ซาก" กับที่มาชื่อประโยชน์และโทษ ซากไม้ต้นนี้ พบขึ้นตามป่าราบ ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบทั่วไป ในประเทศไทยพบมากที่สุดในเขตพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งชาวบ้านชนบทในยุคสมัยก่อนจะรู้จักต้น ซาก เป็นอย่างดี เนื่องจากเวลามีดอกจะมีกลิ่นเหม็นหืนคล้ายกลิ่นซากเน่าตายแห้งของสัตว์ จึงถูกเรียกชื่อว่าต้น ซาก ดังกล่าวซาก มีประโยชน์และโทษอยู่ในต้นเดียวกัน โดยประโยชน์ทางยา หมอยาพื้นบ้านโบราณนิยมเอาเนื้อไม้ของต้น ซาก ไปเผาเป็นถ่านและบดเป็นผง ปรุงผสมกับสมุนไพรอื่นเป็นยารับประทานแก้ไข้พิษ เซื่องซึม และแก้โรคในเด็กได้ดีมาก เนื้อไม้จากต้น ซาก ยังนำไปใช้ทำหมอนรองรางรถไฟ เพลาเกวียน ทำเสาอาคารบ้านเรือน เสาเข็ม ทำพื้นกระดาน ลอด ตง ขื่อ ได้ทนทานแข็งแรงมาก นอกจากนั้นชาวบ้านในชนบทสมัยก่อนยังนิยมตัดเอาต้น ซาก ไปเผาทำถ่านบรรจุกระสอบขายได้รับความนิยมจากผู้ซื้ออย่างแพร่หลาย เพราะจะให้ไฟแรงและไม่มอดง่ายนั่นเองส่วนโทษ ทุกส่วนของต้น ซาก จะมีรสเมามาก ใบ เนื้อไม้ แก่น กระพี้ หรือราก หากรับประทานแบบเดี่ยวๆชนิดสดๆ หรือต้มน้ำดื่มอาจทำให้ถึงเสียชีวิตได้ ดังนั้น ก่อนนำไปปรุงเป็นยาสมุนไพร จึงต้องนำเนื้อไม้ไปเผาเป็นถ่านก่อนตามที่ระบุข้างต้น เพื่อทำลายพิษให้หมดไป และด้วยความมีพิษของต้น ซาก นี่เอง บรรดามิจฉาชีพในยุคสมัยก่อนจึงชอบนำเอาต้น ซาก ไปใช้ในทางไม่ดี เลยทำให้ต้น ซาก ไม่นิยมปลูกและหายากมากในปัจจุบันซาก หรือ ERYTHROPLOEUM SUCCIRUBRUM,GAGNEP, ERYTHROPLOEUM TEYSMANNII KURZ. อยู่ในวงศ์ MIMOSACEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 20-30 เมตร ผลัดใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 8-16 คู่ รูปใบหอกหรือรูปไข่ สีเขียวสด ใบดกและหนาทึบมากดอก ออกเป็นช่อยาวตามซอกใบ มีดอกย่อยจำนวนมากเบียดกันแน่นตามแกนดอก เป็น สีเหลือง หรือ เหลืองนวล เวลามีดอกจะมีกลิ่นเหม็นหืน ตามที่กล่าวข้างต้น ผล เป็นฝักคล้ายฝักประดู่ มี 5-8 เมล็ด ดอกออกทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีชื่ออีกคือ ไม้ชาด, พันชาด (อีสาน) ตร้ะ (ส่วยสุรินทร์) ตะแบง (อุดรฯ) คราก (ชุมพร) และ เตรีย (เขมรสุรินทร์) เหมาะจะปลูก เพื่ออนุรักษ์หรือปลูกฟื้นฟูสภาพป่า เพราะเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ จะช่วยรักษาหน้าดินได้ดีมากครับ.●"นายเกษตร"//www.thairath.co.thซาก" กับที่มาชื่อประโยชน์และโทษ Create Date :24 ตุลาคม 2554 Last Update :8 พฤศจิกายน 2554 10:51:10 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก