Group Blog
 
All blogs
 
รักนี้...ที่หัวใจเรียกหา Yuri 12

อารดาเผลอหลับอยู่บนโซฟาสมองและร่างกายยังรู้สึกอ่อนล้าเธอรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มของโซฟาและกลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคย

“คุณพี่เจ้าขา ดอกปีบริมหน้าต่างห้องของอนพออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้นเลยเจ้าค่ะ”เด็กน้อยยื่นดอกปีบที่ตนเอื้อมไปเด็ดมาแตะไปที่ปลายจมูกของพี่ชายยืนยันในสรรพคุณขุนอัครเดชยิ้มน้อยๆด้วยเอ็นดูเจ้าน้องชายตัวเล็กนัก อนพเป็นลูกหลงที่เป็นความยินดีของทุกคนในบ้านแม้ต้องแลกด้วยชีวิตของแม่เค้าเพราะให้กำเนิดบุตรเมื่ออายุมากแต่เค้าก็เข้าใจในธรรมชาติไม่คิดกล่าวโทษสิ่งใด

หลังจากที่มารดาของเค้าเสียบิดาก็ตรอมใจด้วยจิตที่ผูกพันกันมากท่านจึงละทิ้งทางโลกเข้าสู่ทางธรรมเพื่อสร้างบุญส่งเสริมให้กับภรรยาผู้ล่วงลับถึงเค้าจะเคยนึกตำหนิที่บิดาอ่อนแอและมัวเมาในความรักจนเหมือนขาดสติแต่เพราะคุณย่าได้ให้สติและชี้ให้เห็นถึงหัวใจรักที่พ่อมีต่อแม่ว่ามันยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์เพียงใดจึงทำให้เค้าเข้าใจในบิดาและยอมรับในการตัดสินใจของท่านด้วยจิตที่เป็นสุขอย่างแท้จริงสำหรับเค้าในตอนนี้มีสองสิ่งที่เกาะกุมหัวใจคือคุณย่าที่เคารพรักและน้องน้อยเจ้าตัวเล็กคนนี้

“หอมนัก” ขุนอัครเดชทำท่าสูดดมกลิ่นดอกไม้เข้าไปจนเต็มปอดเพื่อเอาใจน้องชาย

“หอมค่ะ หอมติดตัวอนพเลย” เด็กน้อยเกลือกกลิ้งไปที่ตัวพี่ชายอวดกลิ่นหอมจากกาย

“เจ้านี่นะ เป็นเด็กผู้ชายแท้ๆทำไมถึงได้สนใจเครื่องหอม ดอกไม้นัก” ขุนอัครเดชส่ายหน้าน้อยๆว่าระอาใจแต่ก็ไม่ได้จริงจังด้วยรู้ว่าอนพเป็นเด็กอ่อนโยนและจิตใจดี

“อนพรักคุณพี่ รักคุณย่า รักหลวงพ่ออนพชอบเครื่องหอมดอกไม้และแม่หญิงแก้วกัญญาคนงาม” เด็กน้อยทำแววตาล้อเลียนพี่ชาย

“แก่แดดแก่ลมใหญ่แล้วนะเรา” เด็กน้อยยิ้มจนตาหยีเพราะรู้ว่าพูดถูกใจพี่ชายแน่ๆขุนอัครเดชทำเพียงส่ายหน้าเบาๆไม่คิดตอบโต้สิ่งใด หากจะพูดตรงกับใจก็คงไม่เหมาะหากจะต้องกล่าวโกหกก็ไม่ใช่วิสัย

บ่าวไพร่ที่อยู่แถวนั้นต่างอมยิ้มให้กับความน่ารักของพี่น้องต่างวัยเพราะโดยปกติไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นท่านขุนยิ้มเต็มหน้าแบบนี้

ภาพฝันในความรู้สึกของอารดาลางเลือนไปและมีภาพใหม่ซ้อนทับเข้ามา

ณตลาดยามเช้านอกกำแพงเมืองขุนอัครเดชและทหารติดตามนอกเครื่องแบบอีกสองคนเดินออกตรวจตราความเรียบร้อยโดยตำแหน่งแล้วสูงเกินที่จะต้องลงมาทำอะไรเช่นนี้แต่เพราะเขาต้องการรู้เห็นทุกข์สุข ของประชาชนด้วยสายตาตนเองเพื่อนำไปประกอบในการบริหารบ้านเมืองในหน้าที่ที่ตนดำรงอยู่

แต่การออกตรวจตราครานี้ต่างไปจากทุกครั้งเพราะบนบ่าของขุนอัครเดชมีเด็กน้อยร่างอ้วนท้วนหลับใหลหมดสภาพอยู่เพราะตื่นผิดเวลาเด็กน้อยขอตามออกมาเพราะเห็นเป็นเรื่องสนุกด้วยว่ารักน้องชายขุนอัครเดชจึงยอมตามใจ

“เจ้านี่หนา… ตอนจะมาก็เหมือนไก่จะบินและดูเจ้าตอนนี้ซิยังกับไก่ป่วยก็ไม่ปาน”ผู้เป็นพี่บ่นพึมพำกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรชาวบ้านที่เดินชมตลาดต่างหันมองหนุ่มรูปงามกับเด็กน้อยร่างอ้วนท้วนด้วยสายตาเอ็นดูจนขุนอัครเดชชักเริ่มกระดากคิดหาทางออกที่จะให้น้องได้นอนสบายและตัวเองก็ไม่ต้องเสียงาน

“ท่าน” เสียงเสนาะหูของคนเคยคุ้นดึงความสนใจจากชายหนุ่มเขาหันมองและเป็นดังคาดหล่อนคือแก้วกัญญาหญิงปากกล้าที่สร้างอารมณ์ดีได้ทุกครั้งที่คิดถึง

“ข้าเห็นใจเด็กน้อยนักอยากให้ได้นอนสบายตรงริมน้ำด้านนู้นมีต้นไม้ใหญ่ท่านพาน้องชายไปนอนตรงนั้นก่อนเถิด ข้าจะให้บ่าวปูผ้าให้” แม้นในใจลึกๆไม่ได้อยากจะเจรจาด้วยนักเพราะยังขัดใจเขาไม่หายแต่ด้วยเห็นใจเด็กน้อยที่เธอนึกถูกชะตาขุนอัครเดชตีหน้านิ่งเก็บซ่อนความรู้สึกปีติไว้มิดชิด

“ไม่เป็นไร เพราะข้าต้องเดินตรวจตราคงเสียเวลารอเจ้าน้องขี้เซาไม่ไหวเดี๋ยวอีกสักพักข้าก็จะปลุกเขาแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่หวังดี” ชายหนุ่มก้มหน้าเป็นการขอบคุณหญิงน้ำใจงามก่อนจะเดินออกไปแต่ก็มีเหตุให้ต้องหยุดชะงักเพราะหญิงสาวเร่งฝีเท้ามายืนขวางเขาไว้

“คือ...ข้าจะดูแลน้องท่านให้เมื่อท่านเสร็จการแล้วค่อยมารับไป” ขุนอัครเดชเลิกคิ้วถึงจะซึ้งในน้ำใจแต่ก็นึกเกรงใจ

“ข้าไม่รบกวนเจ้าหรอกอีกอย่างกว่าข้าจะเดินตรวจตราเสร็จคงกินเวลาอีกค่อนวันจะเสียเวลาเจ้าเปล่าๆ”

“ไม่หรอกวันนี้ข้าไม่มีกิจใด อีกอย่างเด็กน้อยผู้นี้ผูกเป็นมิตรกับข้าแล้วมิตรช่วยมิตรย่อมไม่เห็นว่าเป็นการรบกวน” ขุนอัครเดชนึกขันในใจที่นางพยายามกันตนไม่ให้มีส่วนร่วมในไมตรีครั้งนี้

“ก็ได้ เมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าก็ไม่ขอเกรงใจ โปรดนำทางไปเถิด” แก้วกัญญาคลี่ยิ้มสมหวังด้วยอยากใกล้ชิดกับเด็กน้อยอ้วนพลีหวังได้กอดฟัดให้สาใจด้วยความเอ็นดู โดยไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มนี้ติดตรึงใจชายหนุ่มนัก

ต้นมะขามลำต้นกว้างใหญ่ขนาดเท่ากับสามคนโอบบอกได้ว่ายืนต้นมายาวนานแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงามาหลายชั่วอายุคนใบแห้งและกลีบดอกปลิวร่วงโรยลงมาเป็นระยะๆเพราะแรงลม ผ้าผืนหนาถูกปูรอโดยบ่าวสาวคนสนิทแก้วกัญญานำลงไปนั่งพับเพียบเพื่อรอรับเด็กน้อยขุนอัครเดชวางน้องชายของตนลงด้วยความระมัดระวังเกรงว่าน้องจะตื่นและเกรงว่ามือหนาของตนจะไปเตะต้องล่วงเกินหญิงสาวเข้าเด็กน้อยนอนหนุนอยู่บนตักนุ่มนิ่มของหญิงสาวเขาพลิกกายให้อยู่ในท่าที่สบายและแน่นิ่งไปอย่างเป็นสุข

ขุนอัครเดชขันในท่าทางของน้องชายนักก่อนจะเหลือบตามองหญิงสาวอย่างสนใจเรือนผมที่ถูกเกล้าขึ้นสูงและปล่อยหางม้ายาวลงมาจนถึงกลางหลังเปิดใบหน้าผ่องใสให้เห็นแจ่มชัด ผิวนวลเนียนขาวอมชมพูที่เค้าพอมองออกว่าเป็นเนื้อแท้ไร้การแต่งแต้มวงหน้าเรียวยาวก้มลงมองน้องน้อยของเค้าอย่างสนใจมือเรียวลูบไปที่ศีรษะเบาๆด้วยความเอ็นดูหล่อนผู้นี้ไม่เหมือนหญิงใดที่เค้าเคยพบพาน แก้วกัญญาฉลาดกล้าเกินหญิงจิตใจอ่อนโยน กิริยางดงามและท่าทางของหล่อนที่แสดงออกว่าเอ็นดูเจ้าตัวเล็กช่างถูกใจเค้านักแก้วกัญญาเงยหน้าขึ้นมองแก้มแดงระเรื่อเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเหม่อมองมาที่ตนทำให้ต้องรีบก้มหน้าหลบตาลงไป

“ท่านยังไม่ไปอีก เดี๋ยวก็ได้เสร็จกิจค่ำหรอก” ขุนอัครเดชเสสายตาไปทางอื่น ด้วยรู้ตัวว่าจ้องมองหล่อนจนเกินงาม

“ข้าขอบใจเจ้าอีกครั้งข้าต้องขอตัวก่อนและจะรีบกลับมา” หญิงสาวทำเพียงก้มหน้าน้อยๆเสียงฝีเท้าที่เดินไกลออกไปทำให้หล่อนกล้าเงยหน้าขึ้นมองนึกฉงนในใจว่าทำไมหัวใจของตนต้องเต้นแรงเพราะสายตาของเขาด้วยนะ

“คนบ้า” เหมือนจะเอ่ยวาจาออกไปแบบไร้เหตุผลเพราะ ณ ที่แห่งนั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้ใดเป็นดั่งที่นางเอ่ยมะเฟืองบ่าวคนสนิทอมยิ้มเมื่อมองท่าทีที่ไม่ปกติของนายหญิงคุณหนูของเธอมิเคยแลหรือไยดีกับชายใดแม้แต่กับคู่หมั้นหมายเธอก็มิเคยแล

อารดาค่อยๆปรือตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงโซฟาช่วงเอวมันยวบลงหล่อนเห็นผีสาวนั่งอยู่ข้างๆจ้องมองมาที่ตน

“มีอะไร?”

“ฉันเห็นคุณหลับไปนานเลยเป็นห่วง คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่า”

“เธอห่วงฉันเหรอ?” อารดานอนมองผีสาวรอฟังคำตอบอย่างสนใจ

“ก็ใช่ซิ ถ้าคุณเกิดมาเป็นผีเหมือนกับฉัน ฉันก็แย่ซิเพราะไม่มีใครทำบุญให้” อารดายิ้มน้อยๆมองออกว่าหล่อนไม่ได้คิดจริงจังอย่างที่พูด

“ก็ถ้าเธอไม่ดื้อไม่ซน ฉันก็จะทำบุญให้สม่ำเสมอไง” คนป่วยอารมณ์ดีหยอกเย้ากลับ

“บ้าจริงคุณนี่ ฉันไม่ใช่เด็กๆนะจะได้ดื้อจะได้ซน” กฤติยานึกขัดใจสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอารดาอมยิ้มกับท่าทางแสนงอนของผีสาวแต่ก็เพียงนิดเท่านั้นไม่ทันให้หล่อนได้เห็น

“สอง” กฤติยาหันกลับมามองคนที่เรียกชื่อเธอด้วยสายตาเป็นคำถาม

“อย่าไปไหนไกลฉันนะ” ผีสาวเลิกคิ้วแปลกใจระคนตื้นตันใจที่ในโลกว่างเปล่าดายของเธอในตอนนี้มีคน คนนี้คอยเป็นห่วงและใส่ใจ

“คุณเป็นห่วงฉันเหรอ?”

“รับปากกับฉันซิว่าเธอจะไม่ไปไหนไกลฉันอีก” อารดาไม่ตอบคำถามกลับทบทวนคำพูดเดิมและขอสัญญา ในโลกที่เธอเข้าไปไม่ถึง เธอไม่ต้องการให้แม่ผีสาวอ่อนประสบการณ์ออกไปเผชิญในส่วนลึกเธอเป็นห่วงหล่อนจากใจจริง ด้วยเหตุผล ด้วยผูกพันด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เธอเองก็มิอาจเข้าใจ

รมิดาหญิงวัยกลางคนโยนหนังสือพิมพ์ออกไปไกลตัวในความรู้สึกที่หลากหลายผิดหวัง เสียดาย หรืออะไรอีกเยอะแยะมากมาย ถึงไม่อยากจะปักใจเชื่อแต่รูปก็ฟ้องชัดหนุ่มสาวร่างกายเปลือยเปล่านอนซบอิงกันอยู่ในโรงแรมหรูและหนุ่มคนนั้นก็คือคิมหันต์คนที่ตนหมายมั่นให้ได้มาเคียงคู่กับบุตรสาวคนสวย เพราะคิมหันต์พร้อมไปด้วยฐานะชาติตระกูล นิสัยใจคอ ทั้งยังรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าก็หล่อเหลาไร้ที่ติแต่แล้วทำไม? ทำไม?

“คุณผู้หญิงคะ คุณหญิงพรประภาต้องการเรียนสายค่ะ” กระจิบเด็กรับใช้เดินเข้ามารายงานคุณหญิงพรประภาคือมารดาของคิมหันต์นั่นเอง

“บอกไปว่าฉันตรอมใจตายไปแล้ว” รมิดาตะโกนออกไปไม่เกรงว่าปลายสายจะได้ยินเด็กรับใช้ทำหน้าลำบากใจและเดินไปบอกปลายสายอย่างที่ได้รับคำมาและรีบวางสายทันทีฝ่ายปลายสายร้อนวูบวาบไปทั้งหน้ากรี๊ดออกมาเสียงดังไม่เก็บกิริยาลืมไปไปเลยว่าตนมีศักดิ์เป็นคุณหญิงประราชทานคุณหญิงพรประภาทั้งโกรธทั้งอายที่โดนหยามศักดิ์ศรีแบบไม่เห็นหัวจากคนที่เคยรักใคร่สนิทสนมแต่ก็โทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ไอ้คนของเราก็ทำงามหน้านัก

“ตาคิมกลับมารึยัง” คุณหญิงกระชากเสียงจนบรรดาคนรับใช้ผวาไม่มีใครกล้าสู้หน้าด้วยเกรงลมพัดลมเพ

“ยังไม่กลับตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ”

“ตาคิมนะตาคิมกลับมาแม่จะตีให้หัวแตกเลย ฮึ่ม!!” คุณหญิงมาดร้ายบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนถึงจะนึกแปลกใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่วิสัยของบุตรชายเลยคิมหันต์สำอางค์และถือตัวมากจนเธอยังเคยแอบคิดว่าลูกชายวิปริตผิดเพศเป็นเกย์หรือเปล่าแต่ก็ไม่ใช่เพราะลูกชายของเธอปักใจรักอยู่กับหนูเตลูกสาวของคุณรมิดาด้วยเธอเห็นว่าตระกูลทางแม่เป็นผู้ดีเก่าและตัวของหนูเตเองก็เรียบร้อยน่ารักการศึกษาก็ดีมีหน้ามีตาในสังคมทำให้ความแตกต่างเรื่องฐานะตกไปแต่อยู่ๆก็มีภาพลูกชายของเธอนอนเปลือยอยู่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้คุณหญิงยกมือกุมขมับปวดสมองกับเรื่องที่กำลังเกิด ดีหน่อยที่สามีไปราชการที่เมืองนอกกำหนดกลับอีกอาทิตย์ไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องหมดเงินไปอีกเท่าไหร่เพื่อจะปิดปากสื่อ

คิมหันต์ทรุดตัวลงบนเตียงในคอนโดหรูของตนทบทวนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ๆเขาก็ตื่นขึ้นมาในโรงแรมแห่งหนึ่งในสภาพเปลือยเปล่าเมื่อสำรวจดูข้าวของก็ไม่มีสิ่งใดหายไปมีเพียงมือถือไอโฟนที่ถูกปิดและเมื่อเปิดมันขึ้นมาก็พบข้อความในไลน์จากเพื่อนๆคนสนิทหลายคนเป็นคำถามเหมือนๆกันว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับแนบรูปมาด้วยหัวใจเค้าเกือบหยุดเต้นเมื่อได้เห็นรูปพวกนั้น มันเป็นรูปชายหญิงกำลังพลอดรักกันสภาพเนื้อตัวเปล่าเปลือยใบหน้าผู้หญิงเห็นไม่ชัดเท่าไหร่แต่ผู้ชายนี่ซิเต็มๆ!!คือเค้าเอง

ชายหนุ่มทอดถอนใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอนยิ่งคิดก็พาให้ยิ่งสับสนจนปวดหัวผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแม้หน้าก็ไม่เคยเห็นและเค้าเองไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง?รูปน่าอายพวกนั้นแพร่กระจายออกไปแล้วหลังจากนี้เค้าควรทำยังไง?แล้วผู้หญิงที่เค้ารักล่ะจะคิดยังไงกับภาพพวกนั้นชายหนุ่มดีดตัวขึ้นมาและกดโทรออกหาเตมิกาหวังอธิบายเพื่อปรับความเข้าใจแต่… ปลายสายไม่ว่างตลอดโดยรู้ได้ทันทีว่าเป็นการตั้งระบบไม่รับสายชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงไปอีกครั้งสมองมึนตื่อหมดทาง

เตมิกาเดินถือดอกลิลลี่ช่อใหญ่เข้ามาในร้านและส่งให้พนักงานนำไปจัดแจกันด้วยอารมณ์ที่เบิกบานก่อนจะเดินหายเข้าไปที่หลังร้าน

เตมิกานั่งลงที่โต๊ะทำงานหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ขึ้นมาดูสนใจดูในสิ่งที่รู้อยู่แล้วหญิงสาวกระตุกยิ้มที่มุมปากสะใจกับสิ่งที่เห็น เธอพูดแล้วเตือนแล้วไม่ยอมฟังก็ต้องเจอแบบนี้แหละคิมหันต์จะมาว่าเธอใจร้ายไม่ได้นะเพราะเธอก็อดทนมานานหลายปีแล้วเหมือนกัน เตมิกาเอื้อมมือล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเมื่อได้ยินเสียงเตือนว่ามีสายเข้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็กดรับสายทันที

‘ขอบคุณมากนะคะ ฉันเห็นเงินที่โอนเข้ามาแล้ว’

“ไม่เป็นไร ฉันพอใจมาก ไปกบดานดีๆเพราะเธอโดนตามตัวแน่ และหลังจากนี้เธอห้ามติดต่อมาหาฉันอีกไม่อย่างนั้นเธอได้มีศัตรูรอบด้านแน่”

‘เข้าใจค่ะ’ สายถูกตัดไปสาวสวยปลายสายเข้าใจในความหมายดีว่าผลของคนพลาดคืออะไร

เตมิกามองไกลวันนี้เธอเอาก้างในชีวิตออกไปได้แล้ว เธอเป็นอิสระแล้ว หญิงสาวมีแววตามุ่งมั่นอยากเอาชนะซ่อนอยู่ในแววหวานมิดชิด

