รีวิวหนังสือ "ศพ ความจริงสั้นๆ หลังความตาย" (Smoke Gets in Your Eyes) โดย Caitlin Doughty
หนังสือเล่มนี้ซื้อมาตั้งแต่ตอนกลางเดือนมีนาคม ใช้เวลาอ่านอยู่ 4 เดือนกันเลยกว่าจะจบ (ถ้าเป็นพวกสารคดีหนิงจะอ่านค่อนข้างช้า อ่านทีละบทแล้ววาง ประมวลความคิด แต่ถ้าเป็นนิยายสามารถอ่านต่อเนื่องได้เลย นี่คือ ความแตกต่างของความเร็วในการอ่าน ^^)

ก่อนอื่น เอารายละเอียดของเล่มนี้ไปก่อน
 

 
ผู้แต่ง : CAITLIN DOUGHTY
ผู้แปล : สุกิจ ตรีไตรลักษณะ และคณะ

คำโปรย
ความจริง จากปากของเจ้าหน้าที่ณาปนสถาน ที่สั่งสมประสบการณ์และความคิด จนกลายเป็นผู้ปฏิวัติรูปแบบการจัดงานศพในอเมริกา พบกับการจัดการศพสภาพต่างๆ การฉีดยาศพ และการเผา ที่บรรยายให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในห้องแต่งศพ และข้างๆ เตาเผา ตีแผ่การตลาด และสะท้อนความเหลวแหลก ในอุตสาหกรรมณาปนกิจ

คําถามแปลกๆ ชวนฉงน มีคําตอบอยู่ในเล่มนี้

- ทําไมชาววารีจึงกินเนื้อศพ ทั้งๆ ที่ต้องอ้วกระหว่างกิน แต่ก็กลับมากินต่อ?
- ในทิเบตที่พื้นดินมีแต่ก้อนหิน และไม่มีไม้สําหรับเผาศพ แล้วเขาจัดการกับศพอย่างไร?
- ศพคนตัวใหญ่ๆ ควรเผาในช่วงที่เตาร้อนหรือเย็น? ไม่อย่างนั้นจะเกิดควันคลุ้งเต็มไปหมด
- รู้หรือไม่ว่า เดิมคนที่ฉีดยาศพเป็นเพียงกลุ่มพ่อค้าเร่ แต่พวกเขาทําอย่างไรจึงผันตัวเองให้กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านน้ำยาเคมีและด้านสุขอนามัย?


-------------------------------------------

เรื่องนี้เป็นสารคดีอีกเล่มที่พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องศพและความตาย ผู้เขียนเป็น 'สัปเหร่อ' หรือที่จริงก็คือ เธอทำงานอยู่ในโรงเผาศพ (เรียกให้เพราะคือ ฌาปณสถาน) แล้วกัน แต่ไม่ได้มีหน้าที่แค่เผาอย่างเดียว ยังมีกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนการเผาอีกมากมาย

หนังสือเล่มนี้เลยเป็นคล้ายๆ กับเปิดเผยสิ่งที่ถูกปิดหรือเบื้องหลังในอุตสาหกรรมคนตายว่า ก่อนร่างจะถูกฌาปณกิจ (ในเมกา) ร่างของผู้เสียชีวิตจะผ่านกรรมวิธีใดๆ บ้าง

คนเขียนเกริ่นในตอนแรกถึงมุมมองเกี่ยวกับความตายในชีวิตของเธอ ในตอนยังเล็ก (ห้าขวบได้) เธอเคยเห็นเด็กคนหนึ่งตกลงจากชั้นบนลงไปกระแทกพื้นชั้นล่าง และเธอไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นตายร้ายดียังไง แต่ที่แน่ๆ คือ เธอถูกความครุ่นคิดเกี่ยวกับความตายหลอกหลอนมาตลอดเป็นสิบกว่าปี เมื่อมองย้อนกลับไป เธอคิดว่าสังคมปกปิด หรือไม่ให้ความรู้กับเด็กเกี่ยวกับเรื่องความตายเลย ผู้ใหญ่เอาแต่หลีกเลี่ยงเหมือนกับที่พ่อแม่เธอพยายามจะหลีกเลี่ยงแทนที่จะพูดความจริง

ในบางครั้งที่คนทั่วไปที่จ่ายเงินเพื่อให้ 'โรงเผาศพ' ที่เธอทำงานให้ช่วยจัดฌาปณกิจให้เมื่อตัวเองตาย มักจะคิดว่าโรงเผาจะเล่นลูกเล่นกับศพ อาจจะเอาไปกองๆ รวมกันแล้วเผาทีเดียวแบบเผาขยะ คนเขียนต้องพยายามตอบคำถามอย่างอดทน และเธอพบว่าน่าแปลกที่ยิ่งเธอพูดความจริงเท่าไหร่ (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเน่าของศพ แต่จะถูกคงสภาพด้วยการแช่แข็ง ฯลฯ) กลับทำให้คนวางใจแทนที่จะหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

การมาเป็น 'สัปเหร่อ' ของคนเขียนก็คงเหมือนความพยายามที่จะปลดปล่อยตัวเองจากการครุ่นคิดที่ว่าโดยการกระโดดเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ไปเลย เผชิญหน้ากับมันให้รู้กันไป และในเวลาเกือบหนึ่งปีที่ได้เรียนรู้งาน มุมมองในเรื่องความตายของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

ไม่ว่าจะเป็นความคิดเกี่ยวกับตัวคนตายเอง เกี่ยวกับญาติผู้ตาย เกี่ยวกับความพอใจครั้งสุดท้ายของคนตายและครอบครัวว่าอยากทำแบบไหน รวมไปถึงเรื่องของผู้บังคับใช้กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกจริงๆ ของญาติผู้เสียชีวิต เป้นต้น

หนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดที่น่าสนใจดีค่ะ ไม่แปลกที่จะเป็น New York Times Bestseller

ทีนี้ถ้าพูดถึงในฐานะคนไทย อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้รู้สึกเลยว่า คนไทยนี่ ค่อนข้างใกล้ชิดกับคนตายพอสมควรเลย แทบจะตั้งแต่เล็กที่เด็กไทยรู้จักความตาย โดยเฉพาะจากพวกละครโทรทัศน์ ที่มีแต่เรื่องผีเต็มจอ ต่อให้ไม่รู้จักความตาย แต่รู้แน่ๆ ละว่าผีคืออะไร (แต่เด็กเดี๋ยวนี้พ่อแม่ไม่ค่อยให้ดูละครใช่ไหมเนี่ย)

ประเพณีในแบบพุทธทำให้เราค่อนข้างเปิดเผยให้เห็นธรรมดาโลกในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิธีรดน้ำศพ แล้วแต่ละศพก็แล้วแต่เลยว่าจะฉีดยาศพหรือเปล่า บางรายก็มาแบบธรรมชาติเลย คือ อะไรที่ควรพองควรอืด ก็มาแบบนั้นเลย แต่อาจจะมีการแต่งหน้าศพอยู่บ้าง แต่ในหนังสือ (ซึ่งอ้างอิงที่เมกา) เกือบทุกศพจะผ่านกระบวนการฉีด และทำร่างให้กลายเป็นคล้ายๆ กับขี้ผึ้ง เพราะอยากให้ญาติเห็นศพที่ใกล้เคียงกับตอนที่เขามีชีวิตที่สุด

นับว่าเป็นหนังสือที่อ่านไป แล้วก็ย้อนกลับมาคิดในสิ่งที่เราไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองมาก่อน เป็นหนังสือที่เปิดมุมมองให้ดีค่ะ เลยใช้เวลาอ่านนานขนาดนี้



Create Date : 28 กรกฎาคม 2562
Last Update : 28 กรกฎาคม 2562 21:59:54 น.
Counter : 2204 Pageviews.

4 comments
  
ได้มาลงลิสท์อีกเล่ม
โดย: Froggie วันที่: 30 กรกฎาคม 2562 เวลา:9:42:51 น.
  
@พี่กบ — ที่จริง หนิงแอบเข้าใจว่าพี่มีแล้วเสียอีกค่ะ (หนิงเริ่มอ่านของสนพนี้ก็จากรีวิวพี่นี้แล) เล่มนี้หนิงได้มาแบบฟลุกๆ ปกติไม่ค่อยเจอในร้านหนังสือ ต้องไปเฟ้นหาเอาตามงานหนังสือถึงจะได้มา

อ่านมาสี่เดือน พอจบแล้วรู้สึกคว้างๆ เหมือนกันค่ะ กำลังไปขุดกองดองมาดู อาจจะอ่าน “อิคิไก” ต่อก็ได้ ดูเล่มเล็กดี น่าจะจบได้ไว ^^

ปล. Sapiens คนแนะนำเยอะ แต่เห็นความหนาแล้วกลืนน้ำลาย อิเล่มนี้ยังเกือบครึ่งปี Sapiens อาจตายคาหนังสือเลยก็เป็นได้ ^^”
โดย: peiNing วันที่: 30 กรกฎาคม 2562 เวลา:23:11:05 น.
  
ปัญหาของ สนพ นี้คือหาซื้อยากนี่แหละ ศพที่รุ้งให้มา เอ๊ย หนังสือเรื่องศพที่รุ้งให้มา อ่านจบแล้ว ยังไม่ได้คืนสักที

Sapiens ส่วนแรกสนุกมาก อ่านอย่างไว ส่วนที่สองกับสามอาจจะอืดหน่อย
โดย: Froggie วันที่: 1 สิงหาคม 2562 เวลา:9:10:06 น.
  
งั้นเดี๋ยวให้เจ๊ส่งศพ เอ้ย ส่งหนังสือเรื่องศพเล่มนี้ไปให้แล้วกันนะคะ เล่มเดิมไม่เป็นไรค่า แบ่งๆ กันอ่าน ^^
โดย: peiNing วันที่: 2 สิงหาคม 2562 เวลา:9:57:59 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Peining.BlogGang.com

peiNing
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]

บทความทั้งหมด