คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
space

ท่องฮอกไกโด ดินแดน ดอกไม้สวย ทิวทัศน์งาม ค่ะ(ตอน 2)
ท่องฮอกไกโด ดินแดน ดอกไม้สวย ทิวทัศน์งาม ค่ะ(ตอนที่ 2)

วันที่ 18 กรกฎาคม 57 วันนี้ เราขึ้นเขาไปที่จุดชมวิว แต่หมอกลง มองเห็นตัวเมืองไม่ค่อยชัดเจน ที่บนเขานี้เป็นที่ตั้งของสถานีโทรทัศน์ด้วย มาชมรูปกันค่ะ





เราอยู่ที่นี่พักใหญ่ ๆ แล้วลงจากเขาไป คิดว่าเย็นนี้จะแวะมาที่นี่อีกครั้ง เผื่อจะไม่มีหมอกจะได้เห็นวิวสวยกว่านี้ ระหว่างทาง เห็นตรงไหนสวย พวกเราก็ให้ นายโปรเขาจอดรถ เพื่อลงไปถ่ายรูปกัน



ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงปราสาทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นปราสาทที่สวยงาม นายโปรบอกว่า ที่เห็นนี้ เป็นปราสาทที่สร้างจำลองแทนปราสาทหลังเดิม ชื่อภาษาญี่ปุ่นว่าไร ก็อ่านไม่ออก แต่ก็มีภาษาจีนอยู่ด้วย ฉันก็ถ่ายมาฝากค่ะ เผื่อใครเห็นจะได้รู้ว่า ชื่อปราสาทอะไร ในปราสาทสวยงาม ร่มรื่น ค่ะ













เราทานข้าวเที่ยงกันที่ปราสาทนี้ แล้วขับรถชมปราสาทไป บริเวณปราสาทกว้างใหญ่มาก มีสิ่งก่อสร้างมากมาย รวมถึงฮวงจุ้ย ที่ฝังศพด้วย นายโปรบอกว่า ที่นี่มีปลูกต้นซากุระมากมาย เวลาที่เป็นช่วงดอกซากุระบานจะสวยมาก ๆ

นอกจากนี้ ปราสาทนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์แสดงของโบราณไว้มากมาย ค่ะ





บริเวณปราสาทยังมีการปลูกดอกไม้สวย ๆ นานาพันธุ์สวยสดงดงามหลายสีสันมากมายพอควร พวกเราก็อดถ่ายรูปมาฝากไม่ได้ค่ะ





จากที่นี่แล้วก็ไปเที่ยวสวนสาธารณะอีกแห่ง มีหอห้าเหลี่ยมเป็นจุดชมวิว แต่ต้องเสียเงินขึ้นไปบนหอ พวกเราก็ไม่เข้าไปชม ในสวน ยังมีพิพิธภัณฑ์ เสียเงินอีกเหมือนกัน พวกเราก็ไม่เข้าไป สวนนี้เป็นสวนที่มีต้นไม้ ต้นใหญ่ ๆ มากมาย ดูร่มรื่นมาก ที่ญี่ปุ่นนี่ ฉันยกย่องเขาในฐานะนักอนุรักษ์ต้นไม้จริง ๆ แต่ละแห่งที่ผ่านไป ล้วนเขียวขจี ดูร่มรื่น สบายตา พวกเราก็ถ่ายรูปกันตามธรรมเนียม อิอิ ชมได้ค่ะ









จากสวนสาธารณะนี้แล้ว เราก็ไปจุดชมวิวบนเขาที่ตั้งสถานีโทรทัศน์ ซึ่งเมื่อเช้านี้เราไปแล้ว แต่หมอกลงหนามาก ไม่ค่อยเห็นบ้านเมืองนัก บ่ายแก่ ๆ เราก็มาอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า ก็ยังมีหมอกบ้าง แต่ดีกว่าช่วงเช้า ลมแรงมาก ๆ หนาวเอาทีเดียว เราก็ยังถ่ายรูปกันอีก มาดูบรรยากาศช่วงเย็น ค่ะ



แหล่งเที่ยวต่อไป คือ พาไปชมโบสถ์คริสต์ โบสถ์รัสเซียและที่ทำการเก่าแก่กว่าร้อยปีของญี่ปุ่น แต่ก็มีการซ่อมแซม ซึ่งก็ดูยังใหม่อยู่ด้วยสีสันเรียบ ๆ





ต่อไป ก็ไปเที่ยวบริเวณท่าเรือ มีคลังสินค้า อากาศแถวนี้เย็นมากทีเดียว ลมแรงมาก มีร้านค้าอยู่มากมายแต่คงแพง ตอนต้นว่าจะกินมื้อเย็นที่นี่ แต่ดูแล้วคงไม่ไหว เลยถ่ายรูปสวย ๆ งาม ๆ ส่วนนายโปรไปนั่งรอที่ร้านสตาร์บั๊ค





มื้อเย็นวันนี้ ทานกันค่อนข้างดึก เพราะกลับมาถึงโรงแรม ก็สามทุ่มแล้ว เดินหาร้านอาหาร ส่วนใหญ่ปิดกันเกือบหมด ได้ร้านอาหารที่ยังมีคนกินอยู่ แต่ก็ดูเหมือนคงจะใกล้ปิดแล้ว พวกเราก็สั่งอาหารตามรูป ซึ่งมีราคากำกับอยู่ ก็แล้วแต่ดวง อิอิ ว่าจะอร่อยหรือไม่ ของฉันเป็นลักษณะเส้น มีหมูด้วย รสชาติก็พอไหว ปาเข้าไป 680 กว่าเยน หลายร้อยบาท จ้ะ

วันที่ 19 กรกฎาคม 57

เช้านี้ นายโปรขับรถพาหลงไปสองชั่วโมงกว่า จึงถึงแหล่งท่องเที่ยวแห่งแรก คือ เที่ยวแหลมแห่งแรก ซึ่ง นายโปรบอกว่า เป็นแหลมที่มีความสวยมากของญี่ปุ่น ได้ชื่อว่า เป็นแหลมพรหมเทพแห่งญี่ปุ่น ต้องเดินไกลมากขึ้นไปบนเขาสูง เพื่อมองลงไปที่แหลมนี้ ระหว่างทางก็ทุรกันดารพอควร แต่ไม่ถึงกับลำบากมากนัก เพียงแต่เหนื่อยจากการเดินไกลเท่านั้น ทิวทัศน์ระหว่างทางที่ผ่าน สวยงามตามธรรมชาติสร้างสรรค์จริง ๆ ยิ่งมาถึงจุดสูงสุด มองลงไปที่แหลมแล้ว สุดบรรยายจริง ๆ น้ำทะเล สีน้ำเงินใส คลื่นน้อย ๆ พลิ้วไปเป็นระลอก ตามแรงลมที่พัดผ่านไป ฉันกับจุ๊บเดินคู่กันไป ถ่ายรูปตามทางที่เดินผ่าน ตรงไหนคิดว่าสวย เราก็ถ่ายรูปกันไป เดินจนถึงสุดทางที่เป็นที่ชมแหลมงาม เหนื่อยมากเหมือนกัน แต่ความงดงามของแหลมและธรรมชาติแถวนี้ ก็ทำให้หายเหนื่อยและสมกับความเหนื่อย ค่ะ มาชมภาพถ่ายสวย ๆ ค่ะ แล้วท่านอาจจะอยากไปเห็นกับตา นะคะ













ชมแหลมนี้แล้ว ก็ไปชมต่ออีกแหลมหนึ่ง แต่ว่า หนทางลงไปชมแหลม มันลำบากและดูอันตราย ฉันเลยถ่ายรูปเฉพาะด้สนบาเท่านั้น นอกจากนี้ ระหว่างทางที่ผ่าน ยังมีวิวสวย ๆ ฉันก็ถ่ายรูปมาฝาก ค่ะ







เที่ยวที่นี่แล้ว นายโปรก็พาไปสวนเชอร์รี่อีกแห่งหนึ่ง ไม่ถามสมาชิกเลย ซื้อบัตรเข้าสวนไปคนละ 1.000 เยน ถือตะกร้าคนละใบ กินเท่าไหร่กินไป เก็บออกจากสวนได้คนละ 1 ขีด โถ ! เล่ห์เหลี่ยมทางการค้าจริง ๆ ใครจะไปกะถูกล่ะ มันต้องเกิน 1 ขีดแน่นอน แล้วก็คิดเงินพวกเรา ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่ฉันคาดหมาย เสียเงินเพิ่มอีก หลายร้อยเยน อิอิ แถม รสชาติก็ไม่เห็นอร่อย นิ่ม ๆ ไม่กรอบเลย มีอร่อยอยู่ไม่กี่ต้น ฉันกินได้น้อย เพราะมันไม่อร่อย แล้วก็กลัวท้องเสียด้วย มาชมภาพถ่ายของพวกเราดีกว่า ค่ะ





จากสวนเชอร์รี่แล้ว เราก็มุ่งเข้าสู่เมืองอูตาลุ เพื่อไปที่จุดชมวิวยามค่ำคืน ซึ่งเราต้องขึ้นเขาไปอีก ตอนนั้น เป็นเวลาโพล้เพล้ ดวงอาทิตย์ใกล้ตก เป็นทัศนียภาพที่งดงามมาก ฉันถ่ายไว้หลายภาพเหมือนกัน









เที่ยวยามค่ำคืนของเมือง อูตาลุ ซึ่งเมืองนี้ มีคลอง อูตาลุ เคยมีภาพยนต์เรื่องหนึ่งมาถ่ายทำที่นี่ ที่นี่ก็เลยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีนักท่องเที่ยวมาชื่นชม และมีรถม้าคอยบริการให้เช่า พาเที่ยวรอบเมือง แต่รูปออกมาไม่สวย เพราะมันมืด แฟลกซ์เราไม่แรงพอ

วันนี้เรากลับถึงโรงแรม เกือบ 4 ทุ่มไปหาซื้อมาม่าคนละกระป๋องกินกัน กว่าจะได้อาบน้ำเข้านอนก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว

วันที่ 20 กรกฎาคม 57

วันนี้เป็นวันเที่ยววันสุดท้ายที่นายโปรจะพาพวกเราไปเที่ยว พรุ่งนี้ก็ต้องเอารถที่เช่าไปคืนเขาแล้ว และปล่อยพวกเราไปเดินเที่ยวเอาเอง

แหล่งแรกที่เราไปเที่ยวก็คือ หมูบ้านเก่าแก่ที่มีอยู่ในญี่ปุ่น และทางการเขาขอยกเอามาตั้งไว้รวมกันที่นี่ เหมือนกับเพื่อที่จะได้เก็บเป็นมรดกทางวัฒนธรรม มีชื่อว่า Historical Village of Hokkaido ที่นี่มีอาณาบริเวณ กว้างใหญ่มาก มีรถม้าให้นั่ง เก็บคนละ สองร้อยกว่าเกือบสามร้อยเยน นั่งไปเพียงระยะทางสั้น ๆ พวกเราทั้ง 6 คน ขึ้นรถม้า ยกเว้นนายโปร เขาก็ไปเดินรับลมชมวิวของเขา เรามาชมภาพถ่ายสวย ๆ ที่ฉันและจุ๊บถ่ายมาให้ชมค่ะ



















ออกจากหมู่บ้านนี้แล้ว ก็ไปเที่ยวที่ Hitsujigaka Observation Hill บริเวณนี้ มีแกะด้วย มีรูปปั้นคนกำลังชี้ ซึ่งก็คือ วิลเลียมสมิธ คลาร์ก เป็นผู้บุกเบิกในฮอกไกโดและคนที่ทิ้งคำพูดที่มีชื่อเสียงว่า "เด็กผู้ชายจะมีความทะเยอทะยาน" ที่เป็นรูปแบบของประติมากรรมที่สร้างขึ้นโดยประติมากร Tando สกา แขนขวาของเขาถูกยกขึ้นในท่าลักษณะของเขาในขณะที่เขาชี้ "ไปสู่​​ความจริงนิรันดร์ซึ่งอยู่ในระยะทางไกล" กับความรู้สึกลึก ๆ ของความทะเยอทะยานไปสู่​​เป้าหมาย ถือว่า เขาเป็นผู้ที่พัฒนาที่นี่ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่นับถือของพลเมืองที่นี่ จนสร้างเป็นรูปปั้นที่เห็นนั่นแหละ เราก็ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ หนาแน่นพอควรทีเดียว มาชมภาพถ่ายที่พวกเรานำมาฝากค่ะ





จากที่นี่แล้ว นายโปรก็ขับรถพาเราไปเที่ยว Sapporo Beer Museum ชมโรงเบียร์ ซึ่งเขาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงสินค้าของเขา ตามรูปที่ถ่ายมาให้ชมค่ะ









จากโรงเบียร์ เราก็ไปเที่ยวที่ ชิโรอิ โคอิบิโด ปาร์ค (Shiroi Koibito Park) ที่นี่มีการสาธิตการทำลูกอมสีต่างให้ชมด้วย เหมือนที่เขาโชว์ไว้ขายให้ผู้มาเที่ยวชม ฉันกับจุ๊บดูอยู่สักพักใหญ่ ๆ จึงออกไปถ่ายรูปกันด้านนอก ซึ่งจัดเป็นซุ้มดอกไม้สวยงามมาก เพื่อให้คนได้มาถ่ายรูปกัน เรามาชมกันค่ะ





ออกจากที่นี่แล้ว นายโปรก็พาเราไปยังจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่ง มีกระเช้าเสียเงินให้ขึ้นไปชมด้วย ถ้าไม่อยากเสียงเงินขึ้นกระเช้า ก็เดินขึ้นไปได้ แต่ฉัน จุ๊บ เช็ง ไม่อยากเดินแล้ว เพราะแดดร้อน เลยรอกันอยู่ในอาคาร ซึ่งเป็นร้านค้าขายของ มีแอร์เย็น ๆ มีที่ให้นั่งอย่างสบายใจ เลยนั่งคุยอยู่ ปล่อยให้ หญิง ติ่ง และโกศล ขึ้นไปถ่ายรูปกัน

วันนี้ ที่จริงนายโปรจะพาไปซื้อของที่ร้านร้อยเยน แต่ดันหาร้านไม่เจอ วนไปเวียนมา ในที่สุดก็ต้องกลับโรงแรม เพราะต้องเอารถไปคืนเขาไม่เกิน 6 โมงเย็น โกศลไปกับนายโปร พวกเรารอกันที่โรงแรม เพื่อที่จะได้ไปทานบุฟเฟ่ปู และเลี้ยงนายโปรมื้อนี้ด้วย โดยพวกเราจะเฉลี่ยเลี้ยงตอบแทนเขาที่พาพวกเราเที่ยว เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขา ถึงแม้ว่าจะขึ้นต้นไม่ค่อยดี แต่ก็จบลงไปด้วยดีได้

เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว นายโปรก็พากเราขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปร้านกินปูที่นายโปรจองเอาไว้ ถ้าไม่ได้จองคงไม่ได้กิน เพราะคนมากินเยอะมาก ทัวร์คนไทยก็มาลงที่ร้านอาหารนี้อีก เลยโชคดี เพราะเหตุนี้มั้ง ที่นี่จึงมีน้ำจิ้มปูรสชาติเผ็ดอร่อยเหมือนน้ำจิ้มปูของไทยเรา ข้อสำคัญคือ มีเตาให้ปิ้งปู กุ้ง หอย หมึก หลาย ๆ อย่าง มีกำหนดเวลากิน น่าจะชั่วโมงครึ่งนะ ถ้าจำไม่ผิด ทุกคนเตรียมจาน เตรียมกรรไกร ตักอาหารตามแต่ตัวเองชอบ ซึ่งก็คือ ขาปู เป็นอันดับแรก กุ้ง หอยเชล หอยแมลงภู่ ฉันก็ตักขาปูประมาณ 5 ขา หอยเชล กุ้ง ปลาหมึก พอประมาณ วันนี้กินได้มากหน่อย เพราะใช้ปิ้ง มันร้อนและมีน้ำจิ้มแซบ ๆ อร่อย ส่วน พวกผู้ชาย เห็นเขากินกันแล้ว น่าอิจฉา เพราะพวกเขากินกันคุ้มกับเงินพันกว่าบาทที่จ่ายไป นายโปรก็เช่นกัน กินเก่งมาก ๆ หญิงก็ไม่ย่อย วันนี้จุ๊บก็กินได้ไม่แพ้ใคร เพราะหญิงเอามาเยอะ เลยต้องช่วยเขากินด้วย ส่วนฉันกับเช็ง ยอมแพ้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น แล้วไปหาผลไม้กิน โดยเฉพาะเมล่อน อร่อยมาก กินไปหลายชิ้น หวานกรอบมากเลย

หมดเวลากิน ก็ไปจ่ายเงินกัน พวกเช็ง โก หญิง ติ่ง จะไปเดินเที่ยวต่อ แต่ฉันไม่อยากเดินแล้ว อยากกลับโรงแรมมากกว่า จุ๊บกับฉัน กลับพร้อมกัน โดยมีนายโปรเป็นคนเดินมาพร้อมพวกเรา ไม่งั้นเราอาจจะหลง เดินไกลมาก เพราะเขาไม่ยอมขึ้นรถไฟกลับกัน

วันที่ 21 กรกฎาคม 57

วันนี้เป็นวันที่นายโปรเขาไม่พาเราไปไหนทั้งนั้น ให้เราไปหาร้าน 100 เยน เอาเอง (ซึ่งมีอยู่หลายจุด ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง) เรามาเดินในศูนย์การค้าที่ใหญ่มากของซับโปโล เดินดูสินค้ากันไป ฉันซื้อกางเกงสามส่วนของญี่ปุ่น เนื้อผ้าก็ยืดนิด ๆ น่าจะใส่ได้สบายตัว เขาลดราคา รวมภาษีแล้วก็ประมาณ สามร้อยกว่าบาทมั้ง เขามีให้ลองใส่ด้วย ฉันใส่ได้พอดีตัวเลย จุ๊บเลยเชียร์ให้ซื้ออีกตัว กลายเป็นสองตัว ฉันเป็นคนชอบซื้อกางเกงอยู่แล้วก็เลยซื้อมันทั้งสองตัว ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองตัวสีใกล้เคียงกันมาก คือเทาเข้ม กับเทาอ่อน อิอิ ในห้างเราก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

width='450' height='394' border=0>

เราเดินหาซื้อของที่ร้าน 100 เยนต่อ แล้วกลับไปพักที่โรงแรม ส่วนคนอื่น ๆ เขาไปเดินเที่ยว แต่ฉันกับจุ๊บไม่อยากไปไหนแล้ว โดยเฉพาะฉันคิดถึงบ้านมาก ครั้งนี้ มาทั้งหมด 18-19 วัน พรุ่งแล้วซินะ ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว จะได้ไปหาต้มยำรสแซบ ๆ กินให้ฉ่ำใจเลย

จุ๊บซื้อกระเป๋าใหม่อีกลูก เพราะลูกเก่าซึ่งเพิ่งซื้อใหม่ก่อนมาเที่ยว แต่ว่ามีแค่สองล้อ เขาว่า ไม่สะดวกในการลาก หนักด้วย เลยให้ใบเก่ากับหญิงไป แล้วซื้อลูกใหม่กลับมาใส่เสื้อผ้าของใช้ ซึ่งใส่ได้จุกว่า คืนนี้เราต้องเตรียมจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยทุกอย่าง เพราะพรุ่งนี้ เราต้องลากกระเป๋า ขึ้นรถไฟ ไปสนามบิน ไปต่อเครื่องที่ใต้หวันกลับกรุงเทพฯ

