloster ทั้งคัน มันคือจักรกลแฮตชแบคที่ Hyundai จงใจสร้างขึ้นมาสำหรับคนที่รักการขับรถอย่างแท้จริงและทำให้คุณสนุกได้ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัยของมัน.