bloggang.com mainmenu search





:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องเสือย้อมแมว ::













รูปร่างหน้าตาที่ดี เงินทอง รถ บ้าน
ฐานะทางสังคมที่ดี
ช่วยดึงดูดให้ได้คู่ครองที่ดี
ไม่ว่าจะ สวย ขาว เซ็กซี่ น่ารัก
พี่ก๋าว่าจริงไหมครับ

หรือว่าถ้าหากอ้วน ขี้เหล่ จน หนี้เยอะ
ผู้หญิงสวยที่หมายปองเอาไว้คงไม่สนใช่ไหมครับ





คำถามโดย : เสือย้อมแมว
วันที่ : 24 มีนาคม 2555
เวลา : 17:25:00 น.














ในชีวิตหนึ่งจะมีคนที่เรารักได้สักกี่คนกันเชียว
คนที่เรารักเขาอย่างแท้จริง
รักเพราะเรามองเห็น “ความงาม” ที่ซ่อนอยู่ด้านใน
ไม่ใช่ความงามภายนอกที่ถูกฉาบไว้ด้วยความลวงตา


เวลาเรารักใครสักคน
เรามองเห็นอะไรในตัวคนนั้น
ความสวย ความงาม หล่อ รวย มีชื่อเสียง
มีความสามารถ เอาใจเก่ง พูดจาเพราะ ฯลฯ



ทุกสิ่งที่ว่ามา
ไม่มีสิ่งใดที่คงทนเลย



มีใครสวยหล่อไปตลอดกาล
วันเวลาผ่านไปร่างกายก็หย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง
ไม่หนั่นแน่นเหมือนช่วงวัยหนุ่มวัยสาว


เงินมีก็หมดได้
ชื่อเสียงมีก็หายไป


อะไรที่ทำให้คนเรายอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ได้
โดยไม่เปลี่ยนใจจากคนที่เรารัก ?



................................




มาดามเคยถามพี่ก๋าว่า
ทำไมถึงต้องดูภาพศพ ภาพคนตาย
ซึ่งน่ากลัวและไม่ชวนมองเป็นอย่างยิ่ง

นั่นเป็นวิธีหนึ่งในการพิจารณาความเป็นจริงแห่งชีวิต
ทางธรรมเรียกว่า อสุภกรรมฐาน หรืออสุภวิปัสสนา

เป็นการเตือนสติให้เรากลับมาอยู่กับความจริงของชีวิต
ร่างกายเราประกอบขึ้นมาจากธาตุต่างๆ
สร้างขึ้นจากเซลล์ เม็ดเลือด ไขมัน เอ็น กระดูกจำนวนมากมาย


ถ้าเลาะเนื้อ กรีดเอ็นออกมาวาง
ต่อให้เป็นนางสาวไทย
เรายังจะรัก ยังอยากจะกอดอยู่ไหม ?


คนที่เราว่ารักที่สุดในชีวิต
เมื่อวางศพทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อย เนื้อเปลี่ยนสี
กายเน่าเหม็น แมลงวันตอมจนหนอนไต่
น้ำเลือด น้ำหนอง ไขมันไหลเยิ้ม
เราจะยังรัก ยังอยากก่ายกอดซากศพนั้นอยู่ไหม ?



คนที่เราว่าศรัทธาเคารพยกย่องเทิดทูน
เมื่อเขาเหลือแต่กระดูก
เรายังคิดกอดเก็บโครงกระดูกของเขาไปกับตัวเราอยู่ไหม ?



ที่สุดแล้วชีวิตมนุษย์ทุกคนต้องแก่ เหี่ยว หง่อม ป่วย
ร่างกายกลายเป็นที่ชุมนุมของโรคภัยพยาธิ
มีความเสื่อมเป็นที่ตั้ง
ที่สุดแล้วเราก็ตาย

ตายไปจากสภาพและตัวตนที่เราเคยยึดถือ




........................................




การพิจารณาอสุภฯต่างๆเหล่านี้
แม้ไม่มีอะไรที่ชวนมองหรือชวนดู
แต่ถ้าเราพิจารณาดูให้ดี
นั่นคือการเตือนสติที่ดีมาก
ไม่ใช่คำขู่ที่ทำให้เรากลัว
แต่เป็นการสอนให้รู้ว่า

“ความตาย” กำลังส่งเสียงเตือนให้เรารับรู้
ว่า “เวลา” ในชีวิของเราทุกคนนั้นเหลือไม่มากอย่างที่เราคิด
จะจากคนที่เรารักไปในวินาทีใดก็ไม่มีใครรู้


ความตายมอบสิ่งที่เท่าเทียมกันให้กับมนุษย์
ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร
เด็ก คนแก่ คนหนุ่ม ดารา พระ กษัตริย์ หรือแม้แต่โจร
นั่นคือ ความตาย.....



เมื่อเราระลึกถึงความตายอยู่เสมอ
เราจะได้ไม่ประมาทขาดสติในการใช้ชีวิต
เราจะได้รู้คิดว่าเวลาในชีวิตเหลือน้อยเพียงนี้
จะเอาเวลานั้นมาทำประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่นได้อย่างไร



การพูดถึงความตายจึงไม่ใช่สิ่งอัปมงคล
ไม่ใช่รู้คิดเพื่อให้กลัวและลนลานกับการใช้ชีวิต
แต่เป็นการเตือนสติตัวเรา
ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ
ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราจริงๆ




........................................




สวย รวย หล่อ ฯลฯ

มันเป็นสิ่งสมมติ
เราอยู่กับสิ่งสมมติ

ต่อให้หลับนอนกับผู้หญิงค่อนโลก
ก็ไม่มีความสุขหรอกครับ
ถ้าไม่มีความรัก ความผูกพันอยู่ในนั้น

และหากรักอย่างเดียว
โดยไม่รู้จักปล่อยวาง
เราจะทุกข์เพราะรักไปนานแสนนาน

เพราะถึงวันหนึ่งคนที่เรารักจะต้องเหี่ยวเฉา
เขาจะต้องแก่ตัวลง ฟันฟางหลุดร่วง

เราทำให้ความสวยหล่อนั้นคงทนถาวรไม่ได้


แต่คนสองคนจะรักกันอย่างดีที่สุดได้
หากเรารู้ว่ามันยังมีสิ่งที่สวยงามกว่าความงามทางร่างกาย
นั่นคือ จิตใจที่อ่อนโยน ความรักที่จริงใจ การดูแลเอาใจใส่กันและกัน
ความห่วงใย การเห็นคุณค่าในตัวคนที่เรารัก ฯลฯ


สิ่งต่างๆเหล่านี้เอาชนะความตายได้
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้รู้ว่าทำไมเราถึงจูบคนๆนี้ได้โดยไม่เบื่อ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีก็ตาม



..........................................






เราศึกษาความจริงของชีวิตผ่านความตายได้
และนั่นไม่ได้ทำให้ต้องเบื่อหน่ายในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
บางทีกลับยิ่งเห็นคุณค่าของคนที่เรารัก
ยิ่งได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความไม่คงทนทั้งหลาย
ทั้งทางโลก ทางกายอย่างเข้าใจ

เมื่อรู้ถึงความจริงในข้อนี้...
เราจะมองเห็นคนรักเป็นมากกว่าสิ่งตอบสนองทางเพศ
เราจะมองเห็นเขาหรือเธอเป็นมากกว่าสิ่งเร้าทางความรู้สึก

แต่คนรักของเราได้กลายมาเป็นครูทางธรรม
ที่สอนเราให้อยู่กับความเป็นจริงแห่งชีวิต
อยู่กับความไม่แน่นอน อยู่กับสิ่งที่ไม่คาดหมาย
อยู่กับสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เพื่อให้เรารู้ตัวเองว่าจะรักเขาอย่างไรให้ดีที่สุด
รวมถึงไม่เจ็บปวดมากนักเมื่อถึงวันที่ต้องจากลา
ไม่ว่าจะต้องจากกันแบบจากเป็น
หรือจากตายก็ตามที






ปล. ถ้าเราไม่ได้กลัวหรือจิตอ่อน
มีเว็บมากมายที่มีภาพเกี่ยวกับอสุภกรรมฐาน
ลองหาเวลาและโอกาสในการศึกษาดูนะครับ
ค่อยๆเริ่มต้นจากภาพที่ไม่น่ากลัวมากนัก
แล้วค่อยขยับไปเรื่อยๆ....

พี่ก๋าเองไม่ได้เก่งกล้าสามารถหรอกครับ
แม้จะดูแค่ภาพ ก็ยังหวั่นไหวในบางครั้ง
ถ้าต้องไปดูจากของจริง
คงต้องฝึกอีกมากจริงๆกว่าจะทำได้โดยสติไม่กระเจิง















{ ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต }





Create Date :08 ตุลาคม 2555 Last Update :8 ตุลาคม 2555 5:28:40 น. Counter : 6906 Pageviews. Comments :79