images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 
รู้แล้วหนอ.. ทุกข์อยู่ที่ไหนให้ดับที่นั่น

เช้านี้ตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่ตีสี่ เป็นผลมาจากสามวันที่ผ่านมา ตื่นตีสี่ทุกวัน จากการเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ผลของการปฏิบัติ นำพาความสงบเข้าสู่จิตใจ ทำให้พบเวทนาในสังขารที่เกิดขึ้นจากการเข้ากรรมฐานสี่วันนั้น เป็นธรรมที่เกิดจากการเห็นทุกข์ ปวดหนอๆๆๆๆ คำอาจารย์ที่สอนให้กำหนดอิริยาบถย่อยเพื่อตามรู้ดูจิตให้อยู่กับปัจจุบัน ยังดังก้องอยู่ในหู ปวดอะไรก็กำหนดตรงนั้น ทำอะไรก็กำหนดตรงนั้น เป็นอะไรก็กำหนดตรงนั้น

เมื่อก่อนไม่เข้าใจคำนี้เลยค่ะ ไม่เข้าใจว่าต้องกำหนดอย่างไร และทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร ทำไมต้องหนอๆๆๆๆ ทำไมต้องกำหนด เหมือนกับที่เราอ่านตำราบางเล่ม แล้วบอกว่าให้ตามดูจิต อะไรคือการดู ดูไปทำไม ทำไมต้องดู เหล่านี้เป็นคำถามที่คาใจเราในขณะที่เราเริ่มเปิดใจเรียนรู้ธรรมะในแง่มุมที่สูงขึ้นไปกว่าการทำบุญทำทาน ใส่บาตร เข้าวัด

ต้องบอกว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเคยเป็นของยากสำหรับเรา เพราะฟังยาก อริยมรรคมีองค์แปดคืออะไร ปฏิจจสมุปบาทคืออะไร การตามดูตามรู้ทำไปทำไม และอะไรอย่างอื่นมากมาย ลำพังการอ่านหนังสือธรรมะหรือหาซีดีมาฟัง ยังไม่เท่ากับการได้ไปปฏิบัติจริงสักครั้ง ให้ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอน ชี้แนะแนวทางและให้รู้ธรรมะด้วยตนเอง

อาจารย์สอนวิธี แต่การที่เรารู้ธรรมะด้วยตนเองนั้นเกิดจากการปฏิบัติอย่างจริงแท้ค่ะ

และเพราะเราทุกข์ เราล้น เราเกิน เราไม่สมบูรณ์ เราจึงปริแตก(ทางใจ)ได้ เพราะเราทุกคนไม่เคยรู้จักตัวเองเลย เรารู้แต่สิ่งอื่นรอบตัว แต่ไม่เคยรู้จักตัวเองจริงๆ อย่างถ่องแท้ เราจึงทุกข์เพราะสิ่งนั้นสิ่งนี้ และที่ทุกข์เพราะเราไม่รู้ทัน(กิเลส ตัณหา ในรูปแบบต่างๆ)

จริงอยู่ กิเลส ตัณหา หรือเรื่องทางโลก เป็นเรื่องที่เราหลีกหนีไม่พ้น หรือตัดมันออกไปทั้งหมดไม่ได้ ตราบใดที่เรายังเป็นคนธรรมดาสามัญ สิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา มันจึงง่ายมากกับการที่เราจะหลงเพลิน จนทำให้การได้มาซึ่งสิ่งนั้นนี้ ทำให้เราทุกข์ใจ (อยากได้ อยากมี อยากเป็น ด้วยความโลภ ) พอได้มาแล้วก็อยากได้อีก อีก อีก แล้วก็เหนื่อยกับการดิ้นรน หรือแม้แต่ทุกอย่างที่เป็นเรื่องของอารมณ์ โกรธ เกลียด ไม่ชอบใจ อัตคัด ขัดใจ และอีกสารพัดสิ่ง

ฉันขอเล่าว่าตัวเองก็เป็นที่รวมของอารมณ์อันนำมาซึ่งความเบียดเบียนตัวเองหลายสิ่งมาก ไม่ว่าจะเปฺ็น ความเจ้าอารมณ์ เกรี้ยวกราด ความวิตกกังวล ความช่างคิด ความหงุดหงิด ขี้โมโห ไม่ได้อย่างใจก็วีนแตก และอีกหลายอารมณ์มาก นำมาซึ่งเหตุการณ์หลายอย่างในชีวิต ทั้งความสูญเสีย ความปรวนแปร ควบคุมสภาพจิตใจของตัวเองไม่ได้ ความเครียดในระดับที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ฉันมีทุกอย่างในชีวิตที่บริบูรณ์เพียบพร้อม ไม่ได้ขาดหรือพร่องในความสะดวกสบายทางกาย สิ่งซึ่งคนทั่วไปต้องดิ่้นรนขวนขวาย ฉันไม่เคยต้องไปดื้นรนแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ชีวิตน่าจะดีและมีความสุขที่สุด ใครๆก๋็มองว่าเรา perfect และที่สำคัญตัวเองยังมองตัวเองเลยว่า ฉันนี้เลิศแล้ว ( อันเป็นที่มาของอาการติดดี ยึดติดในตัวเอง )

ฉันพบทุกข์สาหัสหลายเรื่องดังที่เคยเขียนในบล็อกก่อนหน้านี้มาแล้วนะคะ เคยแม้กระทั่งนอนไม่หลับติดๆกันหลายคืน แล้วต้องไปพบจิตแพทย์ อะไรอย่างไรก็ได้ขอให้ได้กินยา อยากหลับ แต่มันหลับไม้ได้ ทรมานมากๆ
เคยเจอเรื่องช็อกใจ เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ อาการยึดติดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลทำให้ฉันทุกข์ มีชีวิตที่ดูดีภายนอก แต่จริงๆแล้วทุกข์จากการเบียดเบียนตัวเองอย่างยิ่ง เคยหลงระเริงว่ามีความสุขกับเรื่องนอกกายอย่างล้นเหลือ หลงระเริงไปกับชีวิตที่ทำผิดพลาดแต่ก็ยังผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่เคยคิดว่านั้นคือกรรม ( ตามความเชื่อทางพุทธ) แล้วในที่สุดเมื่อไตร่ตรองและหยุดคิด ก็พลันคิดได้ว่าสิ่งที่เราถูกกระทำให้เจ็บช้ำ หรือบาดเจ็บจากเรื่องต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราเคยกระทำไว้กับคนอื่นมาก่อนหน้านี้แทบทุกเรื่อง มันซ้ำกันเหมือนบูมเมอแรง

ถ้อยคำที่มีคนเคยพูดกันว่า ทำอะไรได้อย่างนั้น กินอะไรได้อย่างนั้น คิดอะไรเป็นอย่างนั้น จึงเป็นถ้อยคำที่ไม่ได้เกินจริงเลย และนี่คือกรรม ( การกระทำ ) ของเรานั้่นแหละ ที่เป็นผลทำให้เราได้รับวิบากเช่นนั้นด้วย
จึงคิดได้ว่า นี่เพราะเราไม่เคยหันมามองตัวเองเลยหนอ ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยคิดว่าตัวเองพร่องเลยหนอ คนอื่นทำกับเราตลอดได้อย่างไรและทำไม เราทำดีแล้วนะ แต่ทำไมได้รับผลที่ไม่ดีด้วยล่ะ

โชคดีเหลือเกินค่ะ ที่มีจุดเปลี่ยนทำให้ได้หันมามองตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้น และเพราะมีกัลยาณมิตร คอยฉุดดึงให้รู้ตัว หลายเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะหลังแม้จะเป็นเรื่องร้าย แต่ใจเรากลับวางเฉยกับมันได้ เมื่อก่อน ปากก็บอกวางแล้ว ปล่อยแล้ว อโหสิแล้ว แต่ใจมันไม่ได้ไปด้วย มันก็เพราะยังไม่เข้าใจทั้งหมด และยังติดดี

แต่บัดนี้ เข้าใจแล้วหนอ เข้าใจแล้วหนอ

สี่วันในห้องกรรมฐาน วนเวียนระหว่างห้องนอนกับห้องทำสมาธิ ไปไหนไม่ได้ กำหนด-งดพูด อยู่กับตัวเอง น้อมใจเข้าหาธรรม เอาตัวเองไปอยู่กับตัวเองในปัจจุบัน กำหนดหนอๆๆ ทุกอย่างไม่ว่าจะทำอะไร ท่านให้ตามดู ตามรู้ ให้ตัวเองมีสติอยู่กับปัจจุบันเพียงเท่านั้น

แต่เป็นสี่วันที่ได้พบความสงบอย่างจริงแท้ และพบความทุกข์ที่เป็นของจริง จากการสูญเสียการบังคับร่างกายอย่างสิ้นเชิง ว่านี่คือทุกข์หนอ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราบังคับร่างกายเราไม่ได้ เราเจ็บปวดกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น
จึงได้รู้ว่านี่คือ ทุกข์ของจริง และความทุกข์นี้ไม่ได้หายไปไหนเลย แต่ใจเราที่กำหนด ปวดหนอๆๆๆ รู้ตัวว่าปวด กลับไม่ได้เป็นอะไรเลย กายแสดงเวทนา แต่ใจเราสิ้นคิด ว่าง และเห็นความจริง

ร่างกายได้แสดงสภาวธรรม ที่เกิดขึ้นให้เรารู้ ว่านี่คือสิ่งซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเช่นนั้นไม่ได้ ใช่.. เราปวดจนแทบทนไม่ได้ และเหมือนขาที่เราบังคับไม่ได้นั้น ไม่ใช่ขาของเรา ซึ่งแท้จริงแล้ว ตัวเราทั้งตัวก็ไม่ใช่ของเรา เพราะมันแตกสลายและจะต้องดับไปในที่สุด

ทุกข์ทั้งหลายในชีวิตก็เป็นเช่นนี้...

ความจริงที่เห็น ทำให้รู้ซึ้งถึงคำว่า กระทบแต่ไม่กระเทือน ที่เคยได้ยินมาแต่ไม่เข้าใจ กายจะกระทบก็กระทบไป แต่ใจเรามั่นคงไม่หวั่นไหวเพราะสติคอยประคอง มันเป็นเช่นนี้หนอ...

แค่สี่วัน เราเห็นความจริงเพียงเสี้ยวเดียว แต่แค่นั้นก็น่าดีใจแล้ว ที่ทำให้เราเห็นทุกข์ที่เกิดขึ้น จากที่มันเคยใหญ่เบ้อเร่อ เป็นเข้าใจว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็จะผ่านไป เพราะมันคือความจริงของโลกนี้ ที่พระพุทธองค์แสดงให้เห็นแล้วด้วยธรรมะ

คนเรานั้นต่อให้จะมุ่งไปทางโลกมากกว่าทางธรรม แต่ถ้าเรา balance โลกภายนอกกับภายในให้สมดุลโดยมีหลักยึด ชีวิตก็ไม่แกว่ง คนที่ไม่เชื่อในอะไรเลย เป็นเรื่องของคนนั้น เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้ใครเชื่อ ธรรมะของพระพุทธองค์จึงเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน คือคนที่ปฏิบัติเท่านั้นจึงจะเห็นเองธรรมะจึงเป็นเรื่องที่ต้องรู้ด้วยตนเอง ( ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ )

ออกจากห้องกรรมฐาน อาจารย์กำชับว่า เธอทั้งหลายอย่าลืมกำหนดหนอ เอาสติกำกับให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไร การมีสติจะทำให้เรารู้ตัวและมีความไม่ประมาทในทุกเรื่อง เราจะทุกข์น้อยลงเพราะเห็นความเป็นจริง

เมื่อก้มลงกราบพระพุทธรูป กราบพระรัตนตรัย กราบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และกราบระลึกถึงคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย ด้วยใจเคารพบูชายิ่ง คนที่เพิ่งเรียนธรรมะขั้นอนุบาลอย่างฉันถึงกับน้ำตาซึม ท่องมานานนักแล้ว ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พระพุทธองค์ทรงชี้หนทางในการดับทุกข์ แต่เพิ่งถึงแก่นแท้ของทุกข์ก็ตอนที่ปวดแทบขาดใจและคำของอาจารย์สอนให้บริกรรม ปวดหนอๆๆๆ นี่แหละ

เหตุเกิดที่ไหนก็ต้องดับที่นั่น - ทุกข์เกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น นี่คือพุทธวจนะ

รู้แล้วหนอ รู้แล้วหนอ รู้แล้วหนอ...


--------------------------

กราบขอบพระคุณอาจารย์มยุรี ลิขิตสุนทรกุล อาจารย์ฉันทนา สุวรรณประกรและคณะวิทยากร ที่ชี้แนะแนวทางแก่ลูกโยคีด้วยใจกรุณา ผู้ประกอบอาหาร ผู้ให้บริการ เจ้าภาพอาหารทุกท่านที่ได้ร่วมทำบุญเลี้ยงอาหารทุกมื้อแก่โยคีผู้ปฏิบัติธรรมที่บ้านพาณิชย์กุล ตลอดสามคืนสี่วันค่ะ

เว็บไซต์สำหรับผู้สนใจคอร์สปฏิบัติธรรมที่บ้านพาณิชย์กุล  มีคอร์สที่ผู้เริ่มปฏิบัติและสนใจการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหลักสูตรของคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย  สอนโดยอาจารย์มยุรี ลิขิตสุนทรกุล เข้าปฏิบัติได้  3 คืน สี่วัน  และคอร์สอื่นๆตามด้านล่างค่ะ 

//www.banphanichkul.com/




Create Date : 30 เมษายน 2555
Last Update : 30 เมษายน 2555 13:26:23 น. 2 comments
Counter : 1373 Pageviews.

 
ขอบคุณน้องบีมากนะคะสำหรับแนวคิดดีๆที่ได้จากการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ค่ะ (แต่นร.ซ่าคงต้องรอคุณครูบีมาช่วยชี้แนะทางสว่างหลังไมค์อีกครั้งมังคะ) ^__^


โดย: Zigzag Iseeu IP: 101.51.95.211 วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:17:32:42 น.  

 
ยินดีค่ะพี่ซ่า ว่างๆไปปฏิบัติกัน
และที่นี่ ไม่ทรมานท้องหนูด้วย เพราะเค้าทานสามมื้อ
ถ้าถือศีลแปด หนูก็คงคิดหนักหน่อย เนื่องจากมีปัญหาโรคลำไส้แปรปรวน มีลมในท้อง ทานข้าวไม่ตรงเวลาก็เป็นเรื่อง

หลังไมค์ได้ค่ะพี่

B


โดย: B (bewae1001 ) วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:18:15:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.