bloggang.com mainmenu search




:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องเสือย้อมแมว ::





สมมุติว่าพี่ก๋าเกิดในครอบครัวยากจน
แต่พี่ก๋าชอบทำตัวร่ำรวย ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย
ชอบอยู่สังคมไฮโซ โดยคนในครอบครัวพี่ก๋ายังลำบากอยู่
พี่ก๋าเกิดอายตัวเองที่ไม่นึกถึงความลำบากของครอบครัว
แต่อายที่ต้องบอกคนอื่นว่าเราจน
อายที่ต้องบอกว่าเราไม่มีบ้าน รถ ไม่มีเงิน
อายที่จะให้ผู้อื่นรับรู้ฐานะของตน
กับการคบเพื่อน พี่ก๋าทำใจใหญ่ชอบเลี้ยงคนโน้นทีคนนี้ที

ทำไมเรา present ตัวเองเราต้องเสนอมุมที่ดีที่สุด
เราเข้าไปหาใคร เราต้องเสนอสิ่งที่มีมูลค่าในตัวเราออกไป

กลัวดูถูกหรือ
กลัวไม่ได้รับการยอมรับ กลัว ฯลฯ

เพราะอะไร ?





คำถามโดย : เสือย้อมแมว
วันที่ : 28 มีนาคม 2555
เวลา : 1:40:00 น.
















พี่ก๋าเคยอ่านบทสัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลก
นักข่าวถามเขาว่า


“ทำไมถึงเลือกเป็นตัวแทนขายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อนี้
ทั้งๆที่ราคาใบหนึ่งแพงระยับ กระเป๋าหนังจระเข้ใบเดียว
ราคา 2 ล้านกว่าบาท”

เธอตอบว่า

“ดิฉันไม่ได้ขายกระเป๋า แต่ดิฉันขายรสนิยม”














สิ่งนี้คือ “การตลาด” ที่ทำให้เราเชื่อว่า

เราไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ
แต่เรากำลังบ่งบอกตัวตนและรสนิยมผ่านการใช้สมาร์ทโฟน

เราไม่ได้อยู่ในสังคมที่ธรรมดาดๆ
แต่เป็นสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี
เราจึงต้องมีบ้านที่ทันสมัย มีรถคันใหญ่ที่ล้ำยุค

มีเพื่อน มีไลฟ์สไตล์ที่มีความแตกต่าง มีสไตล์โดดเด่น

ฯลฯ


“รสนิยม” เกิดขึ้นเมื่อเราต้องการ “การยอมรับ”

แล้วสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้เพื่อตัดสินกันว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ
คือ “เปลือกนอก” ที่เราเรียกว่า “รสนิยม” นี่เอง....


เพราะอะไร ?


เพราะมันมองเห็นง่าย ชัดเจน


สวย รวย หรู
หล่อ รวย เก่ง


เปลือกนอกต่างๆเหล่านี้
มองเห็นง่าย รับรู้ง่าย ไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน


แต่เปลือกนอกเหล่านี้
ใช้วัดค่า “ตัวตนภายใน” ได้จริงๆล่ะหรือ ? ......












เราอาจมีสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด
มีแท๊บเล็ต โน๊ตบุ๊ค มีคอมพิวเตอร์รุ่นเจ๋ง
แต่แน่ใจแล้วหรือว่ามันช่วยให้เราติดต่อสื่อสารกันดีขึ้น
เราได้ฟังใครบางคนพูดถึงความเศร้าของเขาอย่างลึกซึ้งหรือไม่
เราค้นหาความรักผ่านโลกที่วิ่งเร็วเหนือแสง
โดยเคยหยุดคิดและแยกแยะได้หรือไม่ว่า
โลกไหนคือโลกแห่งความจริง
และโลกใดคือโลกสมมติปลอมๆ


เรามีบ้านหลังใหญ่
แต่ในบ้านหลังนั้นมีความอบอุ่นของครอบครัวหรือไม่
มีเสียงเล่านิทานของพ่อแม่ลูกให้ได้ยินบ้างไหม
หรือมีแต่เสียงแอร์ครางฮือ
พร้อมกับเสียงโหวกเหวกจากละครไร้คุณภาพดังทั้งคืน

เรามีรถคันใหญ่คุณภาพสูง
แต่เราได้ขับมันด้วยสติหรือแค่ขับมันไปด้วยความสะใจไร้สติ


เรามีเงินเป็นกอง มีเสื้อผ้าหรูๆเป็นสิบตู้
มีกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นร้อยใบ
แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้เติมเต็มความสุขของเราได้จริงๆล่ะหรือ



ถ้าสิ่งต่างๆเหล่านี้บอกค่าราคาออกมาได้ว่ามันราคาเท่าไหร่
เราเคยหยุดและคิดบ้างไหม


ว่าตัวตนและคุณค่าที่แท้จริงของเรา
อยู่ตรงที่ใด ?













การซื้อข้าวของสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิด
ตราบใดที่เงินในกระเป๋าของคุณมีมากพอ

ของราคาแพง มันก็รับรองรสนิยมและคุณภาพในราคาที่เป็นอยู่

แต่ถ้าจะต้องดิ้นรนจนสุดชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งการครอบครอง
และการยอมรับในเชิงแค่ไม่อยากให้ใครดูถูก

คงต้องย้อนกลับมาถามว่า

การมีสิ่งต่างๆเหล่านั้น
ทำให้เราได้รับการยอมรับจากคนอื่นอย่างแท้จริงหรือไม่
ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริงหรือไม่

หรือเป็นเพียงแค่การเติมเต็มความรู้สึกชั่วคราวของตนเอง
แล้วต้องดิ้นรนแสวงหาสะสมไปเรื่อยๆ
ไม่อาจหยุด เพราะตัวตนเราถมไม่เต็มเสียแล้ว
จากความต้องการและความคาดหวังที่เรามีกับตัวเราเอง













ที่สุดของการยอมรับ
น่าจะอยู่ที่การยอมรับตัวเอง
ยอมรับและมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงในตัวเรา

ความสุขอยู่ง่าย ใกล้ตัว

เมื่อไหร่ที่เรายอมรับความเป็นจริงของตัวเองได้
ความสุขที่แท้จริงอยู่ไม่ไกล
ไม่ต้องใช้เงินมากอย่างที่คิด
และไม่จำเป็นต้องสนใจกับคำตัดสินที่สังคมมอบให้
หรือไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับสายตาที่มองมาของใครๆ


เมื่อไหร่ที่เราเต็มเปี่ยมในตัวเอง
มองเห็นคุณค่าของตัวเราเอง
เราจะไม่ดูถูกตัวเอง ไม่เหยียดหยามคนอื่น
ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ตัดสินคุณค่าของคนจากสิ่งที่เขามี
แต่เราจะวัดคุณค่าของคนๆหนึ่ง
จากคุณภาพความคิดและวิธีการใช้ชีวิตที่น่าชื่นชมของเขา



นี่ต่างหาก....


คือ “คุณค่า” ที่แท้จริงของคนๆหนึ่ง
ไม่ใช่ “มูลค่า” ของสิ่งต่างๆที่เขาครอบครอง




































Create Date :11 ตุลาคม 2555 Last Update :11 ตุลาคม 2555 5:12:09 น. Counter : 2167 Pageviews. Comments :79