ทำซะที ! เทคนิคกำจัดอาการ “เดี๋ยว” : ความสำเร็จอยู่ใกล้กว่าที่คิด แค่ไม่พูดว่า "เดี๋ยวค่อยทำ"
31 วิธีเปลี่ยนจาก “เดี๋ยวก่อน” เป็น “เดี๋ยวนี้” เพื่อลิ้มรสความสำเร็จได้ง่าย ๆ
สวัสดีค่ะ วันนี้มีหนังสือใหม่มาฝากกันอีกเช่นเคย
ทำซะที ! เทคนิคกำจัดอาการ “เดี๋ยว”โดย KUME Nobuyuki
แปลโดย ดร.สุลภัส เครือกาญจนา
หมวด การพัฒนาตนเอง
ISBN 978-974-443-413-5
แวะชมรายละเอียดเพิ่มเติม31 วิธีที่จะผลักดันตัวเองให้มี
ความกล้า เปลี่ยนแปลงจากที่เคยเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ
หรือลังเลคิดมากจนลงมือทำอะไรไม่ได้สักที
ให้เป็นคนใหม่ที่ลงมือทำได้ทันทีและทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ได้โดยไม่กลัวความล้มเหลว
--------------------------------------------------------------
คำพูดที่ทุกคนต้องเคยพูดแน่ ๆ คงหนีไม่พ้นคำว่า “เดี๋ยว” จริงไหมคะ
แต่ถ้าเรา “เดี๋ยว” แล้วต้องลงเอยแบบนี้อยู่บ่อย ๆ
“อ้าว ! ไม่ทันแล้วเหรอ ช้าไปแล้วเหรอเนี่ย”
“โธ่ ! คิดเหมือนกันเลย ทำไมเราไม่รีบทำซะก่อนนะ”
“โอ๊ย ! ถ้ารู้อย่างนี้ ตอนนั้นกล้าบอกไปซะก็คงจะดี”คงถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วละค่ะ
หลาย ๆ ครั้งที่เราลังเล คิดมากไปสารพัด จนไม่กล้าลงมือทำอะไร สาเหตุคือแค่กลัว ไม่กล้า กังวลไปล่วงหน้า กลัวสายตาคนอื่น ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่เราแค่ ‘คิดไปเอง’ ทั้งนั้น
หนังสือเล่มนี้จึงแนะวิธีการง่าย ๆ ในการค่อย ๆ ปรับตัวและฝึกเตรียมพร้อมจิตใจผ่าน 31 สถานการณ์ปัญหาใกล้ตัวที่เราต้องพบเจออยู่ทุกวัน
อย่างเช่น ไม่กล้ายกมือขึ้นถามเป็นคนแรก ไม่กล้านั่งแถวหน้าสุด ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่กล้าขอร้องไหว้วานคนอื่น แคร์สายตาคนรอบข้างจนไม่กล้าทำอะไร เสียความมั่นใจเมื่อถูกคัดค้านมาก ๆ ฯลฯ
ซึ่ง บ.ก. คิดว่าหลายๆ คนต้องเคยเจอแน่นอน
มีตัวอย่างจากในเล่มมาฝากกันด้วยค่ะ
ไม่กล้าโต้เถียงกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานถ้าเป็นสถานการณ์นี้ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากและต้องอาศัยความกล้าหาญไม่น้อย ซึ่งในการดึงความกล้าหาญขึ้นมาเพื่อนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ต่อเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานโดยให้มีการกระทบกระทั่งน้อยที่สุด คือให้คิดว่า ข้อเสนอที่เราจะนำเสนอมีประโยชน์กับ 3 ฝ่ายนี้หรือไม่
1. ผู้ซื้อหรือลูกค้าได้ประโยชน์ คือ คิดแทนลูกค้าในกรณีที่บริษัทของเราไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
2. สังคมได้ประโยชน์ คือ ช่วยให้บริษัทไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือทางสังคม
3. ผู้ขายได้ประโยชน์ คือ ช่วยให้บริษัทได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าและสังคม และป้องกันปัญหาที่จะเกิดตามมาในอนาคต
ถ้าข้อเสนอของเราเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 3 ฝ่ายนี้ ก็จะเกิดความกล้าที่จะโต้แย้งพอมองไม่เห็นปลายทาง ก็หยุดเสียกลางคัน อาการที่ล้มเลิกไปก่อนทั้งที่ยังทำไม่เสร็จเพราะคิดว่าไม่ทันแล้ว ก็เป็นอาการหนึ่งที่เห็นได้บ่อย ๆ ในคนที่ดีแต่คิด (พูด) แต่ไม่ลงมือทำ เพราะขาดนิสัยที่จะลงมือปฏิบัติและทำสิ่งนั้นได้อย่างต่อเนื่อง
ในหนังสือเล่มนี้เปรียบเทียบการอดทนทำอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นกับการวิ่งมาราธอนค่ะ ซึ่งในการวิ่งมาราธอนนั้นจะมีคำศัพท์คำหนึ่งที่ว่า Second Wind หมายถึง ภาวะที่มีความสมดุลระหว่างปริมาณความต้องการและปริมาณที่ได้รับออกซิเจนเข้าไป ซึ่งจะทำให้สามารถวิ่งต่อไปได้อย่างสบาย และ Runner High ซึ่งหมายถึง สภาพที่ความรู้สึกยากลำบากขณะที่กำลังวิ่งอยู่หายไปกลายเป็นความรู้สึกสดชื่นสบายแทน
คนที่พอมองไม่เห็นปลายทางก็ล้มเลิกเสียกลางคันนั้นก็เปรียบเสมือนนักวิ่งที่เลิกวิ่งก่อนที่จะไปถึง Second Wind หรือ Runner High นั่นเอง
ดังนั้น
ถ้าตั้งใจจะเลิกทำ ก็ให้ลองอดทนทำต่อไปอีกสัก 5 นาที เพราะถ้าทำต่อไปอีกสักนิด ก็อาจก้าวไปถึงจุดที่จะรู้สึกสนุกจนทำต่อไปได้เรื่อย ๆ ได้แล้วค่ะ
ปิดท้ายด้วยข้อคิดที่ บ.ก. ได้จาก ทำซะทีฯ เล่มนี้ค่ะ
...ถ้าเราลงมือทำทันทีตั้งแต่วันนี้ เราจะเข้าใกล้เป้าหมายไปทีละก้าว ๆ แต่ถ้าเรายังรีรอ ไม่ทำอะไรสักที เราก็จะย่ำอยู่กับที่ ไปไม่ถึงไหนเลย...
=========================================
ข่าวฝากแถมท้ายอีกเรื่องค่ะ อาทิตย์หน้านี้ งานใหญ่ที่คนอ่านหนังสือทุกคนรอคอยก็จะมาถึงแล้ว นั่นคือ งานมหกรรมหนังสือแระดับชาติ ครั้งที่ 16 นั่นเอง
บูธของสำนักพิมพ์อยู่ที่ P17 โซน C1 นะคะ
ดูโปรโมชั่นที่นี่ค่ะ
โปรโมชั่นสำนักพิมพ์ ส.ส.ท. บูธ P17 โซน C1
จะขออนุญาตนำไปทำปกรายงานใช้ภายในของครูได้มั้ยคะ