เรื่องสั้นอารมณ์ระริก "คืนพระจันทร์เป็นใจ" 1. นางนอนทอดระทวยอยู่บนเตียงทองอ่อนนุ่ม หลับตาพริ้ม หายใจหอบเป็นห้วง ๆ ผิวเนียนแน่นชุ่มด้วยเหงื่อเม็ดโป้ง ที่ซึมซับเข้าไปในเนื้อผ้าบางเบา และดึงผ้านั้นลงมาแนบลงกับร่างงามจนเห็นรูปทรงน่าตะลึงแลนั้นให้เด่นชัดตา เสียงครางกระเส่าในลำคอถูกปล่อยออกมาอย่างมิอาจข่มกลั้น ทั้งร่างบิดสะท้านด้วยความปั่นป่วนภายใน ผ้าคลุมกายเลื่อนหลุดลงไปที่ปลายเตียง ความเปลือยเปล่าน้อมนำให้ยิ่งดิ่งลึกลงไปในอารมณ์ปลดปลิวละลิ่วโลดเมื่อหวนคะนึงถึงรสแห่งรักที่ได้ลิ้มชิมจนล้นเหลือ อา.....รสสัมผัสหวิวไหวนั้นยังคงติดตรึงความทรงจำ ทุกครั้งที่นางหลับตา ยังละเมอเพ้อเห็นร่างแกร่งด้วยกล้ามเนื้อวัยหนุ่มแนบนอนอยู่ข้างกายด้วยหัวใจปรารถนาจะดื่มลึกถึงรสรักไม่แพ้กัน ทุกที่ที่มือแกร่งนั้นลากผ่านและลูบโล้ยังผ่าวร้อน ไหม้ทุรนแต่แฝงความหวานซ่านล้ำไว้ทุกรอยโลม ทุกความเคลื่อนไหว ทุกจังหวะ ทุกกระชั้นของหัวใจที่สะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ภายในอก ทุกมัดกล้ามที่นางได้คลุกเคล้า ยังเร้าอารมณ์ระริกในความรู้สึก ยื้อยุดเหนี่ยวรั้งให้นางไม่อาจออกจากภวังค์อันเพริดแพร้วอย่างที่สวรรค์ชั้นดุสิตาเท่านั้นจะนิรมิตให้ได้... ณ.บัดหนึ่งในห้วงนั้น นางพลางคำนึงขึ้น....นี่ฝันหรือจริงกันแน่หนอ จะว่าฝัน แต่เหตุไรผิวเนื้อจึงยังทิ้งรอยพิศวาสหวามไว้ แต่จะว่าจริง ไฉนจึงวะวาบวูบวับ บัดเดี๋ยวลางเลือน บัดเดี๋ยวแจ่มชัด หลอกล่อคละเคล้าจริงเท็จให้สับสนได้เช่นนี้ 2. นางพลันลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ....ที่แท้ข้ายังอยู่ในห้องนอนตัวเองชัด ๆ.... แล้วก็ถอนใจลึกซึ้ง...นี่เป็นเพียงแต่ฝันไปหรอกหรือนี่ แต่ไฟอารมณ์ยังกระพือโหมมิได้ราโรยลงแม้แต่น้อย นางล้มตัวลงนอนอีกครั้ง มือสั่นเทาอ่อยอิ่งลูบไล้ไปยังรอยสัมผัสในความฝันทั้งปวงนั้น แล้วหัวใจก็พลันสั่นไหว อารมณ์ปลิวหวือเพริศไปกับจินตนาการอันแจ่มจ้า มีสัมผัสได้แม้กลิ่นกายอันชวนวาบหวามของเนื้อหนุ่ม ลมพลิกพลิ้วม่านหน้าต่าง ข้างนอกเทพีอาเธมิสชักรถขึ้นทาบฟ้าแล้ว จันทราสาดแสงนวลใยปกห่มพื้นพสุธา แสงเงินยวงลำหนึ่งผ่านม่านพลิ้วนั้นเข้ามาเต้นระยิบอยู่บนร่างเปลือยเปล่าผ่องผิว ราวกับลมนั้นคือสื่อแห่งแสงเดือนในคืนนี้ เนินเนื้อที่แสงเงินทอทาบลงเกิดปฏิกิริยาอันน่าพิศวงขึ้น ฤา สวาทหวามที่สุมทรวงข้าบันดาลให้เห็นไป....นางฉงนฉงายนัก นวลเนื้อทุกซอกมุมที่เคยเย็นเฉียบ สงบนิ่ง ทิ้งเรื้อมานานเนิ่นเกินสามสิบกว่าฤดูฝน พลันเต้นเร่า ระริกริว สั่นสะท้าน อุณหภูมิในกายพุ่งพรวดราวกับเป็นไข้หนัก กล้ามเนื้อบิดเกลียวราวกับจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ.... นางสูดลมหายใจลึก ๆ ข่มความผวาหวั่นกับความเปลี่ยนแปลกอันใหม่ของร่างกาย เตรียมพร้อมยอมสยบกับพายุที่จะโหมกระหน่ำ มือทั้งสองของนางเลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ.... นิ้วเรียวงามบัดเดี๋ยวสะบัดออกบัดเดี๋ยวกำแน่น จุดตกกระทบอันลึกเร้นเต้นเร่า ตอบรับกับความเคลื่อนไหวที่มากระทบ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จากช้าเป็นเร็ว จากเร็วเป็นเร่งร้อน แล้วก็ระเบิดพวยพุ่ง "อ๊า............................" นางกรีดร้องหวนโหย เมื่อความผันแปรผัดเปลี่ยนที่เคลื่อนไหวย้ายยักภายในกายดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด นางบอกมิถูกว่าเจ็บปวดหรือสุขสมกันแน่ เหงื่อกาฬหลั่งไหลหยาดหยดลงจากร่างเป็นทางยาว ที่นอนนุ่มบนเตียงทองขาดกระจุยด้วยแรงสะบัดสะท้านและกลิ้งเกลือกของร่างที่มันรองรับ 3. นางนอนนิ่งอยู่สักพักหนึ่ง อ้อยอิ่งกับความอิ่มเอมนั้นอยู่ใหญ่ แล้วก็ลุกขึ้นย่างกรายไปที่หน้ากระจก มองเงาร่างที่เห็นตรงหน้าอย่างพิศวงงงงวยนัก ในบัดดล ความโหยเฉียบพลันก็โถมเข้าหา จิตใต้สำนึกเร้าเร่งให้ร้อนรนไม่สามารถจะทนอยู่ในห้องหอได้อีกต่อไป นางต้องการปล่อยความใคร่จะสัมผัสกอดรัดและลงมือด้วยรุนแรงที่ถะถั่งคุคั่งภายในใจออกไปจากให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางหันไปมองโต๊ะหัวเตียงอย่างลังเล หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางไว้ยังคงเปิดสว่าง แลเห็นตัวหนังสือเจ็ดคำปริศนา "องค์ชายแปด แม่ทัพ น้ำตา กาแฟไม่ใส่น้ำตาล ดอกบัวตอง หมอโรคจิต ไฮโซ" ที่ยังเขียนค้างอยู่บนหน้าจอ "ช่างหัวมันก่อนโว้ย...