วันที่ 22 กรกฎาคม 57

วันนี้ทานข้าวมื้อเช้าที่โรงแรมอีกหนึ่งมื้อ แล้วขึ้นห้อง เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยแล้วลากกระเป๋ามาเจอกันเคาน์เตอร์โรงแรม เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ลากกระเป๋าอันหนักอึ้งไปตามถนนหนทาง เพื่อไปที่สถานีรถไฟ ต้องต่อรถไฟไปสนามบินอีกประมาณ ชั่วโมง

ถึงสนามบิน ต้องเดินลากกระเป๋าอีกไกลมากกว่าจะถึงเคาน์เตอร์สายการบินไชน่า นอทเทิล แอร์ไลน์ แล้วก็เข้าแถวอีกยาวเหยียดกว่าจะได้ถึงคิวเช็คอิน ชั่วโมงกว่า หลังจากนั้น ก็รอเครื่องออกอีก รอไปกินอาหารมื้อเที่ยงบนเครื่องบินกัน

ต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้เหมือนเดิม แต่ไม่ดีเลย์อะไร กินอาหารมื้อเย็นจากบนเครื่องอีกครั้ง

มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตรงเวลา คือ 4 ทุ่ม เอากระเป๋าเสร็จแล้ว ก็โทรถามหาเหลน ปรากฎว่า ยังไม่มา ต้องรอน่าจะประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง คืนนี้ จุ๊บต้องมานอนค้างที่บ้านฉันหนึ่งคืนก่อน เพราะว่า กลับดึก ไม่มีเครื่องบินกลับใต้

คืนนี้มาถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืน ฉันต้องลงรูปที่อยู่ในกล้องจุ๊บลงในเครื่องคอมฯของฉันก่อน พรุ่งนี้เช้าจะได้ไม่ต้องรีบร้อน

ช่วงเช้า ติดต่อรถของเพชร สามีเหมียว ข้างบ้าน เขาขับแท็กซี่ เวลาจะไปจะได้ไม่ต้องลำบากไปหาแท็กซี่ ฉันไปซื้อต้มยำและผัดผักรวมมิตรร้านใหญ่ที่ไทยสิน 3 มาเลี้ยงจุ๊บ เรากินข้าวเช้าประมาณ แปดโมงกว่า นัดเพชรไว้ 9 โมงครึ่งมั้ง เครื่องบินออกเวลา 11 โมงเช้า เพชรบอกว่าทันแน่นอน

การเดินทางท่องไปในโลกกว้างครั้งนี้ ซึ่งยาวนานกว่าครั้งก่อน ๆ แถมเจอสถานที่เที่ยวที่วิบากมากพอสมควร โดยเฉพาะหวงซาน การขึ้นรถไฟที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว การลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟที่ไกลมาก มันช่างทรหดอดทนกันจริง ๆ ฉันไม่แน่ใจว่า ถ้าเป็นปีหน้า ฉันจะเที่ยวแบบนี้ไหวไหมเนาะ ความชราของคนเรา มันก็ต้องเสื่อมถอยลงไปทุกปี ๆ ปีนี้ ยังเหลือทริป ย่าติง อีกทริปหนึ่ง ที่คิดว่า น่าจะทรหดไม่น้อยกว่า สองทริปที่ฉันเขียนไปแล้วแน่นอน ท่านผู้อ่านก็คงได้อ่านในรายการต่อไปนะคะ สำหรับทริปนี้ ฉันก็ขอลาท่านผู้อ่านไปก่อน ฉันหวังว่า ข้อเขียนทริปนี้ คงให้ความเพลิดเพลินแก่ท่านผู้อ่านที่สนใจเรื่องการท่องเที่ยวบ้างพอสมควรค่ะ





Create Date : 23 กันยายน 2557
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2558 15:39:39 น. 1 comments
Counter : 1679 Pageviews.

 
อันเก่ายังตามเที่ยวไม่หมด ข้ามมาดูรูปอันนี้ต่อ ^^

ปล. ต้องขอขอบคุณอาจารย์มากๆ ค่ะ เรื่อง คำว่า ภารกิจ ตอนนี้ก็เหมือนเริ่มเรียนอะไรใหม่ๆเลยค่ะ ต้องเอามาสอนน้องซี


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 29 กันยายน 2557 เวลา:14:50:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space