images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 
ชีวิตที่แท้จริงนั้นงดงาม...

เมื่่อก่อน ฉันเป็นคนไกลวัด ไกลธรรมะ แม้จะเห็นถังสังฆทาน เห็นผ้าไตร เห็นเครื่องใช้สิ่งของที่เกี่ยวกับการบวชพระ มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะที่บ้านพ่อบ้านแม่ แบ่งส่วนหนึ่งของร้านขายของเป็นส่วนที่ขายเครื่องพระด้วย

และแม้คุณย่าจะชอบไปวัดและหนีบหลานไปด้วยทุกวันพระ แต่หลานก็ไม่ได้อะไรกับวัดมากไปกว่าการไปเล่นสนุกประสาเด็ก

ฉันยิ่งห่างวัด ห่างธรรม ตอนที่ขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ มาเรียนหนังสือและไม่ยอมกลับบ้านเมื่อเรียนจบ แถมยังใช้ชีวิตแบบสนุกสนาน(และมีบางจุดที่ผิดพลาด)มาตั้งยี่สิบปีเศษๆ

ฉันมาซาบซึ้งเอากับธรรมะ ก็ตอนอายุเฉียดเลขสี่แล้วนี่เอง

ฉันรู้จักศีลห้า เหมือนที่คุณรู้จัก เพราะเราก็ท่องกันมาแบบนี้ แต่เราไม่รู้ว่ามันลึกซึ้งและใช้เป็นหลักนำทางชีวิตได้ เราสักแต่ว่าท่องได้ แต่บางทีก็หลุดเมื่อไม่มีสติ -- ข้อนี้จริงนะคะ

ฉันไปวัด ไปทำสังฆทาน ไปก็ต่อเมื่อเจอเรื่องไม่สบายใจ แค่นี้เอง
แต่จริงๆไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ถ้าเราศึกษาจริงๆ เข้าใกล้ธรรมะเข้าจริงๆ
เราจะทุกข์น้อย และอาจจะไม่ทุกข์เลย เพราะธรรมะที่เฉียดเข้าใกล้ใจเราเมื่อเราโหยหาทางออกให้กับปัญหาบางอย่างนั้น มันเป็นเรื่องจริง และมันมีอยู่แล้ว พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้และเผยแผ่ธรรมมาตั้งกี่พันปีแล้ว แต่เราคนตัวเล็กๆนี่แหละ ไม่รู้จักเดินเข้าไปหา เอาใจไปใกล้ธรรม แล้วก็หาทางออกผิดๆให้กับความทุกข์ เพราะความไม่รู้ หรือเพราะความที่ใจไม่เคยสัมผัสธรรมอย่างแท้จริง

ตอนที่ฉันไปเรียนเรื่องสมาธิและจิตใต้สำนึกกับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา อาจารย์เคยบอกว่า คนที่มาหาอาจารย์ล้วนมีความทุกข์ แบกความทุกข์ ( ฉันก็แบกเหมือนกันค่ะ ) แต่จริงๆถ้าคนเราศึกษาธรรมะ ใช้ธรรมะ เข้าใจธรรมะ เราจะไม่ต้องใช้จิตวิทยามาแก้ปัญหาอะไรเลย

ฉันเข้าใจที่อาจารย์พูด และยิ่งเข้าใจเมื่อพบว่า ยิ่งเข้าใกล้ธรรมะ
เราจะยิ่งเห็นว่าจริงๆแล้วหลักในการแก้ปัญหาในชีวิตของคนเรานั้น ไม่ใช่คือการเก็บเอาปัญหามาไว้กับตัว และกลุ้มกับปัญหานั้น

พูดง่ายๆคือไม่รู้จักธรรมชาติของปัญหาหรือความทุกข์ ว่ามันดับและสลายไปได้

..............

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันตื่นแต่ตีห้า ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว สวมเสื้อขาว ลงมาจากบ้านเร็วกว่าทุกวัน เพราะตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรมที่บ้านบุญ ที่ปากช่องโน่น ฉันตักกับข้าวที่ทำไว้แล้วได้แก่ ต้มจืดกะหล่ำปลีเห็ดหอม ( มังสวิรัติ ) และข้าวที่หุงแล้วใส่ถุงไว้เป็นชุด ตั้งใจนำไปถวายพระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ เท่าที่ฉันทราบคือท่านเป็นพระชาวอังกฤษ และท่านบวชกับหลวงปู่ชา สุภัทโท ที่ วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ท่านบวชมานานถึง 33 ปีแล้ว

และที่บ้านบุญ เราสามารถไปร่วมปฏิบัติกับผู้ก่อตั้งได้ เขาไม่มีกฏเกณฑ์อะไรใดๆมาก อยากไปก็ไปได้เลย และเวลาในการปฏิบัติ ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ ฟังบรรยายธรรมจากพระอาจารย์ ใส่บาตร และรับประทานอาหาร ทั้งหมดใช้เวลาร่วมครึ่งวันเท่านั้น

เช้านั้นอากาศที่ปากช่องดีมาก เย็นสบาย ชุ่มชื่นใจ

ตอนที่นั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า และทำสมาธิ เป็นช่วงเวลาที่สงบจริงๆ
และที่ดีไปกว่านั้น คือเมื่อได้สวดทำวัตรเช้า ภาษาบาลีที่เราเคยผ่านหูมานานและไม่รู้แปลว่าอะไร ก็ได้รู้เอาวันนั้นเองค่ะ

กลับจากปากช่อง ฉันรู้สึกสงบและเป็นสุข ทั้งที่ฉันมีปัญหาใหญ่มาก
อยู่ภายในใจ ซึ่งฉันขบคิดกับมันมานานหลายเดือนแล้ว แก้มันไปหลายเปลาะแล้ว แต่ก็ยังไม่ขาดเสียทีเดียว ปัญหามากระทบใจเป็นระลอกๆจนฉันเหนื่อยและล้า แต่ก็น่าประหลาดใจที่ เมื่อทำเป็นไม่สนใจมันบ้าง ในนาทีที่ไม่สนใจนั่นแหละค่ะ เมื่อเราปล่อยมัน วางมัน ใจเราจึงคลาย

จริงๆในบล็อกก่อนๆหน้านี้ฉันก็เคยเล่าบ้างแล้วว่า ฉันเป็นคนที่ไร้ภูมิชีวิตมากคนหนึ่ง เพราะเติบโตมาท่ามกลางความรัก การดูแลและเอาใจใส่อย่างประคบประหงมจากพ่อและแม่ ด้วยความเป็นเด็กขี้โรค
เข้าโรงพยาบาลและหาหมอบ่อยมาก การถูกเลี้ยงดูมาดีมากเช่นนี้ทำให้ฉันไม่มีวัคซีนที่จะต้านทานปัญหา และตลอดเวลาก็ไม่รู้ตัวค่ะ ยิ่งมาใช้ชีวิตห่างไกลพ่อกับแม่ที่กรุงเทพฯ ฉันก็ใช้ชีวิตผิดพลาดไปหลายจุด สมดุลในชีวิตแทบไม่่มีเลย รู้จักแต่การทำงานหาเงิน ใช้ชีวิตตามความพอใจ ไม่มี balance อะไรใดๆเลย รู้จักแต่ความสุดโต่ง
ทำอะไรตามอารมณ์มากกว่าเหตุผลเสมอ แต่โชคดีที่ฉันไม่เคยคิดจะข้องเกี่ยวหรือถลำไปกับอบายมุขใดๆ ยังมีความรักดีที่พ่อกับแม่เคยพร่ำสอนเป็นเกราะคุ้มครอง และเพราะครอบครัวคือที่สุดของฉัน ฉันจะไม่ทำอะไรที่ทำให้พ่อกับแม่เสียใจ ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกจุดที่ฉันเชื่อว่าครอบครัวมีผลมากที่สุดกับชีวิตของเรา

เพราะความที่ไม่มี balance นี่แหละค่ะทีทำให้ชีวิตฉันเป๋ ฉันแก้ปัญหาเรื่องงานได้ แต่แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ และไม่มีหลักในการตั้งรับกับสิ่งที่มากดทับ บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมากด้วยซ้ำไป

เมื่อไร้หลักยึด มันจะเป็นแบบนี้ค่ะ

สิ่งที่กำลังจะบอกกับคุณก็คือว่า จริงๆแล้ว ถ้าเรารู้ตัวเร็วว่าเรากำลังเสียศูนย์จากเรื่องใดๆในชีวิต แต่เรามีหลักยึด และหลักยึดที่ดีที่สุดก็คือธรรมะ เราจะไม่เคว้ง หรือ เป๋ หรือไปไม่เป็น หรือหาทางออกไม่ได้

เอาง่ายๆแค่เวลาครึ่งวันที่ฉันไปปฏิบัติธรรมที่บ้านบุญ ช่วงเวลาแค่นั้น ธรรมะที่พระอาจารย์บรรยาย ซึ่งก๋็คือหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ทำให้ฉันได้เห็นอะไรต่อมิอะไรได้กระจ่างชัดขึ้นมาก แน่นอนค่ะ ฉันไม่ได้กลับมาแล้วจะมาบอกว่า ปัญหาที่แบกอยู่มันถูกแก้ไปได้หมดแล้วเพียงใช้เวลาแค่ครึ่งวัน ปัญหามันมีอยู่ เพียงแต่เรารู้ว่าเราควรปล่อยมันถ้าเราแก้ไม่ได้ตอนนี้

ที่สำคัญ ปัญหาทุกอย่างในชีวิตเรา มันไม่ได้เที่ยงแท้เลย ทุกอย่างมันเข้ามากระทบ และดับไป มันเกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ วันหนึ่งถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เจอนั้นใหญ่แล้ว จะตายแล้ว ถ้าแก้ปัญหาแบบโง่ๆ เราก็อาจจะตายตรงนั้นจริงๆ แต่ถ้าเราคิด พิจารณา โดยรู้หลักหรือมีหลักยึด จะพบว่าปัญหาเดียวกันเมื่อสามเดือนที่แล้ว กับวันนี้ มันไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆนะคะ

ทุกอย่างจะผ่านไป และไม่มีอะไรที่จะคงทน แม้กระทั่งความทุกข์

กลับจากบ้านบุญ ฉันจึงตั้งใจสวดมนต์ทุกวัน เพราะเห็นอานิสงฆ์ของการสวดมนต์ ณ เวลานั้น ขณะที่เราสวดมนต์ ใจเราจะนิ่งสงบ เท่ากับเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง และตั้งใจทานมังสวิรัติเจ็ดวัน นับจากวันพระใหญ่มาฆบูชาที่ผ่านมา

จริงๆถ้าเราตั้งใจจริงเราก็ทำได้ค่ะ แต่ที่ผ่านมาเพราะมีข้ออ้างสารพัด เหมือนมารมาขัดไม่ให้เราได้ทำบุญ มารตัวนั้นก็คือความขี้เกียจ ความไม่ตั้งใจจริง ความประมาทต่อวันเวลาที่ยังเหลือในชีวิต ความโง่เขลาเบาปัญญา ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของธรรมะ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราไกลจากคุณงามความดี แต่ใกล้กิเลส ที่ทำให้ชีวิตเราล่องลอย ฟุ้งเฟ้อ กลายเป็นความไม่รู้จักพอ หรือต้องเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะไม่รู้ตัวว่าชีวิตต้องการอะไรกันแน่

จริงๆแล้วชีวิตก็ต้องการความเรียบง่าย และเหนือไปกว่านั้นคือความสงบ มันอาจจะไม่ได้ประกอบด้วยสิ่งของเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรหนักหนา แม้แต่อาหารที่เราทาน มันอาจเป็นแค่อาหารธรรมดา มาจากธรรมชาติเพียงเท่านั้น น้ำเปล่าสะอาดๆ ไม่ต้องการการปรุงแต่ง และมีอากาศดีๆไว้หายใจ ง่ายๆแค่นี้ถ้าเราพอ

ชีวิตที่แท้จริงนั้นงดงามค่ะ แต่คนเรานี่แหละที่ทำให้มันยุ่งยากไปเอง
ด้วยความไม่รู้จักพอ !


Create Date : 10 มีนาคม 2555
Last Update : 10 มีนาคม 2555 16:00:13 น. 1 comments
Counter : 881 Pageviews.

 
อนุโมทนาด้วยครับ


โดย: อเสวนา วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:14:58:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.