เดี๋ยวค่อยกลับมาเขียน เดือนนี้ยังไม่มีผู้ชายตกถึงท้องเลยสักนิด" นางสูดปากซร้วบเมื่อนึกถึงรสชาติกล้ามแน่นแกร่งยามเมื่อขบฟันลงไป ความรัญจวนหวนหาแรงกอดกระชับที่นางทำต่อชายอันเป็นเป้าหมาย นึกแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่มานอนฝันพิศวาสให้อารมณ์เพริศทั้ง ๆที่ ในความเป็นจริงนางทำได้ดีกว่านั้นหลายขุมนัก เมื่อนางพร้อมที่จะออกไป ก็ยังอดไม่ได้จะต้องชำเลืองดูเงาร่างนั้นในกระจกอย่างภาคภูมิใจ นัยน์แดงก่ำที่มองตอบมาเหมือนท้าทายกึ่งปลอบประโลม หูที่ลู่ชันสะบัดพริ้วทักทาย กายแกร่งปกคลุมด้วยขนแข็งดำสนิท เขี้ยวขาวอันนับไม่ถ้วนในปากเหมือนแสยะยิ้มตอบมา.............. ไหล่หนาแม้มีขนปกคลุมยังเห็นรอยคมเขี้ยวที่ถูกขย้ำกัดเก่านานปีได้ชัดเจน มือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บนรกงองุ้มกระชากผ้าม่านให้เปิดออก จันทร์นวลสว่างลอยคว้างอยู่บนกึ่งกลางนภา "อะฮู้........อะฮู้" นางยืดคอร้องหอนเสียงหวนโหยยาวนานแสดงความคารวะต่อเทพีแห่งการไล่ล่าและเจ้าแห่งสัตว์เขี้ยวขาวทั้งปวง "ขอให้ข้าได้หนุ่มเนื้ออ่อน ๆ สักสองสามคนในคืนลอยกระทงแห่งทะเลนี้ด้วยเถิด" ร่างดำทมึน สาบสางร้ายแรง ใช้กรงเล็บเหนี่ยวหน้าต่างแล้วก็สปริงตัวออกไปอย่างว่องไว........ การล่าหฤโหดแกมหฤหรรษ์ได้เริ่มขึ้นแล้วณ.บัดนาว......... ขยันจังนะจ๊ะ
โดย: u know who IP: 202.142.200.252 วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:16:20:04 น.
เอ่อ มาใหม่แฮะ ชอบๆ กว่าเดิมนะคะ
![]() โดย: หวีดหวิว IP: 61.91.97.154 วันที่: 22 ธันวาคม 2548 เวลา:9:41:17 น.
เจ๊ๆๆๆ ติดสำนวนจีนมามั่กๆ อ่ะ
โหยยยย กลิ่นซีอิ๊วฉึ่ง โดย: อีนังน้องวิ IP: 203.188.53.251 วันที่: 27 ธันวาคม 2548 เวลา:22:27:23 น.
สำนวนจีนที่ไหนกลับไปอ่านใหม่หนังสือกำลังภายในใหม่เลย กำลังภายในก็ยังมีสำนวนหลายแบบฟร้อยแต่รับรองไม่ใช่แน่ะ
สำนวนกำลังภายในต้องแบบนี้ตะหาก "แค้นมือกระบี่" สนธยาแล้ว.... เป็นสนธยาที่เงียบสงัดอย่างยิ่ง เงียบงันจนได้ยินเสียงตะวันยามคล้อยเคลื่อนลับบรรพตสูงตระหง่านไป เงาบรรพตทาบลงบนแผ่นดิน เกิดเงาครึ้มไปทั่วบริเวณป่ารกร้าง สายลมต้นฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่พัดไหว หมู่ไม้ยืนทอดกิ่งก้านราวกับตายซากแล้วกระนั้น บนทางเดินไร้ผู้คนผ่านมาเนิ่นนาน เถาไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมร่องรอยเก่าเสียสิ้น แต่สนธยาของวันนี้กลับปรากฏเงาร่างของผู้คนขึ้นถึงสองร่าง การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วนัก ดูคล้ายร่างที่อยู่หน้านั้นหนี ส่วนเงาหลังนั้นไล่ล่า ที่รกร้าง เงียบสงัด แม้แต่ปีศาจยังไม่ยอมสิงสถิตย์เยี่ยงนี้ สองคนนี้กลับปรากฏตัวขึ้น....นี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่.. ว่าที่จริงสถานที่นี้เหมาะสมไม่น้อยกับการกระทำเรื่องราวประการหนึ่ง นั่นคือ ฆ่าคน โจรหากฉกชิงทรัพย์ย่อมกระทำในที่เปลี่ยวแต่ยังมีผู้คนผ่านไปมาบ้าง และหากเป็นนักข่มขืนมารอเหยื่อแล้วไซร้ ท่ามกลางบรรยากาศที่ซึมเซารกร้างเช่นนี้ แม้มีสตรีงามมาเปลือยกายตรงหน้าก็คงไม่มีจิตใจจะกระทำอันใดใดได้ ถ้าเช่นนั้น....หรือว่าทั้งสองมาฆ่าคน ผู้ใดเล่าที่จะถูกฆ่า เป็นหนึ่งในสองนี้ใช่หรือไม่ เงาร่างข้างหน้าที่คล้ายกำลังหลบหนี มีท่าทางเหนื่อยหอบสิ้นเรี่ยวแรง มันพลันชะงักฝีเท้า หันมามาประจันกับผู้ที่ติดตามมา มันเป็นบุรุษ รูปร่างเตี้ยเล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์ ทว่าแฝงด้วยความฮึกหาญ แม้ท่าทางจะทุลักทุเลแต่ก็เปี่ยมด้วยความองอาจอย่างที่วีระบุรุษสมควรจะมี ในมือมันมีกระบี่เล่มหนึ่ง ยังมิได้เปลือยฝัก แต่มองภายนอกก็รู้ว่าเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่ง ตัวฝักมีลวดลายประณีต ท่าทางที่มันถือกระบี่นั้นบอกให้รู้ว่าเป็นมือกระบี่ที่ชำนาญยิ่ง มิแน่ว่ามันอาจบรรลุสภาวะในใจก็มีกระบี่แล้ว กระบี่ในมือมันหลอมรวมเข้าประหนึ่งเป็นอวัยวะอีกส่วนของมัน คนและกระบี่เป็นหนึ่ง มิใช่สุดยอดหรือวิชากระบี่แล้วหรือ!!!! มือกระบี่พลันถลึงตา ตวาดว่า "อย่าหวังว่าเราจะสยบให้เจ้า นางมารร้าย" ฝ่ายไล่ล่าชะงักเท้าบ้าง ตวาดสวนกลับทันที "อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องตามเรากลับไปโดยดี มิเช่นนั้นโทษทัณฑ์ของเจ้าจะต้องสาหัสยิ่ง" เสียงของมันแหลมเล็ก ที่แท้เป็นสตรี สตรีที่เยาว์วัยและงดงามอย่างยิ่ง ร่างแน่งน้อยอ้อนแอ้น ใบหน้ารีรูปไข่ องคาพยพบนใบหน้าได้สัดส่วน คิ้วเรียวโค้งดุจขุนเขา ตากลมโตกระจ่าง จมูกโด่งเป็นสัน ปากบางแดงระเรื่อ แม้ยามบูดบึ้งมีโทสะก็ยังเห็นว่าเป็นโฉมสะคราญล่มเมืองผู้หนึ่ง สตรีงามนี้หรือ คือผู้ไล่ล่า คือนางมารร้าย? โอ สตรี สตรี มิทราบเรื่องราวภัยพิบัติในยุทธจักรเท่าใดที่เกิดจากการกระทำของพวกนาง ใบหน้านั้นดุจเทพธิดา แต่หัวใจดำอำมหิตนัก โดย: ดาหาชาดา IP: 61.91.176.69 วันที่: 28 ธันวาคม 2548 เวลา:17:23:16 น.
