"Lust, Caution" ... กามารมณ์-อม-ความขมขื่น
"Lust, Caution" ...จากเรื่องราวแสนรันทดของผู้หญิงที่มีตัวตนอยู่จริงนามว่า "เจิ้นปิงกรู" สู่การเป็นนิยายเรื่องสั้นโดยปลายปากกาของ "ไอลีน ชาง" และแล้วจุดจบของเรื่องราวเล่ห์, ราคะนี้ ก็ได้ไปตกอยู่ในมือของผู้กำกับที่เคยทำให้คนทั้งโลกต้องร้องไห้ให้กับความรักของ เอนนิส และ แจ๊ค ชาย 2 คนที่ต้องปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกของกันและกัน แห่ง "Brokeback Mountain"
Lust, Caution คือ ผลงานหวนกลับมาเอเชียอีกครั้งของ "อัง ลี" หลังจากทิ้งทวนท้ายสุดเอาไว้กับดรามากำลังภายในขวัญใจออสการ์ "Crouching Tiger, Hidden Dragon"... เรื่องราวที่เขาสนใจ และหยิบจับเอามากำกับหลังสร้างงานเกย์-มาสเตอร์พีซอันลือลั่น เรื่องนี้นั้น มีพื้นหลังอยู่ในประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเจาะลึกไปยังกรณีความขัดแย้งระหว่างจีน กับญี่ปุ่น ซึ่งก็เกิดจากฝ่ายหลังต้องการจะยึดครองจีนเอาไว้เป็นอาณัติของตัวเอง ด้วยเหตุผลถูสีข้างไปไถๆว่า "ประเทศเอเชียด้วยกัน ต้องให้เอเชียปกครองกันเอง"
"หวังเจียฉี" เป็น นักศึกษาสาวผู้อ่อนต่อโลก ที่ต้องจำพรากกับครอบครัว ด้วยเหตุของสงคราม อยู่ในฮ่องกง... เธอถูกได้รับการชักชวนจากเพื่อนนักศึกษาชาย "กวงหยู่หมิง" ให้มาร่วมเล่นละครสะท้อนความโหดร้ายของสงครามต่อหน้าคนจีนในฮ่องกง ซึ่งด้วยการแสดงที่เข้าถึงต่อบทบาทของเด็กผู้หญิงที่สูญเสียพี่ชายให้กับความตาย ก็ทำให้การแสดงละครออกมาประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม... แต่การแสดงออกถึงความรักชาติ ของ กวงหยู่หมิง มันไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อเขาได้ทราบข่าวมาว่า มีคนจีนมีอำนาจใหญ่โตอยู่คน ที่ทำตัวเป็นกบฎ เข้าข้างฝ่ายญี่ปุ่น และนั่นจึงทำให้เขาอยากจะแสดงออกถึงความคับแค้น ด้วยการหาทีจะไปฆ่าให้ตายกับมือ
แผนการณ์ของ กวงหยู่หมิง คือ การส่ง หวังเจียฉี ในนามของ "คุณนายม่าย" ไปตีสนิทกับ "นายยี" ผู้เป็นกบฎ ...และเพื่อให้การแสดงละครในชีวิตจริงมีความให้ไว้เนื้อเชื่อใจกันจนถึงที่สุดแล้ว หวังเจียฉี จึงต้องยอมสูญเสียความบริสุทธิ์ ด้วยการฝึกเป็นนางบำเรอ ให้เพื่อน(คนที่เคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อน)ช่วยปรุงเปรอ ให้เธอตีหน้าเล่นละครได้เข้าถึง นายยี แบบเนื้อแนบเนื้อ ...หากแต่ทันทีที่เธอเพิ่งจะสูญพรหมจารีไปอยู่แหม่บๆ แผนทุกแผนก็ต้องมาล่มลงกลางทาง เพราะนายยี (พร้อม "คุณนายยี") ได้ตัดสินใจจะกลับไปทำงานอยู่ที่บ้านเกิด ในเซี่ยงไฮ้
3 ปีต่อมา... หวังเจียฉี ต้องมีชีวิตที่ข้นแค้นมากไปกว่าเดิม ไม่ว่าจะเพราะอดีตของเธออันโหดร้าย หรือจะปัจจุบันที่เพลิงสงครามยังไม่มอดจางลง แล้วยิ่งเมื่อเธอได้กลับมาพบเจอกับ กวงหยู่หมิง คนที่เธอเคยรักอีกครั้งหนึ่ง ก็ยิ่งทำให้เธอไม่อยากปฏิเสธการขอความช่วยเหลือ ให้กลับมาสวมบทเป็น คุณนายม่าย อีกครั้งหนึ่ง ได้เลย
3 ปีที่ผ่านพ้นไป... นายยี มีความเจริญก้าวหน้าทางตำแหน่ง ลาภ ยศ และเป็นกบฎที่ซื่อสัตย์ต่อชาวยุ่นอย่างไม่มีบิดพริ้ว ...เมื่อเขาได้กลับมาพบกับ คุณนายม่าย อีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักก็ถลำลึกลงไปสู่การลอบเป็นชู้อย่างลับๆ
หวังเจียฉี คนที่เคยรักชาติและศักดิ์ศรีเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อ 3 ปีก่อน ...คือคนละคนกับในปี 1942 ที่เธอได้กลายเป็น คุณนายม่าย คนที่ตกหลุมบ่วงชู้ ของนายยี ด้วยความเต็มใจไปเสียแล้ว... หากนั่นไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์อันล้ำและลึก ต้นเหตุที่มากไปกว่านั้นก็คงเพราะ ตัณหา และราคะ ที่เธอเองพอใจจะได้ลิ้มรสจากการร่วมรัก ร่วมเตียง และร่วม... จนเกินเลย
ด้วยกามารมณ์ที่ต่างคนต่างห่วงหาแก่กันและกัน ...การอมอันคือภาษาที่หนึ่งหญิงและหนึ่งชาย สามารถเข้าใจความต้องการของกันและกันได้ ...แต่เมื่อเธอและเขาได้พากันไปถึงจุดสูงสุดด้วยกันแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลที่พึ่งได้เสียกันไป มันก็กลับกลายแลกคืนมาด้วย ความขมขื่นของชีวิต ที่ยอมปล่อยให้การร่วมกันมาทำลายทำร้ายความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจนเกินเลย
เรื่องราวอันเกิดจากเล่ห์ที่ก่อให้เป็นราคะ ของ Lust, Caution ...ก็ดูจะคับคล้ายว่า อัง ลี กำลังต้องการสำรวจจิตใจมนุษย์ ผ่านสถานการณ์ที่ตัวละคร หวังเจียฉี อยู่ในสถานภาพอันน่าอึดอัดกดดันจากรอบข้างที่บีบบังคับให้เธอต้องทำ ...ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะความรักชาติที่คือจุดเริ่มต้นของเล่ห์กลทั้งหลายแล้ว มันก็น่าจะเป็นเพราะความรักอันต้องการและปรารถนาที่จุดเพลิงแห่งราคะให้โหมไหม้ลุกโชนจนยากจะดับได้ลง ...หรือเปล่า ?
ภายใต้พื้นหลังของสงครามโลก ผนวกกับความเป็นจริงที่ยังคงความขัดแย้งของสองประเทศนั้น มาจนถึงทุกวันนี้... Lust, Caution นำเสนอประวัติศาสตร์ได้อย่างมีรายละเอียด เฉกเช่นเป็นสารานุกรม ที่ซ่อนไว้ในเปลือกหน้าของการเป็นหนังอีโรติก ...ความยาวนานประมาณ 157 นาทีของหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ประเด็นปัญหาอะไรสำหรับผม มิหนำซ้ำ ยังรู้สึกว่าเรื่องราวเดินหน้าได้ไม่ยืดยาด ถึงจะมีช้าอยู่มาก ก็เป็นช้าแบบมีจังหวะเร่ง
อัง ลี ยังเยี่ยมในการพาคนดูอยากไปติดตามเรื่อง และคิดตามหนัง ...การกำกับควบคุม ก็คงไว้ซึ่งความแม่นยำ และรู้จุดที่หนังในแต่ละฉากแต่ละช่วงต้องการจะไปให้ถึง ในการสร้างบรรยากาศ และบิวต์อารมณ์ ก็ยังคงลายเซ็นของเขาเอาไว้ได้เหนียวแน่น ด้วยความพยายามไม่รีบไม่ร้อน แต่ค่อยๆผ่อนส่งไปทีละนิด ทีละหน่อย พอจนไปถึงในฉากที่เป็นไคลแม๊กซ์ของหนัง อะไรๆทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ก็ดูจะสร้างแรงกดดันไปได้หมด
แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ใช่ว่า ผู้่กำกับยอดฝึมือเพียงคนเดียวจะพอเพียงต่อความดีความยอดของหนัง... ซึ่งโดยรวมๆของ Lust, Caution แล้ว ก็ยังมีพลาดเป้าไปให้กับ บทหนังที่ยังไม่หลักแหลม และหนักแน่นในการปูความเป็นไปของเหล่าตัวละคร ซึ่งกับความยาวนานขนาดนี้แล้ว ก็มีเสียดายเวลาที่ฉากบางฉากน่าจะลดปริมาณลงไป แล้วเอาตรงที่หายไปมาใส่แทน ซึ่งมันดูจะเอื้อต่อการสร้างความเข้าใจ และทำให้คนดูต่อติดกับเรื่องราวได้อย่างมิดชิดแนบแน่นยิ่งกว่านี้ได้อีก
แล้วส่วนบรรดาฉากที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้เรตแรงๆ NC-17 นั้น...ผมรู้สึกว่ามันดูจะฟุ่มเฟือย มากมายเกินไปหน่อย ซึ่งพอถ้าจะหั่นตรงที่ล้นๆออกไปบ้างก็ไม่น่าจะทำให้หนังสื่อสารบิดเบี้ยวอะไรไปได้หรอก
(แต่ถึงจะบ่นไปอย่างไรก็ตาม ...มันก็ยังคุ้มค่ามากๆ ที่ House เก็บฉากพวกนี้เอาไว้ ให้เราได้ดูกันเต็มๆ แบบไม่พึ่งเมฆหมอกควันแห่งศีลธรรมมาบังตา)
"เหลียงเฉาเหว่ย" หล่อ ขรึม เท่ห์ กับมาดของนายทหารที่พูดน้อยแต่...(กับนางเอก)หนัก... การแสดงของพี่เหลียง ก็เช่นเดียวกันกับบทบาท ที่ให้เพียงน้อยแต่ได้กลับมาอย่างมากมาย ..."โจน เซ็ง" เป็นคุณนายยี ที่ใช้ชีวีตไปวันๆ เป็นก็แต่เล่นไพ่ ...ซึ่งอย่างไรก็ตาม กับคาแรกเตอร์ที่ได้นักแสดงหญิงในตำนานคนนี้มาเล่นให้ ก็ให้อะไรกับหนังไว้มากมายเช่นกัน ..."หวังลีฮง" จะว่ามาโชว์หล่ออย่างเดียวก็ไม่ใช่ แต่ถ้าจะว่ามาแสดงเป็นตัวละครสมทบที่สำคัญ เขาก็ยังไม่ใช่สีสันที่สำคัญต่อความเข้มข้นของหนัง ...ถ้าจะไม่หาว่าใจร้ายจนเกินไป ก็อยากฟังเสียงเขาร้องเพลงต่อไปยังจะดีกว่า
นางเอกหน้าใหม่ "ถังเว่ย" อาจจะเข้าถึงการเป็น หวังเจียฉี ได้อย่างโดดเด่น ...แต่สำหรับผม กลับไม่ค่อยจะรู้สึกผูกพันกับการกระทำและพฤติกรรมของเธอได้มากมายอะไรนัก แล้วกับชะตากรรมที่เธอต้องพบก็เหมือนว่ามันจะดูประดิษฐ์อะไรให้ดูรันทดจนเกินขอบเขตที่ควรจะเป็นไป แม้จะสงสารอยู่ในทีบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกิดอารมณ์รู้ซึ้งและเข้าใจในสิ่งที่ตัวละครต้องเจอ แบบที่มันควรจะเป็นไปในหนังของ อัง ลี ...เฉกเช่นที่ Brokeback Mountain เคยทำให้ผมจั้กกะเดี้ยมจั้กกะจี้กับชายรักชาย แต่มันก็สุดแสนสะเทือนใจในจุดจบความสัมพันธ์ความรัก แบบที่หัวอกลูกผู้ชายด้วยกันมันสามารถเข้าใจกันได้ โดยไม่ต้องมีนิยามใดๆมาขวางกั้นความรู้สึก
"Lust, Caution" ... จะมองว่าเป็นหนังดีก็ว่าใช่ จะดูเอาความสนุกก็พอมีให้ได้ติดตามไปกับตัวเรื่อง แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่งานที่น่าจะมีความสำเร็จโดดเด่นบนเวทีรางวัล และไม่เพียงพอต่อการเป็นอีกหนึ่งหนัง อัง ลี ที่ต้องจดจำ (ขอละเว้น Hulk ไว้อีกเรื่องหนึ่ง ในฐานที่เข้าใจ) ...สำหรับใครที่อยากจะดูแบบไม่มีหงุดหงิด ก็ขอแนะนำให้ไป House RCA ผมขอรับประกันว่า คุณจะได้เห็นฉากเหล่านั้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และเต็มกลืนอย่างแน่นอน
เกรด B+ ... {}
ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 4:30:20 น. |
|
9 comments
|
Counter : 23657 Pageviews. |
|
|
|