ข้าพเจ้าได้รับรู้เรื่องราวต่างๆของพระองค์ท่านผ่านแหล่งข่าวหลายประการด้วยความเสียใจอย่างที่สุดบนแผ่นดินไทยที่ไม่ได้มีเพียงใบหน้าเดียวที่ปริ่มรินไหลไปด้วยรอยน้ำตา..ไม่ได้มีถ้อยคำเพียงถ้อยคำเดียวที่ดีพอเพียง ที่จะแสดงความเสียใจต่อพระองค์ทุกคนล้วนพร้อมใจกันแสดงความเสียใจอาลัยรักพระองค์ในฐานะพสกนิกรผู้หนึ่งในช่วงนาทีที่มืดมนเป็นที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา...ดั่งว่าเป็นการสูญเสียดวงใจของประเทศดั่งว่าเราได้สูญเสียดวงหฤทัยไปอย่างไม่มีวันหวลกลับมา....
สำหรับผู้ที่ไม่เคยคุ้นเคยกับพระองค์ดั่งข้าพเจ้าหรืออีกหลายๆผู้คนจะมีเพียงพันธบัตรที่เป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงความผูกพันระหว่างพวกเราและพระราชวงศ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ชาวต่างชาติอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมประชาชนชาวไทยในแผ่นดินเมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ทรงเสด็จสวรรคตจึงได้แสดงความเศร้าโศกอาดูรถึงที่สุดเพียงนี้ ซึ่งข้าพเจ้ามีความรู้สึกภาคภูมิใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่งด้วยความรู้สึกซึมลึกในการใช้ช่วงเวลาในถ้อยอาลัยที่จะได้ร่วมแสดงถ้อยคำอันเปี่ยมด้วยความโศกแสดงความอาลัยแด่พระองค์ท่านด้วยความรักและศรัทธายิ่ง..โดยพระราชประวัติพระองค์ที่ข้าพเจ้าทราบ...
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเมานท์ออเบอร์น (MOUNT AUBURN) รัฐเมสสาชูเขตต์ (MASSACHUSETTS) ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงได้รับพระนามว่า พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งหมายความว่า "ความแข็งแรงของแผ่นดิน"
เมื่อพระชนมายุได้ 2 พรรษาสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนกทรงเสด็จสวรรคคตด้วยพระประชวรอันรุนแรง และเมื่อพระองค์พระชนมายุได้ 5 พรรษาทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอี กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้นทรงเสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนเมียร์มองต์ (MERRIMENT) เมืองโลซานน์ (LASAGNA) ในปี พ.ศ. 2478 ได้ทรงเข้าศึกษาต่อที่ CEDE NOUBELLE DE LA SUES ROMANCE CHILLY ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่รับนักเรียนนานาชาติและทรงได้รับประกาศนียบัตร บาเชอลิเย เอ แลทร์ จากการศึกษา ดังกล่าว ทรงรอบรู้หลายภาษา ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ ละติน ในระดับอุดมศึกษาทรงเข้าศึกษาใน แผนกวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมืองโลชานน์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2481 ได้เสด็จนิวัตกลับประเทศไทยพร้อมด้วยพระบรมเชษฐาธิราช พระบรมราชชนนีและสมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ
ต่อมาพระเชษฐาหรือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตด้วยต้องพระแสงปืนในวันที่9มิถุนายนพ.ศ.2489อย่างมีเงื่อนงำขณะที่พระองค์ยังทรงเป็นเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระชนมพรรษาเพียง 18 พรรษา รัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 นั้น ทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและรัฐบาลได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการบริหารราชการแผ่นดินแทนพระองค์ เนื่องจากยังทรงพระเยาว์และต้องทรงศึกษาต่อณ ต่างประเทศเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2489 ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อณ กรุงโลซานน์แม้พระองค์จะทรงโปรดวิชาวิศวกรรมศาสตร์แต่เพื่อประโยชน์ในการปกครองประเทศได้ทรงเปลี่ยนมาศึกษาวิชาการปกครองแทนเช่นวิชากฎหมาย อักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ภูมิศาสตร์ นอกจากนี้ยังทรงศึกษาและทรงศึกษาการดนตรีด้วยพระองค์เอง
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรงทรงบาดเจ็บที่พระเนตรขวาและพระองค์ได้ใช้พระเนตรเพียงข้างเดียวนั้นในการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งปวงเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรสยามยาวนาน 70 ปีนับตั้งแต่นั้นมา...ในฐานะพระมหากษัตริย์ไทยโดยมิได้ทรงพักผ่อนพระวรกายมากนักตลอดรัชกาล
พระองค์ทรงเคยมีพระปฐมบรมราชโองการเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทรงตรัสว่า"เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามทุกคน"...และพระองค์ก็ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจตามที่ทรงสัญญาไว้ในทุกๆวันของพระชนม์ชีพของพระองค์...ตราบพระวาโยสุดท้ายสิ้นสุด...
ในฐานะพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนาน70ปีพระองค์ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเกือบทุกทิศทางในราชอาณาจักรสยามประเทศหรือบนพื้นที่ห่างไกลซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถานที่ตั้งที่มิใคร่เป็นที่รู้จักนักดั่งเป็นที่ทราบกันพระองค์ได้ทรงเสด็จไปถึงในที่สุด เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนเหล่านั้น ให้ได้รับการแก้ไขปัญหาต่างๆและหรือได้รับการปรับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริโครงการหลายพันโครงการ โครงการในพระราชดำริหลายโครงการได้รับการจัดทำขึ้นเพื่อสร้างเป็นอาหารในการดำรงชีวิตของประชาชน สร้างรายได้และการทำงานหรือเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชนเหล่านั้นของพระองค์
หันกลับไปแหงนหน้าขึ้นมองพระราชวังของพระองค์..เป็นพระราชวังเดียวในโลกนี้ที่ไม่มีการตกแต่งที่หรูหราหรือมีสิ่งประดิษฐ์อันสวยงดงามมากมายนักพระองค์มีเพียงฟาร์มทดลองหรือสิ่งประดิษฐ์ทางการเกษตร,หรือสัตว์เลี้ยงทางการเกษตร,โรงเรียนหรือสถานีวิทยุดาวเทียม,หรือคิดค้นสิ่งที่ก่อสร้างอันสร้างสรรแปลกใหม่อื่นๆที่เราประชาชนคนธรรมดาจะไม่มีทางคิดถึงหรือกษัตริย์พระองค์อื่นๆที่จะอยู่แต่เพียงในพระราชวังของพระองค์เหล่านั้นเท่านั้น
พระองค์ท่านได้ทรงเสียสละความสุขสำราญเสียสละเวลาและสละเงินราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเอาใจใส่ประชาชนและการทำงานของพระองค์ด้วยจุดประสงค์เดียวคือเพื่อสร้างชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนที่ให้ความจงรักภักดีของพระองค์โดยเป็นการให้ที่ไม่มีเงื่อนไขสำหรับทุกคนไม่ได้คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนาโดยพระองค์ให้ความเท่าเทียมกันสำหรับชาวพุทธ,และผู้นับถือศาสนาอื่นๆ
และนี่คือเหตุผลที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ความอิสระในการนับถือศาสนามากที่สุดในโลกดั่งว่าพระองค์เป็นพระผู้ประเสริฐเป็นครูผู้สร้างเป็นนักวิทยาศาสตร์เป็นผู้บัญชาการชาวนาเป็นนักดนตรีและเหนือสิ่งอื่่นใดพระองค์เป็นผู้ชายคนเดียวในประเทศสยามที่เป็นศูนย์รวมดวงใจของทุกคนอย่างแท้จริง
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดชทรงเคยตรัสว่า"สถานที่พักของฉันบนโลกนี้อยู่ในมวลหมู่ประชาชนของฉัน"ทรงมีน้ำพระหฤทัยเปี่ยมไปด้วยความเมตตาของพระผู้เป็นผู้ให้น้ำสุรเสียงและน้ำพระทัยที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนั้นยังทรงมีคำสอนด้วยพระราชดำรัสที่ทรงตรัสไว้มากมายพระดำรัสผ่านพระราชกรณียกิจของพระองค์ล้วนเป็นบ่อเกิดแห่งความรักความศรัทธาและตระหนักถึงความสามัคคีความสงบสุขให้แก่กันและกัน
สำหรับพระองค์คู่ควรแด่พระชีพอันหรูหราทรงสง่างามอย่างมีพระทรงเกษมสำราญยิ่งถ้าหากแต่เพียงพระองค์ทรงโปรดแต่แทนที่พระองค์จะเลือกชีวิตอันเรียบง่ายเฉกเช่นนั้นพระองค์กลับเลือกพระราชดำเนินไปยังดินแดนในท้องถิ่นอันทุรกันดารมีถนนอันขรุขระทั่วแควนแทนเพื่อให้พระราชกรณียกิจของพระองค์ได้รับผลสำเร็จเพื่อความร่มเย็นผาสุขของพสกนิกรชาวสยามประเทศของพระองค์นั่นเป็นส่วนหนึ่งในน้ำพระทัยที่ทำให้พระองค์ทรงมีพระสรวญและพระเกษมสำราญยิ่งและพสกนิกรชาวสยามได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดพระวรกาย
"นี่คือเหตุผลที่ข้าพเจ้าและประชาชนทุกคนรักพระองค์..อย่างยิ่ง..."
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 1927-2016
พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชน