bloggang.com mainmenu search

:: ความสุขไม่ได้หาย...แค่หาให้เจอ ::

เขียน : จางเต๋อเฟิน
แปล : อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี










นิยายขายดีในใต้หวันและจีนเล่มนี้
ดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลักสองคน
คือ “หลี่รั่วหลิง” หญิงสาวผู้มีภาพลักษณ์ภายนอกสมบูรณ์แบบ
มีความรู้การศึกษาที่ดี จบจากต่างประเทศ มีคู่ชีวิตที่ดีทัดเทียมกัน
มีหน้าที่การงานที่ก้าวหน้า ได้รับการยกย่องจากเพื่อนและคนรอบข้าง
และอีกหนึ่งตัวละครปริศนาที่ได้เข้ามาในชีวิตของรั่วหลิง
นั่นคือ “ชายชราคนหนึ่ง” ซึ่งบังเอิญรั่วหลิงได้ไปพบกับเขา
ในคืนที่เธอกำลังเผชิญปัญหาในชีวิต รถของเธอน้ำมันหมด ลืมโทรศัพท์มือถือ
จึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
ชายชรา คือ ผู้ต้อนรับเธอเข้าไปในบ้าน
บทสนทนาทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์บังเอิญนี้


ชายชราราวกับอ่านใจของรั่วหลิงได้ทุกอย่าง
จนในที่สุดเธอจึงเลือกเล่าเรื่องราวปัญหาในชีวิตให้เขาฟัง
จากนั้นก็กลับมายังบ้านหลังนี้อีกหลายครั้ง
เพื่อรับคำแนะนำให้เธอทำตาม ให้คำถามเป็นการบ้านเพื่อให้เธอไปหาคำตอบ


รั่วหลิง คือ ผู้หญิงที่ดูภายนอกแล้วน่าจะมีความสุข
แต่ในชีวิตจริงของเธอกลับมีแต่ความทุกข์
สามีนอกใจและกำลังขอหย่า
เข้ากับแม่สามีไม่ได้เพราะเธอไม่มีลูก แม้จะแต่งงานมา 10 ปีแล้วก็ตาม
เพื่อนร่วมงานที่สนิทมากที่สุดกลับเลื่อยขาเก้าอี้ของเธอ
และยอมเป็นชู้กับเจ้าของบริษัท เพื่อผลักดันตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเธอ
ปัญหาถาโถมเข้ามาทุกทิศทุกทาง ทั้งการงาน ความสัมพันธ์และความรัก
จนเธอได้มาพบกับชายชราคนนี้
เขาค่อย ๆ ให้คำแนะนำกับเธอ ให้เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนมุมมองในชีวิต
เริ่มต้นจากการส่งเธอไปพบกับลูกศิษย์ของเขาแต่ละคน
ซึ่งศิษย์เหล่านั้นก็ได้ให้คำแนะนำและการปฏิบัติตนที่ช่วยให้เธอค่อย ๆ เข้าใจปัญหาของตัวเอง


ชายชราพูดถึง “วงกลม 5 ชั้น”
วงที่อยู่ด้านในสุด คือ ตัวตนที่แท้จริงของเรา
ในนั้นมีสิ่งที่ทุกคนต่างก็ต้องการจะมี นั่นก็คือ ความรัก ความสุขใจ ความสงบ
วงถัดมาซึ่งล้อมรอบตัวตนที่แท้จริง คือ ร่างกาย
วงถัดมาวงที่สาม คือ อารมณ์
วงถัดมาวงที่สี่ คือ ความคิด
และวงสุดท้าย คือ การแสดงบทบาทสมมติ หรือ สิ่งที่เราแสดงออกกับคนรอบข้าง




มนุษย์ส่วนใหญ่ตัดสินใจโดยใช้ “จิตสำนึก” ซึ่งเป็นส่วนเพียงร้อยละ 5
ขณะที่ส่วนจิตใต้สำนึก อีกร้อยละ 95 เราไม่เคยนำมาใช้
ทั้ง ๆ ที่ในมีผลต่อการตัดสินใจของเรา
ดังนั้น เราจึงควรขยายพื้นที่จิตสำนึกเข้าไปในพื้นที่ของจิตใต้สำนึก
เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
โดยปรับร่างกายให้เชื่อมต่อกับอารมณ์
รู้ทันความคิด และความจริงซึ่งเกิดขึ้นกับตนเอง
พิจารณาสถานภาพต่าง ๆ ขณะที่เรากำลังดำเนินชีวิต
ว่าเรายอมรับความจริงที่เป็นอยู่ได้มากมายแค่ไหน
เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึก


แม้แต่ความเจ็บปวดหรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิต
เราก็ควรยอมรับความจริงให้ได้ (ในหนังสือช้ำคำว่า “ยอมสวามิภักดิ์”)
การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จะทำให้เราผ่อนคลาย
มองหาทางออกอื่นๆ ที่เหมาะสมกว่าการใช้อารมณ์อันวู่วามขาดสติตัดสินใจ

นิยายค่อย ๆ พารั่วหลิงไปพบกับบุคคลต่างๆ ซึ่งเปลี่ยนชีวิตเธอ
เริ่มตั้งแต่การเรียนรู้ในเรื่องจิตวิทยา ครูสอนโยคะ นักโภชนาการ
และคนที่เคยประสบปัญหาชีวิตคล้าย ๆ กันกับเธอ
คนที่มีปมในใจในวัยเด็กแล้วสามารถคลี่คลายปมนั้นลงได้ด้วยตนเอง


เมื่ออ่านประวัติของผู้เขียนจะพบว่ามีความคล้ายคลึงกันมากกับตัวละครรั่วหลิง
หญิงสาวผู้เคยประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่งงานกับผู้ชายที่มีชื่อเสียง
แต่สุดท้ายชีวิตคู่จบลงด้วยการหย่าร้าง มีปัญหาเป็นโรคซึมเศร้า
จนต้องเข้ารับการบำบัด เข้ารับการอบรมพัฒนาจิตใจ ฝึกโยคะ และเปลี่ยนแปลงตัวเอง
จางเต๋อเฟินใช้เวลาบำบัดตัวเองนาน 4 ปี จึงตัดสินใจเขียนนิยายเล่มนี้
เพื่อบอกเล่าและแบ่งปันประสบการณ์ในการผ่านทุกข์ที่มีของตัวเธอ
จนเธอกล้าพูดว่าตัวเองนั้นสามารถยอมรับชีวิตที่ไม่มีความสุขของตนเอง
(แม้คนภายนอกมองเข้ามาแล้วจะคิดว่าเธอมีความสุขมากก็ตาม)
เธอกล้ายอมรับความไม่สมบูรณ์แบบในชีวิตตัวเอง


ผมชอบฉากที่ชายชราถามรั่วหลิงว่า

“คุณเป็นใคร ?”
“ฉันคือรั่วหลิง”
“นั่นมันชื่อของเธอ แต่คำถามของฉันคือ คุณเป็นใคร ?”
รั่วหลิงตอบว่า “ฉันทำงานอยู่ในบริษัทคอมพิวเตอร์ เป็นผู้จัดการ”
“นั่นก็ยังไม่ใช่คำตอบ”
นิ่งคิดไปชั่วขณะคิดถึงเรื่องราวในอดีตของตน เธอร้องไห้แล้วจึงตอบว่า
“ฉันเป็นคนมีกรรม พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก
ฉันแต่งงานแต่ไม่มีความสุขในชีวิตคู่ ทำงานก็เจอแต่คนพาล”
“นั่นเป็นเพียงความเข้าใจที่เธอมีกับชีวิตตนเอง เป็นเพียงมุมมองที่ใช้ตีค่าตัวเอง” ชายชรากล่าว



เอาเข้าจริง
ผู้คนรอบข้าง เรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต สิ่งของต่าง ๆ ที่เราครอบครองอยู่
ก็เป็นภาพสะท้อนจากภายในของตัวเรา เหมือนกระจกเงา
ทุกข์ร้อนใดในชีวิต ก็เป็นผลมาจากความคิด
ความเจ็บปวดใดที่มี ก็เป็นผลมาจากความสืบเนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ที่เราเคยผ่านพบ
และ เก็บมันไว้ในซอกหลืบใดซอกหลืบหนึ่งของความทรงจำ
แผลนั้นพร้อมจะถูกสะกิดให้เจ็บ มีมุมมืดที่ยังรอวันสะสาง
แต่คนส่วนใหญ่มักออกแรงทั้งหมดไปกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ นอกตัว
พยายามเปลี่ยนแปลงคนที่ตัวเองไม่พอใจ ซึ่งไม่แทบไม่เคยสำเร็จผลใดใด
นอกจากซ้ำเติมให้ตัวเองยิ่งเจ็บปวด


ความสุขที่เราตามหา
แท้จริงมันไม่ได้หายไปจากชีวิต
แต่คนส่วนใหญ่หามันไม่เจอ
เผลอไปคิดว่ามันอยู่นอกตัว

ความรัก ความสุขใจ ความสงบ
ที่ทุกคนปรารถนา ก็มีอยู่แล้วในเนื้อในตัว
ในหัวใจของเราทุกคน
ขอเพียงค้นให้พบเจอ
ความสุขที่คิดว่าไม่เคยมีก็จะปรากฏขึ้น
แล้วใครก็มอบสิ่งนี้ให้เราไม่ได้ นอกจากตัวเราเอง



























 
Create Date :15 กุมภาพันธ์ 2564 Last Update :17 กรกฎาคม 2565 6:52:03 น. Counter : 561 Pageviews. Comments :25