พระพรตอยู่ในสมาธิจิตวิ่งไปเห็นภาพของเตมิกาโดยไม่ตั้งใจเมื่อรู้ถึงจิตภายในใจของหญิงสาวก็วาบลึกอยู่ในใจเรื่องราวซับซ้อนลึกซึ้งกว่าที่คิดไว้มาก ตัวรู้ของท่านค่อยๆผุดเรื่องราวต่างๆขึ้นมาแต่ก็ไม่ชัดเจนต้องนำมาตีความและประติดประต่อเรื่องราวเอาเองซึ่งต้องใช้จิตพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพราะภาพบางภาพก็พาให้หลงทางไปหลายต่อหลายครั้งคลื่นแห่งความต้องการที่สวนทางนำพาไปให้เสียเวลากรรมสัมพันธ์ซับซ้อนลึกซึ้งจนหลายครั้งทำให้เหนื่อยใจท้อแท้อยากยอมแพ้เลิกติดตามแล้วปล่อยเรื่องราวทุกอย่างให้เป็นไปตามวิถีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะการแก้ไขคือทางออกที่ดีที่สุดไม่อย่างนั้นกรรมจะเกี่ยวพันกันไปไม่จบไม่สิ้น

กรกนกยืนมองเพื่อนรักที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง กับเพื่อนคนนี้ก่อเกิดความรู้สึกที่หลากหลายอยู่ในใจรักและผูกพัน อิจฉาและพ่ายแพ้หลายครั้งที่เธอเองรู้สึกแย่กับความคิดร้ายๆที่มีต่อเพื่อนคนนี้สองเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต เธอรู้เพื่อนคนนี้รักและจริงใจจากหัวใจแต่เธอไม่ชอบใจเลยที่เพื่อนคนนี้ทำอะไรได้ดีไปเสียทุกอย่างจนเธอเคยสงสัยว่ามีอะไรบ้างไหมที่เพื่อนคนนี้ทำได้ไม่ดีไม่ว่าเธอจะพยายามเพียงใด ก็ไม่เคยเอาชนะได้ หรือแม้จะทำได้ดีเทียบเท่าก็ไม่เคยแต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็เหนือกว่าเพื่อนคนนี้แล้วเรื่องหนึ่งหญิงสาวนึกเยาะอยู่ในใจเพราะเธอได้ครอบครองชายอันเป็นหัวใจของหล่อนแล้วทินกรชายหนุ่มที่เธอเฝ้ามองด้วยความเสน่หาตลอดมาและตอนนี้เธอก็ได้เขามาสมใจ กรกนกปรายตามองหนึ่งฤทัยผู้หญิงคนนี้ก็เป็นอีกคนที่ทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าเสมอเมื่ออยู่ใกล้สำหรับทินกรหากลำดับความสำคัญในใจเขาแล้ว ที่หนึ่งคือสองที่สองก็คือพี่หนึ่งสำหรับเธอเหรอมีตัวตนเป็นแค่กาฝากเกาะพี่น้องสองคนนี้เท่านั้น

“พี่หนึ่งทำใจให้สบายนะคะ นกเชื่อว่าสองจะดีขึ้นค่ะ” หญิงสาวตีหน้าเศร้าเข้าไปปลอบโยนพี่สาวเพื่อนกัญญาน้ำตาเอ่อมองน้องสาวที่หลับใหลอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร

“นก หมอบอกว่าโอกาสที่สองจะฟื้นกลับมาเป็นปกติน้อยยิ่งกว่าน้อย หมอบอกให้ครอบครัวเราตัดสินใจยอมแพ้” เรื่องราวที่ได้ยินสร้างความตื่นเต้นยินดีให้คนฟังเกินบรรยาย

“แล้ว...คุณลุง คุณป้าว่ายังไงบ้างคะ” กรกรนกทำเสียงตื่นตกใจ แต่ในใจกลับลิงโลดลุ้นในคำตอบ

“เรายังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้” กัญญาหันมองไปทางอื่นบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก เธอเหน็ดเหนื่อยและเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องคิดถึงมัน

กรกนกหันมองคนป่วยนิ่งนาน

‘ฉันรักแกนะสอง รักมากพอๆกับที่ฉันเกลียดแกขอให้แกไปดีไวๆนะ’

อารดายังอยู่ในสภาวะที่ร่างกายและจิตใจยังไม่แข็งแรงมากนักและโดยไม่รู้ตัวเองเลยว่าตนสามารถที่จะพาจิตเข้าสู่ภวังค์ได้โดยง่ายจากบุญเก่าที่ปฏิบัติธรรมสะสมมาแต่ปางก่อนซึ่งเป็นสภาวะที่ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายในระดับเธต้าสมองมีคลื่นความถี่ละเอียดมากอยู่ในช่วงเข้าสมาธิแบบลึกสามารถพาจิตไปเชื่อมโยงหรือติดต่อกับสิ่งที่มีความละเอียดหรือความถี่ที่ใกล้เคียงกันได้และหนึ่งในความถี่นั้นคือโลกของวิญญาณ

เสียงกดคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ดังออกมาไม่ขาดสายผีสาวนั่งมองไปที่ต้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ก็ดูหล่อนซิเอาแต่นั่งคร่ำเคร่งอยู่กับตัวหนังสือมากมายบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งที่ตัวเองยังป่วยอยู่แท้ๆจะบ้างานไปถึงไหนนะพิลึกคนจริง

“คุณ!! จะสี่ชั่วโมงแล้วนะที่คุณนั่งทำงานอยู่หน้าคอมเนี่ยไม่คิดจะพักสายตาบ้างเลยเหรอไงเดี๋ยวก็ได้เป็นยายแก่ใส่แว่นหนาเตอะก่อนวัยอันควรหรอกและอีกอย่างคุณก็ป่วยอยู่นะ ลืมตัวหรือไง” ผีสาวโพล่งพูดออกไปอย่างอดไม่ได้เพราะนั่งทนดูมาหลายชั่วโมงแล้วโดยลืมนึกไปว่าคนตรงหน้าเป็นสาวโลกส่วนตัวสูงสุดกู่และไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาทำงานอารดาสะดุดในอารมณ์หยุดมือหันมองแม่ผีสาวปากกล้าที่นั่งจีบปากจีบคอต่อว่าเธออยู่บนเตียง

“ถ้าเธอไม่ยอมสงบปากสงบคำฉันจะจับเธอไปถ่วงน้ำ” เมื่อขู่ผีสาวเสร็จอารดาก็หันกลับมามีสมาธิกับการทำงาน

อารดาเลิกคิ้วสูงเพราะได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นที่มาจากด้านหลังทำให้ต้องหันมองและเธอเห็นแม่ผีสาวซบหน้าอยู่กับหัวเข่าเนื้อตัวสั่นเทิ้มมีเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะๆอารดามองภาพนั้นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเดินไปดู

“เป็นอะไรไปอยู่ดีๆก็ร้องไห้เป็นเด็กๆ” สาวร่างสูงทรุดนั่งลงข้างๆผีขี้แยที่อยู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมา และนี่เธอควรจะทำยังไงกับหล่อนดีก็เธอปลอบใจใครเป็นที่ไหนกันเล่า ส่วนใหญ่จะใช้วิธีด่าเรียกสติซะมากว่า

ผีสาวไม่ได้ตอบกลับอะไรยังซบหน้าสะอึกสะอื้นต่อไปด้วยควบคุมตัวเองไม่ได้นึกสงสัยว่าทำไมจิตใจตัวเองถึงอ่อนแอนักนะ บ้าจริง!โดยไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้อาการแบบนี้มันคืออาการ ‘น้อยใจ’

“สอง!ถ้าเธอไม่บอกฉันว่าเป็นอะไรฉันจะจับเธอไปถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้แหละ” อารดาทำเป็นเสียงเข้มหยอกผีสาวหวังเรียกอารมณ์ดีจากหล่อนแต่ก็เหมือนจะผิดคิว เพราะผีสาวหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองทำตาขวาง คราบน้ำตาเกรอะกรังไปทั่วหน้าทำอารดานึกขันกับสภาพสาวสวยแต่หน้าตามอมแมม

“ใจร้ายที่สุดเลย” ผีสาวตัดพ้อทำคนถูกว่าออกอาการเหวอ

“ฉันใจร้ายอะไร?” อารดาส่งสายตาเป็นคำถามแคลงใจเป็นที่สุด

“เพราะคุณเห็นว่าฉันไม่มีใครและหมดทางไปใช่ไหมล่ะ คุณถึงชอบพูดทำร้ายจิตใจและก็คิดจะรังแกกันอยู่ตลอดเวลา” อารดาได้เพิ่มรอบเหวอ ก็เธอเนี่ยนะใจร้ายและคิดรังแกหล่อนนี่หล่อนคงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ

“ยัยผีเพี้ยน” ร่างสูงโพล่งใส่ผีสาวไม่คิดเกรงใจหวังเรียกสติหล่อนให้กลับคืนมา

“เลอะเทอะ” สาวร่างสูงส่ายหน้าเบาๆเบื่อหน่ายความคิดไร้สาระก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาน้ำดื่มตานี้เป็นผีสาวบ้างที่เหวอมองตามประตูห้องที่ปิดลงอะไรกันไม่รู้สึกผิดอะไรบ้างเลยหรือ ไม่มีหัวใจเลยหรือไง

กฤติยาของขึ้นลุกเดินทะลุประตูตามออกไป

“คนใจร้าย! คนใจดำ! บ้าที่สุด!ใจร้ายที่สุด กฤติยาเดินตามไปจนทันพร่ำพูดตัดพ้อคนตัวสูงไปตลอดทาง

“โอ๊ะ!!” ผีสาวกระแทกหลังคนตัวสูงอย่างจังเพราะหล่อนหยุดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะหันกลับมาหาทำเอาผีสาวใจหายวาบเพราะตอนนี้ใบหน้าของหล่อนใกล้ชิดกับเธอมากแปลก! ที่เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของหล่อน

“เธอจะหุบปากเองดีๆหรือจะให้ฉันช่วยหุบให้!!” ร่างสูงชักหัวเสียเพราะแบบนี้แหละเธอถึงไม่อยากยุ่งหรืออยากไปวุ่นวายกับใครเพราะมันจะวุ่นวายแบบนี้ เมื่อเห็นผีสาวนิ่งไปอารดาจึงหันเดินออกไปยังเป้าหมายเดิมเพราะคิดว่าเรื่องคงจบแล้วแต่ไม่เลย…

“คนใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย” กฤติยาดื้อแพ่งประท้วงอีกฝ่ายไม่เลิกทีกับแม่เพื่อนคนสวยไม่เห็นหล่อนจะใจร้ายเย็นชาแบบนี้เลยผีสาวคิดพาลไปเรื่อยยิ่งนึกถึงภาพที่สาวหน้าหวานจูบหล่อนก็ยิ่งจี๊ดในใจไม่รู้เพราะอะไร

“จะไม่หยุดใช่ไหม?” อารดาทำเสียงเข้มหวังให้หล่อนเกรงกลัวบ้างและเธอก็ชักจะหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจไร้สาระของหล่อนแล้วด้วย

“ไม่หยุด คนใจ ร่ะ...อุ๊บ!!” กฤติยาในตาเบิกโพรงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเกินคิดฝันเมื่อเธอถูกคนตัวสูงกระชากเข้าไปหาตัวพร้อมกับแนบประกบปิดริมฝีปากของเธอบดเบียดเอาแต่ใจไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเลยสักนิด

“อื้อ...” พาลให้น้อยใจยิ่งดิ้นรนประท้วง แต่อีกฝ่ายกลับยิ่งกระชับกอดให้ร่างกายได้สัมผัสกันแนบแน่นขึ้นอีก 




Create Date : 26 ตุลาคม 2554
Last Update : 30 พฤษภาคม 2556 14:58:09 น. 0 comments
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

writer_k toon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ ที่อยากเป็นคนดี
และเป็นคนเก่งขึ้นทุกๆวัน

ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ โปรดสุดก็ Starbucks หากอยู่ในฤดูงบน้อย อะไรที่เป็นกาแฟดำ ได้หมด

ชอบอ่านหนังสือ แนวHowto และนิยายของคุณทมยันตี จนวันหนึ่งเกิดอยากจะเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง โดยมีคุณทมยันตีเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจ

เริ่มต้นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ลงท้ายจะเป็นอย่างไร แต่หวังไว้ว่ามันจะดีกว่าที่หวัง

จะคุยได้นานกับคนที่มีฝัน มีเป้าหมายในชิวิต รักครอบครัว และคิดบวก

แอบหวังว่าคนที่เข้ามาที่Blogนี้จะออกไปอย่างมีความสุขนะคะ

Loveๆทุกคนค่ะ

ปล.ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อความและรูปภาพทั้งหมดใน blog นี้ตามกฎหมาย ห้ามนำไปใช้หรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add writer_k toon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.