ผู้ถูกไล่ล่าในมือมีกระบี่ แต่สตรีนางนั้นในมือกลับมีเพียงกิ่งไม้ยาวเพียงแค่ช่วงแขนเท่านั้น สีหน้าของนางเปี่ยมแววมั่นใจ หรือนางยังมีฝีมือสูงล้ำกว่ามือกระบี่นั้นอีก สายตาของมือกระบี่จับจ้องกิ่งไม้ในมือนางอย่างหวาดเกรง
ควรทราบ ในยุทธจักร ผู้มีฝีมือถึงระดับสุดยอด บรรลุระดับสูงสุดคืนสู่สามัญ ไม่ว่าในมือจะมีอาวุธชนิดใดก็สามารถสังหารศัตรูได้ง่ายดาย เพียงใบไม้ใบเดียว กิ่งไม้ท่อนหนึ่ง แม้แต่มือเปล่า หรือนางเป็นเช่นนั้น มือกระบี่ที่บรรลุสภาวะสุดยอดในวิชากระบี่ สตรีที่วิชาฝีมือบรรลุสภาวะสูงสุดคืนสู่สามัญ อา............ นี่จะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเร้าใจยิ่งแล้ว อาจเป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในยุทธภพเลยก็เป็นได้ มือกระบี่กล่าวเสียงเกรี้ยวกราด "นางมาร อย่าหวังว่าเราจะตามเจ้ากลับไป เราไม่เคยก้มหัวให้กับพวกอธรรม" สตรีงามเค้นเสียงหัวร่อ กระแสเสียงเจือด้วยโทสะจนเหี้ยมโหดสุดแสน "เยี่ยงนั้นเจ้าต้องลิ้มรสความเจ็บปวดจากมือเราเป็นแน่" นางพลันเคลื่อนกายคุกคามเข้ามา มือกระบี่ขบกรามเป็นสันนูน สูดลมหายใจลึก ๆ มันชักกระบี่แล้ว กระบี่ของมันยอดเยี่ยมยิ่ง ทั้งเรียว ทั้งบาง และคมกริบ สะท้อนแสงตะวันยามอัสดงเป็นประกายกล้า มันวาดกระบี่เฉียงขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลม มือขวากำกระบี่ชี้สู่ฟ้า มือซ้ายขวางอกไว้ เท้าก้าวมาข้างหน้าครึ่งก้าว ท่วงท่าที่งดงามองอาจนัก รังสีอำมหิตของกระบี่เปล่งประกายถึงขีดสุด แก้วตาของสตรีงามหดเล็กลง หรือว่านางถูกรังสีกระบี่คุกคามจนตระหนกแล้ว นางสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อระงับโทสะภายในหรือเพื่อระงับความกลัวกันแน่ แน่นอนก่อนที่ยอดฝีมือจะลงมือควรจะตั้งสติมั่น ระงับเรื่องที่จะก่อกวนสมาธิต่าง ๆเสีย นางลงมือแล้ว รวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงพริบตาเท่านั้น นางถึงกับชิงกระบี่ได้ในกระบวนท่าเดียว มือที่ถือไม้ยาวก็กระหน่ำลงไปสามทีซ้อน ๆ มือกระบี่น้ำตาทะลักทะลาย มือคล้ำก้นที่โดนหวด ปากก็ตะเบ็งเสียงด้วยความเจ็บปวด "กลับแล้ว โอย กลับแล้ว อูย ไม่เอาอีกแล้ว" สตรีงามเยาว์วัยนั้นยั้งมือ ขว้างกระบี่ทิ้งไปแล้วก็คว้าจับหูมือกระบี่ไว้กล่าวเสียงดังปานฟ้าผ่า "ถึงบ้านต้องอาบน้ำ ทำการบ้านเข้าใจหรือไม่ หากครั้งหน้ายังหนีมาเที่ยวเล่นอีกจะมิได้รับการปราณีเช่นนี้อีก" พลางลากตัวมือกระบี่ออกไปจากที่นั้น ระหว่างทางกลับบ้าน ไม่ทราบผู้ใดขับลำนำเพลงจากที่ไกลตา "เจ้เจ๊กับตี้ตี๋เยาว์วัย ยามเย็นเป็นต้องไล่ตีกัน ตี้ตี๋นั้นเกียจคร้านนัก" โดย: ดาหาชาดา IP: 61.91.176.69 วันที่: 28 ธันวาคม 2548 เวลา:17:23:52 น.
ลงลึกถึงทุกห้วงอารมณ์ ชอบง่ะมันซาบซึ้ง
โดย: ศาลาแดง IP: 118.174.91.74 วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:12:31:20 น.
|
บทความทั้งหมด
|