ภาษาย่อยในจังหวัดน่าน
ภาษาย่อยในจังหวัดน่าน


สำหรับภาษาในจังหวัดน่าน ถือว่าเป็นภาษาถิ่น (Dialects) ที่มีเขตทางภูมิศาสตร์ที่ผู้อยู่อาศัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง โดยจะเรียกว่า ภาษาถิ่นเหนือ และที่ยกเอาภาษาถิ่นเหนือในจังหวัดน่านมาอธิบายนี้ ก็ถือว่าเป็นภาษาถิ่นย่อย (sub-dialects) ด้วยในภาษาถิ่นเหนือ มีอยู่ในหลายจังหวัดและแต่ละจังหวัดมีสำเนียงในการออกเสียงเป็นลักษณะเฉพาะของตน บางครั้งนอกจากจะมีสำเนียงอันเป็นลักษณะพิเศษแล้ว ก็จะมีการสร้างคำอันเป็นคำเฉพาะของคนที่อยู่ในถิ่นนั้น ๆ ด้วย ดังเช่นในจังหวัดน่าน

จังหวัดน่านถูกกั้นออกจากดินแดนจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือด้วยเทือกเขาผีปันนั้นตะวันออก ทำให้การไปมาหาสู่และปฏิสัมพันธ์ของคนในจังหวัดน่านกับเมืองอื่น ๆ เป็นไปได้อย่างล่าช้า กอปรกับลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบในหุบเขาและมีภูเขาล้อมรอบทุกด้านจึงทำให้จังหวัดน่านเป็นเมืองที่ปิดกลาย ๆ และลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้จังหวัดน่านสร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัวและยังคงอัตลักษณ์นั้นเอาไว้ได้

หากพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์แล้ว จะพบว่า จังหวัดน่าน มีความเจริญอยู่ภายในอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นรัฐอิสระตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘ จวบจนมาผนวกเข้ากับเมืองล้านนาเชียงใหม่ สมัยพระเจ้าติโลกราช ในปี พ.ศ. ๑๙๙๓ เมืองน่านก็เลยถูกวัฒนธรรมล้านนาครอบงำตลอดมา ทำให้ภาษาของเมืองน่าน มีลักษณะเหมือนกันกับภาษาท้องถิ่นเหนือส่วนใหญ่ (ยกเว้นในเมืองเชียงใหม่) เช่นว่า ไม่มีเสียงสระเอือ แต่จะใช้เสียงสระเอีย แทน เป็นต้น

แม้ว่าปัจจุบัน จะมีการผสมกลมกลืน กับวัฒนธรรมไทลื้อที่อพยพหรือถูกกวาดต้อนมาไปบ้างก็ตาม แต่อัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับของเมืองน่านก็ยังคงอยู่ในปัจจุบัน

ลักษณะเฉพาะที่มีอยู่ในภาษาของทางเมืองน่านก็จะมีอยู่ คือ สำเนียง และคำศัพท์

สำหรับทางสำเนียงนั้น ทางเมืองน่าน ซึ่งจะรวมถึงเมืองแพร่ พะเยา ที่ติดต่อปฏิสัมพันธ์กันตลอดมาตั้งแต่อดีตนั้น มีความคล้ายคลึงกัน คือเสียงจะขึ้นจมูกมากกว่าที่อื่นในล้านนา บางทีทำให้ออกเสียงคำเดียวกัน แต่เพี้ยนกันไปคนละเสียงวรรณยุกต์ก็มี เช่น คนเมืองน่านจะออกเสียงของคำว่า “ง้าว” ซึ่งสำเนียงที่ออกไปนั้นจะไปละม้ายกับคำว่า “ง่าว” ในสำเนียงเชียงใหม่ และมักจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันบ่อยครั้ง

ส่วนด้านคำศัพท์นั้น ก็มีคำศัพท์ที่หลากหลายที่มีใช้กันในเมืองน่านและใกล้เคียง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างคำศัพท์ที่แตกต่างนั้น เพื่อให้เห็นลักษณะเฉพาะภาษาถิ่นจังหวัดน่านได้ดียิ่งขึ้น ดังเช่น

คำลงท้ายประโยคคำถาม มักจะมีการลงท้ายด้วยเสียงสระแอ แทนเสียงสระไอ เช่น ไปที่แหน่? หรือว่า ยะจะแด? แทนที่จะพูดว่า ไปที่ไหน? หรือ ยะจะใด? เหมือนภาษาล้านนาในจังหวัดอื่น ๆ ส่วนคำอื่น ๆ ก็จะเช่นคำว่า

“เข้าหนมเหนียบ” ซึ่งทางล้านนาส่วนใหญ่จะเรียกว่า “เข้าหนมจ็อก” อันหมายถึง ขนมเทียน

“ยาม” ซึ่งไม่ได้แปลว่าคราว, ครั้ง, เวลา ไม่ได้แปลว่าฤดูกาล ไม่ได้แปลว่าพังผืด ไมได้แปลว่าฆ้องเหมือนภาษาไทลื้อ ไม่ได้แปลว่าดินปืนเหมือนภาษาไทยใหญ่ ไม่ได้แปลว่า ยาม ที่เป็นคนเฝ้าสถานที่หรือระวังภัยเหมือนภาษาไทย แต่ทางเมืองน่านจะหมายถึง “สักครู่” หรือ “คำเดียว” (อ่าน กำเดว) ในภาษาล้านนาทั่วไป

“เตี้ย” ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายถึงต่ำเตี้ย แต่จะหมายถึงเยื่อไม้ไผ่ที่ติดกับข้าวหลาม ซึ่งทางเชียงใหม่หรือล้านนาทั่วไปจะเรียกว่า “เจี้ย”

ทำให้เห็นว่า แหล่งที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดความเป็นท้องถิ่นที่มีลักษณะเฉพาะเกิดขึ้น และนั่นก็เป็นตัวแปรหนึ่งในการทำให้เกิดภาษาย่อยขึ้นได้ ดังภาษาของชาวน่าน ในจังหวัดน่าน๚๛



Create Date : 01 มิถุนายน 2549
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2550 23:30:43 น.
Counter : 7744 Pageviews.

14 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
  
ได้ความรู้ดีจังครับ ผมเป็นคนเมืองน่าน ไม่ค่อยได้สังเกตว่าภาษาแตกต่างจากเมืองอื่นยังไง รู้สึกได้แต่เชียงใหม่ที่ต่างกันมาก ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยใช้คำศัพท์เก่าๆ แบบเดิมแล้วนะครับ เปลี่ยนมาใช้คำศัพท์แบบภาษากลาง แต่พูดสำเนียงคำเมืองแทนซะมาก น่าเสียดาย
โดย: ป้อจาย วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:18:06:51 น.
  
ยินดีจ้าดนักเน้อครับ ที่อ้ายป้อจายเข้ามาแอ่วหากั๋นครับผม

อย่างใดก็มาไจหากั๋นหมั่น ๆ เน้อครับผม
โดย: ศศิศ วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:20:14:38 น.
  
ยังมีแหมคำหนึ่ง ตี่เมิงหน่าน แตกต่างจากล้านนา

คำว่า "แค๊ป" แปลว่ารองเท้า ในภาษาคนเมืองล้านนาน ฮ้องว่าเกิบ

คำว่า "เกิบ" เมืองน่าน ฮ้อง "เกียก" หรือ "เกือก"

ส่วนลื้อบ้านผม ฮ้อง ว่าแค๊ป (รองเท้าที่ไม่หุ้มส้น) รองเท้าหุ้มส้น ฮ้อง "เกิบ"

รองเท้าผู้หญิง ฮ้อง "เก๊ะ"


********
ฮ่วมฮักษาฮีตฮอยไต 222 ปี๋เมิงเจงลาบ ในพศ. 2550
โดย: ณ เชียงลาบ IP: 125.27.5.164 วันที่: 25 มีนาคม 2550 เวลา:17:44:45 น.
  
คนน่านครับมาเป็นกำลังใจ...ว่างๆมากินส้านะครับ
โดย: เอ (ac.account ) วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:15:31:17 น.
  
โดย: ดเดกเ IP: 124.120.205.132 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:03:55 น.
  
เคยอยู่เมืองน่าน 8 ปี เมืองน่านสงบและน่าอยู่มาก
โดย: คนเมืองเพชร IP: 122.154.4.254 วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:15:32:35 น.
  

โดย: แดง IP: 58.9.39.201 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:16:26:01 น.
  
โดย: สา IP: 125.25.213.77 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:02:48 น.
  
สา อะไรตอดคอเหลอ ถึงพูดไม่ออกให้ช่วยมั้ยจ๊า
โดย: พิว IP: 124.157.220.116 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:13:42:52 น.
  
สา อะไรติดคอเหลอ ถึงพูดไม่ออกให้ช่วยมั้ยจ๊า
โดย: พิว5079 IP: 124.157.220.116 วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:13:45:40 น.
  
คุณตาคุณยายและแม่เป็นคนเมืองน่าน เราเป็นลูกอยากจะรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ และถ้ามีโอกาสจะพยายามรักษาไว้ให้นานที่สุด เนื่องจากดูเด็กยุคใหม่แล้ว อาจจะทำให้เราถูกกลืนวัฒนธรรมไปในไม่ช้า
โดย: BIG MANGO IP: 124.121.110.187 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:04:38 น.
  
ภาษาถิ่นจังหวัดน่านมีกี่ภาษาค่ะแล้วเขาพูดว่าอะไรอยากรู้นะค่ะช่วยยกตัวอย่างหน่อยค่ะ
โดย: อยากรู้ IP: 182.53.241.197 วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:11:28:26 น.
  
กินข้าวแล้วหรือยัง เมืองน่านพูดว่า กินข้าวแล้วก้ะจ้าว
โดย: Bank IP: 58.10.82.185 วันที่: 5 ธันวาคม 2556 เวลา:22:47:07 น.
  
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลนะคะ พอดีจะทำรายงาน คนน่านเหมือนกันน
โดย: พรรษาเอง IP: 118.172.14.3 วันที่: 30 กรกฎาคม 2561 เวลา:14:07:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sasis.BlogGang.com

ศศิศ
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด