พาไปเที่ยว กลางดง ค่ะ
ทริปนี้ กลุ่มธาตุทอง 2 ส จัดไปเที่ยว "กลางดง" ในวันที่ 14-15 ต.ค. ซึ่งแต่เดิม ฉันจะเดินทางไป ไอซแลนด์ วันที่ 12 ต.ค. ซึ่งซ้อนกับงานนี้ แต่ฉันเกิดอุบัติเหตุ กระดูกนิ้วเท้าหัก 2 นิ้ว กระดูกไขสันหลัง ยุบไป 2 ข้อ ตั้งแต่ 1 ก.ย. ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ เสียเงินไปหลายหมื่น เฮ้อ! เลยได้ไปเที่ยว ทริปกลางดงกับลูกศิษย์แทน
วันที่ 14 หนึ่ง นัดว่า จะมารับฉันที่บ้าน ประมาณ 6.00 น. วันที่ 14 ฉันตื่นแต่เช้าตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้ว ลงมาชั้นล่าง แล้วก็ต้องตกใจ แทบจะลมจับ เพราะน้ำท่วมบ้านถึงบันไดขั้นที่ 1 เอาขาหยั่งดู ลึกถึงหัวเข่า ทีเดียว เฮ้อ ! ตั้งแต่อยู่ที่บ้านนี้ ยังไม่เคยเจอ น้ำเข้าบ้านแบบนี้เลย ของใช้ต่าง ๆ ลอยกันเกลื่อนบ้านเลย หนังสือตู้ชั้นล่างเสียหายหมด ของกินของใช้จมน้ำ ข้าวสารถุงใหญ่ ที่หลานสะใภ้นำมาให้ ตอนตรุษจีน ก็จมหายอยู่ในน้ำด้วย เสียดายของกินหลาย ๆ อย่างที่ ลูกศิษย์นำมาเยี่ยมตอนฉัน ประสบอุบัติเหตุ เสียดายมากที่สุด คือ หนังสือ ดี ๆ ที่จมน้ำ เมื่อตั้งสติได้ ก็ปลง และลงมือ วิดน้ำทิ้งเข้าครัวไป ทีละขัน แล้วเมื่อไหร่จะหมดบ้านล่ะ ใกล้เวลานัด หนึ่งโทรเข้ามือถือ และมาถึงบ้าน เห็นสภาพบ้านฉันแล้ว ก็ตกใจเหมือนกัน เขามากับเดียร์ ช่วยวิดน้ำออกหน้าบ้าน ซึ่งยังเต็มถนนอยู่ ส่วนฉันก็วิดน้ำ ทิ้งเข้าครัว ไป ได้สัก 10 นาที หนึ่งกับเดียร์ ก็หอบแล้ว บอกว่า ไม่ไหวหรอก วิดอย่างนี้ อย่างไร ก็หมดยาก โปรแกรม ที่จัดไว้แล้ว ก็จะรวนไปหมด ให้ปิดบ้านทิ้งไว้สักสองวัน ขากลับ แวะซื้อ เครื่องไดร์โว่ มาสูบน้ำออกเอาจะดีกว่า วันนี้ก็ไปเที่ยวตามโปรแกรมกับลูกศิษย์ ฉันก็เลยต้องไปตามคำบอกของหนึ่ง ไม่ใช่นั้น ฉันก็จะทำให้โปรแกรมของลูกศิษย์ส่วนใหญ่เสียไปหมด อีกอย่างถึงฉันจะอยู่บ้านไม่ไปกับพวกเขา ฉันก็วิดน้ำคนเดียวไม่ไหว เพื่อนบ้านจะมาช่วยเหลือ ก็เป็นไปได้ยาก เพราะว่า เพื่อนบ้านแทบทุกบ้าน น้ำก็เข้าบ้านกันเกือบทุกบ้าน ยกเว้น บ้านที่ได้ถมบ้านสูงกว่าบ้านฉัน ที่ได้รับการกระทบน้อยกว่าเท่านั้น
หนึ่งและเดียร์ มาช่วยฉันยกกระเป๋าไปขึ้นรถ ซึ่งรถของหนึ่งเป็นรถ โฟลวิล ลุยน้ำได้ ถ้าเป็นรถเก๋ง คงมิดล้อ แน่นอน รถออกจากบ้าน ไปทางซอยแสนสบายไปออก ทางที่จะไปเก็ทเวย์ ระหว่างทาง น้ำท่วมถนน เต็มไปหมด เศษขยะลอยฟ่อง ทำให้ท่อตัน น้ำไหลไม่ทัน นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของ น้ำท่วมมากในครั้งนี้ ข่าวออกมาว่า กทม. เครื่องสูบน้ำเสีย ไฟดับ ปรกติ ถนนเส้นสุขุมวิท เป็นถนนเส้นเศรษฐกิจ ไม่เคยท่วมมากมายขนาดนี้เลย มาดูถนนที่ผ่านค่ะ ว่า มันเสียหายมากขนาดไหน
ภาพเหล่านี้ เก๋ เป็นคนถ่ายระหว่างที่รถแล่นผ่านถนนสุขุมวิท ค่ะ
รถแต่ละคัน มีจุดนัดหมายกันที่ร้านอาหาร บ้านสวน 2 แต่ปรากฏว่า รถคันของ อิ๊ด เลยไป ร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง ชื่อว่าอะไร ฉันก็จำไม่ได้ ส่วนรถคันของเรา มาถึงก่อนเพื่อน ร้านอาหาร บ้านสวน 2 เป็นร้านอาหาร ที่ใหญ่โต กว้างขวางมาก มีรถทัวร์ลงให้ลูกทัวร์ ทานข้าวกันมากมาย หนึ่ง ต้องขับรถวนหาที่จอดรถ พักใหญ่ จึงได้ที่จอด ได้ที่จอดแล้ว ก็หาห้องน้ำเข้ากันก่อน ห้องน้ำมีหลายห้องมาก มีทั้งปีกซ้ายและปีกขวา หลังจากนั้น ต่างก็แยกย้ายไปตามร้านอาหารต่าง ๆ ซึ่งมีมากมายหลายร้าน ฉันสืบทราบมาว่า ต้มเลือดหมู ที่นี่อร่อยใช้ได้ เลยเลือกอาหารร้านนี้ ซึ่งคนก็มาเข้าแถวซื้อกันมาก ราคาก็ถูกนะ ชามละ 35-40 บาท ฉันก็จำไม่ได้ รสชาติก็โอเค อร่อยใช้ได้ แถมให้เครื่องในมากทีเดียว
สักพักใหญ่ รถคันของเจี๊ยบ ของเกด และของ ผัน ก็มาครบ และต่างก็ไปหาอาหารตามที่ตนชอบทาน
เมื่อทุกคนอิ่มพร้อมกันแล้ว เราก็ออกรถ เพื่อไปพบกันที่ร้านอาหารอีกร้านหนึ่ง ที่รถคันอิ๊ด ขับหลงไปและทานอาหารที่ร้านนี้ ซึ่งดูโออ่า มีเกรดด้วยแต่ราคาสูงกว่าที่ บ้านสวน 2 ค่ะ
จุดรวมพลที่ร้านอาหารที่รถคันอิ๊ดหลงมา ค่ะ
หลังจากที่ พร้อมกันที่จุดรวมพลที่นี่แล้ว รถทุกคันก็ออกเดินทางต่อไป จุดหมายปลายทาง คือ ที่เที่ยวแห่งแรกของภาคเช้านี้ คือ เดอะ บลูม ที่นี่ เป็นเหมือนสวนดอกไม้ มีเลี้ยงแกะ มีที่พักด้วย มีร้านอาหารขายด้วย มีสถานที่ตกแต่งสวย ๆ ให้คนเข้ามาถ่ายรูป ค่าเข้าชม คนละ 100 บาท มีค่านั่งรถกอล์ฟ อีกคนละ 20 แต่ใน 100 บาท สามารถซื้อ กาแฟในนี้ได้ราคาลด 20 บาท
มาชมภาพ ที่ฉันและลูกศิษย์ ถ่ายและฉันรวบรวมมาให้ชม ค่ะ
ทิวทัศน์หนึ่งใน เดอะ บลูม
ที่เห็นในภาพ เป็นสำนักงานติดต่อ เรื่องที่พัก เรื่อง ซื้อบัตรเข้าชม
นั่งรถกอล์ฟ ชมสวน แต่นั่งไปแค่นิดเดียว แล้วก็มาปล่อยเราแค่คอกเลี้ยงแกะ และสวนดอกไม้ เพื่อให้คนมาถ่ายรูปกับแกะ กับของสวย ๆ ในที่แห่งนี้ ไม่สมกับราคา 20 บาทเลย นะเนี่ย
ช่วยกันเลี้ยงแกะด้วยหญ้าที่เขาตัดไว้ ไม่ต้องซื้อ ค่ะ
มุมสวยมุมหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป
พระจันทร์เสี้ยวในสวนดอกไม้ ค่ะ
ถ่ายกับป้ายชื่อ เดอะบลูม เป็นที่ระลึก
ตุ๊กตาสวย ๆ ที่จัดให้ถ่ายรูปกัน ค่ะ
ดาวล้อมหนุ่มหนึ่ง อิอิ
อีกหนุ่ม ผันที่ถูกดาวห้อมล้อม ห้าห้า
ขอสวยเดี่ยว ๆ สักรูป นะ
สาวสวย ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ ในสวนดอกไม้
หนุ่ม หนึ่ง ผู้จัดโปรแกรมเที่ยวทริปนี้ ค่ะ
ขอถ่ายกับพระจันทร์เสี้ยวดอกไม้ (ดอกไม้ปลอม ค่ะ)
ทิวทัศน์สวยของสวนดอกไม้ ในเดอะบลูม
ดอกไม้สวยเป็นแปลง ๆ ที่ปลูกในสวน ค่ะ
ถ่ายในมุมสูง
มุมสวยอีกมุมหนึ่งของเดอะบลูม
ทุ่งดาวกระจายที่เหลืองอร่าม
หลังจากที่พวกเราเก็บเกี่ยวความสวยงามของ เดอะบลูม แล้ว ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เป้าหมาย ร้านอาหารของเรา คือ ร้านอาหาร ครัวเขาใหญ่ ค่ะ มาถึง ปรากฏว่า คนรับสายการจองของเรา เขากลับบอกว่า ที่นี่ไม่มีการจอง ต้องรอคิวว่างที่หน้าร้านเท่านั้น คนที่นั่งจัดคิวแขก พูดจา ไม่ดีเลย พวกเราเลยบอกว่า คนรับสายไม่เห็นพูดอย่างนี้เลย แล้วจะต้องให้รอถึงนานเท่าไหร่ เขาว่าประมาณ ครึ่งชั่วโมง พวกเราทุกคนกำลังหิวเต็มที่ เลยปรึกษากันว่า จะไปหาร้านอาหาร ที่อื่นทานกัน จะดีกว่ามั้ง ปรึกษากันอยู่ คนจัดคิว อาจจะเสียดายนะ ที่เสียลูกค้าไปตั้ง 20 กว่า คน เราคุยกัน ตัดสินใจอยู่ น่าจะประมาณ 10 กว่า นาที เขาก็เรียกพวกเราเข้าร้านไป บอกจัดโต๊ะให้แล้ว แต่ได้แค่ 18 คน ขอเป็นเก้าอี้เสริม หัวโต๊ะ โต๊ะละ 2 คน ได้ไหม พวกเรา ก็ต้องยอม แออัดหน่อย ดีกว่าต้องไปหาร้านใหม่ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่า จะมีคนแน่นหรือไม่ พอนั่งโต๊ะ ก็ได้รับเมนูอาหาร เด็ก ๆ ก็สั่งอาหารกัน เป็นชุด เลย อิอิ มาดูรายการอาหาร ค่ะ
อาหารหลากหลาย อย่าง อร่อยใช้ได้ จ้ะ
ทานอาหาร ร้านครัวเขาใหญ่แล้ว ก็ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ
โปรแกรมเที่ยว ภาคบ่าย เราจะเที่ยวที่ น้ำผุดธรรมชาติ อยู่ที่ บ้านท่าช้าง ปากช่อง แต่ ฝนตกหนักมาก เลยผ่านการเที่ยวที่แห่งนี้ ขับรถไปเที่ยวที่มิวเซี่ยม ที่มีชื่อว่า เขาใหญ่ อาร์ตมิวเซี่ยม ซึ่งเป็นแหล่งรวมงานศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงหลากหลายแขนง เรามาถึงที่นี่ ฝนยังตกปรอย ๆ อยู่ แต่มีคนมาชม มากมาย สังเกตจากรถที่จอดอยู่มากมาย ข้อสำคัญ คือ ไม่ได้เก็บค่าเข้าชม นั่นเอง อิอิ ที่นี่ พวกเราเข้าชมตามห้องต่าง ๆ มีห้องเฉพาะที่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในพระอิริยาบถต่าง ๆ มากมายเลย นะ ฉันคิดว่า เป็นโอกาสดี ที่จะถ่ายภาพเหล่านั้น มาเก็บไว้เป็นที่ระลึก และนำมาเผื่อแผ่เพื่อนชาวบล็อกด้วยค่ะ
จากห้องนี้ แล้ว เราก็ไปเข้าห้อง ที่รวบรวมผลงานของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินที่โด่งดังคนหนึ่ง ของเมืองไทยเรา ฉันก็ถ่ายรูป ในห้องนี้ไว้หลายรูปทีเดียว มาชม ค่ะ
นอกจากภาพเหล่านี้ ก็ยังมีภาพอื่น ๆ อีกมากมาย ค่ะ ตามมาชมค่ะ ที่ถ่ายและลงไว้ มากมาย เผื่อคนที่ชอบศิลปะอย่างนี้ จะได้ชมได้เต็มที่ อิอิ
บรรยากาศที่งดงามเมื่อมองจากมุมสูงของมิวเซี่ยม ค่ะ
เมื่อลงมาชั้นล่างของมิวเซี่ยม จะเป็นส่วนและจัดเป็นรูปต่าง ๆ สวยงาม แปลกตา เพื่อให้นักท่องเที่ยว มาถ่ายรูปกันมากมาย แล้วแต่มุมไหนที่เราชอบ ค่ะ มาชมค่ะ
เราออกจากที่มิวเซี่ยม โปรแกรมต่อไป คือ ไปชมฟาร์มเพาะเห็ด ค่ะ ฟาร์มนี้ มีชื่อว่า พาโนรามาฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ถนน ธนะรัชต์ เป็นฟาร์มที่เพาะเห็ดชนิดต่าง ๆ มีวิทยากรมาบรรยาย วิธีการเพาะเห็ด ชนิด ต่าง ๆ มีร้านค้าขายสินค้าที่เป็นผลผลิตจากเห็ดด้วย นอกจากนี้ ยังทำสถานที่ให้คนมาเที่ยว ถ่ายรูป วิทยากร หลังจาก บรรยาย วิธีการเพาะเห็ด ชนิดต่าง ๆ แล้ว ก็มีการพาไปดูห้องที่เพาะเห็ด สุดท้าย ก็พากันไปบรรยาย สรรพคุณของเห็ด หลินจือ เพื่อเตรียมขายสินค้า นั่นเอง บรรยากาศ เหมือนเราไปเที่ยวเมืองจีน แล้วก็ถูกพาเข้าห้องไปฟัง บรรยายสรรพคุณ ของเห็ด แล้วก็มีการเชิญชวนให้ซื้อสินค้า นั่นเอง กลุ่มพวกเรา มีอี๊ด อุดหนุน โดยสมัครเป็นสมาชิก ซื้อในราคาสมาชิก สองพันกว่าบาทต่อกล่อง ทานได้ 1 เดือน อิอิ ทุกคนบอกว่า ให้อี๊ด เป็นหนูทดลองไปก่อน ถ้าดี จะให้อี๊ดซื้อในฐานะสมาชิก มาให้เพื่อนที่ฝากซื้อ ห้าห้า
เรามาชมภาพต่าง ๆ ของสถานที่แห่งนี้กันค่ะ
ป้ายชื่อของฟาร์มเห็ด รีบถ่ายเก็บไว้เตือนความทรงจำ
ถ่ายกับรูป เห็ดดอกใหญ่ สมาชิกไม่ครบเลย เนาะ
ดอกไม้สวยที่ปลูกอยู่ในฟาร์มเห็ด ค่ะ
วิทยากร บรรยายถึงวิธีการเพาะเห็ดแต่ละชนิด ค่ะ
ทุกคนฟังวิทยากร บรรยาย อย่างตั้งใจ ค่ะ
ถ่ายภาพ คำอธิบายของเห็ด นางรมทอง มาให้ความรู้ด้วยค่ะ
เราเข้าไปชม โรงเพาะเห็ด นางรมทอง ออกดอกเหลืองอร่ามเลย
เข้าชมโรงเพาะเห็ดนางฟ้า ภูฏาน
เข้าชม โรงเพาะเห็ด หัวลิง
เข้าชม โรงเพาะเห็ดหูหนู ดำ
เข้าชมเห็ดหลินจือ เป็นเห็ดที่แพงที่สุด ค่ะ หลังจาก ชมโรงเพาะเห็ดแล้ว วิทยากร ก็พาเราเข้าห้องบรรยาย เพื่อที่จะขายสินค้าของพวกเขา
มีการชงน้ำเหมือนชา เห็ดหลินจือ ให้พวกเราลองชิมด้วย เพื่อให้เราได้ชิมรสชาติแต่ละชนิด (2 ชนิด) แล้วก็มีวิทยากร 2 คน บรรยายสรรพคุณ ของที่จะขายพวกเรา โดยบอกถึงสรรพคุณที่สามารถ รักษาโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน ลดไขมันในเส้นเลือก ไมเกรน เป็นต้น
ในที่สุด อี๊ด ก็สมัครเป็นสมาชิก ซื้อไป 1 กล่อง เพื่อไปทดลองทานดู ห้าห้า ได้คนซื้อไปได้ 1 คน
วิทยากร 2 คนช่วยกันบรรยายสรรพคุณของยา ค่ะ
ทุกคน นั่งฟัง คำบรรยาย และจิบน้ำชาไปด้วย
ออกจากที่ฟาร์มเห็ด ก็ห้าโมงเย็นได้แล้ว โปรแกรมที่จะไปดื่มกาแฟ ชื่อดัง คือกาแฟร้าน ลาน ลี ลาร์ ต้องยกเลิกไป เพราะว่าเย็นมากแล้ว ต้องขับรถไปอีก สามสิบกว่ากิโล จึงจะถึงที่พัก ที่ชื่อว่า ภูดงวดี ซึ่งให้ ปอนด์ เป็นคนจองที่พักให้ เพราะบ้านปอนด์ อยู่ใกล้และรู้จักที่พักแห่งนี้
พวกเรา เมื่อได้ห้องพักแล้ว ก็ต้องเดินไปที่บ้านของปอนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปอน์ อำนวย ความสะดวกในการจัดทำอาหาร โดยให้ปอนด์เป็นคนจัดหาซื้อของไว้ทำอาหาร อาหารคืนนี้ มีแม่ครัวใหญ่หลายคนช่วยกัน คือ เจี๊ยบ เดียร์ แฟนของชลอ แหม่ม โจ้ ส่วนแผนกปิ้งบาบีคิว มีจิ๋ว อา และอีกหลายคนผลัดกันมาช่วยปิ้ง เป็นที่สนุกสนาน ส่วนเกดและแฟน นำเครื่องเสียง มาจากกรุงเทพฯ จัดให้เพื่อน ๆ ได้ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน มาชมภาพในงานที่ฉันรวบรวมมา
รายการอาหารมื้อเย็นวันแรก ที่บ้าน ปอนด์ จ้ะ
ย่างบาบีคิว เนื้อก่อน เพราะโอ๊ตเดียร์ กินหมูไม่ได้ นั่นเอง
แม่ครัวทั้งหลาย ต้องขอบใจที่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ทานกัน
เอร็ดอร่อยกันทุกคน ค่ะ
บรรยากาศ อันอบอุ่นแห่งมิตรภาพอันชื่นมื่น
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานอย่างนี้ ก็คือ การร้องคาราโอเกะ
ประมาณน่าจะ 4 ทุ่มได้ เดือนมาถามว่าจะกลับที่พักไหม เพราะหนึ่งจะไปส่งนิดกลับที่พัก เพราะนิดไม่ค่อยสบายตั้งแต่ตอนมาแล้ว อยากทานยาและกลับไปนอนก่อน ฉันเองก็ไม่มีอะไรทำ ร้องเพลง ก็ไม่เป็น กินก็อิ่มแล้ว วันนี้ก็ตื่นเช้ามาก แถม เหนื่อยจากการวิดน้ำตอนเช้า ก็รู้สึกเพลีย ๆ ก็เลยตัดสินใจกลับด้วย ก็มีโอ๊ต เจี๊ยบและเก๋ กลับไปด้วยกัน ค่ะ
สภาพห้องนอนโฮมสเตย์ ภูดงวดี
คืนนี้ ห้องฉันนอนกัน 3 คน มีโอ๊ต เดียร์ และฉัน แต่มีสองเตียง เดียร์เลยต้องนอนเบาะเสริม เพราะอาวุโสน้อยที่สุด ที่จริง ฉันตัวเล็ก เดียร์ นอนเตียงเดียวกับฉันได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา บอกเขาแล้ว แต่เขาไม่เอา เพราะเขาบอกว่า เขานอนดิ้น กลัวตกเตียง ห้าห้า
การเที่ยวสำหรับวันที่ 14 ต.ค. วันแรก ก็จบลงเพียงเท่านี้ เด็ก ๆ ก็ยังสนุกอยู่ที่บ้านของปอนด์ บางส่วนก็กลับมานอนประมาณ เที่ยงคืน มั้ง อีกส่วนหนึ่งนอนอยู่ที่บ้านของปอนด์ น่าจะมีเกดกับสามี หนึ่ง ด้วย นอกนั้นน่าจะกลับมานอนที่ห้องพัก
โปรดติดตาม การเที่ยวในวันที่ 15 ต.ค. ต่อไป ค่ะ
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2560 |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2560 23:00:13 น. |
|
36 comments
|
Counter : 2026 Pageviews. |
|
|